รักนะจุ๊บๆ คุณสามีพันล้าน บทที่ 305 ที่รัก ยกโทษให้ด้วยนะ!
ในระยะไกล ที่ใต้ต้นมะพร้าว เทวิกาพิงร่างสามีไว้ ถือกล้องโทรทรรศน์ มองไปที่คู่หนุ่มสาวบนโคดหิน แล้วพูดกับยศพัฒน์ว่า: “ที่รัก ศัตรูคู่แข่งของคุณกลายเป็นเชลยเพื่อนฉันไปแล้ว ”
ยศพัฒน์ก้มหน้าจูบริมฝีปากเธอ ยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า: “นี่เป็นผลสรุปที่คุณอยากได้ไม่ใช่เหรอ?”
เทวิกาวางกล้องโทรทรรศน์ลง มือข้างหนึ่งคล้องคอเขาไว้ แล้วเริ่มจูบริมฝีปากเขาก่อน
การที่ภรรยาริเริ่มก่อน ยศพัฒน์ไม่มีเหตุผลอำรที่ต้องปฏิเสธอยู่แล้ว จึงลงมือจูบกลับอย่างดูดดื่ม
หลังจากจูบเสร็จ ทำให้ภรรยาที่อยู่ในอ้อมกอดขาหายใจหอบไปเลยทีเดียว ทำให้เขาอยากพลอดรักกับภรรยาอย่างเร่าร้อนขึ้นมา แต่น่าเสียดายที่ประจำเดือนของเธอต้องอยู่กับเธออีกหนึ่งอาทิตย์ถึงยอมจากไป
ยังต้องรออีกสามวัน
นั่นเป็นเพราะห่วงสุขภาพของเธอ เนื่องจากประจำเดือนเพิ่งเสร็จ ร่างกายยังฟื้นฟูกลับมาไม่เหมือนเดิม ถ้าทำอะไรตอนนี้ เธออาจได้รับบาดเจ็บ และกระทบต่อความแข็งแรงของร่างกายอีกด้วย
รักเธอ ก็ต้องให้ร่างกายของเธอได้พักผ่อนบ้าง
ในเมื่ออดทนมาได้หลายวันแล้ว ต้องให้เขารอเพิ่มอีกสามสี่วันเขาก็รอได้
“แต่ไม่รู้ว่าครั้งนี้นฤเบศวร์จะตัดใจจากเปรมาได้หรือเปล่า”
“ดูจากปฏิกิริยาของเขาเมื่อคืนแล้ว ก็สามารถรู้ได้เลยว่าเขาตัดใจจากเปรมาได้แล้ว เขากับเพื่อนรักของคุณช่วงเวลาที่อยู่ด้วยกัน เกิดความห่วยไยเธอขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว เขาน่าจะรู้ความรู้สึกที่มีต่อกนกอรแล้ว”
ยศพัฒน์หยุดไปสักพัก แล้วพูดขึ้นว่า: “เมื่อก่อน ขอแค่เปรมาเกิดเรื่อง สติปัญญาของนฤเบศวร์ก็จะกลายเป็นศูนย์ทันที เหมือนคนบุ่มบ่าม ผมต้องขอบคุณเปรมาด้วย ถ้าไม่ใช่เพราะเธอ การแข่งขันระหว่างผมกับนฤเบศวร์ ผมคงไม่สามารถเป็นผู้ชนะบ่อยครั้งได้”
“ความหลงใหลทำให้คนกลายเป็นบ้าได้ง่าย”
ความรักคือเรื่องที่ทำให้คนกลายเป็นคนโง่ได้ง่ายที่สุด
“ถ้าหากเขาไม่ห่วงใยกนกอร เขาจะไม่สนใจเลยว่ากนกอรไปที่ไหน เป็นเพราะห่วงใยเขาถึงได้โกรธ”
ยศพัฒน์หยิกแก้มเธอเบาๆ “คราวหลังถ้าคุณยังกล้าไปสถานที่แบบนั้นกับพวกเธออีก ไม่มีทางที่ผมจะหยิบขึ้นมาสูงๆ แล้วค่อยๆ วางลงเหมือนเมื่อวันอีก”
เทวิการีบยิ้มเอาใจเขาขึ้นมาว่า: “ไม่กล้า ไม่กล้าแล้ว”
“หึ!”
“ผู้ชายในนั้นไม่มีใครหล่อสู้สามีของฉันได้สักคน และไม่สง่างามเท่าสามีของฉันเลย ปล่อยผู้ชายดีๆ แบบนี้ไว้ไม่มอง กลับไปเที่ยวบาร์โฮส ฉันโง่ครั้งเดียวก็พอไม่มีทางโง่ครั้งที่สองเด็ดขาด ที่รัก ยกโทษให้ด้วยนะ”
ทำทุกอย่างเพื่อความอยู่รอดจริงๆ
“โทรศัพท์เครื่องใหม่ที่ผมซื้อให้คุณข้างในมีรูปถ่ายเซลฟี่ของผมเยอะมาก เวลาที่คุณอยากดูหนุ่มหล่อ ก็หยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วเปิดดูอัลบั้มรูป รับรองคุณได้ดูจนร้อนผ่าวไปทั้งตัวแน่”
ทันใดนั้นเทวิกหยิบโทรศัพท์เครื่องใหม่ออกมาจากกระเป๋ากางเกงทันที “ฉันยังไม่ได้สังเกตว่ามีอัลบั้มรูปใน
โทรศัพท์เลย
มีรูปถ่ายด้วย
ที่รัก มีรูปภาพที่คุณไม่ได้ใส่เสื้อผ้าด้วยใช่ไหม?รูปภาพแบบนั้นดูแล้วถึงจะทำให้ร้อนผ่าวไปทั้งตัว”
ยศพัฒน์: “……คุณเคยดูแล้วไม่ใช่เหรอ อีกอย่าง ผมกลัวว่าถ้าคุณดูแต่รูปภาพแบบนั้น จะทำให้เลือดกำเดาไหลได้”
เทวิกาหัวเราะเสียงดังออกมา
เปิดดูอัลบั้มรูปของสามีที่หล่อเหลาพวกนั้น เธอพูดขึ้นว่า: “ที่รัก คิดไม่ถึงว่าคุณจะร้อนแรงขนาดนี้ รูปภาพพวกนี้ถ่ายได้ไม่เลวเลย ต่อไปฉันมองคุณคนเดียวก็พอ รับรองไม่ไปมองผู้ชายคนอื่นเด็ดขาด”
ขอแค่เขาไม่เอ่ยถึงเรื่องเมื่อคืนอีกก็พอ
“นฤเบศวร์ก็ได้ซื้อโทรศัพท์เครื่องใหม่ให้กนกอรเหมือนกัน”
“แต่ว่า เป็นเพราะเขาเห็นผมซื้อโทรศัพท์เครื่องใหม่ เขาเลยซื้อตามไปด้วย”
ยศพัฒน์พูดเสริมขึ้นมาอีกประโยค
เครื่องเหมือนกัน แต่ราคาแตกต่างกัน
พนักงานในร้านขายโทรศัพท์ต่างเป็นคนงานของตระกูลอริยชัยกุลทั้งนั้น ไม่มีใครกล้าเก็บเงินเจ้าของบ้านอย่างเขา แต่เขาไม่อยากให้คนงานต้องขาดทุน จึงให้ราคาต้นทุนไป
แต่นฤเบศวร์ไม่เหมือนกัน โทรศัพท์เครื่องนั้นอย่างน้อยต้องเอากำไรเขาหมื่นกว่าบาท
ธุรกิจบนเกาะ ปรกติก็เงียบเหงาอยู่แล้ว เพราะเกาะนี้ปรกติไม่เปิดให้คนนอกเข้ามา แต่ถ้าเปิดกิจการก็สามารถทำครั้งเดียวกินได้ถึงสามปีเลย
ทุกเดือนที่เปิดกิจการในห้าวันนั้น ร้านค้าของที่นี่สามารถทำกำไรได้เป็นกอบเป็นกำ
ถ้าไม่ใช่คนงานที่ทำงานกับตระกูลอริยชัยกุลมานาน จะไม่สามารถทำธุรกิจบนเกาะนี้ได้ พวกเขาเป็นคนงานที่จงรักภักดีต่อตระกูลอริยชัยกุล ปู่ย่าตายายของพนักงานบางคนได้เห็นการเติบโตของตระกูลอริยชัยกุลและเมื่อมาถึงรุ่นของพวกเขา สามารถพูดได้เลยว่าทั้งรุ่นปู่จนถึงรุ่นหลานสามยุคสมัยต่างก็ทำงานกันที่ตระกูลอริยชัยกุล
เทวิกยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า: “เขาสามารถทำเพื่อกนกอรถึงขนาดนี้ได้ และยอมให้คุณขุดรีดเงินเขา ถือว่าดีมากแล้ว”
“ตอนแรกฉันเคยพูดไว้แล้วว่าใช้เรื่องราวของพวกเขาทั้งสองคนเป็นเนื้อหาในการเขียนนิยาย สามารถเขียนหนังสือได้เล่มหนึ่งเลย คู่รักคู่กัด ต้องขายดีแน่นอน เดิมทีฉันคิดว่ากนกอรจะเป็นฝ่ายหลงรักอีกฝ่ายก่อนเสียอีก ยังเป็นห่วงกลัวเธอถูกรังแก ตอนนี้ดูแล้วเหมือนนฤเบศวร์เป็นฝ่ายตกลงไปในหลุมก่อน แต่เมื่อเห็นเขาไล่ล่าภรรยาจนกระโดดเข้าไปในกองไฟก็สะใจดีเหมือนกัน”
“ฉันต้องเขียนบันทึกไว้ก่อน รอให้ฉันมีเวลา จะได้เขียนหนังสือเล่มใหม่ เชื่อว่าคนอ่านต้องชอบมากแน่ๆ”
เธอเองก็เป็นคนชอบอ่านนิยายมาก เคยดูนิยายมาแล้วนับไม่ถ้วน สำหรับวิธีการใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันของนฤเบศวร์กับกนกอร แม้แต่เธอเองก็ยังดูมันอย่างสนุก ถ้าใช้เรื่องราวของพวกเขาทั้งสองเขียนเป็นนิยายออกมา คนอ่านต้องชอบแน่นอน
“ความจริงแล้ว ฉันรู้สึกว่าเรื่องราวของพวกเราก็เหมาะที่จะเขียนเป็นนิยายเหมือนกัน……ที่รัก คุณวางใจได้ ฉันไม่เขียนคุณเข้าไปในนิยายแน่นอน คุณเป็นของฉัน!ไม่แบ่งปันคุณให้กับผู้อ่านหรอก!”
ยศพัฒน์ดีดหน้าผากเธอเบาๆ “ขี้เล่นนะ”
เวลานี้ เสียงโทรศัพท์ของเขาดังขึ้นมาทันที
เขาหยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วดูเบอร์โทรที่โทรเข้ามา จากนั้นพูดกับภรรยาที่รักว่า: “อินทัชโทรมา”
“รีบรับเร็ว ดูสิว่ามีข่าวใหม่หรือเปล่า”
เทวิการู้ดีว่าอินทัชคือผู้ช่วยมือซ้ายมือขวาของผู้ชายตัวเองนั่นเอง และได้มอบหมายให้อินทัชไปช่วยตรวจสอบคนที่อยู่เบื้องหลังที่อุ้มตัวเธอไปในตอนนั้นว่าเป็นใคร
ก็คือ เนื่องจากเรื่องราวได้ผ่านมายี่สิบกว่าปีแล้ว ร่องรอยหลายอย่างถูกผู้บงการอยู่เบื้องหลังทำลายสะอาดหมดจดแล้ว จึงทำให้ตรวจสอบได้ยาก
ถึงแม้พี่ชายแท้ๆ ของเธอจะตรวจสอบไปตั้งนานแล้ว แม้จะมีบุคคลน่าสงสัย แต่เนื่องจากไม่มีหลักฐาน จึงยังทำอะไรไม่ได้เลย
สิ่งที่พี่ชายแท้ๆ ของเธอทำได้ ก็คือเหยียบเจนสันของบ้านสามไว้ไม่เพื่อให้ขยับเขยื้อนได้ และไม่ให้เจนสันอยู่ในตำแหน่งที่สำคัญของบริษัท
หลังจากได้พูดคุยกับพี่ชายแท้ๆแล้ว เทวิการู้ดีถ้าเธอกลับไปที่ตระกูลสาระทา ก็ต้องมีศัตรูคู่แข่ง ความรักของคุณย่า เธอไม่อยากไปแย่ง แต่เพื่อแก้แค้นพวกเขาแล้ว เธอจำเป็นต้องแย่ง!
ใช้คำพูดของยศพัฒน์ สิ่งที่อีกฝ่ายยิ่งแคร์ ยิ่งอยากได้ ก็ต้องแย่งมันมา ให้พวกเขาไม่ได้มันไป แบบนั้นถึงจะเป็นการแก้แค้นที่ทรมานคนที่สุด
“อืม อย่ารีบร้อน”
ยศพัฒน์ปลอบใจอารมณ์ของภรรยาที่รัก จากนั้นรับรับโทรศัพท์ของอินทัชขึ้นมา
“บอส พักผ่อนอยู่หล่ะสิ”
น้ำเสียงของอินทัชเต็มไปด้วยคำบ่น
ยศพัฒน์เงียบไปสักพัก แล้วพูดขึ้นว่า: “ถ้าโปรเจคในมือของคุณเสร็จ จะให้คุณพักผ่อนหนึ่งอาทิตย์”
อินทัชยิ้มออกได้ทันที: “ถ้างั้นผมขอขอบคุณบอสก่อนเลยนะ ใช่แล้ว คุณให้วันหยุดผม อย่าให้คุณหนูของตระกูลกิจวณิชกุลคนนั้นรู้เด็ดขาด ผมกลัวเธอมาก”
“เรื่องนี้ ผมไม่พูด แต่ถ้าคุณไม่อยู่บริษัท เวลาที่เธอมาหาคุณที่บริษัท ก็ต้องมีคนบอกเธออยู่ดี”
อินทัช: “……”
“บอส พวกเรามาคุยเรื่องสำคัญกันดีกว่า ผมตรวจเจอเบื้องหลังของสัญญาณแล้ว เธอคือหลานสาวของวรันธรที่อุ้มภรรยาของคุณไปเมื่อยี่สิบสามปีก่อน ตอนนั้นตระกูลภักดิภูมิเมธีถูกพ่อตาของคุณทำให้ล้มละลาย ทำให้คนของตระกูลภักดิภูมิเมธีต้องออกไปจากเมืองซูเพร่า เลยโกรธเกลียดตระกูลสารืะทาอยู่ในใจ”