ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า – ตอนที่ 174 ตกลงตามนี้

ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า - ตอนที่ 174 ตกลงตามนี้

ตอนที่ 174 ตกลงตามนี้

ช่วงเวลากลางดึก รับรู้ได้ว่าพายุหิมะสงบแล้ว สรรพสิ่งเงียบสงัด

วันต่อมา แสงอาทิตย์เจิดจ้า แสงสีทองสาดส่อง กระทบทุ่งหิมะจนเลื่อมระยับเป็นประกาย

ม่านประตูถูกแหวกออก ทั้งคณะเดินออกมาจากโรงเตี๊ยมของจุดพักม้า ลมหนาวโชยปะทะใบหน้า

หนิวโหย่วเต้าที่อยู่ใต้ผ้าคลุมกำมะหยี่สีดำยืนค้ำกระบี่อยู่บนบันได ลำตัวยืดตรง กวาดมองไปรอบๆ

เหลยจงคังและอู๋ซานเหลี่ยงเดินออกมาจากทางซ้ายและขวา ไปจูงม้ามา

คนงานในจุดพักม้ากำลังโกยหิมะอยู่ ทำความสะอาดทางเดิน

บนหลังคาก็มีคนกำลังทำการเก็บกวาดหิมะอยู่เช่นกัน มิเช่นนั้นหิมะจะทับจนหลังคาพังถล่มลงมาได้ หิมะก้อนใหญ่ตกกระแทกลงมาที่ใต้ชายคาก้อนแล้วก้อนเล่า

“สุนัขดีไม่ขวางทาง!”

กลุ่มคนที่ได้พบกันเมื่อวานนี้เดินออกมาจากโรงเตี๊ยมจุดพักม้า ชายหนุ่มตุ้งติ้งคนนั้นเปิดปากพูดก็เอ่ยวาจาระคายหู

“คุณชาย!” เผยเหนียงจื่อดึงตัวนาง

หนิวโหย่วเต้าที่หันกลับไปมองหลีกทางให้ ผายมือเชิญพร้อมเอ่ยว่า “คุณหนูเฮ่าเดินระวังด้วย”

ชายหนุ่มตุ้งติ้งแยกเขี้ยวถลึงตาทันที “เจ้าตาบอดหรือไร ผู้ใดเป็นคุณหนูกัน?”

หนิวโหย่วเต้าพยักหน้ากล่าวไปว่า “เช่นนั้นให้ข้ามองท่านเป็นบุรุษดีหรือไม่?”

“พรืด…” เฮยหมู่ตานที่อยู่ด้านข้างกลั้นหัวเราะไม่อยู่ เมื่อวานตอนที่เปิดใจคุยกัน เต้าเหยี่ยคล้ายจะพูดจาทำนองนี้กับนางเช่นกัน

“เจ้า…” ชายหนุ่มตุ้งติ้งยังไม่ทันแผลงฤทธิ์ เผยเหนียงจื่อก็ดันตัวนางออกไป นางถูกดันจนซวนเซถลาลงบันไดไป

“คุณชายหลี่มีมารยาทยิ่ง” เผยเหนียงจื่อประสานมือกล่าววาจา

หลิวเฟิงไห่และไฉเฟยเดินผ่านหนิวโหย่วเต้า ประสานมือคำนับเช่นเดียวกัน

หนิวโหย่วเต้าพยักหน้าตอบกลับไปทีละคน

ม้าถูกจูงมาแล้ว หนิวโหย่วเต้าเดินลงบันไดไป รวบผ้าคลุมกันลม พลิกตัวขึ้นหลังม้า ทั้งกลุ่มทะยานออกไปจากจุดพักม้า เข้าสู่ถนนหลวง มุ่งหน้าไปตามเส้นทางที่มีร่องรอยผู้คนสัญจรผ่าน

“คุณชาย!” เสียงเรียกของเผยเหนียงจื่อแว่วมาจากทางด้านหลัง

พวกหนิวโหย่วเต้าหันกลับไปมอง

ชายหนุ่มตุ้งติ้งควบม้าวิ่งห้อเข้ามา แซงผ่านพวกหนิวโหย่วเต้าไปอย่างรวดเร็ว ยามที่เฉียดผ่านไป ยังพยักเพยิดหน้าท้าทายทางฝั่งนี้ด้วย

