ตอนที่ 224 ปัญหาใหญ่
แน่นอน เขาเองก็ไม่ได้คิดจะช่วยเหลือสองพี่น้องคู่นั้นจริงๆ ไม่ใช่ญาติสนิทมิตรสหายเสียหน่อย ไม่รู้จักกันเลยด้วยซ้ำ ไหนเลยจะมีจิตใจดีถึงขั้นให้คนเสี่ยงภัยไปช่วยเหลือได้ หากแต่เป็นเพราะเขารู้ดีว่าต่อให้มณฑลเป่ยโจวตกอยู่ในมือของสองพี่น้องคู่นั้นก็ไม่มีอะไรน่ากังวล
แต่เขายังคงมีคำพูดประโยคหนึ่งที่อยากจะพูด ศัตรูที่เก่งกาจไม่น่ากลัว ที่น่ากลัวคือการร่วมงานกับคนโง่!
แล้วก็ทำให้เขาจำต้องทอดถอนใจออกมาอีก “สามแม่ลูกอาศัยอยู่ในจวนผู้ว่าการมณฑล ทว่าเซ่าผิงปอนึกอยากฆ่าก็ฆ่าได้ทันที จากจุดนี้เห็นได้ว่าเจ้านั่นวางกำลังแทรกซึมลึกเข้าไปในจวนผู้ว่าการมณฑล ลึกมากกว่าที่พวกเราคาดการณ์ไว้ แล้วก็คงจะลึกเกินกว่าที่เซ่าเติงอวิ๋นจะจินตนาการได้เช่นกัน ไม่อย่างนั้นเซ่าเติงอวิ๋นไม่มีทางปล่อยให้สามแม่ลูกต้องถูกทำร้ายง่ายๆ แบบนี้แน่ เพราะถึงอย่างไรสองคนนั้นก็เป็นบุตรชายแท้ๆ ของเขา ดังนั้นการที่เซ่าผิงปอสามารถสังหารสามแม่ลูกได้ง่ายๆ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร”
หยวนฟางมีสีหน้ากระจ่างขึ้นมาในทันใด ค่อยๆ พยักหน้า จากนั้นเอ่ยถามด้วยความฉงนอีกครั้งว่า “ในจดหมายกล่าวว่าหลังเกิดเรื่องขึ้น ถังอี๋ที่ปกติสามารถเข้าพบเซ่าผิงปอได้ทุกเมื่อได้ไปขอเข้าพบเซ่าผิงปอเพื่อสอบถามถึงสถานการณ์ แต่กลับกลายเป็นว่าไม่ได้พบ หรือว่าเซ่าผิงปอจะตกที่นั่งลำบากเข้าแล้วขอรับ?”
หนิวโหย่วเต้าโบกมือ “ก็เป็นเพราะว่าถังอี๋ไม่ได้เจอเขาเนี่ยแหละ มันถึงได้สมเหตุสมผล ข้าถึงได้มั่นใจว่าเซ่าผิงปอกำจัดสามแม่ลูกทิ้ง เซ่าผิงปอก่อเรื่องเช่นนี้ขึ้น มีความเป็นไปได้สูงว่าเซ่าผิงปอจะถูกควบคุมตัวไว้แล้ว ข้าว่าทางสำนักเขามหายานคงตัดสินใจได้ลำบากเช่นกัน ทางนั้นคงอยากจะเห็นปฏิกิริยาจากทางข้า แล้วก็อยากเห็นปฏิกิริยาจากทางหอหิมะเหมันต์ เตรียมพร้อมที่จะมอบตัวเซ่าผิงปอเพื่อเป็นคำอธิบายให้ทุกเมื่อ ภายในช่วงนี้ เกรงว่าเซ่าผิงปอคงยากจะมีอิสระได้!”
หยวนฟางสงสัย “เต้าเหยี่ย แผนการนี้ของท่านทำเพื่อกดดันสำนักเขามหายานให้สังหารเขา แล้วสำนักเขามหายานจะกล้าเสี่ยงปล่อยเขาไปเช่นนี้หรือขอรับ?”
“แม่งเอ่ย ข้ายอมรับว่าเขาแน่จริง!” กล่าวมาถึงตรงนี้หนิวโหย่วเต้าก็อดสบถคำหยาบออกมาไม่ได้ เบือนหน้าไปถ่มน้ำลายคำหนึ่ง เอ่ยด้วยสีหน้าเย้ยหยันตัวเอง “ตามหลักแล้วหากสำนักเขามหายานต้องการสังหารเขา ในช่วงเวลาแบบนี้เขาก็ยิ่งไม่ควรไปยั่วโมโหเซ่าเติงอวิ๋นถึงจะถูก หรือเขาคิดจะทำให้สถานการณ์มันเลวร้ายลงไปมากกว่าเดิม? ตอนแรกข้าก็ไม่เข้าใจเช่นกันว่าเจ้านั่นมันคิดจะทำอะไร แต่เมื่อนำเอาสถานการณ์ของทางนั้นมาร้อยเรียงเข้าด้วยกัน แล้ววิเคราะห์ไปตามทิศทางของเรื่องที่เกิดขึ้น เรื่องราวมันกลับเข้าใจได้ไม่ยาก สำนักเขามหายานต้องการสังหารเซ่าผิงปอ ทว่าเซ่าผิงปอกลับสังหารพวกอนุหร่วนแม่ลูกทิ้งในช่วงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวาน ดังนั้นที่สำนักเขามหายานไม่สังหารเซ่าผิงปอ นี่หมายความว่าอย่างไร? จุดเปลี่ยนของเรื่องราวก็อยู่ที่การตายของพวกอนุหร่วนแม่ลูกนั่นแหละ”
เขายกมือไพล่หลังเงยหน้ามองฟ้า ถอนใจพลางเอ่ยว่า “หากจับประเด็นสำคัญนี้ได้ก็จะเข้าใจทันที ความเป็นความตายของพวกอนุหร่วนสำคัญต่อสำนักเขามหายานหรือ? ไม่สำคัญเลย! สำนักเขามหายานกลัวเซ่าผิงปอหรือ? เตรียมจะสังหารเขาแล้วด้วยซ้ำ ย่อมไม่กลัวแน่นอน! เช่นนั้นเหตุใดพอพวกอนุหร่วนแม่ลูกตาย สำนักเขามหายานถึงไม่กล้าลงมือกับเซ่าผิงปอล่ะ?”
ดวงตาหยวนฟางพลันเปล่งประกาย “เพราะหวั่นเกรงเซ่าเติงอวิ๋น!”
หนิวโหย่วเต้าพยักหน้า “แล้วเหตุใดจะสังหารเซ่าผิงปอถึงต้องหวั่นเกรงเซ่าเติงอวิ๋นด้วย? เหตุผลง่ายมาก เพราะเซ่าผิงปอเป็นลูกชายของเซ่าเติงอวิ๋นอย่างไรล่ะ! แล้วทำไมก่อนหน้านี้ถึงได้ไม่พะวงกับเรื่องนี้ล่ะ? ก็เพราะพวกอนุหร่วนแม่ลูกยังไม่ตายอย่างไรล่ะ! แล้วเหตุใดพอพวกอนุหร่วนแม่ลูกตายถึงต้องหวั่นเกรงล่ะ?”
หยวนฟางกระจ่างในทันใด เอ่ยโพล่งออกมา “เพราะเซ่าเติงอวิ๋นเหลือลูกชายคนนี้เพียงผู้เดียว!”
