พลอยยังไม่รู้จักคุณนิดาดีพอ ถึงแม้คุณพ่อจะบอกว่าเธอเชื่อใจได้ แต่เธอก็ไม่กล้ามอบหมายเรื่องทั้งหมดให้อีกฝ่ายทำแทน เธอต้องลงมือเอง และให้เปรมารู้ว่าคนที่ช่วยเหลือเธอจริงๆ ช่วยเธอแก้ไขวิกฤตินี้คือพลอย ไม่ใช่นิดา
“คุณรวินท์ พวกเราเข้าไปตอนนี้ใช่ไหม?”
คุณนิดาถามพลอยออกมา
พลอยปกปิดชื่อจริงของตัวเอง เปลี่ยนชื่อเป็นรวินท์
คุณนิดารู้ว่าเธอมาจากเมืองข้างๆชื่อรวินท์ ส่วนเรื่องอื่นไม่รู้อะไรเลย
แม้แต่แหล่งที่มาพลอยก็ได้เปลี่ยนเป็นที่อื่น
“ไม่เข้าไปแล้ว วันนี้แค่มาดูสภาพแวดล้อมเท่านั้น สภาพแวดล้อมด้านนอกของบริษัทถือว่าใช้ได้เลย”
เปรมาเป็นคนทะเยอทะยาน กล้าที่จะลงทุน ถึงแม้จะเป็นบริษัทที่เพิ่งเปิดได้ไม่นาน สภาพแวดล้อมก็ถือว่าค่อนข้างดีเลยทีเดียว
เมื่อมาถึงหน้าประตูทางเข้าของบริษัทก็มีสวนดอกไม้เล็กๆ ได้ปลูกต้นไม้และดอกไม้ไว้ไม่น้อยเลยทางเดินปูด้วยหินก้อนเล็กๆ ตัดกันตรงกลางสวนมีน้ำพุดนตรีทรงกลม และในบ่อก็ได้เลี้ยงปลาและมีภูเขาปลอมประดับไว้อีกด้วย
เมื่อเดินผ่านสวนดอกไม้เล็กๆ เข้าไปแล้วถึงจะเป็นสำนักงาน สำนักงานไม่สูง มีทั้งหมดห้าชั้นด้วยกัน
เมื่อเดินออกมาจากอาคารสำนักงาน ไปทางซ้าย แล้วเดินไปข้างหลังอีกหน่อย ก็จะพบกับโรงผลิต และคลังสินค้าต่างๆ
มีซุ้มสำหรับพนักงานรักษาความปลอดภัยอยู่ตรงกลางกั้นระหว่างโรงผลิตและอาคารสำนักงาน ส่วนด้านขวามือของซุ้มพนักงานรักษาความปลอดภัยก็จะเป็นหอพักพนักงานและโรงอาหาร ภายในโรงอาหารยังมีห้องสมุดอีกหนึ่งโรงเชื่อมติดกันอยู่ เพื่อให้พนักงานอ่านหนังสือและหนังสือพิมพ์ในเวลาว่าง
ด้านข้างของตึกหอพักพนักงานยังมีสนามบาสขนาดใหญ่สร้างไว้อีกด้วย เวลาว่างสามารถเล่นบาสได้ เพื่อเติมเต็มรสชาติของชีวิต
ไม่พูดไม่ได้เลย ว่าเปรมาลงทุนไปไม่น้อยเลยจริงๆ เพื่อก่อสร้างแผนการธุรกิจที่เป็นของตัวเอง
ไม่น่าแปลกใจเลยหลังจากที่ถูกยศพัฒน์กดดัน เปรมาจึงทรงตัวไม่ไหว ถึงแม้จะรู้ว่ายศพัฒน์เกลียดเธอ ไม่อยากเจอหน้าเธอ ก็ยังต้องหน้าด้านไปหายศพัฒน์ เพื่อขอร้องเขา
น่าเสียดาย ที่เจอเทวิกาในบริษัทบี.เอ.เอ็ม.กรุ๊ป และถูกเทวิกายั่วโมโหโกรธจนต้องรีบกลับไป
“ไม่เข้าไปเหรอ?”
