รักนะจุ๊บๆ คุณสามีพันล้าน บทที่ 569 รักกันมาก
เทวิกาใช้นิ้วมือจิ้มลงไปหน้าอกเขา มืออีกข้างก็ไปลูบใบหน้าของพิรัตน์เบาๆ ด้วยความรัก แล้วพูดขึ้นว่า: “จะเป็นพ่อแม่ที่ดีได้ ยังต้องสะสมประสบการณ์อีกเยอะเลย”
สองสามีภรรยาไม่มีประสบการณ์การเลี้ยงเด็กมาก่อน เพียงแค่คืนเดียว ก็ปล่อยให้เด็กน้อยนอนหนาวไปหลายชั่วโมงเลย
โชคดีที่ประตูหน้าต่างได้ปิดอย่างเรียบร้อย อุณหภูมิภายในห้องสูงกว่าอุณหภูมิข้างนอกเยอะ
“วันนี้พวกเราไปซื้อถุงนอนสำหรับเด็กที่ร้านแม่และเด็กกันดีกว่า ตอนกลางคืนให้เขานอนในถุงนอน จะได้ไม่ต้องกังวลเขาถีบผ้าห่มออก และไม่ต้องกังวลพวกเราม้วนผ้าห่มไปคนเดียวปล่อยให้เขาหนาว”
“อืม”
เทวิกาเห็นด้วยกับข้อเสนอแนะนี้
“เมื่อคืนคุณไปไหน?”
ไม่รอให้ยศพัฒน์ตอบ เทวิกาก็พูดขึ้นก่อนว่า: “อย่าคิดว่าฉันไม่รู้นะ ฉันได้ตื่นมาครั้งหนึ่ง ไม่เห็นคุณอยู่ข้างๆ ลองลูบตำแหน่งข้างๆ ดู ก็เย็นๆ แสดงว่าคุณออกไปข้างนอกนานมาก”
ยศพัฒน์จิ้มไปที่จมูกของเธอเบาๆ แล้วพูดชื่นชมเธอออกมาว่า: “ที่รักของผมฉลาดเหลือเกิน ก็แค่พี่ชายนอนไม่หลับ ชวนผมออกไปเป่าลมเย็นเล่นเป็นเพื่อนเขาแค่นั้นเอง”
“เขาเป็นอะไรเหรอ?”
“น่าจะกลางคืนเวลาเดินช้า กอดหมอนแล้วนอนไม่หลับ จึงคาดเดาฐานะที่แท้จริงของหน้ากากสาวคือใครมั้ง”
เทวิกาได้วาดรูปภาพของหน้ากากสาวออกมาแล้ว และส่งให้พี่ชาย หลังจากที่พี่ชายดูรูปภาพแล้ว ไม่ได้มีความรังเกียจใบหน้าที่เต็มไปด้วยของหน้ากากสาวเลยแม้แต่น้อย
“คงไม่ได้ดื่มเหล้าหรอกนะ?”
เทวิกาไม่ได้เชื่อในสิ่งที่ยศพัฒน์พูด แต่ก็ไม่เปิดโปงเขา
“ไม่ได้ดื่ม ก็แค่เป่าลมเย็นไปนานมากเท่านั้นเอง ผมหนาวเกือบตาย ที่รัก มา มาให้ความอบอุ่นผมหน่อย”
ยศพัฒน์พูดจบก็จะดึงเทวิกาเข้ามากอด
“หม่าม้า”
ก้านขวางคอน้อยที่นอนอยู่ตรงกลางพวกเขาสองคนตื่นขึ้นมาทันที
เขาลืมตาขึ้นก็เรียกหม่าม้าออกมา
มือน้อยทั้งสองข้างขยี้ตาไปมา เมื่อเขามองเห็นชัดเจนว่ายศพัฒน์กำลังกอดเทวิกาอยู่นั้น เด็กน้อยรีบคลานลุกขึ้น และเบียดเข้าไปตรงกลางของสองสามีภรรยา มือข้างหนึ่งดึงเสื้อของเทวิกาไว้ ส่วนมืออีกข้างก็ผลักยศพัฒน์ออก
“หม่าม้า หม่าม้า”
พิรัตน์เรียกเป็นแค่หม่าม้า แต่ผู้ใหญ่ทั้งสองคนต่างฟังเข้าใจความหมายของเขาในตอนนี้
ความหมายของเขาคือหม่าม้าเป็นของเขาคนเดียว!
