ตอนที่ 290 ให้เจ้าแสนตัวพอหรือไม่?
เฉินเปี๋ยสงสัย ยังคิดจะถามอะไรต่อ
จั่วเต๋อซ่งโบกมือ ไม่ได้เอ่ยอะไรให้มากความอีก ยกมือไพล่หลังเดินจากไป
เมื่อครู่เขาไม่ได้กลัวคำขู่ของหนิวโหย่วเต้าเลย ความจริงแล้วหนิวโหย่วเต้าก็ไม่ได้มีเจตนาจะข่มขู่เขาจริงๆ เช่นกัน แรกเริ่มเขาก็เกือบหลงนึกว่าหนิวโหย่วเต้ากำลังข่มขู่เขา ต่อมาถึงได้พบว่าเป็นเรื่องเหลวไหลทั้งเพ
ส่วนเหตุผลก็เข้าใจได้ไม่ยาก อีกฝ่ายเพียงอยากให้เขาช่วยถ่ายทอดข้อความให้เท่านั้น อำนาจตัดสินใจอยู่ในมือเขา หลังจากนี้เขาจะถ่ายทอดให้หรือไม่อีกฝ่ายก็ไม่มีทางรู้ได้เช่นกัน
อันที่จริงหลังจากนั้นอีกฝ่ายก็เป็นคนพูดออกมา เงินทองเป็นของนอกกาย อีกฝ่ายไม่ได้มาเพื่อทวงเงิน หากแต่มาเพราะเขา
การข่มขู่ที่ว่าก็เพียงเพราะไม่อยากให้เขาส่งแขกเร็วขนาดนั้น เป็นเพียงเจตนาจะสร้างช่องจากความขัดแย้ง หวังขยับความสัมพันธ์กับเขาให้แน่นแฟ้นขึ้นอีกหน่อย
การข่มขู่ที่ว่าก็ยิ่งคล้ายว่าอีกฝ่ายกำลังแสดงความสามารถของตนให้เป็นที่ประจักษ์อยู่ เจ้าก็เห็นแล้วมิใช่หรือว่ากระทั่งจั๋วเชาข้าก็ยังสังหารได้? อีกฝ่ายต้องการใช้จุดนี้มาแสดงให้เห็นว่าตนยังคงมีคุณค่าให้ใช้ประโยชน์ได้อยู่ สุดท้ายอีกฝ่ายก็ไม่ได้เรียกร้องขออะไรเป็นจริงเป็นจังจากเขา แต่กลับมอบคำมั่นสัญญาให้เขา บอกว่าหากถึงยามที่เขาต้องการเรียกใช้หนิวโหย่วเต้า ก็ให้เอ่ยมาได้เต็มที่!
สรุปแล้วเจตนาในการมาของหนิวโหย่วเต้านั้นมีอยู่เรื่องเดียว ก็เหมือนอย่างที่ตัวหนิวโหย่วเต้ากล่าวมา ตัวเขาจั่วเต๋อซ่งไม่สูญเสียอะไร เผลอๆ อาจจะได้ประโยชน์อย่างคาดไม่ถึงด้วยซ้ำ เช่นนั้นไยถึงไม่ลองดูเล่า?
ใช้วาทศิลป์มาผูกมิตรกับเขา ขณะเดียวกันก็ใช้กำลังจัดการสังหารที่ลานน้ำตกเหินหาว จั่วเต๋อซ่งที่ยกมือไพล่หลังเดินเล่นอยู่พลันสังเกตเห็นความน่าสนใจขึ้นมา หนิวโหย่วเต้าคนนี้ไม่ธรรมดาเลย ไม่แน่ว่าอาจมีสักวันที่ต้องพึ่งพาเรียกใช้จริงๆ
…..
เสียงฝีเท้าม้าแว่วกุบกับอยู่บนท้องถนน เฟิงเอินไท่ควบม้าเข้ามาใกล้หนิวโหย่วเต้าพลางกระซิบถาม “มาที่จวนเสนาบดีปฏิคมทำไมหรือ?”