“อืม ไม่รีบ”
เปรมายังไม่ได้ไปหานฤเบศวร์เลย
รอให้เปรมาเจอกับอุปสรรคในบริษัทRA กรุ๊ปก่อน เมื่อกำเนิดมาไม่มีทางเลือกเลย เธอค่อยปรากฏตัว แบบนั้นถึงจะทำให้เปรมายิ่งซาบซึ้งในบุญคุณของเธอ
พลอยมาอย่างกะทันหัน และไปอย่างรวดเร็ว
เปรมาไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าเธอเคยมา
เวลานี้ เปรมาอยู่ในออฟฟิศของผู้จัดการ กำลังระบายความโกรธใส่ผู้บริหารระดับสูงสามสี่คนในนี้ ด่าพวกเขาไม่ได้เรื่อง หาออเดอร์เข้ามาไม่ได้ และเซ็นสัญญาออเดอร์ไม่ได้เลย
“ถ้าปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไป บริษัทของฉันยังไม่ทันได้กำไรก็คงต้องล้มละลายไปก่อน”
เปรมาตบโต๊ะ ใบหน้าที่แต่งหน้าเข้มนั้นมีความกระวนกระวาย และความโกรธอยู่
เธอตีกับกชนิภา ถึงแม้จะใช้น้ำแข็งประคบเป็นเวลานานแล้ว ถ้าไม่แต่งหน้าเข้ม คนอื่นก็จะดูออกได้
“คุณเปรมา ความสัมพันธ์ของคุณกับคุณนฤเบศวร์ดีขนาดนั้น ทำไมถึงไม่ไปขอความช่วยเหลือจากคุณนฤเบศวร์ ถึงตอนนี้แล้ว คนที่สามารถช่วยเหลือเราได้ก็มีแต่คุณนฤเบศวร์ ในเมืองแอคเซสซ์ คนที่กล้าหาเรื่องคุณยศพัฒน์ก็มีแต่คุณนฤเบศวร์คนเดียว”
เมืองAมีบริษัทใหญ่หลายบริษัท นอกจากบริษัทRA กรุ๊ปแล้ว บริษัทใหญ่อื่นๆ ไม่มีบริษัทไหนอยากเป็นศัตรูกับบริษัทบี.เอ.เอ็ม.กรุ๊ป
เปรมาพูดไม่ออก
เธอกำลังรอ รอให้นฤเบศวร์มาหาเธอ
แต่ว่า……
นฤเบศวร์ไม่รู้เป็นอะไร ธุรกิจของเธอกำลังเจอวิกฤติ เป็นไปไม่ได้ที่นฤเบศวร์จะไม่รู้เรื่องเลย?แต่
เขาไม่โทรศัพท์หาเธอเลย และไม่เอ่ยปากช่วยเธอเลย!
หรือว่า เป็นอย่างที่คุณแม่พูดไว้จริงๆ เธอหลอกใช้นฤเบศวร์แบบนั้น สักวันนฤเบศวร์จะโดนถูกเธอหลอกใช้จนช้ำใจ และเดินจากเธอไปเอง?
ไม่ เป็นไปไม่ได้!
นฤเบศวร์รักเธอมาสิบกว่าปี จะทอดทิ้งเธอได้ยังไง?
ต้องเป็นเพราะเขางานยุ่งมากแน่ๆ
แต่ว่าเมื่อก่อนแค่เธอมีปัญหา ไม่ว่าเขาจะงานยุ่งแค่ไหน เขาก็จะหยุดทำงาน แล้วรีบมาหาเธอ แบ่งเบาความกังวลของเธอ สะสางความยุ่งเหยิงให้เธอ และเรียกร้องความยุติธรรมให้เธอ
แต่ครั้งนี้ สองวันแล้วที่เขาไม่ปรากฏตัวต่อหน้าเธอ
เปรมารู้สึกกังวล ในเวลาเดียวกันก็รู้สึกโกรธคุณปู่เร็น ถ้าไม่ใช่เพราะไอ้แก่นั้นเข้ามาแทรก บังคับนฤเบศวร์แต่งงานกับกนกอร นฤเบศวร์คงไม่กลายเป็นแบบนี้ผ่านไปแล้วสองวันแล้วยังไม่มาหาเธออีก
หรือว่าเป็นเพราะกนกอรนางแพศยาคนนั้นรั้งตัวนฤเบศวร์ไว้?