ไม่ให้หม่าม้าอุ้มคนอื่น
เทวิกาหัวเราะชอบใจแล้วอุ้มพิรัตน์ขึ้นมา พูดกล่อมออกมาว่า: “หม่าม้าอยู่นี่ไง หม่าม้าเป็นของหนูคนเดียว ไม่มีใครแย่งหม่าม้าของหนูไปหรอก”
ยศพัฒน์สีหน้าไม่พอใจ
ถ้าลูกของตัวเองเอาแต่ใจแบบนี้ เขายังสามารถทนได้ แต่เด็กคนนี้เก็บมาจากข้างทาง ไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆ กับเขาเลย ยัง
กล้าแสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของขนาดนี้ ไม่กลัวถูกเขาโยนทิ้งเหรอ?
“วิกา ถ้าพวกเราจะเลี้ยงดูเขา ต้องวางแผนให้ดี หลังจากกินมื้อเช้าเสร็จ พวกเราไม่เพียงแต่ต้องไปซื้อของใช้จำเป็นสำหรับเด็กอีกเยอะแยะ แต่ต้องจ้างพี่เลี้ยงเด็กที่ไว้ใจได้อีกสองคน แล้วให้พี่เลี้ยงเป็นคนดูแลเขา จะได้ไม่ต้องมาแย่งภรรยาของผมไป!”
เทวิกายิ้มแล้วพูดขึ้นว่า: “เขาตัวเล็กแค่นี้เอง แม้แต่เด็กคุณก็หึงเหรอ”
แต่ว่าจำเป็นต้องจ้างพี่เลี้ยงสองคนมาดูแลพิรัตน์จริง
คนใช้ในคฤหาสน์ของตระกูลสาระทา นอกจากป้าอ้อยที่เทวิกาพอจะเชื่อใจได้อยู่บ้างแล้ว คนอื่นๆ เธอไม่กล้าเชื่อใจเลย และไม่กล้าไว้ใจที่จะเอาพิรัตน์ให้พวกเขาดูแล เพราะกลัวจะเกิดอะไรขึ้น
เพราะว่านอกจากพ่อแม่และพี่ชายของตัวเองแล้ว ไม่มีใครเห็นด้วยที่เธอจะเลี้ยงดูพิรัตน์
“หม่าม้า”
พิรัตน์กอดคอของเทวิกาไว้ ออดอ้อนเรียกหม่าม้าออกมา
เสียงเรียกไร้เดียงสานั้นทำเทวิกาจนหัวใจละลาย เธออุ้มเด็กน้อยจูบไม่หยุด ทำให้สามีของเธอหึงหวงจนเกือบเป็นบ้า
……
เมืองแอคเซสซ์
Finnix Villa
เมื่อกนกอรปักดอกไม้เสร็จ เงยหน้าก็เห็นนฤเบศวร์เดินเข้ามาจากข้างนอกพอดี เธอยิ้มแล้วเดินไปหาเขา และถามเขาออกมาว่า: “คุณไปไหนมาเหรอ?”
นึกว่าเขาวิ่งออกกำลังกายอยู่ข้างนอก แต่เมื่อถามลุงปริญ ลุงปริญกลับบอกว่าเขาออกไปข้างนอก
นฤเบศวร์แกล้งถามออกมาอย่างลึกลับว่า: “คุณทายดูสิ”
“ขี้เกียจทาย คุณอยากบอกก็บอก ไม่อยากบอกก็แล้วไป หิวแล้วใช่ไหม ฉันได้เตรียมอาหารเช้าไว้ให้คุณแล้ว”
ฝีมือการทำอาหารของกนกอรสู้ของเทวิกาไม่ได้ เพราะเธอเพิ่งเริ่มเข้าครัวทำกับข้าวเยอะขึ้นช่วงนี้เอง
เธอรู้สึกว่าเธอเป็นภรรยาของนฤเบศวร์ อยากมัดใจผู้ชายก็ต้องมัดใจกระเพาะเขาให้ได้ก่อน ให้เขาห่างจากเธอก็กินข้าวไม่ลง
เธอจึงเริ่มต้นเตรียมอาหารเช้าให้นฤเบศวร์กิน
เพราะไม่ว่ายังไง นฤเบศวร์ก็ไม่เหมือนคนในครอบครัวเธอรังเกียจฝีมือการทำอาหาร บอกว่าเธอทำอาหารไม่อร่อย
ไม่ว่าเธอเตรียมอะไรให้เขา เขากินหมดไม่เคยปฏิเสธ แม้แต่ขนมหวานที่ทำให้เขากิน เขาก็กินหมดอย่างเอร็ดอร่อย ซึ่งทำให้กนกอรภาคภูมิใจมาก และรู้สึกถึงความสุขของการแต่งงาน