นางไม่ยินดีจะตามอยู่ด้านหลังพวกหนิวโหย่วเต้า

พวกเผยเหนียงจื่อทยอยควบผ่านไปทีละคน ไล่ตามชายหนุ่มตุ้งติ้งคนนั้นไป

ในการเดินทางหลังจากนั้น ทั้งสองกลุ่มคล้ายจะมุ่งหน้าไปทางเดียวกัน หันหน้าหันหลังก็มองเห็นกันอยู่ตลอด

กลุ่มที่อยู่ด้านหน้าก็ดูเหมือนจะสังเกตเห็นแล้วเช่นกัน เผยเหนียงจื่อแยกตัวออกมาจากกลุ่มแล้วหยุดลง กระทั่งพวกหนิวโหย่วเต้าไล่ตามมาถึงก็บังคับม้าวิ่งตีคู่กันขึ้นไป เอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม “คุณชายหลี่ นี่กำลังจะไปไหนหรือ?”

หนิวโหย่วเต้าทราบดีว่าอีกฝ่ายอาจจะกำลังสงสัยว่าพวกเขาตั้งใจตามมาหรือเปล่า จึงเอ่ยตอบด้วยรอยยิ้ม “ไปเยี่ยมชมหอหิมะเหมันต์”

เผยเหนียงจื่อร้องอ้อ กล่าวขึ้นว่า “ที่แท้ก็ไปทางเดียวกัน”

หนิวโหย่วเต้าถามกลับ “พวกท่านก็จะไปหอหิมะเหมันต์หรือ?”

เผยเหนียงจื่อมองไปด้านหน้า บุ้ยปากไปข้างหน้า “คุณหนูออกมาท่องเที่ยวเป็นครั้งแรก เคยได้ยินเรื่องหอหิมะเหมันต์ แต่ไม่เคยเห็นมาก่อน ต้องการไปเยือนอย่างยิ่ง จะไปดูให้ได้”

หนิวโหย่วเต้าพยักหน้ารับ เอ่ยถามว่า “ในเมื่อไปทางเดียวกัน เช่นนั้นก็ไปด้วยกันเลยเป็นอย่างไร? พวกท่านเป็นยอดฝีมือ พวกเราจะได้พลอยอาศัยบารมีไปด้วย ได้คนคอยช่วยดูแล”

เผยเหนียงจื่อหัวเราะร่วน กล่าวไปว่า “เมื่อวานคุณชายหลี่เลี้ยงอาหารแล้ว ข้าก็คิดจะตอบแทนน้ำใจส่วนนี้อยู่พอดี แต่ข้าไม่สามารถปิดปากคุณหนูเอาไว้ได้ตลอด ขอเพียงคุณชายหลี่รับได้ ข้าก็ไม่คัดค้าน”

หนิวโหย่วเต้าทราบดีว่านางหมายถึงปากคอเราะร้ายของชายหนุ่มตุ้งติ้งผู้นั้น เขาหัวเราะเสียงดังพลางเอ่ยว่า “เรื่องเล็กน้อยเท่านั้น ไม่ควรค่าให้กังวล ทำเป็นไม่ได้ยินเสียก็พอ”

ทั้งกลุ่มเดินทางไปบนหิมะ ระหว่างทางไล่ตามขบวนรถขบวนหนึ่งจนทัน รถแต่ละคันบรรทุกกองฟางเอาไว้ เมื่อสอบถามดูจึงทราบว่าจะขนไปส่งตามจุดพักม้าที่อยู่ตามรายทางข้างหน้า

ตกดึกวันนั้น ทั้งกลุ่มเข้าพักในจุดพักม้าแห่งหนึ่ง

จุดพักม้าแห่งนี้เป็นจุดพักม้าแห่งสุดท้ายในเส้นทางที่จะมุ่งหน้าไปยังหอหิมะเหมันต์ ต่อจากนี้ไปจะไม่มีถนนแล้ว ล้วนเป็นยอดเขาหิมะทั้งสิ้น ม้าไม่สามารถสัญจรได้ ต้องทิ้งไว้ที่นี่

หลังจากเข้าพักไปได้ครู่หนึ่ง เผยเหนียงจื่อก็มาหาหนิวโหย่วเต้าที่ห้อง เคาะประตูแล้วเปิดเข้าไป

หนิวโหย่วเต้าเชิญนางเข้ามานั่ง หลังจากเผยเหนียงจื่อเข้ามากลับไม่มีท่าทีว่าจะนั่งลง เอ่ยอธิบายประโยคหนึ่งว่า “คุณหนูของข้าคนนั้น พื้นฐานนิสัยหาได้เลวร้ายไม่ ปากแข็งใจอ่อน เรื่องราวบางอย่างหวังว่าคุณชายหลี่จะไม่เก็บมาใส่ใจ”

หนิวโหย่วเต้าถามด้วยความแปลกใจ “พี่สาวมาเพื่ออธิบายเรื่องนี้อย่างนั้นหรือ?”

เผยเหนียงจื่อลังเลเล็กน้อย ยิ้มเจื่อนแล้วกล่าวว่า “จะว่าอย่างไรดีล่ะ ข้ามองออกว่าคุณหนูกำลังอึดอัดใจอยู่ แต่ในเมื่อได้ลั่นวาจาออกไปแล้ว นางไม่มีทางยอมเสียหน้า แต่ว่าตัวนางก็นับว่าเกลี้ยกล่อมได้ง่าย…ในเมื่อหมูตุ๋นน้ำแดงนั่นเป็นสูตรลับเฉพาะ ข้าเองก็ไม่สะดวกจะร้องขอ จึงอยากขอรบกวนทางคุณชายหลี่ช่วยทำให้อีกสักที่ได้หรือไม่ ข้าจะนำไปส่งให้นาง เดี๋ยวข้าจะบอกว่าข้าเป็นคนทำเอง มิเช่นนั้นก็ไม่ทราบว่านางจะโวยวายไปอีกนานแค่ไหน”

หนิวโหย่วเต้าเข้าใจเจตนาของนางแล้ว หัวเราะแล้วตอบว่า “ในเมื่อพี่สาวเอ่ยปากถึงขนาดนี้ ย่อมไม่มีปัญหา อีกสักครู่หากทำเสร็จแล้วจะไปแจ้งให้พี่สาวทราบ”

เผยเหนียงจื่อปราะสานมือกล่าวขึ้นว่า “ถ้อยคำตามมารยาทอันใดข้าจะไม่กล่าวแล้ว วันหน้าหากคุณชายหลี่มีโอกาสไปเยือนเมืองหลวงแคว้นฉี หากลองสอบถามย่อมหาตัวข้าพบ เมื่อถึงเวลานั้นข้าจะตอบแทนในฐานะเจ้าบ้านอย่างเต็มที่! ”

วาจานี้ของอีกฝ่ายนับเป็นการเผยความเป็นมานิดหน่อยแล้ว แววตาหนิวโหย่วเต้าวูบไหวเล็กน้อย ถามหยั่งเชิงประโยคหนึ่ง “พี่สาวรู้จักจั่วอันเหนียนหรือไม่?”

“คุณชายหลี่หมายถึงใต้เท้าจั่วอันเหนียนที่ขณะนี้ออกปฏิบัติงานด้านการทูตในแคว้นจ้าวหรือ?” เผยเหนียงจื่อเอ่ยออกไป กระทั่งตัวเองก็ยังตะลึงไปเล็กน้อยเช่นกัน

หนิวโหย่วเต้าพยักหน้าเล็กน้อย

เผยเหนียงจื่อกะพริบตาปริบๆ เอ่ยว่า “เคยได้ยินมาบ้าง ทว่าไม่คุ้นเคยกัน”

หนิวโหย่วเต้ายิ้มออกมา “พี่สาวโปรดรอสักครู่ ข้าจะให้คนไปจัดการเดี๋ยวนี้”

ดวงดาวส่องสกาวทั่วนภาอันหนาวเหน็บ สาวน้อยที่ฟุบตัวอยู่ริมหน้าต่างมองนภายามราตรีอย่างเหม่อลอย ผีเสื้อจันทรากระพือปีกอยู่ภายในห้อง แสงอ่อนละมุนกะพริบวูบไหว

เสียงเคาะประตูดังขึ้นมา เผยเหนียงจื่อผลักประตูเดินเข้ามา ในมือถือชามใบใหญ่เอาไว้ใบหนึ่ง แล้วก็ยังมีสุราอีกกาหนึ่งด้วย

หลังจากวางของลง ก็เอ่ยเรียก “คุณชาย มีของอร่อยนะเจ้าคะ ลองชิมดูสิเจ้าคะ”

“ยังจะมีของอร่อยอันใดได้อีก…” ชายหนุ่มตุ้งติ้งเอ่ยพึมพำ แต่ปีกจมูกกลับขยับอย่างรวดเร็ว หันหน้ากลับมา มองเห็นสิ่งที่อยู่ในชามที่วางอยู่บนโต๊ะ จึงหมุนตัวเดินเข้ามาดู พลันสะบัดหน้าเอ่ยดูแคลนทันที “ข้าไม่กินของที่พวกเขาทำ เว้นเสียแต่พวกเขาจะมาอ้อนวอนขอให้ข้ากิน!”

เผยเหนียงจื่อยิ้มไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก นึกในใจ อีกฝ่ายยอมทำให้เจ้ากินก็ดีแค่ไหนแล้ว เจ้ายังคิดจะให้อีกฝ่ายมาอ้อนวอนขอให้เจ้ากินอีกหรือ? คนที่สามารถควักเงินจำนวนมากขนาดนั้นออกมาได้ง่ายๆ จะยอมลดตัวทำเช่นนั้นหรือ? นางถอนหายใจเอ่ยไปว่า “คุณชาย ข้าไปขอเรียนรู้เคล็ดลับมาจากพวกเขา เข้าครัวทำด้วยตัวเอง อยากให้ท่านช่วยชิมแล้ววิจารณ์หน่อยว่าฝีมือข้าเป็นอย่างไรบ้างเจ้าค่ะ”

ชายหนุ่มตุ้งติ้งยกสองมือไพล่หลัง เม้มริมฝีปากอิ่ม เอ่ยอย่างยโสโอหังว่า “เรียนอะไรไม่เรียน ไปเรียนสิ่งนี้ทำไม? ช่างเถอะ จะให้เจ้าเหนื่อยเปล่าก็ใช่ที่ ข้าจะลองชิมให้แล้วกัน”

เผยเหนียงจื่อเลื่อนเก้าอี้ไปไว้ด้านหลังนาง

ชายหนุ่มตุ้งติ้งนั่งลง หยิบตะเกียบขึ้นมาคีบเนื้อชิ้นหนึ่ง มองซ้ายพินิจขวาอยู่สักพัก แล้วถึงจะเอาใส่ปากอย่างช้าๆ หลังจากลองเคี้ยวดูสองสามคำก็หยุดไม่ได้อีก คีบกินชิ้นแล้วชิ้นเล่า ขณะที่กินอย่างเพลิดเพลินก็คว้าเอากาสุราที่อยู่ด้านข้างมาเทกรอกปาก เมื่อสุราไหลออกมาก็เงยหน้าอ้าปากรับ ดื่มด่ำเปรมปรีดิ์!

ผ่านไปไม่นาน หมูตุ๋นน้ำแดงชามใหญ่ก็หมดเกลี้ยง

“เอิ้ก!” ชายหนุ่มตุ้งติ้งวางกาสุราลง ลูบท้องพลางเรอออกมา

“รสชาติก็งั้นๆ แหละ!” ชายหนุ่มตุ้งติ้งเอ่ยอย่างดูแคลน

เผยเหนียงจื่อกลับถอนหายใจกล่าวไปว่า “ข้ายังคิดจะให้พวกเขาสองคนลองชิมฝีมือข้าด้วย เหตุใดถึงกินจนหมดเกลี้ยงเลยล่ะเจ้าคะ?”

ด้วยเหตุนี้ ชายหนุ่มตุ้งติ้งคล้ายจะเพิ่งสังเกตเห็นว่าเนื้อในชามถูกตนกินไปจนหมดแล้ว พลันมีท่าทางประดักประเดิด ใบหน้าแดงเรื่อ มุ่ยปากที่มันย่องเอ่ยว่า “เมื่อคืนถูกคนพวกนั้นยั่วโมโหจนไม่ได้กินอะไร ก็เลยหิวนิดหน่อย เจ้าไปทำมาใหม่อีกชามก็จบเรื่องแล้ว” คำพูดนี้พอเอ่ยออกมา กระทั่งตัวเองก็ยังรู้สึกผิดเช่นกัน

“ช่างเถอะเจ้าค่ะ แม้แต่คุณชายก็ยังบอกว่าไม่ได้เรื่อง ต่อไปไม่ทำแล้วดีกว่า” เผยเหนียงจื่อเอ่ยทิ้งท้าย ก่อนจะเก็บข้าวของแล้วเดินออกไป

“เอิ้ก!” ชายหนุ่มตุ้งติ้งที่เรอออกมาอีกครั้งแลบปลายลิ้นที่แดงเรื่อเลียริมฝีปากไปมา จากนั้นปลายลิ้นก็เลียวนรอบฝีปากที่อวบอิ่มอีกครั้ง เลียซ้ำไปซ้ำมา ท่าทางคล้ายยังหวนนึกถึงรสชาติเมื่อครู่ไม่รู้จบ

…..

เช้าวันรุ่งขึ้น ทั้งสองกลุ่มนัดหมายไว้ว่าจะออกเดินทางด้วยกัน เมื่อออกจากโรงเตี๊ยมของจุดพักม้า พวกเผยเหนียงจื่อหันมองไปทางพวกหนิวโหย่วเต้า

เห็นพวกหนิวโหย่วเต้านำหมวกหนังของคนงานในจุดพักม้ามาด้วย เป็นหมวกที่ใช้สวมใส่ในเขตพื้นที่ที่มีหิมะโดยเฉพาะ

หมวกคลุมปิดใบหู บดบังใบหน้า เผยให้เห็นเพียงดวงตา มีช่องหายใจบริเวณปากและจมูก

ชายหนุ่มตุ้งติ้งเบะปากอย่างดูแคลน แต่วันนี้เหมือนจะอารมณ์ดีขึ้นไม่น้อย ตลาดทางไม่ได้พูดอะไรแปลกๆ เลย

ทั้งสองฝ่ายมารวมกลุ่มกันอีกครั้ง จากไปพร้อมกัน ออกจากจุดพักม้า กระโจนผ่านทุ่งหิมะ ทะยานไปตามยอดเขาที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ

สภาวะของชายหนุ่มตุ้งติ้งค่อนข้างต่ำ หนิวโหย่วเต้าประเมินว่าน่าจะแค่ระดับหลอมปราณ แต่ยังคงดื้อรั้นยิ่ง ไม่ยอมรับความช่วยเหลือจากเผยเหนียงจื่อ ทำให้ทุกคนต้องปรับความเร็วให้เข้ากับนาง

ผ่านไปเกือบหนึ่งชั่วยาม ทุกคนเหินทะยานมาถึงยอดเขาลูกหนึ่ง มองเห็นแม่น้ำเชี่ยวกรากสายหนึ่งอยู่ด้านล่างภูเขา

ในเขตพื้นที่ที่มีหิมะจับตัวเช่นนี้ การที่แม่น้ำไม่จับตัวเป็นน้ำแข็งนับว่าหาได้ยากนัก ที่น่าแปลกยิ่งกว่านั้นคือในหุบเขาขนาดใหญ่แห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ทางต้นน้ำกลับไม่มีหิมะปกคลุมเลย รอบข้างโอบล้อมด้วยหิมะ มีเพียงภายในหุบเขาแห่งนั้นที่ไม่มีหิมะทับถมเลยแม้แต่นิดเดียว มีผู้คนสัญจรไปมาประปราย บนยอดเขาหิมะที่อยู่รอบข้างมีเงาร่างมนุษย์โฉบไปมาเป็นครั้งคราว

ปลายอีกด้านของหุบเขามีป่าทึบเขียวชอุ่มปรากฏให้เห็นรางๆ เป็นพื้นที่สีเขียวที่อยู่ท่ามกลางโลกหิมะขาวโพลน มีสายรุ้งตัวหนึ่งพาดผ่านเหนือหุบเขา

เผยเหนียงจื่อชี้ออกไปพลางอธิบายว่า “คุณชาย ที่นี่ก็คือหอหิมะเหมันต์เจ้าค่ะ พื้นที่เขียวชอุ่มที่อยู่สุดปลายด้านนั้นคือที่พำนักของเสวี่ยลั่วเอ๋อร์ประมุขหอหิมะเหมันต์ ได้ยินว่าตำหนักวิมานที่อยู่ด้านในนั้นงามวิจิตรเป็นอย่างยิ่ง แต่ข้าก็ไม่เคยเห็นเช่นกันเจ้าค่ะ”

ชายหนุ่มตุ้งติ้งเอ่ยด้วยความตื่นเต้น “งามวิจิตรมากเลยหรือ? ในเมื่อมาแล้ว เช่นนั้นก็ต้องไปเยี่ยมชมสักหน่อย ไปดูหน่อยว่างดงามแค่ไหนกัน”

สีหน้าเผยเหนียงจื่อพลันคร่ำเคร่ง เอ่ยว่า “คุณชาย พูดเหลวไหลแบบนั้นไม่ได้นะเจ้าคะ สถานที่แห่งนั้นมิใช่ว่าใครนึกจะเข้าก็เข้าไปได้ ท่านเองก็ไม่อาจก่อเรื่องวุ่นวายได้เช่นกัน หากเกิดเรื่องขึ้นมาผู้ใดก็ช่วยท่านไม่ได้นะเจ้าคะ”

ชายหนุ่มตุ้งติ้งเม้มปาก นางเพียงแค่พลั้งปากไปด้วยความตื่นเต้นชั่วขณะเท่านั้น นางเองก็ทราบแก่ใจดีเช่นกันว่าสถานที่แห่งนั้นเป็นอาณาเขตของหนึ่งในเก้ายอดคนของโลกนี้ นางไม่อาจไปล่วงเกินได้ กระทั่งอิทธิพลที่อยู่เบื้องหลังตนก็ไปล่วงเกินไม่ได้เช่นกัน

หนิวโหย่วเต้าที่มีหมวกปิดบังใบหน้าเอ่ยขึ้นมาว่า “หากคุณชายอยากเข้าไปดูจริงๆ ข้าคิดหาทางให้ได้”

ชายหนุ่มตุ้งติ้งหันมามอง เอ่ยอย่างดูแคลน “อย่างเจ้าน่ะหรือ?”

หนิวโหย่วเต้าเอ่ยยิ้มๆ “เอาอย่างนี้ไหม พวกเรามาเดิมพันกันเป็นอย่างไร? เดิมพันกันหนึ่งล้านเหรียญทอง! แน่นอน หากท่านไม่มีเงินติดตัวมากขนาดนั้น ก็เขียนสัญญาค้างชำระไว้ได้”

เผยเหนียงจื่อหมดคำพูด ช่างพูดเรื่องที่ไม่สมควรพูดขึ้นมาแท้ๆ ไม่ง่ายเลยกว่าคุณหนูของพวกเราจะคลายโทสะลง เจ้าเอาอีกแล้วหรือ?

ชายหนุ่มตุ้งติ้งเอ่ยด้วยความโกรธ “คิดว่าข้าจะกลัวคนที่ปิดหน้าปิดตาไม่กล้าเจอผู้คนอย่างเจ้าเรอะ ได้ ข้าจะเดิมพันกับเจ้า!”

ครั้งนี้เผยเหนียงจื่อกลับไม่ได้คัดค้าน นางสบตากับหลิวเฟิงไห่และไฉเฟยแวบหนึ่ง ต่างมีความรู้สึกสงสัยฉายอยู่ในดวงตา หากว่าแพ้เดิมพันครั้งนี้จริงๆ หากจ่ายหนึ่งล้านเหรียญทองแล้วทำให้คุณชายได้เข้าไปเยือนวิมานที่วิจิตรงดงามแห่งนั้นได้สักครั้งก็นับว่าคุ้มค่า กลับไปก็ไม่ใช่ว่าจะอธิบายไม่ได้

หนิวโหย่วเต้าพยักหน้า กล่าวว่า “ดี ตกลงตามนี้!”

พวกต้วนหู่มองหน้ากันเหลอหลา เงินที่ทุกคนมีอยู่รวมกันแล้วเหมือนจะถึงหนึ่งล้านเหรียญทองเช่นกัน

เฮยหมู่ตานโอดครวญอยู่ในใจ เต้าเหยี่ยคิดจะวาดภาพอีกแล้วกระมัง?

หลังจากกำหนดเดิมพันแล้ว ทุกคนทะยานลงเขาไป มุ่งหน้าสู่หุบเขากว้างใหญ่แห่งนั้น

…………………………………………………………

ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า

ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า

Status: Ongoing
ใต้หล้ากว้างใหญ่…จะลมก็ดี จะฝนก็ช่าง ไม่มีอะไรจะขวางข้าได้!นิยายแปลกำลังภายในเลือดเดือดร้อยเล่ห์กล พระเอกฉลาดมากไหวพริบ ฉากบู๊มันสะใจ!เมื่อปรมาจารย์แห่งการขุดสุสานผู้หลงใหลในการบำเพ็ญเพียรได้หลุดเข้าไปในยุคสมัยโบราณอันวุ่นวายเพราะไฟสงครามด้วยโชคชะตาวาสหนาหนุนนำ ทำให้เขาได้รับสุดยอดเคล็ดวิชาและต้องฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆ นานา เพื่อสยบใต้หล้าเอาไว้ในกำมือ!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท