รัตติกาลไม่สิ้นแสง (Embers Ad Infinitum) – ตอนที่ 22 ไม่ถึงสิบเมตร

รัตติกาลไม่สิ้นแสง (Embers Ad Infinitum) - ตอนที่ 22 ไม่ถึงสิบเมตร

เจี่ยงไป๋เหมียนคลานอยู่ด้านหลังซากร่างหนักอึ้งของงูเหล็กบึงดำ เธอคอยเคลื่อนเปลี่ยนตำแหน่งอยู่ตลอดเวลาเพื่อป้องกันไม่ให้ศัตรูเล็งเป้าหมายถูก

เธอไม่ได้คิดที่จะอยู่ต่อไปในสภาพนี้ แต่เพราะไม่อาจมั่นใจได้ว่าอีกฝ่ายนั้นพกอาวุธหนักอย่างพวกปืนต่อสู้รถถังหรืออาวุธเจาะทะลวงพาหนะหุ้มเกราะมาด้วยหรือเปล่า เพราะอาวุธพวกนี้แม้ว่ามันจะไม่สะดวกสำหรับคนธรรมดาที่จะพกพา แต่หากมีความช่วยเหลือจากเกราะเสริมแรงแล้ว ของพวกนั้นจะกลายเป็น ‘เบาหวิว’ ไปในทันที

กลิ่นเหม็นฉุนของโคลนและเลือดคลุ้งอยู่ในจมูกของเจี่ยงไป๋เหมียนแต่นั่นไม่ได้ทำให้เธอเสียสมาธิแต่อย่างใด หัวหน้าของ ‘ทีมสำรวจสาเหตุการล่มสลายของโลกเก่า’ ผู้นี้เอียงคอเล็กน้อยราวกับกำลังเงี่ยหูฟังอะไรอยู่

แต่ทว่าด้วยสภาวะการรับรู้เสียงของเธอนั้น ถึงแม้จะมีความช่วยเหลือจากเครื่องช่วยฟัง แต่เธอก็ไม่อาจอาศัยเสียงที่เกิดจากเกราะเสริมแรงเพื่อระบุตำแหน่งศัตรูได้อยู่ดี

เพียงแต่ว่าก่อนหน้านั้น ตอนที่ศัตรูในชุดเกราะเสริมแรงปรากฏให้เห็นในทัศนวิสัย เธอกลับเป็นคนแรกที่สัมผัสได้ถึงความผิดปกติและเป็นคนแรกที่มีปฏิกิริยาตอบสนองทันที ก่อนหน้าไป๋เฉินซึ่งกำลังใช้กล้องที่ติดตั้งกับ ‘เจ้าส้ม’ เพื่อสังเกตบริเวณทิศทางนั้นอยู่จะทันได้ตอบสนองเสียอีก

กระสุนที่ยิงมาต่อเนื่องนั้นทำให้เจี่ยงไป๋เหมียนเคลื่อนไหวได้จำกัด แต่ทว่าเธอราวกับไม่ได้รับผลอะไร เพียงแค่คอยนับการเปลี่ยนแปลงของระยะห่างระหว่างตนเองกับศัตรูอย่างเงียบๆ

ในจังหวะนั้นเอง เธอใช้มือซ้ายหยิบลูกระเบิดสีเขียวแก่ออกมา

เมื่อชายฉกรรจ์ในชุดเกราะเสริมแรงยกปืนยิงระเบิดขึ้นมาและเข้ามาสู่ในระยะหวังผล เจี่ยงไป๋เหมียนก็ใช้ฟันกัดสลักนิรภัยของลูกระเบิดแล้วกระชากออก

จากนั้นใช้แรงจากการบิดเอวเอี้ยวตัว ภายใต้สภาพการณ์ที่ไม่อาจออกห่างจากซากร่างของงูเหล็กบึงดำที่ใช้คุ้มกันตัวเองได้ เธอขว้างระเบิดไปที่เป้าหมายโดยฉับพลันทันที

นอกเหนือจากการสร้าง กักเก็บ และปลดปล่อยกระแสไฟฟ้าแล้ว แขนชีวภาพพลังไฟฟ้าของเธอยังมีพละกำลังเกินกว่ามนุษย์อีกด้วย

การดัดแปลงในลักษณะนี้นั้น ‘ผานกู่ชีวภาพ’ นับได้ว่าเป็นอันดับหนึ่งไม่มีสอง

ตูม!

ลูกไฟปะทุขึ้นแล้วกระจายลุกลามพร้อมกับคลื่นกระแทก กลืนกินพื้นที่บริเวณนั้น

แต่ทว่าชายฉกรรจ์ในชุดเกราะเสริมแรงได้รับการแจ้งเตือนล่วงหน้าก่อนแล้ว เขากระโดดไปด้านหน้าไกลกว่า 20 เมตรก่อนการระเบิดและหลบได้อย่างสมบูรณ์แบบ

ที่จริงแล้วเขาจะไม่หลบก็ได้ ด้วยความช่วยเหลือจากระบบเล็งเป้าความแม่นยำสูงเขาก็มีเวลาเหลือเฟือที่จะใช้ปืนกลมือ ‘พายุฝน’ ยิงลูกระเบิดทิ้งกลางอากาศ แต่เนื่องจากเขาไม่รู้ว่ามันเป็นลูกระเบิดชนิดไหน กลัวว่าจะเกิดเหตุพลิกผัน สุดท้ายจึงเลิกล้มความคิดยืนอยู่กับที่เพื่อทำลายมันทิ้งไปตรงๆ

เจี่ยงไป๋เหมียนสบโอกาส ลุกขึ้นตั้งเข่าชันขึ้นมาข้างหนึ่งด้านหลังซากงูยักษ์

เธอถือปืนพก ‘ยูไนเต็ด 202’ ด้วยมือขวาแล้วยิงใส่เป้าหมายอย่างต่อเนื่อง

ปัง! ปัง! ปัง!

กระสุน 11.18 มม. คำรามออกมาแล้วพุ่งตรงไปยังชายฉกรรจ์ในชุดเกราะเสริมแรง เป้าหมายคือตำแหน่งจุดอันตรายของร่างกายในส่วนที่ไม่มีเกราะป้องกัน

ถึงแม้ว่าจะไม่มีระบบเล็งเป้าความแม่นยำสูงคอยช่วย แต่ทักษะแม่นปืนของเจี่ยงไป๋เหมียนก็ไม่ได้ด้อยกว่าอีกฝ่าย ทำให้ศัตรูไม่มีทางเลือก ได้แต่ต้องอาศัยเกราะเสริมแรงเพื่อหลบหลีกอย่างต่อเนื่องไม่มีเวลาหยุดพัก

นี่ทำให้ชายฉกรรจ์ถึงกับหลั่งเหงื่อเย็นเยียบ เขาไม่อาจทำใจเชื่อได้ว่าคู่ต่อสู้ของเขานั้นยิงทุกนัดไม่มีพลาดเป้า ไม่เปิดโอกาสให้เขายิงสวนกลับได้เลย

นี่ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะว่าเขาสวมเกราะเสริมแรงและมีระบบเตือนภัยรอบทิศอยู่ล่ะก็ เขาคิดว่าตนเองไม่มีทางหลบการโจมตีที่กระหน่ำมาแบบนี้พ้นแน่นอน

นี่มันมือปืนเทพของจริง!

พนักงานของ ‘ผานกู่ชีวภาพ’ ที่ได้รับการปรับปรุงพันธุกรรมทุกคนนั้นล้วนมีทักษะการยิงปืนที่ดี เพียงแต่บางคนแข็งแกร่ง บางคนปานกลาง บางคนด้อย แต่ในบรรดาคนเหล่านั้น เจี่ยงไป๋เหมียนคือเทพในหมู่เทพ ไม่ว่าจะเป็นซางเจี้ยนเย่าหรือหลงเยว่หงก็ล้วนแต่ด้อยกว่าเธอทั้งนั้น

และเธอก็ไม่เคยละเลยการฝึกหนัก

ปัง! ปัง! ปัง!