หนิวโหย่วเต้าตอบด้วยรอยยิ้ม “ที่นี่ไม่สะดวกคุย”
เฟิงเอินไท่มองไปรอบๆ บนถนนมีคนสัญจรขวักไขว่ ไม่สะดวกจะพูดคุยจริงๆ
ลิ่งหูชิวก็มองไปรอบๆ ด้วยเช่นกัน พินิจดูสีหน้าหนิวโหย่วเต้าเป็นครั้งคราว เขาก็อยากทราบเช่นกันว่าหลังจากจั่วเต๋อซ่งให้เขาถอยออกมาแล้ว อีกฝ่ายไปคุยอะไรกับหนิวโหย่วเต้าต่อ
จนปัญญาที่ไม่สะดวกจะถามที่นี่ สิ่งที่ทำให้เขาตงิดใจยิ่งกว่าเดิมคือเขาคิดว่าหนิวโหย่วเต้าไม่แน่ว่าจะยอมบอกตน
เรื่องบางอย่างก็พอจะเข้าใจได้ ตัวเขาเองก็รู้อยู่แก่ใจดี คำว่าพี่น้องร่วมสาบานที่ว่า ทุกคนต่างรู้ดีว่ามีความจริงใจอยู่สักกี่ส่วน หากไม่แสดงความจริงใจให้หนิวโหย่วเต้าไว้วางใจ ก็อย่าหวังเลยว่าหนิวโหย่วเต้าจะบอกความลับอะไรกับเขา
เพียงแต่ครั้งนี้ทำเอาเขาตกใจอย่างมากจริงๆ จู่ๆ หนิวโหย่วเต้าก็ข่มขู่จั่วเต๋อซ่ง ทำให้เขาตั้งตัวไม่ทันแม้แต่น้อย ทำเอาเขามึนงงไปทันที พบว่าเจ้าน้องชายที่ไม่ได้เรื่องผู้นี้บ้าระห่ำนัก
เพราะว่าในยามนั้นบนร่างของทั้งสองถูกลงผนึกไว้ไม่สามารถใช้พลังได้ หากอีกฝ่ายอยากสังหารพวกเขาก็ง่ายเหมือนพลิกฝ่ามือ โชคดีที่ทั้งคู่มีชีวิตรอดออกมาจากจวนจั่วได้อย่างปลอดภัย
เฮยหมู่ตานก็คอยมองท้ายทอยหนิวโหย่วเต้าเป็นระยะๆ เช่นกัน นางเองก็ไม่ทราบว่าเป้าหมายที่แท้จริงในการมาเยือนจวนจั่วของหนิวโหย่วเต้าคืออะไร อยากรู้เหมือนกันว่าคุยอะไรในจวนจั่วบ้าง
หนิวโหย่วเต้าที่นั่งอยู่บนหลังม้ากลับมีสีหน้าสงบราบเรียบ ประหนี่งว่าไม่เคยมีเรื่องใดเกิดขึ้นเลย สายตาที่มองตรงไปด้านหน้าก็เยือกเย็นเป็นอย่างยิ่ง
สำหรับเขาแล้ว จั่วเต๋อซ่งเป็นเพียงจุดเริ่มต้นสำหรับการมาลองหยั่งเชิงตื้นลึกหนาบางในเมืองหลวงแคว้นฉีของเขาเท่านั้น สมองเขาไม่ได้มีปัญหา ไม่มีทางวิ่งมาสร้างศัตรูตัวฉกาจที่จวนจั่วอย่างไร้เหตุผล
ส่วนจั่วเต๋อซ่งจะช่วยถ่ายทอดคำพูดให้เขาหรือไม่นั้นไม่สำคัญเลย จะได้กลายเป็น ‘สหาย’ หรือไม่ ตอนนี้เขาก็ไม่ได้คาดหวังอะไรเช่นกัน และไม่ได้หวังจะเรียกร้องให้จั่วเต๋อซ่งแสดงความจริงใจอันใดด้วย เขาแค่อยากหาจุดเริ่มต้นสักอย่างเท่านั้น รอจนเขาแสดงความสามารถให้เป็นที่ประจักษ์ หรือพูดอีกอย่างคือแสดงคุณค่าที่สามารถใช้ประโยชน์ได้ให้เป็นที่ประจักษ์แล้ว จั่วเต๋อซ่งย่อมเห็นเขาเป็น ‘สหาย’ เอง
อีกทั้งไม่ใช่แค่จั่วเต๋อซ่งเพียงคนเดียว หอสูงหมื่นจั้งสร้างขึ้นจากพื้น ทุกเรื่องล้วนต้องเริ่มจากพื้นฐานก่อน วางรากฐานให้พร้อม รอดูสถานการณ์แล้วค่อยตัดสินใจอีกครั้ง
…..
