เมื่อเห็นกนกอรสำลักอย่างรุนแรง โดยสัญชาตญาณนฤเบศวร์ก็อยากจะเข้าไปลูบหลังให้เธอ
แต่เขาเพิ่งจะก้าวออกไปได้ก้าวเดียวก็เห็นทักษอรตบหลังลูกสาวเบา ๆ พลางพูดว่า “ไม่มีใครแย่งกินสักหน่อย แล้วก็ไม่มีใครพูดจาเล่นตลกให้หัวเราะด้วย แค่ดื่มนมถั่วเหลืองจะสำลักได้อีก”
นฤเบศวร์ค่อย ๆ วางเท้าที่เพิ่งจะยกขึ้นลงอย่างเงียบ ๆ
“แม่ หนูไม่เป็นไรค่ะ”
กนกอรสำลักอยู่สักพักกว่าจะดีขึ้น
เธอถือโอกาสตอนที่แม่ไม่ทันสังเกตถลึงตาใส่นฤเบศวร์ไปที
เรียกแม่ได้ยังไง?
ทำเธอตกใจจนเกือบจะสำลักน้ำเต้าหู้ตายแล้ว!
นฤเบศวร์ยอมให้เธอถลึงตาใส่อย่างเงียบ ๆ
แต่ในใจกลับแอบคิดว่า แม่ภรรยาก็เหมือนแม่แท้ ๆ ของเขา เขาก็ควรจะเรียกว่าแม่ไม่ใช่หรอ
สิงที่เขาเคยเรียนรู้มาก็คือแม่ของภรรยาเราต้องเรียกว่าแม่เหมือนกัน!
ถ้ากนกอรได้ยินความคิดในใจของเขา เธอคงจะโกรธเขามากแน่ ๆ
ใครกันที่เป็นคนขอให้เธอใช้ช่วงเวลาในช่วงวัยรุ่นของตัวเองเพื่อตอบแทนบุญคุณเขา
ใครที่บอกว่าแค่แต่งงานกันหลอก ๆ
แล้วใครที่บอกว่าห้ามตกหลุมรักเขา
ในเมื่อเป็นแค่การแต่งงานหลอก ๆ พวกเขาก็ไม่ใช่สามีภรรยากันจริงๆ ฉะนั้นคำเรียกขานแบบนี้สุภาพได้แต่ไม่ควรจะสนิทสนมจนเกินเหตุ
“สวัสดีครับคุณป้า”
รอจนกระทั่งกนกอรไม่ไอสำลักแล้ว นฤเบศวร์ก็กล่าวทักทายอีกครั้ง
เพราะคุณปู่เร็นชอบหลอกคุณปู่ชรัณ แถมยังเกลี้ยกล่อมคุณปู่ชรัณให้เร่งเร้ากนกอะไปนัดดูตัวกับนฤเบศวร์ คนตระกูลภูสิทธ์อุดมก็เลยไม่ค่อยชอบใจตระกูลเดชอุปสักเท่าไหร่
แม้ว่าทักษอรจะไม่ไล่นฤเบศวร์ออกไป แต่เธอก็ไม่ต้อนรับ แถมยังแสดงสีหน้าไม่ยินดียินร้ายอะไร
เธอพูดขึ้นอย่างเฉยเมยว่า “ลมอะไรพัดคุณเบศวร์มาที่นี่ได้ คุณเบศวร์มาที่นี่อยากจะชี้แนะเรื่องอะไรคะ ถ้าไม่มีเรื่องสำคัญไปกว่าดินถล่มฟ้าทลายก็ขอเชิญคุณเบศวร์กลับไปเถอะค่ะ บ้านของพวกเราเล็กเกรงว่าคุณเบศวร์อยู่นานไปแล้วจะอึดอัด”
“คุณป้าครับ วันนี้ไม่มีลมอะไร แล้วก็ไม่กล้าชี้แนะ ผมมาเพื่อจะมาขอบคุณ”
คุณเบศวร์พูดอย่างอ่อนโยนและสุภาพโดยปราศจากมาดของนายน้อยแห่งตระกูลเดชอุปโดยสิ้นเชิง
กนกอรรีบรับประทานอาหารเช้าอย่างรวดเร็ว
นฤเบศวร์ยังคงแอบหวังให้เธอช่วยเขาพูดอะไรสักหน่อย ยิ่งเมื่อเห็นเธอเอาแต่จดจ่ออยู่กับการทานอาหารเช้าแล้วเขายิ่งรุ้สึกหดหู่ใจ
กนกอรที่เดิมทีก็กินอิ่มหนำสำราญแล้วตอนนี้เธอจัดการอาหารเช้าตรงหน้าของตัวเองจนเรียบในสองสามคำ ก่อนจะลุกขึ้นหยิบชามกับตะเกียบเดินเข้าไปในครัวแถมยังใจดีหันมาเตือนแม่ของเธออีกว่า “แม่คะ ผู้มาเยือนย่อมเป็นแขกนะ”
“ไปล้างจานของแกไป”
ทักษอรตอกกลับไหนึ่งประโยค
จากนั้นก็หนักลับไปมองนฤเบศวร์ เมื่อเห็นคนของนฤเบศวร์ต่างถือถุงข้าวของพะรุงพะรัง ทักษอรจึงชี้นิ้วถาม “คุณเบศวร์ นี่มันอะไร”
อย่างกับหอบสิดสอนมาสู่ขอยังไงอย่างนั้น
“แม่ คุณเบศวร์บอกว่าน้องสาวมีบุญคุณช่วยเหลือเขา เขาเลยหอบของขวัญมาขอบคุณที่นี่ แถมยังบอกอีกว่าเรื่องช่วยเป็นเรื่องใหญ่มากด้วย ถ้าน้องสาวไม่ช่วยเขา เขาคงจะไม่เหลืออะไรแล้ว บุญคุณยิ่งใหย่ขนาดนี้ยังไงก็ต้องมาขอบคุณถึงที่บ้าน”
บุญคุณยิ่งใหญ่ขนาดนี้ ไม่ว่ายังไงก็ควรเอาตัวเข้าตอบแทน แต่พอนึกถึงคุณเบศวร์หลงรักหลงใหลเปรมาแล้ว พี่กอล์ฟก็ไม่ได้พูดประโยคนั้นออก
แถมเขายังรู้สึกว่าคุณเบศวร์ไม่คู่ควรกับน้องสาวของเขาด้วยซ้ำ
พี่กอล์ฟว่าพร้อมกับเชิญนฤเบศวร์นั่งลงอย่างมีมารยาท
“แกจะไปทำงานสายอยู่แล้วรีบไปทำงานของแกเลยไป”
คุณปู่ชรัณจ้องหลานชายตาเขม็งและรีบไล่พี่กอล์ฟไปทำงาน ชายชราเดินไปที่มุมห้องหยิบมอระกู่ แล้วกลับมานั่งสูบมอระกู่อยู่ฝั่งตรงข้ามของนฤเบศวร์
ทักษอรสงสัยเดินตามเข้าไปในครัว
เธอวางแผนอยากจะรีดไถคำสารภาพจากลูกสาวของตัวเองในห้องครัว อย่างลูกสาวของเธอเหรอที่จะไปช่วยเรื่องสำคัญของนฤเบศวร์ได้
นฤเบศวร์เห็นว่าคุณปู่ชอบชอบสูบบุหรี่จึงพยายามคลำหาอยากจะหยิบบุหรี่ให้คุณปู่สักซอง แต่พอคลำไปคลำมากลับพบว่าตัวเองไม่ได้พกบุหรี่มาด้วย ส่วนเขาเองก็ไม่ค่อยสูบบุหรี่เท่าไหร่ มีแค่เวลาอารมณ์ไม่ได้ถึงจะสูบบ้างบางครั้ง
เขาหันหน้าไปส่งสัญญาณให้บอดี้การ์ดวางของขวัญลงบนโต๊ะกาแฟ ก่อนจะกระซิบกระซาบสั่งให้บอดี้การ์ดไปที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตข้างนอกเพื่อซื้อบุหรี่สักสองสามมวนมามอบให้คุณปู่