ในขณะที่เจี่ยงไป๋เหมียนกำลังใช้ ‘ยูไนเต็ด 202’ ยิงกดดันศัตรูในชุดเกราะเสริมแรงอยู่นั้น

ความกังวลเพียงประการเดียวของเธอก็คือกระสุนใกล้หมดแม็กกาซีนแล้ว นี่ไม่เหมือนกับปืนไรเฟิลจู่โจม ‘นักรบคลั่ง’ ไม่สามารถพึ่งพาเทคโนโลยีเพื่อเปลี่ยนแม็กกาซีนได้อย่างไม่สะดุดขาดช่วง ฝ่ายตรงข้ามเองก็ไม่ใช่ศัตรูโดยปกติทั่วไป ถ้าหากเผยช่องว่างแม้เพียงเล็กน้อยก็สามารถโต้กลับได้ทันที ไม่ปล่อยโอกาสให้เธออีกต่อไป

อีกด้านหนึ่งนั้น ขณะที่เสียงคำรามของเครื่องยนต์มอเตอร์ไซค์หนักใกล้เข้ามา ไป๋เฉินก็ย้ายที่ ‘เจ้าส้ม’ ไปอีกด้านแล้วสอดลอดใต้ท้องรถจี๊ป

เธอนั่งยองหันหลังให้หัวรถ ด้านหน้าเธอมีกระจกบานเล็กที่ไม่รู้ว่าวางเอาไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่วางอยู่

กระจกนี้ทำหน้าที่เป็นดั่งกระจกมองหลัง ช่วยให้ไป๋เฉินที่ไม่สามารถโผล่หน้าออกมาได้ ยังพอมองเห็นสถานการณ์ในมุมมองอันจำกัดได้อยู่บ้าง

แล้วไป๋เฉินรีบพูดอย่างรวดเร็ว

“กดดันสองคนนั้นให้ที ต้อนพวกมันไปด้านข้าง!”

พูดจบเธอก็ถอดเสื้อนอกแล้วขว้างขึ้นไปบนอากาศ

ปัง! ปัง! ปัง!

เสื้อสีเทาที่มีลายพรางถูกกระสุนยิงจนพรุน

ไป๋เฉินอาศัยจังหวะนี้กลิ้งไปทางประตูรถแล้วคลานศอกไปคว้าปืนไรเฟิล ‘เจ้าส้ม’ มาอีกครั้ง

วินาทีถัดมาเธอเล็งไปที่ศัตรูที่สวมเกราะเสริมแรงผ่านช่องว่างใต้ท้องรถ แล้วก็ยิงไปที่ข้อเท้าจากมุมที่อีกฝ่ายคิดไม่ถึง

ปัง! ปัง! ปัง!

ชายฉกรรจ์ในชุดเกราะเสริมแรงกำลังคิดจะโต้กลับเจี่ยงไป๋เหมียนก็พลันรู้สึกถึงอันตราย จึงทำได้เพียงแต่หลบต่อไป

“ไม่เลว…” เจี่ยงไป๋เหมียนคิดในใจ รู้สึกพอใจกับความเฉียบแหลม ตัดสินเด็ดขาด และจิตวิญญาณที่กล้าเสี่ยงของไป๋เฉิน

เธอรีบฉวยโอกาสนี้ โยน ‘ยูไนเต็ด 202’ ในมือทิ้งแล้วเปลี่ยนเป็น ‘มอสน้ำแข็ง’ แทน

ด้านหน้ารถจี๊ป ขณะที่ไป๋เฉินยิงสนับสนุนให้เจี่ยงไป๋เหมียนอยู่นั้น ทางซางเจี้ยนเย่าเองก็ปลดเอา ‘นักรบคลั่ง’ ออกมาวางไว้ด้านข้างหลงเยว่หง

“กดดันพวกมันไว้ ต้อนพวกมันไปด้านข้าง!” เขาสำทับไปอีกรอบ

ต้อนมอเตอร์ไซค์ทั้งสองคันไปด้านข้างเพื่อไม่ให้ศัตรูยิงมาที่ประตูรถ ไม่อย่างนั้นกระสุนจะทะลุผ่านประตูรถเข้ามา อาจทำให้ไป๋เฉินที่หมอบอยู่ใต้ประตูบาดเจ็บได้

“ฉัน…” หลงเยว่หงรู้สึกประหม่ากังวลเป็นอย่างมาก

“ยิงซะ!” สีหน้าอารมณ์ของซางเจี้ยนเย่ามีความถมึงทึงเจืออยู่บ้าง

หลงเยว่หงก็ผ่านการฝึกหนักมาแล้ว เขาไม่ลังเลอีกต่อไป ใช้หน้ารถเป็นที่กำบังแล้วเหวี่ยงปืนไปยิงด้านหลังโดยไม่ได้มอง

เสียงปืนกลเบาขนาดเล็กทั้งสองกระบอกพลันเงียบลง เสียงเครื่องยนต์มอเตอร์ไซค์กลับใกล้เข้ามา

หลงเยว่หงอาศัยจังหวะนี้พลิกตัวโผล่ร่างท่อนบนออกมาจากหัวรถแล้วยิงต่อเนื่องเพื่อกดดันศัตรู และต้อนพวกมันไปด้านข้าง นี่จะทำให้เขายิงพวกนั้นจากอีกด้านของรถได้ด้วย

หลังจากที่กระสุนหมด ก็ไม่เสียเวลาเปลี่ยนแม็กกาซีนบรรจุกระสุนใหม่ รีบหยิบปืน ‘นักรบคลั่ง’ ของซางเจี้ยนเย่าขึ้นมาระดมยิงต่อ

เสียงปืนดังระงม ซางเจี้ยนเย่าชักปืนพก ‘ยูไนเต็ด 202’ ออกมา ก้มตัวพุ่งเขาใส่มอเตอร์ไซค์ทั้งสองคันราวกับเสือชีตาร์

หลงเยว่หงไม่คิดว่าซางเจี้ยนเย่าจะบ้าระห่ำเสี่ยงชีวิตแบบนั้น แต่เขาก็ไม่ได้หยุดมือ ยังคงช่วยยิงกดดันคุ้มกันให้ซางเจี้ยนเย่าด้วยดวงตาแดงก่ำ

ปัง! ปัง! ปัง!

สองโจรมือหนึ่งถือปืนกลยิง อีกมือหนึ่งจับแฮนด์มอเตอร์ไซค์เร่งความเร็วพุ่งใส่เขา

ซางเจี้ยนเย่ารีบพุ่งไปข้างหน้าแล้วม้วนตัวหลบกระสุน ฝุ่นฟุ้งกระจายจากกระสุนกระทบพื้นด้านหลังตนเอง

แต่ว่าในตอนนี้มอเตอร์ไซค์ทั้งสองคันเร่งความเร็วเข้ามาใกล้เขาแล้ว อยู่ห่างไปไม่ถึงสิบเมตร

ศัตรูที่สวมหมวกนิรภัยบนมอเตอร์ไซค์คนที่อยู่ใกล้ซางเจี้ยนเย่าที่สุดยกปืนขึ้นเล็งที่เขาอีกครั้ง

ด้วยระยะห่างเพียงนี้แค่นี้ เขามั่นใจว่าซางเจี้ยนเย่าไม่มีทางหลบพ้น

ในจินตนาการของเขานั้นมีภาพเหตุการณ์ต่อจากนี้ปรากฏขึ้นมา :