ณ เรือนเมฆาขาว แท่นพิณเงียบสงัด ซูจ้าวเท้าตัวกับราวกั้นหันหลังให้แท่นพิณ มองมัจฉาที่แหวกว่ายอยู่ในสระน้ำอย่างเลื่อนลอย
เรื่องที่เกิดขึ้น ณ ลานน้ำตกเหินหาวทำให้จิตใจนางตึงเครียดขึ้นมา คล้ายว่าได้เห็นถึงความร้ายกาจของหนิวโหย่วเต้าแล้ว!
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่นางต่อกรกับหนิวโหย่วเต้า ในการปะทะระหว่างเซ่าผิงปอและหนิวโหย่วเต้า นางเป็นเพียงผู้มีส่วนเกี่ยวข้องอย่างอ้อมๆ เท่านั้น บางเรื่องหากยืนอยู่ในมุมของผู้สังเกตการณ์แล้ว สิ่งที่ได้รับรู้มันไม่ได้ลึกซึ้งขนาดนั้น อย่างน้อยก็ไม่ได้รับรู้ถึงความร้ายกาจของหนิวโหย่วเต้าเท่ากับเซ่าผิงปอ เรื่องที่การดักสังหารที่หอไร้ขอบเขตประสบความล้มเหลวเพียงทำให้นางรู้สึกว่าตนยังไม่รู้ตื้นลึกหนาบางของหนิวโหย่วเต้าดีพอ จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่รู้เลยว่าจั๋วเชาตายได้อย่างไร
แต่ครั้งนี้ต่างกันออกไป หนิวโหย่วเต้าอยู่ในเขตอิทธิพลของนางแล้ว ถูกนางลงมือเล่นงานสั่งสอน
แต่ผลลัพธ์เป็นอย่างไรน่ะหรือ? นางได้เห็นผลลัพธ์มากับตาแล้ว!
คิดจะใช้วิธีนี้จัดการให้หนิวโหย่วเต้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก ช่างน่าขันสิ้นดี อีกฝ่ายเพียงจัดการส่งๆ ก็คลี่คลายได้แล้ว
ท้าสู้หรือ? อีกฝ่ายรับคำท้าไว้เสียดิบดี การนัดประลองที่ผู้คนต่างรู้กันทั่ว คิดไม่ถึงว่าหนิวโหย่วเต้ากลับส่งยอดฝีมือกลุ่มหนึ่งมารุมสังหาร รุมสังหารต่อหน้าคนมากมาย สับเสวียนจื่อชุนที่มาท้าสู้เป็นชิ้นๆ มาก็เร็ว ไปก็เร็ว สังหารเสร็จก็จากไป!
ตอนนี้ด้านนอกกำลังพากันพูดถึงเรื่องนี้กันอยู่ เสวียนจื่อชุนท้าสู้หนิวโหย่วเต้า ตัวเองไม่เพียงแต่จะตายอย่างน่าอนาถเสียเอง แต่กระทั่งสหายของเสวียนจื่อชุนก็ถูกหนิวโหย่วเต้าสังหารทิ้งเช่นกัน ลงมือโหดเหี้ยมเป็นอย่างยิ่ง!
สิ่งที่นางหวังไว้คือไม่ว่าหนิวโหย่วเต้าจะรับคำท้าหรือไม่ หลังจากนี้ก็จะมีคนไปหาอีกฝ่ายถึงที่ไม่หยุดหย่อน ตามตอแยจนหนิวโหย่วเต้ายากจะรับมือไหวและไม่มีเวลาไปจัดการเรื่องงาน แต่ตอนนี้ คาดว่าคงไม่มีคนกล้าไปหาเรื่องอีกฝ่ายแล้ว หากยังกล้าไปหาหนิวโหย่วเต้าอีก นั่นจะไม่ใช่การท้าสู้แล้ว หากแต่เป็นการเตรียมเปิดศึกกับพวกหนิวโหย่วเต้าแทน!