“พอแล้ว พวกคุณออกไปก่อนเถอะ”
เปรมาโบกมืออย่างอารมณ์เสีย ให้ผู้บริหารทั้งหมดออกไป
หลังจากที่พวกเขาออกไปแล้ว เธอเอากุญแจรถออกมา จากนั้นถือกระเป๋าแบรนด์เนมขึ้นมา เพื่อจะไปดูOne Day In Coffeeหน่อย
เพียงแต่……เธอรู้สึกกังวลเล็กน้อย เนื่องจากเทวิกาปากคอเราะราย บวกกับกนกอรที่ไม่กลัวอะไรเลย
เธอคนเดียวไปสู้กับคู่แข่งสองคน คิดว่าคงจะพ่ายแพ้อย่างราบคาบแน่นอน
เมื่อตรึกตรองดูแล้ว เปรมายังคงตัดสินใจไปOne Day In Coffee
ขอแค่เธอไป ไม่ว่าผลจะออกมายังไง กนกอรต้องโทรศัพท์หานฤเบศวร์อยู่แล้ว ถ้านฤเบศวร์รู้ว่าเธอไปที่One Day In Coffee ต้องรีบมาปกป้องเธอแน่ เธอก็จะสามารถไปกับนฤเบศวร์ได้โดยไม่ต้องมีเหตุผลอะไร จากนั้นก็ร้องทุกข์กับนฤเบศวร์ เมื่อนฤเบศวร์ใจอ่อนก็จะช่วยเหลือเธอให้ผ่านวิกฤติไปได้
หลังเที่ยง One Day In Coffeeขายดีมาก ไม่มีที่ว่างให้นั่งเลย
บอดี้การ์ดของตระกูลสาระทากลายเป็นพนักงานเสิร์ฟไปโดยอัตโนมัติ
พิชญ์สินีกับญาณินคุณแม่ทั้งสองเฝ้าที่เคาร์เตอร์เก็บเงิน และเก็บเงินไปอย่างมีความสุข
ส่วนเทวิกากับกนกอรช่วยเชฟทำขนม
สิ่งที่เปรมาเห็นเมื่อเธอเดินเข้าไปในOne Day In Coffeeคือภาพที่ธุรกิจกำลังเฟื่องฟู แต่ก็เป็นภาพที่ให้คนเห็นแล้วรู้สึกเป็นความสุขที่แท้จริง
ธุรกิจของเธอถูกยศพัฒน์กดดันจนทำอะไรก็ไม่ได้
แต่ธุรกิจในร้านของเทวิกาเป็นเพราะมีความสัมพันธ์กับยศพัฒน์ ทำให้ขายดีมาก อย่ามองว่าเป็นแค่ร้านกาแฟ หลักๆ คือขายกาแฟกับขนม ถ้าลูกค้าเยอะ ก็กำไรมากเหมือนกัน
หลังจากที่เปรามาเดินเข้ามา ตั้งใจจะเดินไปที่เคาร์เตอร์เก็บเงินโดยตรง
เธอมองดูรอบๆ ไม่เห็นคู่แข่งสองคนนั้นของเธอ เห็นแต่แม่ของเทวิกานั่งอยู่หน้าเคาร์เตอร์เก็บเงิน ด้านข้างมีหญิงสง่างามวัยกลางคนนั่งอยู่ด้วย ซึ่งเปรมาไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน ไม่รู้อีกฝ่ายคือใคร
“คุณผู้หญิง ไม่ทราบว่าต้องการกาแฟหรือขนมดีครับ?”
เปรมาเพิ่งเดินไปได้สองเก้า ก็ถูกคนเข้ามาขวางไว้
เป็นบอดี้การ์ดของตระกูลสาระทา
นับตั้งแต่ก้าวแรกที่เปรมาเดินเข้ามา บอดี้การ์ดของตระกูลสาระทาก็ค่อยสังเกตเธอแล้ว
สีหน้าที่เปลี่ยนไปของเปรมา และสายตาที่เต็มไปด้วยความเกลียด หลบไม่พ้นสายตาของบอดี้การ์ดตระกูลสาระทาเลย
พวกเขาเป็นบอดี้การ์ดส่วนตัวของประยสย์ ผ่านความเป็นความตายกับประยสย์มาหลายปี สายตาที่มองคนอื่นแม่นยำมาก
ซึ่งบอดี้การ์ดทั่วไปเทียบไม่ได้เลย
“มาใหม่เหรอ?”
เปรมาสำรวจบอดี้การ์ดของตระกูลสาระทาตั้งแต่หัวจรดเท้า จากนั้นหันไปมองบอดี้การ์ดคนอื่นๆ ต่างสูงยาวเข่าดี หน้าตาก็ดี ถึงแม้จะสวมใส่เสื้อผ้าธรรมดา แต่เมื่อมีพวกเขาเป็นเด็กเสิร์ฟอยู่ที่นี่ น่าจะดึงดูดลูกค้าผู้หญิงมาใช้บริการที่นี่ไม่น้อย
เทวิกาใช้หน้าตาของผู้ชายในการทำธุรกิจเหรอ?
คนบ้านนอกช่างไร้ยางอายจริงๆ เพื่อเงิน และเพื่อให้ค้าขายดีขึ้น กลับใช้ผู้ชายในการทำธุรกิจ
“ถือว่าใช่”
บอดี้การ์ดของตระกูลสาระทาตอบออกมา
พวกเขามีหน้าที่ดูแลปกป้องคุณหญิงกับคุณหนูใหญ่ เฝ้าร้านติดตามสองแม่ลูก สำหรับลูกค้าแล้ว พวกเขาถือได้ว่าเป็นเด็กใหม่
แต่ ไม่ใช่พนักงานเสิร์ฟ!
พวกเขาแค่ช่วยคุณหนูใหญ่ทำงานเล็กน้อยเท่านั้นเอง