“ถูกต้อง! เซ่าเติงอวิ๋นเหลือลูกชายคนนี้เพียงคนเดียวแล้ว หากสำนักเขามหายานยังสังหารทิ้งอีกล่ะก็…สำนักเขามหายานหาใช่หวาดกลัวเซ่าเติงอวิ๋นไม่ สิ่งเดียวที่ทำให้สำนักเขามหายานหวาดกลัวเซ่าเติงอวิ๋นได้ก็คือผลประโยชน์ของสำนักเขามหายานที่อยู่ในมณฑลเป่ยโจว สำนักเขามหายานกลัวว่าจะเกิดความวุ่นวายขึ้นในมณฑลเป่ยโจว ในสถานการณ์ที่ด้านบนและด้านล่างมีสองแคว้นคอยจับจ้องตาเป็นมันอยู่ มณฑลเป่ยโจวจะเกิดความวุ่นวายขึ้นไม่ได้” หนิวโหย่วเต้ายิ้มออกมา เอ่ยด้วยสีหน้าจนปัญญา “ข้าถึงได้บอกว่าไอ้สารเลวนั่นมันแน่จริง หากเขาไม่ทำเช่นนี้ ข้าก็คงจะคิดไม่ถึงเรื่องนี้เช่นกัน ในช่วงเวลาวิกฤติแบบนี้ เจ้านั่นยังใช้วิธีนี้กอบกู้สถานการณ์กลับมาได้ เป็นไปได้สูงว่าเขาจะหยิบยกเรื่องมณฑลเป่ยโจวที่อยู่ใต้การปกครองของเซ่าเติงอวิ๋นมาข่มขู่ ทำให้สำนักเขามหายานต้องห่วงหน้าพะวงหลัง!”
หยวนฟางสูดหายใจเฮือกหนึ่ง ใช้วิธีสังหารน้องชายร่วมสายเลือดและแม่เลี้ยงเพื่อให้ตัวเองรอด โหดเหี้ยมจริงๆ!
ตอนนี้เขาพอจะเข้าใจแล้วว่าเหตุใดเต้าเหยี่ยถึงต้องกำจัดเซ่าผิงปอให้ได้ สายตาของเต้าเหยี่ยเองก็นับว่าเฉียบคมเช่นกัน
“เต้าเหยี่ย บีบคั้นเขาจนทำเรื่องเช่นนี้ออกมา นี่นับเป็นการผูกความแค้นกันแล้ว คนแบบนี้เก็บเอาไว้ไม่ได้ คิดหาทางกำจัดเถอะขอรับ!”
หนิวโหย่วเต้ายิ้มเยาะตัวเอง “เจ้าคิดว่าข้าไม่อยากหรือ? ข้าทำถึงขนาดนี้แล้วก็ยังกำจัดเขาไม่ได้ ตอนนี้ข้ายังทำอะไรเขาไม่ได้จริงๆ เขาคงรู้แล้วล่ะว่าข้าไม่กล้าไปแจ้งกับทางหอหิมะเหมันต์ มิเช่นนั้นเขาคงไม่กล้าใช้แผนชั่วร้ายเช่นนี้! คนผู้นี้รับมือได้ยากกว่าที่ข้าคิดเอาไว้ เป็นตัวปัญหาใหญ่!”
หยวนฟางใคร่ครวญพลางลูบศีรษะที่ล้านเลี่ยน จู่ๆ พลันเอ่ยขึ้นมาว่า “เต้าเหยี่ย ข้ามีแผนการอย่างหนึ่งขอรับ”
หนิวโหย่วเต้าร้องโอ้ มองดูเขา ถามด้วยความสนใจว่า “ลองว่ามาสิ”
หยวนฟางยิ้มเจ้าเล่ห์ เอ่ยว่า “ส่งคนไปปล่อยข่าวลือในมณฑลเป่ยโจวขอรับ บอกว่าเซ่าผิงปอต้องการสังหารเซ่าเติงอวิ๋นเพื่อชิงอำนาจ โชคร้ายถูกเซ่าเติงอวิ๋นจับได้ระหว่างที่หลบหนี! แม่ทัพนายทหารในมณฑลเป่ยโจวต้องไปสืบหาความจริงแน่ขอรับ เมื่อเห็นว่าเซ่าผิงปอถูกจับไว้จริงๆ ถึงตอนนั้น…ฮี่ฮี่”
หนิวโหย่วเต้าส่ายหน้า “ไม่มีประโยชน์ เพลงกล่อมเด็กครั้งก่อนไม่ได้ทำให้พวกเขาพ่อลูกแตกกัน กลับทำให้เซ่าเติงอวิ๋นให้ความสำคัญกับเขายิ่งขึ้น เห็นได้ว่าเซ่าเติงอวิ๋นคนนี้เป็นยอดแม่ทัพจริงๆ จิตใจมั่นคงนัก ไม่แปลกเลยที่ในอดีตจะได้รับความชื่นชมจากซางเจี้ยนปั๋ว ครั้งนี้เซ่าเติงอวิ๋นไม่จัดการเขา เกรงว่าคงยังปกป้องเขาอยู่ ขอเพียงเซ่าเติงอวิ๋นคิดจะปกป้องเขา เมื่อแม่ทัพนายทหารแห่แหนกันมา พวกเขาพ่อลูกคงร่วมมือเล่นละครกัน ข่าวลือย่อมหายไปเอง”
หยวนฟางขมวดคิ้วพึมพำ “อย่างนั้นก็น่าเสียดายจริงๆ น่าเสียดายที่ทำไม่ได้…”
หนิวโหย่วเต้าเข้าใจเจตนาที่เขาจะสื่อ เรื่องเกี่ยวพันไปถึงหอหิมะเหมันต์ อีกทั้งหอหิมะเหมันต์ก็มีข่าวลือแพร่สะพัดเช่นนั้น จากข่าวที่ส่งมาจากทางมณฑลจินโจว กระทั่งแม่บ้านใหญ่ของหอหิมะเหมันต์ก็รู้ตัวแล้ว ทางนี้ไม่สะดวกจะเปิดเผยสถานการณ์ที่แท้จริงของทางเซ่าผิงปอออกไปจริงๆ ไม่อย่างนั้นคงจะทำให้ชื่อเสียงของเซ่าผิงปอต้องย่อยยับป่นปี้ได้แน่
ทว่าตัวเขาหนิวโหย่วเต้าไม่กล้าทำแบบนั้นจริงๆ และเขาเชื่อว่าเซ่าผิงปอก็ไม่กล้าไปวุ่นวายกับทางหอหิมะเหมันต์เช่นกัน
แอบอ้างประปรายครั้งสองครั้งยังพอว่า แต่หากลากหอหิมะเหมันต์ไปทางนั้นทีทางนี้ที คิดว่าหอหิมะเหมันต์ปั้นขึ้นมาจากดินเหนียวหรือ?
กระทั่งหุ่นดินเหนียวยังโกรธเป็น นับประสาอะไรกับหอหิมะเหมันต์? หากกล้าหาเรื่องวุ่นวายไปให้อีกฝ่ายจริงๆ หากทำให้อีกฝ่ายโมโหขึ้นมา คิดว่าอีกฝ่ายจะยอมนั่งฟังพวกเจ้าค่อยๆ อธิบายหรือ? เกรงว่าใครก็อย่าได้คิดว่าจะหนีรอดเลย!
เขาตบไหล่หยวนฟางเบาๆ “ก็ไม่นับว่าน่าเสียดายหรอก ยังพอมีประโยชน์อยู่บ้าง ข่าวลือที่หอหิมะเหมันต์ในครั้งนี้เห็นได้ชัดว่าพุ่งเป้ามาที่ข้า แต่คนที่มีความแค้นกับข้าหรือคิดจะเล่นงานข้า ขอเพียงไม่อยากโดนหอหิมะเหมันต์จับตามอง พวกเขาก็ต้องทำตัวสงบเสงี่ยมกันหน่อย อย่างน้อยตอนนี้ราชสำนักแคว้นเยี่ยนก็คงไม่กล้าบุ่มบ่ามทำอะไรอีก”
“ดูเหมือนจะใช่นะขอรับ เท่ากับเซ่าผิงปอมอบยันต์คุ้มภัยให้เต้าเหยี่ยเสียแล้ว!” หยวนฟางหัวเราะฮี่ๆ
“แต่วิธีการของเจ้าก็นับว่ามีเหตุผลอยู่เหมือนกัน ต่อให้ตอนนี้ยังทำอะไรเขาไม่ได้ เราก็ต้องพยายามถ่วงรั้งไม่ให้เขามีอำนาจขึ้นมาได้ ต้องพยายามสร้างความเดือดร้อนให้เขา ไม่ว่าจะเป็นปัญหาเล็กน้อยแค่ไหนก็มีประโยชน์ทั้งสิ้น มีโอกาสให้โจมตีแล้วจะไม่ใช้ได้อย่างไร? อย่าได้เพ่งเล็งเพียงมณฑลเป่ยโจว ด้วยความทะเยอทะยานของเจ้านั่นคงไม่ได้หมายตาแค่มณฑลเป่ยโจวเพียงแห่งเดียว เจ้าจงไปหาซางเฉาจง ให้เขาส่งคนไปแพร่ข่าวลือตามแคว้นต่างๆ ซะ”
“ขอรับ!” หยวนฟางยิ้มพลางพยักหน้าให้
หนิวโหย่วสั่งการเขาอีกเล็กน้อย “ติดต่อลู่เซิ่งจง บอกเขาว่าเซ่าผิงปอน่าจะสูญเสียอิสระชั่วคราว แล้วก็น่าจะใช้งานคนของสำนักเขามหายานไม่ได้เช่นกัน ตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่เซ่าผิงปออ่อนแอที่สุด ให้เขาลงมืออย่างเต็มที่โดยคำนึงถึงความปลอดภัยของตัวเองเป็นสำคัญ อย่างที่บอกไป ถึงสังหารเขาไม่ได้ก็ต้องทำให้เขาตกที่นั่งลำบาก พยายามสร้างปัญหาให้เขาซะ ถ่วงรั้งไม่ให้เขาฟื้นตัวกลับมาได้!”
“ขอรับ!” หยวนฟางหัวเราะฮี่ๆ พร้อมพยักหน้าอีกครั้ง
หลังออกจากที่นี่ไป หยวนฟางส่งข่าวไปให้ทางมณฑลเป่ยโจวก่อน จากนั้นมุ่งหน้าไปที่จวนผู้ว่าการจังหวัด
กระทั่งเขาเดินพ้นประตูออกไปแล้ว ซางเฉาจงและหลานรั่วถิงต่างมองกันไปมองกันมา มองหน้ากันและกัน
หลานรั่วถิงถอนหายใจ “มิน่าถึงมีคนจากหลายสำนักมาคอยคุ้มกันอยู่รอบกายเขา ดูเหมือนเต้าเหยี่ยจะเปิดศึกกับเซ่าผิงปอผู้นั้นแล้ว”
“เฮ้อ!” ซางเฉาจงก็ถอนหายใจเช่นกัน “ไปจัดการตามที่เขาบอกเถอะ”
ทั้งสองยังไม่ทราบว่าหนิวโหย่วเต้าและเซ่าผิงปอปะทะกันอย่างเงียบๆ มาแล้วครั้งหนึ่ง ในเรื่องนี้ ในเมื่ออีกฝ่ายขอมาแล้ว พวกเขาย่อมต้องจัดการให้
……
ณ มหานครเป่ยโจว ลู่เซิ่งจงเงยหน้ามองประตูเมืองที่อยู่ตรงเบื้องหน้า เขากลับมาอีกครั้ง!
เนื่องจากอยู่ห่างกันเกินไป เขาจึงไม่สามารถติดต่อหนิวโหย่วเต้าโดยตรงได้ ต้องกลับมาสืบดูสถานการณ์ทางนี้แล้วติดต่อกับคนกลาง
เพียงแต่เขาทำการปลอมตัวแปลงโฉมเล็กน้อย ปลอมเป็นคนตัดฟืนที่หอบฟืนไว้ เข้าไปในเมืองอย่างราบรื่น เดินลัดเลาะไปตามถนน มุ่งหน้าไปยังจุดนัดพบ
……
ณ คุกใต้ดินภายในจวนผู้ว่าการมณฑล เซ่าซานเสิ่งเดินเข้าไปด้านใน ถือกล่องอาหารใบหนึ่งไว้ เดินตามคนนำทางเข้าไปในส่วนลึกของคุก มาถึงสถานที่คุมขังเซ่าผิงปอ
ห้องนี้เป็นห้องขังที่ดีที่สุดในคุกใต้ดิน แล้วก็อาจเป็นเพราะจะนำมาใช้คุมขังเซ่าผิงปอ ด้านในจึงถูกทำความสะอาดจนเอี่ยมอ่อง เตียงตั่งใดๆ ล้วนเป็นของใหม่ทั้งสิ้น ซ้ำยังมีโต๊ะเก้าอี้เข้าชุดกัน อุปกรณ์เครื่องเขียนก็มีครบครัน
และห้องนี้ก็เป็นเพียงห้องเดียวที่มีหน้าต่างระบายอากาศ เซ่าผิงปอยืนยกมือไพล่หลัง หันหลังให้ทางเดินในคุกใต้ดิน หันหน้ารับแสงสว่างที่ส่องลอดเข้ามาจากหน้าต่างอย่างเงียบๆ
เซ่าซานเสิ่งพยักหน้าส่งสัญญาณให้ทหารยามที่เฝ้ายามตลอดทั้งวันทั้งคืนเล็กน้อย ทหารยามถอยหลบฉากไปทันที ผู้ดูแลเปิดประตูให้แล้วถอยออกไปเช่นกัน
เซ่าซานเสิ่งเข้าไปในห้องขัง วางกล่องอาหารลงบนโต๊ะแล้วเปิดออก จัดวางสุราอาหาร เอ่ยเรียก “คุณชายใหญ่ ทุกอย่างด้านนอกสงบดี กินอะไรสักหน่อยเถอะขอรับ”
เซ่าผิงปอพลันถอนหายใจแล้วเอ่ยว่า “หนิวโหย่วเต้าคนนี้รับมือยากกว่าที่ข้าคิดไว้ หากไม่กำจัดทิ้ง วันหน้าจะกลายเป็นปัญหาใหญ่ได้!”
เซ่าซานเสิ่งเอ่ยว่า “คุณชายใหญ่ขอรับ เอาไว้สถานการณ์สงบแล้วค่อยวางแผนอีกทีก็ยังไม่สาย กินอะไรสักหน่อยก่อนเถอะขอรับ!”
เซ่าผิงปอดูคล้ายกำลังเอ่ยพึมพำกับตัวเองอยู่ “วางแผนอย่างไรล่ะ? ไม่มีโอกาสที่เหมาะสม เขาหดหัวไม่โผล่ออกมา ข้าเองก็ทำอะไรเขาไม่ได้! ครั้งนี้ข้าตกหลุมพราง เขาลงมือเล่นงานข้าอย่างรุนแรงและรวดเร็ว แปลว่าเขาส่งคนแทรกซึมมาทางนี้แล้ว แต่ข้ากลับทำอะไรเขาไม่ได้”
เซ่าซานเสิ่งถอนหายใจเบาๆ รู้ว่าครั้งนี้จิตใจของเขาได้รับความกระทบกระเทือนอย่างแรง ยากจะปล่อยวางได้ แล้วก็ถูกเล่นงานเข้าอย่างจังจริงๆ เกือบจะเอาชีวิตไม่รอด ถึงขั้นที่ถูกบีบให้ต้องใช้วิธีสังหารน้องชายและแม่เลี้ยง แล้วจะให้คนที่รู้เรื่องมองเขาอย่างไร ซ้ำตอนนี้ตัวเขาก็ถูกขังอยู่ในคุก ถูกจองจำในห้องขัง สภาพแวดล้อมยิ่งทำให้จิตใจย่ำแย่ แล้วจะให้ปล่อยวางได้อย่างไร?
แต่เขายังคงเอ่ยปลอบไปว่า “มิใช่ว่าคุณชายใหญ่สู้เขาไม่ได้ แต่เป็นเพราะตำแหน่งสถานะของทั้งสองมีความแตกต่างกัน คุณชายใหญ่มีงานราชการรัดตัว มีภาระงานทุกวัน เรื่องราวที่ต้องดูแลมิใช่นึกอยากปล่อยก็ปล่อยได้ ไม่ได้ทุ่มเทสมาธิทั้งหมดไปกับเขา แต่เขาล่ะขอรับ? เขาเป็นผู้บำเพ็ญเพียรที่กินอิ่มอยู่ว่าง เรื่องบำเพ็ญเพียรอยากหยุดตอนไหนก็หยุดได้ มีเวลาว่างมาสร้างความเดือดร้อนให้คุณชายใหญ่ เมื่อเทียบกันแล้ว คุณชายใหญ่ย่อมต้องค่อนข้างเสียเปรียบ”
เซ่าผิงปอกล่าวว่า “นี่เป็นสาเหตุแค่ด้านหนึ่งเท่านั้น ต้องยอมรับเลยว่าคนผู้นี้มีความสามารถจริงๆ หากยังไม่ยอมเผชิญหน้ากันตรงๆ อีก เกรงว่าข้าคงจะเสียเปรียบต่อไป เห็นได้ชัดว่าเขาหมายหัวข้าเอาไว้แล้ว ไม่มีทางปล่อยข้าไปแน่!”
เซ่าซานเสิ่งเอ่ยว่า “คุณชาย เติมท้องให้อิ่มก่อนดีกว่านะขอรับ! หากกังวลเรื่องเขาจนกินไม่ได้นอนไม่หลับ นั่นต่างหากถึงจะเรียกว่าแพ้จริงๆ นะขอรับ”
เซ่าผิงปอเงียบไปเล็กน้อย หมุนตัวเดินเข้ามา นั่งลงข้างโต๊ะ รับตะเกียบที่ยื่นเข้ามาให้ เผยท่าทางหนักใจออกมาอีกครั้ง เอ่ยเสียงขรึมว่า “ข้าถูกขังอยู่ที่นี่ นี่ยอมต้องส่งผลกระทบต่อสภาพจิตใจของผู้ใต้บังคับบัญชาอย่างมาก และในตอนที่ยังไม่อาจมั่นใจได้ว่าหอหิมะเหมันต์จะสอดมือเข้ามายุ่งหรือไม่ สำนักเขามหายานก็จะต้องเหลือทางรอดไว้ให้ตัวเอง ผู้บำเพ็ญเพียรเหล่านั้นไม่มีทางยอมให้ข้าเรียกใช้งานแน่นอน ความสัมพันธ์ระหว่างสำนักสวรรค์พิสุทธิ์และหนิวโหย่วเต้าก็คลุมเครือ ไม่สะดวกจะเรียกใช้เช่นกัน ตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่ข้าอ่อนแอ ยากจะรับประกันได้ว่าหนิวโหย่วเต้าจะไม่ฉวยโอกาสซ้ำเติม ข้าต้องการคนที่ไว้ใจได้ ติดต่อซูจ้าวเดี๋ยวนี้ ให้เร่งนำกำลังคนมาโดยเร็วที่สุดเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุไม่คาดคิดขึ้น!”
…………………………………………………………………….