เสวียนจื่อชุนกลายเป็นไก่ที่ถูกเชือดให้ลิงดู ตายไปโดยไม่มีใครช่วยเรียกร้องความยุติธรรมให้แม้แต่คนเดียว!
ตอนที่นางรอคอยอยู่ที่ลานน้ำตกเหินหาว หนิวโหย่วเต้าไม่ยอมมาเสียที แล้วก็อาจจะไม่ปรากฏตัวด้วย ซึ่งหากเป็นแบบนั้นนางก็รู้สึกยินดีเช่นกัน หลอกคนมากมายขนาดนั้นน่าสนุกมากหรือ?
ผลคือหนิวโหย่วเต้าไม่ปรากฏตัวจริงๆ แต่ยังคงให้ทุกคนได้ชมละครสนุกๆ อยู่ คิดว่าคงไม่มีใครรู้สึกว่าถูกหนิวโหย่วเต้าหลอกแล้ว ในทางกลับกัน พวกเขากลับจะชื่นชมที่หนิวโหย่วเต้าตอบโต้ได้อย่างเหมาะสมด้วยซ้ำ!
ตอนนี้พอสงบสติอารมณ์แล้วทบทวนเรื่องราวทั้งหมดดูอีกครั้ง ใช่ตัวนางวางแผนล่อหนิวโหย่วเต้าให้มาติดกับเสียที่ไหนกัน นี่เท่ากับนางไปช่วยสร้างอิทธิพลให้หนิวโหย่วเต้าต่างหาก หนิวโหย่วเต้าตั้งใจรับคำท้าสู้ครั้งนี้ อาศัยเรื่องนี้ประกาศศักดาต่อหน้าคนมากมาย เพื่อบอกว่าข้ามาแล้ว!
แล้วก็คล้ายจะกำลังประกาศต่อตัวนางที่เป็นผู้บงการอยู่เบื้องหลังว่าเข้ามาได้เลย!
เพียงจุดเล็กๆ ก็ทำให้มองเห็นภาพใหญ่ได้ ถึงแม้จะดูเหมือนเป็นเรื่องเล็กๆ แต่ครั้งนี้นางกลับตระหนักได้ถึงความร้ายกาจของหนิวโหย่วเต้าผู้นี้แล้ว ในที่สุดก็รู้ซึ้งแล้วว่าเหตุใดเซ่าผิงปอถึงได้กริ่งเกรงหนิวโหย่วเต้าเช่นนี้ เพราะเหตุใดเซ่าผิงปอถึงเอาแต่ย้ำให้นางระวังตัวอยู่เสมอ!
ตอนนี้นางเข้าใจแล้วว่าการใช้ลูกไม้เช่นนี้มาจัดการหนิวโหย่วเต้านั้นไม่มีประโยชน์เลย ในสายตาคนอื่นอาจเป็นปัญหาใหญ่ แต่สำหรับคนอย่างหนิวโหย่วเต้าแล้วไม่นับเป็นปัญหาอะไรเลย
นางไม่รู้ว่านางคิดไปเองหรือเปล่า นางรู้สึกเหมือนว่าหนิวโหย่วเต้าเป็นคนประเภทที่เคยผ่านร้อนผ่านหนาวมาอย่างโชกโชน!
ทั้งสองยังไม่เคยพบหน้ากันมาก่อน หนิวโหย่วเต้าอยู่ในที่แจ้ง ตนอยู่ในที่ลับ ผลคือในการปะทะกันทั้งสองครั้งกลับเป็นตนที่พลาดท่าพ่ายแพ้!
ฉินเหมียนเร่งฝีเท้าเดินเข้ามาในศาลา รายงานว่า “นายหญิง หนิวโหย่วเต้าออกจากจวนจั่วแล้วเจ้าค่ะ ดูจากเส้นทางแล้วเหมือนกำลังจะกลับที่พักเจ้าค่ะ”
ซูจ้าวหันกลับไปถาม “รู้หรือไม่ว่าเขาไปทำอะไรที่จวนจั่ว?”
ฉินเหมียนส่ายหน้า “ตอนนี้ยังไม่ทราบเจ้าค่ะ”
ซูจ้าวเอ่ยว่า “ถ้ากระทั่งเป้าหมายที่เขาไปจวนจั่วก็ยังไม่รู้ แล้วจะจัดการได้อย่างไร? หาทางสืบมาซะว่าเขาไปจวนจั่วทำไม”
“เจ้าค่ะ!” ฉินเหมียนพยักหน้ารับ
ซูจ้าวเอ่ยเสียงขรึมอีกครั้ง “ชื่อเสียงโด่งดังไม่แน่ว่าจะเป็นเรื่องดี ปล่อยข่าวลือออกไปซะ บอกว่าหนิวโหย่วเต้ามาเพื่อม้าศึก เขาโดดเด่นสะดุดตาขนาดนั้น ข้าอยากเห็นนักว่าผู้ใดจะกล้าช่วยเขา!”
ฉินเหมียนถอนหายใจเอ่ยไปว่า “นายหญิง เขามาถึงแคว้นฉีแล้ว ต่อให้พวกเราไม่ปล่อยข่าวลือออกไป เกรงว่าทุกคนก็คงเดาได้ว่าเขามาเพื่อม้าศึก ผู้บำเพ็ญเพียรมากมายจากหลายแคว้นมารวมตัวกันที่แคว้นฉีล้วนมีจุดประสงค์เช่นนี้ทั้งสิ้นมิใช่หรือเจ้าคะ?”
……
นอกประตูใหญ่ของคฤหาสน์ พวกเฮ่าชิงชิงมาถึงแล้ว ฮูเหยียนเวยมองไฉเฟยที่กำลังติดต่อกับผู้คุ้มกันที่เฝ้าประตูด้วยความคาดหวัง
“เต้าเหยี่ยไม่อยู่ ออกไปแล้ว!” ผู้คุ้มกันไม่ได้เข้าไปรายงาน หากแต่ให้คำตอบเช่นนี้
เหล่าคนที่อยู่หน้าประตูสบตากัน ไฉเฟยถามอีกครั้ง “เขาจะกลับมาตอนไหน”
ผู้คุ้มกันตอบว่า “ไม่มีกำหนดเวลากลับ เต้าเหยี่ยจะกลับมาตอนไหนก็ไม่ใช่เรื่องที่พวกเราจะทราบได้”
เฮ่าชิงชิงโบกมือร้องเสียงดัง “เข้าไปรอเขาเถอะ!” กล่าวจบก็ทำท่าจะบุกเข้าไป
ผู้คุ้มกันทั้งสองที่อยู่หน้าประตูยื่นมือมาขวางอย่างรวดเร็ว
เฮ่าชิงชิงถลึงตาใส่ “กล้าขวางข้ารึ รู้ไหมว่าข้าเป็นใคร?”
“ห้ามก่อเรื่องเจ้าค่ะ” เผยเหนียงจื่อดึงนางไว้อีกครั้ง
ในเวลานี้เอง มีเสียงฝีเท้าม้าแว่วมาจากตรงปากทาง ทั้งกลุ่มหันไปมอง เป็นพวกหนิวโหย่วเต้าที่กลับมาพอดี
เฮ่าชิงชิงเห็นก็ดีใจ ชูมือร้องเรียกแต่ไกล “หนิวโหย่วเต้า ข้าเอง ยังจำข้าได้หรือเปล่า?”
หนิวโหย่วเต้าผงะไปเล็กน้อย จากนั้นก็จดจำพวกเผยเหนียงจื่อได้อย่างรวดเร็ว อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา ก่อนหน้านี้เพิ่งไปคุยเรื่องทวงหนี้กับจั่วเต๋อซ่งมา ไม่คิดเลยว่าลูกหนี้จะเป็นฝ่ายมาหาถึงที่เสียเอง
เฟิงเอินไท่มองสตรีที่แต่งกายเหมือนบุรุษนางนั้น เอ่ยถามหนิวโหย่วเต้า “ผู้ใดกัน?”
หนิวโหย่วเต้าตอบสั้นๆ “องค์หญิงใหญ่แห่งแคว้นฉี”
ลิ่งหูชิวพูดไม่ออก ค่อยๆ หันไปมองเขา เจ้านี่รู้จักองค์หญิงใหญ่แห่งแคว้นฉีจริงๆ หรือนี่!
เฟิงเอินไท่ถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น “เจ้ารู้จักองค์หญิงใหญ่แห่งแคว้นฉีอย่างนั้นหรือ?” สีหน้าตกตะลึงเช่นกัน องค์หญิงเป็นฝ่ายมาหาถึงที่พัก มีสายสัมพันธ์เช่นนี้ เรื่องซื้อม้าศึกยิ่งจัดการได้ราบรื่นขึ้นหรือเปล่า?
เมื่อทั้งกลุ่มมาถึงหน้าประตูก็ลงจากม้า หนิวโหย่วเต้าประสานมือเอ่ยทักทายพวกเผยเหนียงจื่อด้วยรอยยิ้ม “ทุกท่าน ไม่ได้พบกันเสียนาน!”
“น้องหนิว!” เผยเหนียงจื่อเอ่ยทักทาย คนที่เคยรู้จักกันมาก่อนล้วนแย้มยิ้มประสานมือคำนับกลับ
ฮูเหยียนเวยที่ใบหน้าเต็มไปด้วยหนวดเครามองพินิจหนิวโหย่วเต้าตั้งแต่หัวจรดเท้า เอ่ยพึมพำอยู่ในใจ อ่อนวัยถึงเพียงนี้เชียว!
เฮ่าชิงชิงชิงเอ่ยขึ้นว่า “พวกเราไปรอชมการต่อสู้ที่ลานน้ำตกเหินหาว เจ้ากลับไม่ปรากฏตัว วิ่งแจ้นไปไหนมา?”
หนิวโหย่วเต้าหัวเราะพลางตอบไปว่า “มีธุระเล็กน้อย ไปจัดการธุระมา”
เฮ่าชิงชิงตบอกกล่าวไป “มาถึงที่นี่แล้ว จะจัดการธุระใดก็มาหาข้าสิ ข้าช่วยจัดการให้เจ้าได้แน่!” ว่าพลางปรายตามองฮูเหยียนเวยเล็กน้อย
หนิวโหย่วเต้าจึงเย้านางเล่น “อยากได้ม้าศึกจำนวนหนึ่ง ท่านช่วยข้าได้หรือเปล่า?”
เฮ่าชิงชิงเชิดหน้า “เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ อยากได้เท่าไรล่ะ? ให้เจ้าแสนตัวพอหรือไม่? ”
หนิวโหย่วเต้าตะลึงไปทันที เขาแค่พูดเล่น ไม่คิดเลยว่าจะได้คำตอบเช่นนี้ จริงหรือเปล่าเนี่ย?
แสนตัวหรือ? ดวงตาเฟิงเอินไท่พลันสาดประกาย ไม่คิดเลยว่าสายสัมพันธ์ของหนิวโหย่วเต้าจะแน่นแฟ้นเช่นนี้ ดูเหมือนที่ทางสำนักบอกว่าให้เจ้านี่มาลองจัดการดู คล้ายจะไม่ได้ทำไปโดยไร้สาเหตุเสียแล้ว
สีหน้าของพวกเผยเหนียงจื่อคร่ำเคร่งลงในทันใด พูดจาเหลวไหลอะไรกัน เรื่องม้าศึกเกี่ยวพันถึงนโยบายของแว่นแคว้น องค์หญิงอย่างเจ้าไหนเลยจะเข้าไปยุ่งได้ ซ้ำยังบอกจะให้ทีเดียวแสนตัว ใจกว้างเสียจริง เจ้าคิดว่าให้อะไรอยู่?
แสนตัวหรือ? ฮูเหยียนเวยก็ตกตะลึงไปเช่นกัน ต่อให้เป็นคุณชายเสเพลก็ทราบดีว่าม้าศึกแสนตัวมีค่ามากแค่ไหน เขามองเฮ่าชิงชิงด้วยสีหน้าตื่นตะลึง ในใจตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าถึงตีให้ตาย เขาก็ไม่มีทางแต่งกับสตรีนางนี้เด็ดขาด!
………………………………………………………………………………