รักนะจุ๊บๆ คุณสามีพันล้าน บทที่ 662 แม่ลูกของบ้านสาม
เธอหวังว่าใครเป็นคนทำคนนั้นก็รับเอง กรรมทั้งหมดที่ทำไปก็ตอบสนองที่ตัวเธอเถอะ อยากไปตกอยู่บนตัวลูกสาวเลย
“แม่”
เจนสันปลอบใจคุณแม่ออกมาว่า: “อย่าไปคิดเรื่องพวกนั้นเลย แม่รักษาตัวเองก่อน พ่อผมก็ปล่อยให้คุณปู่คุณย่าไปตามตัวกลับมาเถอะ ถ้าหากพ่อผมซ่อนตัวอยู่ในตระกูลเลิศธนโยธา ใช้ชีวิตกับพลอยจริง คุณปู่กับคุณย่าไปตามหาเขา ก็เหมาะสมมากกว่า”
“ถึงแม้ตระกูลเลิศธนโยธาจะร้ายกาจแค่ไหน ก็คงไม่กล้าลงมือกับคุณปู่คุณย่าหรอก”
ณิชกานต์ยิ้มเยอะออกมา: “ถ้าหากตระกูลเลิศธนโยธากล้าลงมือกับคุณปู่คุณย่าแก แบบนี้สิถึงสีค่อยมีสีสันหน่อย เจนสัน แกไปช่วยแม่ทำเรื่องออกจากโรงพยาบาลหน่อย แม่ไม่เป็นอะไรมากแล้ว ตอนนี้ก็หายบวมไปเยอะละ แม่กลับไปรักษาต่อที่บ้านดีกว่า”
“แม่ แม่ไม่รอให้ตระกูลเลิศธนโยธามาขอโทษก่อนเหรอ?”
ที่คุณแม่นอนโรงพยาบาลก็เพื่อต้องการบีบให้ตระกูลเลิศธนโยธามาขอโทษ
ณิชกานต์เงียบไปสักพัก แล้วพูดออกมาว่า: “พวกเขาไม่มีทางมาหรอก กฎหมายสัน เธอเป็นความหวังใหญ่ของบ้านเรา พ่อกับแม่อบรมบ่มเพาะแกมาตั้งแต่เด็ก โดยเดินตามเส้นทางของประยสย์มา ถึงแม้เขาจะเป็นทายาทสืบทอดของตระกูล แต่พ่อกับแม่ก็คาดหวังให้แกเก่งกว่า คาดหวังว่า……”
นับตั้งแต่มีลูกชาย สองสามีภรรยาก็คาดหวังอยากให้ลูกชายตัวเองเป็นทายาทสืบทอดแทนประยสย์
เมื่อเห็นไซม่อนไม่ชอบประยสย์ รู้สึกว่าประยสย์อาจถูกยึดตำแหน่งจากทายาทสืบทอดไปได้ตลอดเวลา เธอเคยบอกลูกชายเป็นการส่วนตัวว่าให้ประจบเอาใจคุณลุงใหญ่ ไม่แน่ถ้าลุงใหญ่เกิดโมโหขึ้นมา อาจเปลี่ยนตัวลูกชายลงมาก็ได้ แล้วผลักหลานชายให้ขึ้นไปอยู่ในตำแหน่งทายาทสืบทอดก็เป็นได้
แต่น่าเสียดาย นั่นเป็นความเพ้อฝันของพวกเขาไปเอง
ลูกในไส้ถึงแม้จะไม่ดี แต่ก็ยังเป็นสายเลือดเดียวกัน
หลานชายถึงแม้จะดีก็ไม่ใช่สายเลือดเดียวกัน ถ้าอยู่ในครอบครัวธรรมดา เมื่อลูกในไส้พึ่งพาไม่ได้ คุณคิดว่าหลานชายจะพึ่งพาได้เหรอ?
หลานชายก็มีพ่อแม่ตัวเอง พวกเขาเลี้ยงดูพ่อแม่ตัวเองก็ลำบากมากพอแล้ว ใครจะมีเวลาไปสนใจความเป็นความตายของลุงอีก?
หลังจากรู้ว่าตำแหน่งทายาทสืบทอดของประยสย์ไม่สามารถสั่นคลอนได้ สองสามีภรรยาจึงคิดที่จะแทนที่ของไซม่อน ผลักดันให้ชลขึ้นนั่งตำแหน่งหัวหน้าครอบครัว ต่อมาพลอยเข้ามายุ่ง บ้านสามของพวกเขากับพลอยจึงไปมาหาสู่กันบ่อยมากขึ้น
ยืมอำนาจของตระกูลเลิศธนโยธา ลงมือจัดการประยสย์และน้องสาวไปหลายครั้ง และพยายามขัดขวางไม่ให้เทวิกากลับมาตระกูลอีก
แต่ว่าสุดท้ายก็ล้มเหลว
วันนี้ พลอยกลายเป็นไม้ปั่นขี้ของบ้านสามแล้ว เมื่อมีพลอยอยู่ ไม่เพียงแต่ทำลายความสัมพันธ์ของเธอกับสามี แม้แต่เป้าหมายร่วมกันก็แตกต่างกันไม่เหมือนเดิมอีก
ถ้าเด็กในท้องของพลอยไม่ได้หลุดไปตระกูลเลิศธนโยธาต้องเรียกร้องตำแหน่งหัวหน้าครอบครัวให้ชลแน่ ถ้าเป็นแบบนั้นหัวหน้าครอบครัวรุ่นต่อไปก็จะมีสายเลือดของตระกูลเลิศธนโยธาอยู่ในตัวเด็กด้วย
พลอยไม่มีลูกแล้ว และชลก็ไม่สามารถมีลูกได้อีก ดังนั้นตระกูลเลิศธนโยธาจึงไม่มีทางช่วยชลอีก เจนสันกับน้องชายจึงไม่มีทางได้เปรียบอีกต่อไป
ข้อนี้ณิชกานต์รู้ดีแก่ใจ
“ถึงแม้ว่าสุดท้ายแล้วพ่อกับจะไม่สามารถผลักดันแกขึ้นไปในตำแหน่งนั้นได้ แต่แกก็สร้างอำนาจบารมีไว้ไม่น้อย แกไม่สั่งเกตเห็นอะไรผิดปรกติเลยเหรอ?”
เมื่อเจนสันถูกแม่ถามออกมาแบบนี้ สีหน้าเต็มไปด้วยความสงสัย ความผิดปรกติอะไรเหรอ?
นอกจากเรื่องที่พ่อไม่กลับมาหลายวันหลายคืน มือถือโทรไม่ติด เขาไม่รู้สึกว่ามันมีอะไรผิดปรกติจริงๆ แต่ถึงแม้คุณพ่อจะไม่กลับบ้านหลายวัน ก็ไม่ใช่เรื่องผิดปรกติ เพราะว่าพ่อของเขากลางคืนไม่กลับบ้านมาตั้งนานแล้ว
“พอแล้ว แกไปทำตามที่แม่บอก ช่วยแม่ทำเรื่องออกจากโรงพยาบาลหน่อย แม่จะกลับไปรักษาตัวที่บ้าน ใช่แล้ว ช่วงนี้ลุงใหญ่ของแกยุ่งเรื่องอะไรอยู่เหรอ?”
“ลุงใหญ่ออกไปแต่เช้าและกลับดึกทุกวัน ยุ่งกับงานในบริษัทมั้ง ที่ผมรู้คือเขาไปบริษัททุกวัน และไปที่สาขาบริษัทของบริษัทบี.เอ.เอ็ม.กรุ๊ปเป็นบางครั้ง สาขาบริษัทของบริษัทบี.เอ.เอ็ม.กรุ๊ปเพิ่งก่อตั้งได้ไม่นาน มีลุงใหญ่เป็นผู้ชักนำอยู่เบื้องหลัง ตอนนี้ได้ทำธุรกิจร่วมกันกับบริษัทใหญ่ๆ หลายแห่งของเมืองซูเพร่าแล้ว”
ประโยคข้างหลังที่พูดถึง เจนสันเต็มไปด้วยความอิจฉาและเกลียด
เขาเองก็อยากเปิดบริษัทเอง แต่เขายืนไม่ได้ด้วยตัวเองสักที
ตอนอยู่ที่บริษัทโอเอ กรุ๊ป เวลาที่เขาเดินออกไป ผู้คนต่างแห่กันชิงสิ่งที่ไม่ถูกต้องหรือไม่ถูกทำนองคลองธรรม เวลาที่คุยธุรกิจกับคนอื่น โดยพื้นฐานแล้วฝ่ายตรงข้ามก็จะให้เกียรติเขา เซ็นสัญญากับเขา ร่วมมือทำธุรกิจกับเขา
แต่เมื่อเขาไม่มีความเกี่ยวข้องกับบริษัทโอเอ กรุ๊ปแล้ว ก่อตั้งบริษัททำธุรกิจเอง เพื่อนที่ปรกติเรียกเขาเป็นพี่เป็นน้อง และประธานอาวุโสที่เรียกเขาว่าหลาน ก็ไม่ร่วมมือทำธุรกิจกับเขา ปล่อยให้บริษัทของเขาต้องดิ้นรนเพื่อความอยู่รอดภายใต้การโจมตีของบริษัทขนาดใหญ่มากมายในเมืองซูเพร่า ซึ่งมันลำบากยากเย็นมาก
สุดท้ายก็ต้องปิดบริษัทลง จึงทำให้ทรัพย์สมบัติที่เขามีอยู่ในตอนนี้ มีแต่บ้าน ร้านค้า ถึงแม้จะมีบ้านกับร้านค้า แต่ทำเลที่ตั้งก็เทียบประยสย์ไม่ได้เลย เพราะว่าเขามีเงินสู้ประยสย์ไม่ได้
บ้านที่ประยสย์ครอบครองมีล้วนเป็นคฤหาสน์หลังใหญ่ ของเขามีแต่คอนโด
ร้านค้าของประยสย์อยู่ในทำเลทองหมด ไม่ต้องกลัวว่าจะปล่อยเช่าออกไปไม่ได้ ส่วนของเขาอยู่ในทำเลพื้นที่ห่างไกล ติดป้ายปล่อยเช่าหลายเดือนแล้วก็ไม่มีคนมาสอบถา
ตอนแรกเจนสันนึกว่าตัวเองโชคไม่ดี ตอนหลังถึงรู้ว่า ลุงใหญ่กดทับเขาอยู่ เพื่อไม่ให้เขาเหนือกว่าประยสย์ เขาถุงเข้าใจว่า ไม่ว่าลุงใหญ่จะแสดงท่าทีไม่ดีกับประยสย์ยังไง พวกเขาก็ยังเป็นพ่อลูกสายเลือดเดียวกัน
ลุงใหญ่ช่วยประยสย์ยังถือว่าไม่เป็นไร ตอนนี้ยังมาช่วยยศพัฒน์อีก ยศพัฒน์เป็นแค่ลูกเขยบริษัทบี.เอ.เอ็ม.กรุ๊ปก็ใหญ่มหาศาลพอแล้ว ลุงใหญ่ไม่กลัวเหรอว่าบริษัทบี.เอ.เอ็ม.กรุ๊ปจะใหญ่เหนือกว่าบริษัทโอเอ กรุ๊ป?
ณิชกานต์ฟังออกจากคำพูดของลูกชายว่าเขากำลังบ่น เธอถอนหายใจ แล้วพูดออกมาว่า: “เจนสัน ตอนนี้มีแต่เราสองคนแม่ลูก แม่จะพูดความจริงให้แกฟัง เรื่องที่เทวิกถูกอุ้มไปในตอนนั้น ถึงแม้จะไม่ใช่ฝีมือของพ่อกับแม่ แต่เรื่องราวหลังจากนั้น กลับมีความเกี่ยวข้องกับพ่อและแม่”
“โดยเฉพาะหลังจากที่ตามหาเนตรดาวเจอ พ่อของแกยิ่งอยากเอาชีวิตเธอ เป็นเพราะเธอโชคดี แต่งงานกับยศพัฒน์ก่อน คนที่อยู่ในวงการมาเฟียพวกนั้นไม่กล้ามีปัญหากับตระกูลอริยชัยกุล จึงปล่อยตัวเทวิกาไปโดยพละกาล ไม่งั้น……บ้านเราจะผิดต่อวิกา”
“ลุงใหญ่แกสูญเสียลูกสาวไปยี่สิบกว่าปี วันนี้ตามหาลูกสาวเจอ แถมพาลูกเขยที่เก่งกลับมาด้วยอีกคน ที่เขาลำเอียงให้ลูกเขย ยอมทำทุกอย่างเพื่อให้ธุรกิจของลูกเขยขยายใหญ่ในเมืองซูเพร่า นั้นก็เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลอยู่แล้ว”
สีหน้าของเจนสันดำดิ่งลง
เขารู้ว่าพ่อแม่ของเขาทำเรื่องไม่ได้ลับหลังไว้หลายเรื่อง
“เวลาเปลี่ยนไป ท้องฟ้าของคฤหาสน์ตระกูลสาระทาก็เปลี่ยนไปเหมือนกัน เจนสัน ตอนนี้แม่แค่ต้องการปกป้องชีวิตของลูกสามคนก็พอ เรื่องอื่น แม่ไม่อยากไปคิดแล้ว พอแล้ว แกไปช่วยแม่ทำเรื่องออกจากโรงพยาบาลก่อน แม่อยากกลับบ้านแล้ว”
ภายใต้การคะยั้นคะยอของคุณแม่ เจนสันจึงต้องรีบไปช่วยเธอทำเรื่องออกจากโรงพยาบาล
หลังจากที่ลูกชายออกไปจากห้อง ณิชกานต์ได้หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา แล้วโทรหาไซม่อน
ผ่านไปนานมากกว่าไซม่อนจะรับโทรศัพท์ขึ้นมา
“บ้านสาม มีธุระอะไรเหรอ?”
น้ำเสียงของไซม่อนเย็นชา เขานึกว่าณิชกานต์ต้องการให้เขาช่วยเธอออกหน้า เพื่อเรียกร้องความยุติธรรมกับตระกูลเลิศธนโยธา
“พี่ใหญ่ เดี๋ยวฉันก็จะออกจากโรงพยาบาลแล้ว มีบางเรื่อง และส่งของบางอย่าง ฉันต้องการคุยกับพี่ต่อหน้า และส่งมอบของให้กับมือพี่ด้วยตัวเอง”
ไซม่อนรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ชะงักไปสักพักแล้วพูดออกมาว่า: “ได้”
เขาวางสายของณิชกานต์ลง กำโทรศัพท์อยู่สักพัก ถึงใส่โทรศัพท์เข้าไปในกระเป๋ากางเกง จากนั้นลุกขึ้นเดินออกไปจากออฟฟิศ
ตรึกตรองดูสักครู่ ก็ได้กดสายภายในโทรออก แจ้งรองประธานสามสีคนที่เขาเชื่อใจเข้ามาหาเขาในออฟฟิศ
หลังจากสั่งงานเรียบร้อยแล้ว เขาก็ได้เดินออกมาจากอาคารสำนักงานบริษัทโดยมีบอดี้การ์ดรายล้อมอยู่