ท่ามกลางเสียงปืน รถมอเตอร์ไซค์แล่นผ่านไปอย่างรวดเร็ว ร่างของศัตรูกระตุกแล้วล้มลง ร่างกายโชกเลือดแหลกเหลว

ส่วนศัตรูบนมอเตอร์ไซค์อีกคันยิงตอบโต้หลงเยว่หง ไม่เปิดโอกาสให้เขายับยั้งหรือช่วยชีวิตสหาย

หลังจากซางเจี้ยนเย่ากลิ้งหลบแล้วดีดตัวขึ้นเขาก็เห็นปากกระบอกปืนสีดำของปืนกลเบา

ศัตรูในหมวกนิรภัยไม่มีความลังเลที่จะขยับนิ้วลั่นไกปืน

แต่ทันใดนั้นร่างมันก็พลันแข็งทื่อ การเคลื่อนไหวหยุดชะงัก เหงื่อกาฬไหลโชกชุ่มหน้าผากและกลางหลัง

เขาพบว่าตนเองนั้นลืมวิธีเหนี่ยวไกปืน!

การเคลื่อนไหวที่ง่ายดายเช่นนี้ แต่เขากลับไม่สามารถทำได้ ราวกับว่าสูญเสียความสามารถที่จะกระทำเช่นนั้นไปแล้ว!

ทำยังไงถึงจะยิงออกไปได้ ในเวลานี้ภายในหัวสมองของเขาเกิดความคิดไร้สาระขึ้นมา

ช่วงจังหวะนี้ ดวงตาสีน้ำตาลเข้มของซางเจี้ยนเย่าดำมืดกว่าที่เคยเป็น สีหน้าเขาเยือกเย็นขณะที่ยกมือขึ้นมาแล้วเหนี่ยวไกของปืนพก ‘ยูไนเต็ด 202’

ปัง! ปัง! ปัง!

นัดหนึ่งฝังเข้าลำตัว อีกนัดเจาะเข้าลำคอ และนัดสุดท้ายยิงที่มอเตอร์ไซค์

บาดแผลน่าสยดสยองปรากฏขึ้นที่ลำคอของศัตรู เลือดจำนวนมากพุ่งกระฉูดกระเซ็นไปไกล

ร่างกายของมันส่ายโงนเงนก่อนจะล้มร่วงหล่นจากมอเตอร์ไซค์กระแทกพื้นเสียงดัง

รถมอเตอร์ไซค์ไร้คนควบคุมพุ่งไปข้างหน้ากว่าสิบเมตรก่อนจะล้มคว่ำฝุ่นคลุ้งกระจายทำให้พื้นสะเทือนเล็กน้อย

ซางเจี้ยนเย่าไม่ได้หยุดเพียงเท่านี้ ข้อมือขยับเล็กน้อยก่อนเล็งไปที่ศัตรูอีกคนที่กำลังยิงใส่หลงเยว่หง

ปัง! ปัง! ปัง!

กระสุนหนึ่งนัดเจาะเข้าถังน้ำมัน ส่วนอีกสองนัดซ้อนยิงเข้าที่ลำตัวของฝ่ายตรงข้าม

ทักษะการยิงปืนของซางเจี้ยนเย่านั้น ในบรรดาผู้ที่ได้รับการปรับปรุงพันธุกรรมแล้ว เขาจัดอยู่ในระดับกลางของกลุ่มสุดยอด ความแม่นยำเป็นเลิศ

ตูม!