ของขวัญที่เขานำมานั้นจัดเตรียมมาอย่างครบถ้วนสมบูรณ์ มีของทุก ๆ คนในตระกูลภูสิทธ์อุดม แต่เขาไม่ได้เตรียมบุหรี่มา สาเหตุอาจเป็นเพราะเจ้าตัวไม่ค่อยสูบบุหรี่สักเท่าไหร่จนลืมคิดไปว่าในบางสถานการณ์บุหรี่นับว่ามีความสำคัญมากพอสมควร
คุณปู่ชรัณยังคงนั่งสูบมอระกู่โดยไม่สนใจนฤเบศวร์ ซึ่งมันทำให้นฤเบศวร์ที่นั่งอยู่ตรงนั้นอึดอัดไปด้วย
คุณปู่บังคับให้เขามาที่บ้านของตระกูลเลิศธนโยธา เพื่อแสดงตัวตนองตัวเอง ตอนนี้เขามาแล้ว และมาพร้อมกับความรู้สึกอับอายด้วย
คุณปู่ไม่กล้ามาเองเพราะกลัวว่าจะถูกคุณปู่ชรัณไล่ตะเพิดออกไปจากบ้าน ก็เลยผลักภาระให้เขามารับความอับอายนี้แทน
ถ้าเป็นนฤเบศวร์ในเมื่อก่อน เขาคงจะไม่มีทางอยู่ที่นี่นานเกินกว่าวินาทีเดียว
แต่นฤเบศวร์ในตอนนนี้ ทุกครั้งที่รู้สึกอับอายจนอยากจะลุกหนีออกไปเขาก็จะนึกถึงประยสย์ขึ้นมาทันที
ไอ้หน้าขาวนั่นหน้าตาดีพอ ๆ กันกับเขา อีกทั้งยังมีญาติเป็นถึงคุณย่าชนิศาแห่งตระกูลอริยชัยกุลคอยหนุนหลัง แถมยังเป็นพวกมีวิชาการต่อสู้เหมือนกันกับเขา รัศมีรอบตัวไม่ได้ด้อยกว่าเขา แถมเวลาประยสย์คุยกับกนกอรพวกเขาก็จะยิ้มอยู่ตลอด
นฤเบศวร์ได้แต่คิดและเดือดดาลอยู่ในใจ เวลาที่กนกอรคุยกับเขา ถ้าไม่ใช่พูดเยาะเย้ยก็พูดในเชิงเสียดสี
สักพักสองกนกอรกับแม่ก็เดินออกมา
กนกอรยังทำใจดีรินน้ำอุ่นให้เขา และในตอนที่ยื่นแก้วน้ำอุ่นมาให้เขานั้น กนกอรก็เอาแต่กระพริบตาปริบ ๆ ในเขาแล้วพูดขึ้นว่า “ฉันก็แค่เก็บบัตรเครดิตแบล็คการ์ดของคุณเบศวร์ได้แล้วเอาไปคืนให้ก็เท่านั้น การไม่ริบสิ่งของที่ไม่ใช้ของตัวเองก็เป็นคุณธรรมดั้งเดิมของฉันอยู่แล้วด้วย”
นฤเบศวร์แววตาเป็นประกาย
ตอนเขาโกหกเขาก็มีคิด ๆ ว่าจะเอาเรื่องแบล็คการ์ดมาอ้าง คิดไม่ถึงว่ากนกอรก็เอาเรื่องแบล็คการ์ดมาเป็นข้ออ้างด้วยเหมือนกัน
แบบนี้ใช่ความรู้ใจและเชื่อมโยงถึงกันระหว่างคนสองคนหรือเปล่านะ
รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของนฤเบศวร์เล็กน้อย เขาแสดงท่าทางขอบคุณ “ทรัพย์สินทั้งหมดของผมอยู่ในการ์ดใบนั้น ถ้าบัตรหายหรือถูกคนอื่นหยิบไปผมคงไม่เหลืออะไรอีกแล้ว โชคดีที่คุณกนกอรเก็บได้และนำมันกลับมาให้ผม เรื่องนี้ถือว่าช่วยเหลือผมเอาไว้มาก และทำให้ผมไม่ต้องล้มละลายด้วย”
“วันนี้ผมจึงนิ่งของเหล่านี้มามอบให้เพื่อนแสดงความขอบคุณ ซึ่งอาจะเป็นแค่สิ่งของเล็ก ๆ น้อย ๆ ถ้าคุณกนกอรยังขาดหรือต้องการอะไรอีก ก็บออกผมได้เลย ผมจะสนองความต้องการของคุณทันที”
ขณะที่พูดเขาก็เอาแต่เหลือบมองไปที่กนกอรพร้อมรอยยิ้ม จนเกือบจะขยิบตาให้เธอ
เร็วเข้า รีบเอ่ยคำขอของเธอออกมา
ฉันอารมณ์ดีมาก ไม่ว่าจะอะไรฉันจะหามาสนองให้เธอทุกอย่าง
เงินสด รถหรู คฤหาสน์ ตามใจของเธอทุกอย่างเลย
เงินสด รถหรู คฤหาสน์ ตามใจของเธอทุกอย่างเลย
กนกอร : ฉันอยากได้ผู้ชายที่ทุ่มเท หล่อเหลา ใจดี อ่อนโยนมาเป็นสามี แบบนี้คุณพอจะตอบสนองความต้องการของฉันได้หรือเปล่า
นฤเบศวร์ :…เธอคิดว่าฉันเป็นยังไง
ตัดทิ้ง!
ไสหัวให้พ้น!
“ขอบคุณค่ะ แต่ตอนนี้ฉันไม่ขาดเหลือหรือต้องการอะไร”
จู่ ๆ ทักษอรก็ถามขึ้นว่า “แบล็คการ์ด? แบล็คการ์ดของคุณเบศวร์หายได้ยัง แถมยังบังเอิญเป็นอรเป็นคนเก็บได้ แล้วอรรู้ได้ยังไงว่านั่นเป็นแบล็คการ์ดของคุณ ต่อให้แบล็คการ์ดจะหายจริง คุณก็แค่ไปล็อกบัญชีเพื่อลดความเสี่ยงความเสียหายได้ไม่ใช่เหรอ”
นฤเบศวร์…
กนกอร…
คนเป็นแม่นี่หล่อยากจริง ๆ เลย
นฤเบศวร์รีบเหลือบมองกนกอรอย่างรวดเร็ว
ด้านกนกอรก็คิดได้อย่างรวดเร็วและอธิบายว่า “วันนั้นหนูไปทำธุระที่ธนาคาร แล้วบังเอิญเห็นนฤเบศวร์เดินสวนออกมา ตอนนั้นนฤเบศวร์กำลังล้วงหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากางเกง เลยติดแบล็คการ์ดของเขาติดมาด้วยเลยร่วงลงพื้น หนูก็เลยเก็บมาคืนให้เขา”
นฤเบศวร์รีบตามทันที “ใช่ ๆ ๆ ใช่ครับ ตอนนั้นผมไม่รู้ตัวเลยว่าแบล็คการ์ดผมหล่น โชคดีที่คุณกนกอรเก้บได้แล้วเอามาส่งคืน”
ทักษอรมองทั้งสองคนและเธอรุ้สึกว่าทั้งสองคนกำลังโกหก แต่เธอไม่มีหลักฐาน
สุดท้ายก็เธอก็ทำได้เพียงพูดว่า “เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ คุณเบศวร์ไม่ต้องเก็บไปใส่ใจหรอกค่ะ คำขอบคุณของคุณเบศวร์พวกเรารับไว้แล้ว ส่วนสิ่งของพวกนี้ เอากลับไปเถอะค่ะ”