รักนะจุ๊บๆ คุณสามีพันล้าน บทที่ 605 สงสัยยศพัฒน์
สามารถตัดเทวิกาออกได้ เธอเป็นผู้หญิง ไม่เคยฝึกทักษะต่อสู้ต่างๆ และไม่มีแรงมากพอที่จะตีคุณหญิงรองจนเป็นสภาพแบบนั้น ทว่ายศพันฒ์มีโอกาสมาก
ใบหน้าของป้าอ้อยมืดลง และเธอพูดกับคุณยศกรอย่างไม่เต็มใจว่า: “คุณยศกร คุณหมายความว่าอย่างไร คุณสงสัยในตัวคุณหญิงและคุณชายของเราเหรอ เมื่อคืนที่ผ่านมา คุณพิรัตน์เหนื่อยมากและผล็อยหลับไป คุณหนูงและคุณชายจึงอุ้มขึ้นไปข้างบนแล้วกลับห้องไปพักผ่อน”
“ท่านผู้นำตระกูลเป็นห่วงและขอให้ฉันขึ้นไปดูชั้นบน ฉันเห็นกับตาว่าคุณหนูและคุณชายอยู่ในห้องตลอดเวลาหลังจากที่พวกเขาเข้าไปในห้องแล้ว จนเกิดเรื่องกับคุณหญิงรอง คุณหนูและคุณชายตื่นตระหนกค่อยออกจากห้อง”
“ป้าอ้อย ผมไม่ได้ตั้งใจจะสงสัยวิกา ผมแค่ถามเฉยๆ อย่าตื่นตระหนกไปเลย”
ป้าอ้อยพูดอย่างเย็นชา: “คุณยศกรสงสัยคุณหนูใหญ่ของเราอย่างเห็นได้ชัด แล้วจะไม่ให้ตื่นตระหนกได้อย่างไร ป้าเข้าใจดีว่าหลายคนแสดงความรักต่อคุณหนูใหญ่อย่างผิวเผิน แต่ในใจไม่อยากคุณหนูใหญ่ไม่กลับมา”
“คุณหนูใหญ่ไม่ได้แตะต้องสิ่งของใครเลย เพราะทุกอย่างเป็นของคุณหนูอยู่แล้ว”
มีบางอย่างในคำพูดของเธอ ซึ่งทำให้ใบหน้าของคุณยศกรไม่ดีเล็กน้อย
“โอเคๆ ผมถามผิดเองครับ ผมรู้ว่าวิกาไม่ได้ทำ วิกาไม่มีพละกำลังขนาดนั้น”
“และคุณชายของเราก็ไม่ทำเรื่องน่าละอายแบบนี้เหมือนกันค่ะ เพราะคุณชายของเรามีการศึกษาที่ดีและใจคอกว้างขวาง ตรงไปตรงมา ยิ่งไปกว่านั้นคุณชายเพิ่งกลับมาหาคุณหนูได้ไม่นาน คฤหาสน์หลังใหญ่โตขนาดนี้ เขายังเดินเที่ยวไม่ทั่วเลยแล้วจะคุ้นเคยจนสามารถตีคุณหญิงรองได้ง่ายๆแล้วไม่ให้คนรู้ได้ไงคะ”
“คุณยศกรคะ คุณต้องการสืบสวนก็สืบสวนไป และเป็นเรื่องปกติที่จะสงสัยในตัวพวกเรา แต่คุณก็ควรมีหลักฐานก่อนที่จะถาม ป้าเป็นคนใช้และคำพูดของป้าไม่มีนัยสำคัญ ซึ่งหากถูกคุณชายถามก็ไม่เป็นไรค่ะ ทว่าคุณหนูใหญ่ไม่ใช่คนใช่ หากเข้าใจคุณหนูผิดไป แล้วคุณหนูโกรธจนกลับเมืองแอคเซสซ์ไป มาดูกันว่าท่านผู้นำตระกูลและท่านผู้หญิงจะทำอย่างไรกับคุณ”
คุณยศกร:”……”
เขาแค่สงสัย แต่ไม่ได้บอกว่าเทวิกาและยศพัฒน์เป็นคนทำจริงๆสักหน่อย
“บางทีอาจพูดเพื่อเอาตัวรอดให้ตัวเองพ้นผิด แล้วปัดความผิดให้ผู้อื่น”
ป้าอ้อยพึมพำบางอย่างด้วยเสียงต่ำ ซึ่งทำให้คุณยศกรโกรธมากจนไม่อยากคุยกับเธออีกต่อไป และเดินจากไป
หลังจากที่เขาจากไป ป้าอ้อยออกเสียถุ้ย “คิดว่าคุณหนูใหญ่เป็นเพียงคนอ่อนแอที่พวกคุณจะมาตั้งข้อสงสัยได้เหรอ”
นิสัยของคุณหนูใหญ่นั้นค่อนข้างคล้ายกับคุณหญิง ภายนอกดูอ่อนโยนมาก แต่ในความเป็นจริงแล้วคุณหนูใหญ่นั้นเข้มแข็งกว่าคุณหญิงมาก
หากคุณยศกรกล้าที่จะถามคุณหนูใหญ่ คุณหนูใหญ่จะทำให้คุณยศกรไม่มีที่ยืนอย่างแน่นอน
ฮื้อ!
คุณยศกรกลับไปที่บ้านหลังเล็กของตัวเอง และตรงไปที่ห้องของเขา
หญิงชราและสามีของเธอที่มาหาคุณหญิงสองได้จากไปแล้ว มีเพียงธนภรณ์ที่อยู่กับคุณหญิงสองในห้อง
“พ่อคะ”
เมื่อเห็นพ่อเข้ามา ธนภรณ์ก็ลุกขึ้นและเรียกพ่อของเขา
คุณยศกรตอบเสียงอืมไป
“ที่รัก เป็นอย่างไรบ้าง สืบเจออะไรหรือเปล่า”
คุณหญิงรองถามอย่างร้อนรน
คุณยศกรเม้มริมฝีปากและพูดว่: “เธอคิดว่าจะพบอะไรได้ล่ะ ผ่านมาสิบกว่าชั่วโมงแล้ว แม้ว่ากล้องวงจรปิดจะจับภาพได้ ก็ถูกล้างออกไปแล้ว จะเห็นอะไรได้อีก ไม่เห็นอะไรเลย”
คุณหญิงรองพูดอย่างขมขื่นว่า: “แล้วจะให้ฉันโดนตีฟรีๆงั้นเหรอ ที่รัก เป็นแดนใช่ไหม ต้องเป็นเขาที่ทำร้ายฉันแน่นอน”
ถ้าหาตัวคนที่ทำร้ายเธอไม่ได้จริงๆ เธอก็ต้องหาตัวสำรองที่รับโทษให้ได้ ซึ่งแดนคือตัวสำรองรับโทษที่ดีที่สุด ใครบอกให้แดนเจอเธอที่หมดสติก่อน
“ไม่ใช่แดนแน่”
คุณยศกรกล่าวอย่างแน่นอน
“แล้วเป็นใคร พี่ใหญ่ไม่สนใจและปล่อยให้เราสืบกันเอง ในบ้านนี้ บ้านสองของเรามักจะไม่ทำตัวเป็นจุดสนใจและไม่ค่อยอยู่ในสายตาคนอื่น ถ้าให้เราสืบกันเองจะสืบได้อะไรล่ะ และถึงคนอื่นรู้ความจริงก็ไม่บอกเราหรอก”
บ้านใหญ่เป็นผู้นำตระกูล บ้านสามเป็นน้องเล็กสุด ซึ่งพวกเขาได้รับความรักและการดูแลจากหญิงชรา แต่บ้านสองอยู่ตรงกลาง ไม่มีอำนาจและไม่ประพฤติตนเป็นจุดสนใจ
แม้แต่ลูกของเธอก็ไม่เป็นที่สะดุดตาเหมือนบ้านใหญ่และบ้านสาม
เมื่อตอนญาณินยังเป็นบ้า หลานชายที่ไม่ชอบอย่างประยสย์ยังมีสถานะต่อหน้าหญิงชรามากกว่าลูกๆบ้านสองอย่างเธอ
ประยสย์: ฉันเป็นทายาทผู้นำคนต่อไป บ้านสองอย่างพวกคุณนับประสาอะไร
คุณยศกรรู้อยู่ในใจว่าเป็นเรื่องยากที่จะค้นหาคนที่ทำร้ายภรรยาของเขา
เขาเงียบไม่พูดอะไร
ในความเป็นจริงเขายังคงสงสัยเทวิกาและยศพันฒ์
แต่ป้าอ้อยบอกว่าเทวิกาและยศพันฒ์ไม่ได้ออกมาหลังจากกลับห้องของพวกเขา จนกระทั่งเกิดเรื่องกับคุณหญิงรอง พวกเขาถึงค่อยลงมา
พยายามนึกย้อนทุกสิ่งที่เขาเห็นในห้องกล้องวงจรปิด ดูเหมือนว่าเขาเห็นจริงๆว่าเทวิกาและยศพันฒ์เดินออกจากใจกลางห้องหลัก
นี่เขาสงสัยผิดไปจริงๆเหรอ
ไม่ใช่เทวิกาและยศพันฒ์
สิ่งที่ป้าอ้อยพูดมีเหตุผล
ยศพันฒ์รู้วิชาต่อสู้ และเขาสามารถเอาชนะคุณหญิงรองได้อย่างง่ายดายโดยที่คุณหญิงรองไม่เห็น ทว่ายศพันฒ์มาอยู่ในคฤหาสน์สาระทาได้ไม่นาน ซึ่งคฤหาสน์สาระทาใหญ่ขนาดนั้น หากไม่เคยอาศัยอยู่ในนี้ก็ง่ายที่จะหลงทาง”
ยศพันฒ์และเทวิกาตัวติดกันตลอดทั้งวัน และทุกๆการเคลื่อนไหวของทั้งคู่ก็ถูกจับตามองโดยทุกๆคน พวกเขาดูไม่เหมือนคนที่คุ้นเคยกับตระกูลสาระทาเลย
ไม่ใช่พวกเขา แล้วเป็นใครล่ะ
“พ่อคะ แม่คะ”
จู่ๆธนภรณ์ก็พูดขึ้นว่า: “พ่อคะ เรื่องนี้ไม่ได้ผลลัพธ์อะไรหรอกคะ พ่อไม่ต้องสืบไปมากกว่านี้แล้ว ส่วนแม่ก็คิดซะว่าแค่โดนไปฟรีๆ คราวหลังถ้าเจอเรื่องแบบนี้อีกก็ตะโกนดังๆ อย่าแอบๆมองคนอื่นอีก”
“คนที่ทำร้ายแม่ไม่ได้ตั้งใจจะฆ่าแม่ ไม่อย่างนั้น แม่คงนอนที่นี่ไม่ได้แล้ว”
คู่สามีภรรยาทั้งสองจ้องมองไปที่ลูกสาวของพวกเขา
““ให้แม่โดนทำร้านฟรีๆงั้นเหรอ ภรณ์ แม่แท้ๆของลูกถูกทำร้ายจนบาดเจ็บขนาดนี้ ลูกดูแผลบนหัวแม่สิ หัวแตกเลือดไหลเลยนะ แม่ถูกทำร้ายขนาดนี้ลูกยังบอกให้แม่ยอมๆไป ไม่ต้องสืบต่อไปอีกแล้ว ลูกเป็นลูกแท้ๆของแม่รึเปล่าเนี่ย”
“หนูใช่ไม่ใช่ลูกแท้ๆของแม่ แม่รู้ดีที่สุด หนูจะไปรู้ได้ไงว่าหนูใช่ลูกแท้ๆของแม่รึเปล่า”
ธนภรณ์ไม่โกรธที่ถูกแม่ดุ เธอเถียงแม่ของเธอจนทำให้คุณหญิงสองปวดหัวยิ่งกว่าเดิม
ชี้ไปที่ลูกสาวของเธอละด่าเป็นชุดใหญ่
ทำไมเธอถึงให้กำเนิดลูกสาวแบบนี้ได้นะ แม้แต่ลินน์อายุสิบขวบก็ยังรู้จักแย่งชิงความโปรดปรานเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง ทว่าดูลูกสาวของเธอสิไม่ไปแย่งชิงความโปรดปราน เดิมทีบ้านสองก็ไม่ได้รับความสนใจอยู่แล้ว ลูกสาวยังไม่ไปแย่งชิงความโปรดปรานอีก แล้วจะมีใครมาสนใจเธอล่ะ”
ภายหลังเมื่อหญิงชาราแบ่งทรัพย์สินส่วนตัว ลูกสาวจะได้อะไร
ลูกชาย คุณหญิงรองไม่เป็นห่วงอะไร
ไม่ว่าหญิงชราจะรักเทวิกามากเพียงใด แต่เธอก็ยังมีความคิดแบบเก่าที่รักหลานชายมากกว่าหลานสาว ซึ่งหากหญิงชราแบ่งทรัพย์สมบัติ หลานชายแต่ละคนต้องมีส่วนอย่างแน่นอน ส่วนหลานสาว ถ้าเธอถูกใจใคร เธอก็จะแบ่งมากขึ้น และถ้าไม่โปรดปราน ก็อาจจะไม่ได้อะไรเลย
“พ่อกับแม่ลองคิดดูสิ ลุงใหญ่หนูเป็นผู้นำตระกูล เรื่องนี้เขาควรจัดการ แต่เขาปล่อยให้พ่อสืบเอง ซึ่งนั่นหมายความว่ายังไง พ่อยังไม่เข้าใจอีกเหรอ ลุงอยากให้เรื่องมันผ่านๆไป……”
คนที่ทำร้ายแม่ของเธอต้องเป็นของบ้านใหญ่แน่นอน