รถมอเตอร์ไซค์ล้มลงกับพื้นแล้วระเบิดขึ้นจากปัจจัยหลายประการ

เปลวเพลิงสีแดงเข้มขนาดใหญ่ลุกโชน ห่อหุ้มทั่วร่างศัตรูที่ขี่รถ เขากรีดร้องกลิ้งไปกลิ้งมาก่อนกระตุกแล้วนิ่งเงียบสงบลง

เมื่อได้ยินเสียงระเบิด ชายฉกรรจ์ที่สวมเกราะเสริมแรงหันไปมอง ดวงตากลายเป็นแดงก่ำ

ซางเจี้ยนเย่าไม่มองเขา รีบวิ่งลนลานแล้วม้วนตัวกลิ้ง กลับไปยังหน้ารถจี๊ป

ชายฉกรรจ์ร้องคำราม ไม่สนใจเรื่องการผลาญพลังงานและภาระร่างกาย เขาเปิดใช้การขับเคลื่อนของเกราะเสริมแรงแบบเต็มพิกัด วิ่งกระโดดแล้วพุ่งเข้าใส่รถจี๊ปโดยไม่สนใจอะไรอีกต่อไปแล้ว

นี่แตกต่างไปจากการเคลื่อนไหวอย่างระมัดระวังก่อนหน้านี้โดยสิ้นเชิง

ปัง! ปัง! ปัง!

เจี่ยงไป๋เหมียนและไป๋เฉินไม่อาจยิงถูกจุดตายของอีกฝ่ายได้ กระสุนทำได้เพียงแค่สร้างรอยขูดไว้ไม่กี่รอยเท่านั้น

ความแข็งแกร่งของเกราะกระดูกเสริมแรงทางทหารนั้นเป็นที่ประจักษ์ได้

โครม!

ชายฉกรรจ์ลอยขึ้นกลางอากาศแล้วตกลงกระแทกฝากระโปรงหน้ารถจี๊ปอย่างรุนแรง จากนั้น ‘ปากกระบอก’ ของทั้งปืนกลมือ ‘พายุฝน’ ปืนยิงระเบิด และอาวุธแม่เหล็กไฟฟ้าก็เล็งใส่ทั้งสามคนที่ก้มอยู่ด้านล่าง

ในขณะเดียวกัน ไป๋เฉิน หลงเยว่หง และซางเจี้ยนเย่า ก็เล็งปืนไปที่เขาเช่นกัน

รัตติกาลไม่สิ้นแสง (Embers Ad Infinitum)

รัตติกาลไม่สิ้นแสง (Embers Ad Infinitum)

Status: Ongoing
ท่ามกลางโลกที่ล่มสลายและภยันตรายที่รายล้อม พวกเขาทั้งสี่ยังคงยืนหยัดเพื่อช่วยเหลือมนุษยชาติให้หลุดพ้นจากความมืดมิดแฟนตาซี-ไซไฟเรื่องใหม่ในบรรยากาศแบบดิสโทเปียจากผู้เขียน ‘ราชันเร้นลับ’ และ ‘ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา’ซึ่งจะพาทุกคนไปผจญภัยในโลกหลังวันสิ้นโลกเมื่อโลกถูกทำลายลง มนุษย์ต้องเผชิญกับภยันตรายรอบด้านทั้งความอดอยาก โรคระบาด การกลายพันธุ์ สัตว์ประหลาดมนุษย์จึงสร้างกองกำลังของแต่ละฝ่ายขึ้น…‘ทีมสำรวจสาเหตุการล่มสลายของโลกเก่า’ หรือ ‘ทีมสำรวจเก่า’สังกัดอยู่ในแผนกความมั่นคงของกองกำลัง ‘ผานกู่ชีวภาพ’ประกอบไปด้วยสมาชิก 4 คนจากต่างที่มาแต่จุดมุ่งหมายของพวกเขามีเพียงหนึ่งเดียวคือการช่วยเหลือเหล่ามนุษยชาติให้อยู่รอดต่อไปด้วยเหตุนี้ภารกิจตามหาสาเหตุการล่มสลายของโลกเก่าเพื่อป้องกันไม่ให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยจึงเริ่มต้นขึ้นท่ามกลางภยันตรายรอบด้านที่รายล้อมเข้ามาเพื่อช่วยมนุษยชาติ ไม่ว่าจะยากลำบากแค่ไหนก็จะไม่ล้มเลิกเป็นอันขาด!

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท