รักนะจุ๊บๆ คุณสามีพันล้าน บทที่ 608 จองเป็น
“ในครัวมันร้อน นายออกไปข้างนอกก่อน”
นฤเบศวร์ยืนนิ่ง หลังจากนั้นไม่นานเขาก็เดินตามหลังกนกอรและถอดผ้ากันเปื้อนออก
“นายกำลังทำอะไร”
“อร เธอออกไปนั่งข้างนอกดูทีวีสักครู่หนึ่ง ให้ฉันทำเองเถอะ”
กนกอรทำท่าทีที่สงสัย “นายคงไม่ทำอาหารมืดมนอะไรให้ฉันใช่ไหม”
นฤเบศวร์ยิ้ม “งั้นเดี๋ยวฉันกินก่อน ถ้ามีปัญหาอะไร ก็เป็นฉันที่ตายก่อน”
“อืม ไม่เลวเลย มีความกล้าหาญและมีความรับผิดชอบ สมแล้วที่เป็นผู้ชายของกนกอร งั้นนายทำต่อไปเถอะ ฉันไปดูทีวีและเม้าท์มอยกับวิกาก่อนล่ะ”
กนกอรมอบงานทั้งหมดในมือให้นฤเบศวร์ และออกไปอย่างมีความสุข
เธอยังไปหยิบไอศกรีมจากตู้แช่แข็ง
ใครจะรู้ว่านฤเบศวร์โผล่หัวออกมาจากครัวแล้วพูดกับเธอว่า: “ที่รักที่รัก เธออย่าเพิ่งกินไอศกรีมก่อน”
“ทำไมล่ะ”
“ถ้าเธอมีลูกจริงๆ การกินของเย็นแบบนี้ไม่ดีนะ”
กนกอรยิ้มและพูดว่า: “นายคิดว่ามีก็มีงั้นเหรอ และถึงจะมี กินของเย็นตอนนี้ก็ไม่มีผลอะไร”
นฤเบศวร์ไม่ให้เธอกิน ดังนั้นเขาจึงเดินออกไปและยืนยันที่จะรับไอศกรีมจากมือของเธอ
กนกอร: “…… ก็ได้ๆๆ ตอนนี้ฉันจะไม่กิน อย่างไรก็ตามในบ้านมีฉันคนเดียวที่กินไอศกรีม นายไม่กินเลย”
ซึ่งเธอจะกินตอนไหนก็ได้
พอเขาไม่อยู่บ้าน เธอสามารถกินอะไรก็ได้ที่เธอต้องการ กินวันละหลายครั้งก็ยังได้
นฤเบศวร์เตือนเธอหลายครั้ง พอเธอหมดความอดทน เขาก็กลับไปที่ครัวเพื่อทำอาหาร
กนกอรนั่งลงบนโซฟา หยิบรีโมทคอนโทรลของทีวีใต้โต๊ะออกมาและเปิดทีวี แต่เธอไม่ได้ดูทีวีเป็นเวลานาน จึงไม่รู้มีละครอะไรสนุกๆเลย ดังนั้นเธอเปลี่ยนช่องไปเรื่อยๆ จนมีรายการช่องหนึ่งฉาย《ไซอิ๋ว》 กนกอรถึงค่อยหยุดที่ช่องนั้น
ทีวีซีรีส์ที่เธอชอบดูเมื่อยังเป็นเด็ก พอโตขึ้นเธอยังคงชอบอยู่เช่นกัน เป็นซีรีส์ทีวีที่เธอไม่เคยเบื่อที่จะดูเลย
เมื่อบังเอิญเห็นถุงแท่งตรวจครรภ์ กนกอรก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะอีกครั้ง
ตุนอะไรไม่ตุน แต่ตุนแท่งตรวจครรภ์เนี่ยนะ
หลังจากคิดเรื่องนี้ เธอก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกมา ถ่ายรูปถุงแท่งตรวจครรภ์ แล้วส่งไปที่กลุ่มสี่คนบนวีแชต และถามเพื่อนๆของเธอว่า: “ใครต้องการก็มาเอาที่ฉันเลย ซื้อหนึ่งแถมสอง”
มิลินท์เป็นคนแรกที่ตอบกลับ: “ตอนนี้ฉันไม่จำเป็นต้องใช้สิ่งนี้”
กัญณิศาเพิ่งกลับมาจากเมืองซูเพร่า หลังจากเห็นสิ่งที่กนกอรโพสต์ เธอก็ถามว่า: “กนกอร เธอจะทำธุรกิจขายของออนไลน์เหรอ ทำไมเริ่มขายแท่งตรวจครรภ์ล่ะ ฉันคิดว่าสองสามปีนี้ฉันคงยังไม่ได้ใช้ และถึงเธอจะไม่เก็บเงินส่งฟรีให้ฉัน ฉันยังรังเกียจมันกินพื้นที่เลย”
เทวิกาเป็นคนสุดท้ายที่พูด เธอถามเพื่อนของเธอว่า: “เธอซื้อมาเกินหรือเปล่า”
กนกอรยิ้ง เทวิกายังคงเป็นคนที่รู้จักเธอดีที่สุด เธอตอบเพื่อนๆของเธอว่า: “คนๆนั้นของบ้านฉันมีเงินมากมายจนไม่มีที่ใช่ แม้แต่ไปร้านขายยาไม่ซื้ออย่างอื่นแต่ซื้อแท่งตรวจครรภ์ของร้านมาหมดสต๊อก และเขายังเลือกอันที่แพงที่สุด ของถูกกลัวไม่แม่น”
จากนั้นเพื่อน ๆ ของเธอก็ตอบกลับเป็นอิโมจิ “กุมท้องหัวเราะ”
“กนกอร เธอลองใช้หรือยัง ผลลัพธ์เป็นอย่างไรบ้าง มีเบศวร์ตัวน้อยหรือยัง” หลังจากที่เทวิกาหัวเราะ เธอก็ถามเพื่อนของเธอด้วยความเป็นห่วง
กนกอรตอบว่า: “ถึงมีก็ตรวจพบไม่ได้เร็วขนาดนี้หรอก ครั้งก่อนลินท์ใช้เวลานานแค่ไหนถึงตรวจเจอ”
ในบรรดากลุ่มสี่คน มีเพียงมิลินท์เท่านั้นที่ท้องและยังท้องลูกแฝดด้วย เธอตอบว่า: “ฉันเป็นเพราะประจำเดือนควรมาแต่ไม่มา เลยตรวจดู ไม่คิดว่าจะมีจริงๆ”
กนกอร: “……สองสามวันค่อยลองตรวจล่ะกัน ประจำเดือนของฉันอีกสองวันถึงจะมา และถ้าไม่มา ฉันคงจะถูกรางวัลแล้วล่ะ”
นฤเบศวร์อยากเป็นพ่อคนอย่างสุดใจ ตั้งแต่กลายเป็นคู่แท้ เขาก็กระตือรือร้นอย่างมากในการสร้างคน ซึ่งกนกอรรู้สึกว่าถ้าเธอไม่ถูกรางวัล เธอต้องขอโทษกับการทำงานหนักและการทำงานล่วงเวลาของนฤเบศวร์”
“วิกา เธอกับสามีของเธอวางแผนจะมีลูกกันเมื่อไหร่ ลูกมาเป็นเขยกันเถอะ”
กนกอรถามเพื่อนของเขาอย่างกระตือรือร้นว่า: “ฉันจะให้กำเนิดลูกสาวและเธอให้กำเนิดลูกชาย เราสองคนมาเป็นบ้านเดียวกัน ผู้ชายของตระกูลคุณยศพันฒ์นั้นรักเดียวใจเดียว ซึ่งถ้าฉันมีลูกสาว ฉันจะให้เธอแต่งเข้าตระกูลอริยชัยกุลแน่”
เทวิกายิ้มและพูดว่า: “แล้วถ้าเราทั้งคู่มีลูกชาย หรือเราเป็นลูกสาวทั้งคู่ล่ะ”
มิลินท์ตอบทันทีว่า: “กนกอร วิกายังไม่มีวี่แววเลย แต่ของฉันรู้เรียบร้อยล่ะ ซึ่งตอนนี้ฉันตั้งท้องอยู่แล้วทำไมไม่แต่งกับลูกฉันล่ะ และถ้าลูกคนแรกของเธอเป็นลูกชายก็ไม่เป็นไร ลูกชายฉันรอได้ รอกอีกกี่ก็ไม่เป็นไร เพียงแค่เธอคลอดลูกสาวออกมา ลูกชายของฉันก็ไปเป็นเขยของบ้านเธอเลย เขาก็ถือว่าเป็นทายาทของตระกูลอริยชัยกุลด้วย”
กนกอรหัวเราะฮ่าๆๆ “โอเค งั้นจองบ้านของเธอก่อน แล้วฉันจะส่งไปที่บ้านของเธอหลังจากที่ฉันให้กำเนิดลูกสาวแล้ว ลูกสะใภ้ของใครคนนั้นเลี้ยง”
ทั้งสี่คนหัวเราะ
ทันใดนั้นโทรศัพท์มือถือของกนอรดังขึ้น เป็นแม่ของเธอที่โทรมา ดังนั้นเธอจึงต้องรับสายก่อน
ในไม่ช้าเธอก็เดินเข้าไปในครัวขณะที่ฟังโทรศัพท์ และถามนฤเบศวร์ด้วยเสียงต่ำ: “แม่ของฉันบอกว่าพ่อแม่ของนายโทรหาเธอและบอกว่าพวกเขาจะส่งสินสอดอีกในสองวัน”
นฤเบศวร์ตอบเสียงอืม “ฉันรู้แล้ว ฉันลืมบอกเธอไปว่าตอนนี้ได้เลือกวันแต่งงานแล้ว คือวันที่สิบสองของปฏิทินจันทรคติ ซึ่งยังมีเวลามากกว่าหนึ่งเดือนในการเตรียมตัว ผู้ปกครองทั้งสองจะหารือกันอีกในวันมอมสินสอด และถ้าไม่มีปัญหาอะไรก็กำหนดให้เป็นวันนั้น”
กนกอรบอกแม่ของเธอว่าเธอรู้แล้ว
หลังจากที่แม่ของเธอวางสาย เธอก็กอดเอวของนฤเบศวร์จากด้านหลัง และพูดอย่างมีความสุขว่า: “เรื่องสำคัญและมีความสุขขนาดนี้ นายไม่บอกฉันเลย”
“บอกเธอตอนนี้ก็เหมือนกัน”
“สินสอด นายเตรียมอะไรให้ฉัน”
“ถึงวันนั้นเธอจะรู้เอง”
กนกอรไม่รีบร้อน อย่างไรก็ตามนฤเบศวร์จะไม่ปฏิบัติต่อเธอไม่ดีและครอบครัวของเธอก็จะไม่ปฏิบัติกับเธออย่างไม่ดีเช่นกัน พ่อแม่และพี่ชายเคยบอกว่าไม่ว่าตระกูลเดชอุปจะให้สินสอดมามากแค่ไหน ก็ให้เธอนำกลับตระกูลเดชอุปไป
จากนั้นพี่ชายของเธอก็ออกเงินซื้อรถให้เธอ แม้ว่านฤเบศวร์จะให้รถหรูกับเธอแล้ว แต่พี่ชายส่งให้เธอก็เป็นน้ำใจของพี่ชาย
หลังจากคุยกับพ่อแม่ของเธอ พวกเขาก็ซื้อบ้านให้เธอด้วย แน่นอนว่าตระกูลเดชอุปไม่ได้ขาดบ้าน พ่อแม่คิดว่าพวกเขายกให้เธอและเป็นของเธอคนเดียว แต่ถ้าวันนึงนฤเบศวร์เกิดเปลี่ยนใจและต้องการหย่ากับเธอ ที่บ้านก็มีพี่สะใภ้ ซึ่งถ้าพี่สะใภ้ไม่อยากให้เธอกลับบ้าน เธอก็ยังมีที่ให้พักอาศัยอยู่
คนที่เป็นพ่อแม่ไม่ว่าจะดีหรือไม่ดี ก็มักมองไปไกลและพยายามจัดการปูทางอนาคตให้ลูกสาว
กนกอรไม่ต้องการให้พ่อแม่ของเธอจ่ายเงินจำนวนมาก จึงมอบเงินทั้งหมดที่เธอได้รับจากนฤเบศวร์ให้กับพ่อแม่ของเธอที่ช่วยเธอซื้อบ้าน แต่พ่อแม่ของเธอปฏิเสธ
ตระกูลภูสิทธ์อุดมของพวกเขาไม่ได้ร่ำรวยอะไร แต่ก็ไม่ยากจน ส่งบ้านชุดหนึ่งให้เธอก็ใช่เรื่องยากอะไร และพี่ชายของฉันก็ไม่ขัดข้องอะไร”
“ในครึ่งปีแรก วิกาถูกป้าณินยุให้แต่งงานจนเธอไม่กล้ากลับบ้าน ปีนี้เธอกับฉันแต่งงานกันทั้งคู่แล้ว”