“ที่รัก คุณไม่ให้ความร่วมมือกับผมเลย ผมมีอะไรจะเซอร์ไพรส์คุณ”
นฤเบศวร์บ่นภรรยาไม่ให้ความร่วมมือแก่เขา
“วันนี้ทำของอร่อยอะไรให้ผมกินเหรอ?ที่รัก คนใช้ที่บ้านมีตั้งเยอะ คุณไม่ต้องตื่นแต่เช้ามาทำอาหารเช้าให้ผมหรอก ผมกลัวคุณลำบาก คุณนอนนานหน่อยก็ได้ นอนถึงเที่ยงก็ได้ ผมจะรู้สึกดีใจมาก แม่ผมก็เป็นแบบนั้นเหมือนกัน นอนจะพระอาทิตย์ขึ้นถึงจะตื่น”
“ถ้าไม่ใช่เพราะกลัวคุณปู่ผมไม่พอใจ แม่ผมคงถึงเที่ยงเป็นแน่”
นฤเบศวร์รู้สึกว่าภรรยาตัวเองก็ควรใช้ชีวิตอย่างสุขสบายเหมือนแม่เขา เรื่องอื่นไม่ต้องสนใจ แล้วไม่ต้องไปทำ
ถึงแม้แม่ของเขาความคิดจะไม่ทันสมัยเหมือนแม่ของยศพัฒน์ และฉลาดสู้เขาไม่ได้ แต่สำหรับเรื่องค้นคว้าหาความสุข แม่ของเขาทำได้ดีมาก
แม่ของเขาพูดตลอดชีวิตคนเราสั้นนัก ใช้ชีวิตให้ดี มีความสุขทุกวัน ถึงจะได้ไม่เสียชาติเกิด
อีกอย่าง ตระกูลเดชอุปร่ำรวยมาก รู้จักค้นคว้าหาความสุข ถึงจะสามารถใช้ชีวิตแบบราชินีได้
“เดี๋ยวฉันต้องไปที่ร้านอีก ร้านใหม่ปรับปรุงอยู่ฉันต้องไปดูแล คิดถึงช่วงเวลาที่วิกาอยู่เหลือเกิน เธอรู้เรื่องตกแต่งภายใน และรู้ว่าใช้วัสดุอะไรดีที่สุก ไม่เหมือนฉัน ไม่รู้อะไรเลย ทำได้แต่เฝ้าดูคนงานทำงาน”
“โชคดีที่ช่างตกแต่งเป็นคนที่คุณหาให้ และคุณเป็นคนหาคนซื้อวัสดุตกแต่งทั้งหมดให้ฉัน ไม่อย่างนั้นฉันอาจใช้เงินไปแล้วและยังตกแต่งไม่เสร็จแน่เลย ”
“ที่รัก อย่าเพิ่งเปลี่ยนเรื่องคุยสิ”
นฤเบศวน์เดินไปอยู่ด้านหลังกนกอร แล้วกอดเอวเธอมาจากด้านหลัง จากนั้นเอามือทั้งสองข้างของเขาวางไว้บนหน้าท้องของเธออย่างธรรมชาติ
เขาอยากมีลูกเร็วๆเลย
จากนั้น เขาก็จะชนะแซงยศพัฒน์ไป ห่าๆๆ แข่งขันกัยยศพัฒน์มาเป็นเวลานานหลายปี ในที่สุดก็ชนะยศพัฒน์จนได้สักที
“ได้ คุณพูดสิ คุณเตรียมอะไรมาเซอร์ไพรส์ฉันเหรอ?”
รู้ว่ากนกอรไม่อยากทายต่อ นฤเบศวร์จึงจูบลงไปที่แก้มเธอก่อน จากนั้นคลายตัวเธอออก แล้วจูงมือเธอ เดินออกไปข้างนอก พูดขึ้นว่า: “อยู่ข้างนอก”
กนกอรเดินตามเขาไป ยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า: “ของอะไรเหรอ ถึงลึกลับขนาดนี้ หรือว่าในสวนเต็มไปด้วยดอกไม้?”
เมื่อก่อนยศพัฒน์เคยวางดอกไม้ต่างๆ ไว้ในสวน ซึ่งสวยงามมาก เทวิกาได้ถ่ายรูป และลงรูปในกลุ่มเพื่อน ทำให้กนกอรอิจฉาไปช่วงเวลาหนึ่งเลย
รู้สึกว่าฝีมือการเกลี้ยกล่อมภรรยาของยศพัฒน์เก่งกาจมาก ไม่แปลกเลยที่เพื่อนสนิทจะอยู่ในกำมือเขา
“ไม่ใช่ ฤดูกาลนี้มีดอกไม้น้อยมาก แต่ว่าถ้าคุณชอบ ผมก็ทำให้คุณได้”
เตรียมดอกไม้ให้เต็มสวน ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเขา