ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า – ตอนที่ 402 ภูเขาแมงป่องทราย

ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า - ตอนที่ 402 ภูเขาแมงป่องทราย

ตอนที่ 402 ภูเขาแมงป่องทราย

ก้ามใหญ่ยักษ์สองข้างเจาะทะลุขึ้นมาจากพื้นทรายก่อน ต่อมาส่วนหัวขนาดมหึมาของแมงป่องทรายหน้าตาดุร้ายก็โผล่ขึ้นมาจากชั้นทราย ร่างกายขนาดใหญ่ดันตัวคืบคลานขึ้นมา ลากหางที่ใหญ่โตเท่าเสาต้นหนึ่งออกมาด้วย เข็มพิษที่ปลายหางรวมถึงก้ามสองข้างล้วนเป็นสีเหลืองทอง

ยามที่เจ้าสิ่งนี้หมอบอยู่บนพื้นทรายดูคล้ายกับเนินเขาเล็กๆ ลูกหนึ่ง ขนาดความยาวจากหัวจรดหางเองก็เกินสิบจั้ง แมงป่องทรายธรรมดาขนาดเท่าลูกวัวที่อยู่รอบข้างดูเล็กจ้อยลงไปถนัดตาเมื่อเทียบกับมัน

ฝ่ายสตรีเอ่ยด้วยความแปลกใจ “มีแมงป่องทรายใหญ่ขนาดนี้ด้วยหรือ?”

ฝ่ายชายจ้องเขม็งพลางกล่าวว่า “มีตำนานเล่าขานกันว่าในทะเลทรายแห่งนี้มีราชาและราชินีแมงป่องทรายอย่างละหนึ่งตัว เล่ากันว่าราชินีแมงป่องทรายจะซ่อนตัวอยู่ใต้ดินลึกสลัวไม่เคยปรากฏตัวขึ้นเลย รับหน้าที่ขยายเผ่าพันธุ์ ร่างกายใหญ่โตมโหฬารอย่างยิ่ง ใหญ่กว่าราชาแมงป่องทรายเสียอีก แต่ก็ไม่มีใครทราบถึงขนาดที่แน่ชัดของมัน ขนาดของเจ้าตัวนี้สอดคล้องกับราชาแมงป่องทรายในตำนานเล่าขาน น่าจะเป็นราชาแมงป่องทรายในตำนานขอรับ”

ระหว่างที่พูดคุยกัน สิ่งที่เรียกว่าราชาแมงป่องทรายก็เริ่มเคลื่อนที่จนเกิดเสียงดังสนั่นขึ้น แข้งขายาวเคลื่อนไหวว่องไว ระยะทางในหนึ่งย่างก้าวมิใช่ระยะที่แมงป่องทรายธรรมดาจะเทียบชั้นได้ ดูราวกับภูเขาขนาดย่อมที่คลื่อนผ่านทะเลทรายไปด้วยความเร็ว แมงป่องทรายจำนวนมากถูกมันชนจนล้มหงายหรือไม่ก็กระเด็นออกไป ทิ้งร่องรอยที่เด่นชัดเป็นพิเศษเส้นหนึ่งไว้ในทะเลทราย

เมื่อมองไปรอบๆ อีกครั้ง ในสถานที่ที่สายตาสามารถมองไปถึงล้วนมีแมงป่องทรายไต่ยั้วเยี้ยมุ่งหน้าไปในทิศทางเดียวกันอย่างบ้าคลั่ง

“น่าจะมิใช่การออกล่าเหยื่อแล้ว จะมีเหยื่อใดเล่าที่จะสามารถกระตุ้นให้ราชาแมงป่องทรายเกิดความกระหายอยากจนออกมาล่าเหยื่อได้?” ฝ่ายชายส่ายหน้าเล็กน้อย จากนั้นมองไปทางฝ่ายสตรีแล้วเอ่ยถาม “ท่านมหาเสนาบดี ลองไปดูกันดีหรือไม่ขอรับ?”

ฝ่ายสตรีพยักหน้ารับ “ได้ ไปเปิดหูเปิดตากันหน่อย!”

ฝ่ายชายโบกมือชี้ทาง วิหคขนหลากสีกระพือปีกมุ่งหน้าไปทันที ไล่ตามไปในทิศทางเดียวกับราชาแมงป่องทราย

เมื่อตามราชาแมงป่องทรายที่วิ่งอยู่บนพื้นทรายทันแล้ว วิหคยักษ์ก็บินมุ่งหน้าต่อไปในทิศทางที่เหล่าแมงป่องทรายไปรวมตัว รีบบินไปตรวจสอบว่าสถานการณ์เป็นอย่างไร

ระหว่างทางยังพบเห็นแมงป่องทรายที่มีขนาดเล็กกว่าราชาแมงป่องทราย แต่ก็ยังใหญ่กว่าแมงทรายธรรมดาอีกด้วย ต่างมุ่งหน้าไปในทิศทางเดียวกัน

ราวกับแมงป่องทรายในทะเลทรายล้วนเป็นบ้ากันไปหมด เสมือนว่ากองทัพแมงป่องทรายจากทั่วสารทิศล้วนมุ่งหน้ามาที่นี่ ฉากตระการตาหาได้ยากเช่นนี้ทำให้บุรุษที่อยู่บนหลังวิหคขนหลากสีแน่ใจขึ้นเรื่อยๆ แล้วว่ามิใช่การล่าเหยื่อตามปกติแน่นอน

……

พอเห็นหยวนกังพุ่งเข้ามาอย่างไม่คิดชีวิตอีกครั้ง ชายไว้เคราตวาดด้วยความโกรธ “คิดว่าข้าไม่กล้าสังหารเจ้าอย่างนั้นเรอะ? ถึงฆ่าเจ้าทิ้งที่นี่ก็ไม่มีผู้ใดรู้ เป็นเจ้ารนหาที่ตายเอง เช่นนั้นก็อย่าได้กล่าวโทษข้าแล้วกัน!”

เขาตวัดกระบี่คราหนึ่ง ฟันส่งปราณกระบี่คมกล้าทรงพลังสายหนึ่งออกไป

หยวนกังพุ่งเข้าหาอย่างไม่คำนึงถึงความตาย จับดาบด้วยสองมือ เส้นเลือดทั่วร่างปูดโปน “โฮก!” ดาบสามคำรามแผดเสียง คมดาบวาววับดังแพรขาวฟาดฟันออกไป

ตูม!

ปราณกระบี่แตกสลาย ดาบสามคำรามสั่นไหวเกิดเสียงดังหวึ่งๆ หยวนกังถูกคลื่นอากาศอันรุนแรงกระแทกจนถอยกรูดไป เส้นผมปลิวสะบัดยุ่งเหยิง

ชายไว้เคราตกใจ เป็นอีกครั้งที่ได้สัมผัสถึงพลังดิบเถื่อนที่หยวนกังระเบิดออกมา พลังนี้ชวนให้ตกใจอย่างมากจริงๆ!

หยวนกังที่ยังคงถอยกรูดไปกลับก้าวเท้าออกวิ่งอย่างคลุ้มคลั่ง พุ่งเข้าเผชิญกับลมพายุอันรุนแรงอีกครั้ง

“รนหาที่ตาย!” ชายไว้เคราหัวเราะหยัน ตวัดกระบี่ฟันออกไปในแนวนอนแล้วตามด้วยแนวตั้ง ปราณกระบี่สองสายพุ่งตามกันออกไป

ตูม!

โฮก! เสียงพยัคฆ์คำรามดังขึ้น สะบั้นปราณกระบี่สายหนึ่งอย่างบ้าคลั่งอีกครั้ง

หยวนกังที่ถูกกระแทกจนถอยกรูดไปอีกครั้งเผชิญหน้ากับปราณกระบี่อีกสายพุ่งตามเข้า ยามนี้เขาตั้งรับไม่ทันแล้ว ไม่มีเวลาพอให้โจมตีกลับไปเป็นครั้งที่สองอีก

ระหว่างที่ถอยกรูดไปเพราะแรงกระแทก เขาตั้งดาบป้องกันร่างในแนวนอน หันคมดาบออกไป ใช้แขนดันใบดาบเอาไว้ ต้านรับปราณกระบี่สายที่สองที่โจมตีเข้ามา!

ตูม!

พรูด! ปราณกระบี่สลายตัวไป ส่วนหยวนกังก็กระอักโลหิตคำหนึ่งออกมาจากปาก ร่างกายถูกกระแทกจนกระเด็นลอยออกไป

ชายมีเคราที่กำลังตามไปสังหารพลันตวัดกระบี่ฟันออกไปทางด้านข้าง สังหารแมงป่องทรายที่ดีดตัวโผเข้ามา

แมงป่องทรายที่กรูกันมาจากทั่วทุกด้านเริ่มเข้าโจมตีเขาอย่างบ้าคลั่ง ถึงจะเห็นเพื่อนร่วมเผ่าพันธุ์กระเด็นออกไป พวกมันก็ยังคงดาหน้าเข้ามาโจมตีกันเรื่อยๆ

แมงป่องทรายแห่แหนกันมาจากทุกทิศทาง โผเข้ามาจากทางอากาศก็มี ทั้งหมดล้วนเข้าโจมตีเขาอย่างบ้าคลั่ง

แมงป่องทรายที่กรูกันเข้ามาจากทั่วทิศก็โผเข้าใส่ซูจ้าวที่นอนกระอักโลหิตอยู่บนพื้นเช่นกัน

แม้จะเห็นแมงป่องทรายที่โบกก้ามและเข็มพิษพุ่งเข้ามาหา ทว่าซูจ้าวไร้เรี่ยวแรงจะลุกขึ้นมาได้ นางยิ้มออกมาอย่างน่าเวทนา ค่อยๆ หลับตาลงเพื่อรอรับความตาย艾琳小說

ทว่าพอฝูงแมงป่องทรายพุ่งเข้ามาถึงตรงหน้านาง จู่ๆ พวกมันก็เบี่ยงตัวหลบซ้ายหลบขวา อ้อมผ่านร่างนางแล้วมุ่งหน้าต่อไป

เมื่อได้ยินเสียงแมงป่องทรายพุ่งผ่านข้างตัวไปจนเกิดเสียงดังสวบสาบ ซูจ้าวจึงลืมตาขึ้นมาอย่างเชื่องช้าอีกครั้ง พอเห็นว่ามีฝูงแมงป่องทรายพุ่งเข้ามาแต่กลับผ่านตัวนางไปโดยไม่ทำอันตรายนางเลย นางจึงค่อนข้างแปลกใจ ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดแมงป่องทรายเหล่านี้ถึงไม่แตะต้องตัวนาง

นางหารู้ไม่ว่าหยวนกังแบกนางวิ่งมานานขนาดนี้ บนร่างของนางจึงเต็มไปด้วยกลิ่นอายของหยวนกัง นี่คือเหตุผลที่ทำให้นางรอดพ้นภัยมาได้

นางนอนอยู่ท่ามกลางฝูงแมงป่องทราย มองเห็นแมงป่องทรายวิ่งผ่านข้างตัวไปอย่างบ้าคลั่ง ประสบการณ์เช่นนี้เป็นเรื่องที่ไม่เคยพานพบมาก่อนเลยจริงๆ ซูจ้าวพยายามยกหัวขึ้นอย่างยากลำบาก แต่คอก็ตกลงบนพื้นทรายอีกครั้งอย่างไร้เรี่ยวแรง ลมหายใจหอบถี่ มีโลหิตทะลักออกมาจากปากและจมูกเป็นระยะ

อาการบาดเจ็บของนางสาหัสเป็นอย่างมาก เพราะตอนที่ติดอยู่กลางพายุหมุนก่อนหน้านี้นางไม่อาจแยกแยะทิศทางได้ ประสาทการมองเห็นและได้ยินถูกรบกวน เมื่อปราณกระบี่สายนั้นพุ่งเข้ามานางก็ตั้งตัวไม่ทัน ไม่มีเวลาพอให้ต้านรับได้

อีกทั้งก่อนหน้านั้นนางพาหยวนกังเหินทะยานข้ามทะเลทรายมา สูญเสียพลังไปไม่น้อยเลย ช่วงที่ติดอยู่ในพายุหมุนแล้วต้องรับการโจมตีนั้น ด้วยความรีบร้อนและมีพลังไม่เพียงพอ นางจึงถูกปราณกระบี่สายนั้นโจมตีจนบาดเจ็บสาหัสในชั่วพริบตา!

พลังของนางไม่ใช่สิ่งที่หยวนกังจะเทียบได้ แต่ด้านความแข็งแกร่งทางกายภาพนางก็ไม่อาจเทียบหยวนกังได้เช่นกัน

“พรวด!” หยวนกังที่กระอักโลหิตออกมาคำหนึ่งพลิกตัวลุกขึ้นมาจากพื้นทราย พอฝูงแมงป่องทรายพุ่งเข้าไปทางซูจ้าวที่นอนหมดสภาพอยู่บนพื้น เขาก็วิ่งเข้าไปหาทันที

เมื่อวิ่งผละออกมาจากกองทัพแมงป่องมหาศาลแล้วมองเห็นซูจ้าวนอนหายใจหอบอยู่ท่ามกลางเม็ดทรายที่ปลิวว่อน หยวนกังพลันโล่งใจ เขาย่อขาคุกเข่าข้างหนึ่งลงข้างตัวนาง ด้วยอยู่ท่ามกลางเสียงวิ่งดังสวบสาบที่ดังสนั่น เขาจึงต้องตะโกนถามเสียงดังว่า “เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?”

“แค่กๆ!” ซูจ้าวไอขึ้นมา มีโลหิตทะลักออกจากปาก กะพริบตาอย่างอ่อนแรง พูดอะไรไม่ออกแล้ว

แต่ใบหน้ายังคงแฝงรอยยิ้มจางๆ รู้สึกค่อนข้างปลื้มใจ ชายคนนี้อยู่เหนือความคาดหมายของนางจริงๆ สามารถปะทะกับอาจารย์ของตนตรงๆ ได้ ดูเหมือนจะทนทานต่อการโจมตีกว่าผู้บำเพ็ญเพียรอย่างนางเสียอีก

หยวนกังมองออกว่านางบาดเจ็บสาหัสมาก เขาหันกลับไปมองชายมีเคราที่ถูกแมงป่องทรายเข้าพัวพันเล็กน้อย ไม่มีกะจิตกะใจจะไปสู้กับอีกฝ่ายแล้ว เขาสอดแขนช้อนร่างซูจ้าวขึ้นมา

ซูจ้าวแสดงสีหน้าเจ็บปวดออกมาทันที กระดูกซี่โครงหักเสียหายรุนแรง การอุ้มด้วยท่านี้นับเป็นความทรมานสำหรับนาง

หยวนกังเข้าใจความเจ็บปวดของนาง เอ่ยเสียงขรึมว่า “อดทนหน่อย!”

ว่าแล้วก็อุ้มซูจ้าวออกวิ่ง วิ่งแฉลบซ้ายแฉลบขวา หลบเลี่ยงแมงป่องทรายที่พุ่งเข้ามา

ตูม! กลุ่มแมงป่องทรายที่รุมโจมตีอยู่ถูกกระแทกจนกระเด็นออกไป ชายไว้เคราเหินทะยานออกมาจากการปิดล้อมโจมตีของแมงป่องทราย ไล่ตามทั้งสองคนที่กำลังหลบหนีอีกครั้ง ย่ำเท้าเหยียบลงบนร่างแมงป่องทรายที่ดีดตัวขึ้นมา เหินมุ่งหน้าไปอย่างต่อเนื่อง บางครั้งก็ใช้กระบี่ตบลงไปบนร่างแมงป่องทราย หยิบยืมแรงเพื่อเหินทะยาน ตามไล่ล่าต่อไป!

ด้วยความสามารถนี้ของอีกฝ่ายทำให้หยวนกังตระหนักได้ว่าหากเป็นเช่นนี้ เขาไม่มีทางหนีพ้นแน่นอน

เขาพลันหยุดฝีเท้า ไม่วิ่งต่อแล้ว “ย้าก!” เขาเงยหน้าแผดร้องออกมาด้วยความโกรธเกรี้ยว

แมงป่องทรายที่อยู่รอบข้างที่เดิมทีสนใจแต่จะพุ่งเข้ามาสังหารพลันเปลี่ยนทิศทาง โผเข้ามาหาเขา ในไม่ช้าก็กลบทับเขาเอาไว้

แมงป่องทรายจำนวนมหาศาลกรูกันเข้ามาทับถมทีละกลุ่มๆ ไม่นานก็ซ้อนทับกันจนดูคล้ายภูเขาอย่างไรอย่างนั้น แมงป่องทรายซ้อนทับกันยั้วเยี้ยแน่นขนัด มองแล้วชวนขนหัวลุก

ภูเขาแมงป่องทรายยังคงกองสุมกันสูงขึ้นเรื่อยๆ เพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็ว

หยวนกังที่อยู่ในนั้นไม่ได้ถูกกลบฝัง แมงป่องทรายที่กองทับกันอยู่ได้สร้างว่างช่องเล็กๆ ไว้ให้เขา

เมื่อเห็นแมงป่องทรายที่รวมตัวกองทับถมกันแน่นขนัด หยวนกังที่อยู่ในโลกของแมงป่องทรายคล้ายจะเข้าใจอะไรขึ้นมาแล้ว

ก่อนหน้านี้ที่เห็นแมงป่องทรายคล้ายจะเข้าปิดล้อมโจมตีชายไว้เคราตามคำสั่งเขา เขาก็พอจะรับรู้ได้ ทว่าไม่เข้าใจต้นสายปลายเหตุ

เมื่อครู่เนื่องด้วยถูกบีบคั้นจนไร้หนทาง ในเมื่อไม่ว่าจะทางไหนก็ล้วนแต่ยากจะหลบหนีไปได้ เขาจึงลองทดสอบดูเล็กน้อย ผลลัพธ์ทำให้เขากระจ่างแจ้งอย่างสมบูรณ์แล้ว

เขาอาจจะสื่อสารกับแมงป่องทรายเหล่านี้ตรงๆ ไม่ได้ แต่ขอเพียงเขาสามารถถ่ายทอดอารมณ์ของตนออกมาให้แมงป่องทรายเหล่านี้ได้รับรู้ ทำให้แมงป่องทายเหล่านี้เข้าใจได้ ตนเองก็จะสามารถส่งผลกระทบและควบคุมแมงป่องทรายเหล่านี้ได้

เขานึกเสียใจขึ้นมา ดูเหมือนตนจะรู้ตัวช้าไปหน่อย

แต่หากไม่ตกอยู่ในช่วงเวลาแห่งความเป็นความตายเช่นนี้ล่ะก็ เขาก็คงไม่มีทางเข้าใจได้ง่ายๆ เขาคงจะไม่แม้แต่จะขบคิดไปในทางนี้เลย

ซูจ้าวที่ไร้เรี่ยวแรงจนแทบจะกะพริบตาไม่ไหวมองดูภาพเหตุการณ์นี้ด้วยสีหน้าไม่อยากจะเชื่อเช่นกัน แมงป่องทรายเหล่านี้ปกป้องพวกเขาอยู่อย่างนั้นหรือ!

สุดท้ายก็เลื่อนสายตามองไปที่ใบหน้าของหยวนกัง เมื่อปะติดปะต่อเข้ากับเหตุการณ์ที่แมงป่องทรายหลบเลี่ยงไปก่อนหน้านี้ นางก็เดาออกแล้วว่าเรื่องนี้น่าจะเกี่ยวข้องกับหยวนกัง

ด้านนอกมีเสียงครืนๆ แว่วเข้ามาอย่างต่อเนื่อง

เมื่อเห็นภูเขาแมงป่องทรายกองสุมกันสูงขึ้นเรื่อยๆ ชายมีเคราก็แทบจะคลุ้มคลั่ง ถือกระบี่ฟาดฟันใส่อย่างรุนแรง คิดจะขุดเอาคนที่อยู่ด้านในภูเขาแมงป่องทรายออกมา

แต่ไม่ว่าเขาจะโจมตีอย่างไร แมงป่องทรายเหล่านี้ก็ไม่แยแสต่อความเป็นความตายของตนเลย แม้จะต้องตายก็ยังมุ่งมั่นจะก่อภูเขาแมงป่องทรายลูกนี้ขึ้นให้ได้

ยิ่งเขาสังหารไปมากเท่าไร ภูเขาแมงป่องทรายก็ยิ่งสูงใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งไปกว่านั้นคือเปลือกนอกของแมงป่องทรายเหล่านี้ก็ค่อนข้างทนต่อโจมตี

เขาเหลียวมองไปรอบด้านอีกครั้ง เห็นว่ายังคงมีแมงป่องทรายแหแหนกันมาไม่ขาดสาย จนตอนนี้แทบหาที่วางเท้าไม่ได้แล้ว พื้นทรายรอบข้างล้วนเต็มไปด้วยแมงป่องทรายที่ส่ายหัวชูหางไต่คลานเข้ามา

เอาอาศัยพลังปราณอันลึกล้ำรวมถึงความเร็วในการหลบหลีกอย่างว่องไวเลี่ยงการโจมตีจากแมงป่องทรายเหล่านี้ พยายามลอยตัวอยู่ในอากาศไม่ให้ร่างแตะลงพื้น อาศัยเหยียบร่างแมงป่องทรายเหล่านี้เพื่อหยิบยืมแรง เหินทะยานขึ้นไปอย่างต่อเนื่อง โจมตีไปรอบๆ ภูเขาแมงป่องทรายอย่างบ้าคลั่ง

แต่การทำเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ มิใช่วิธีที่ดีเลย ถ้ายังสิ้นเปลืองแรงเช่นนี้ไปเรื่อยๆ ไม่ช้าก็เร็วเขาจะสูญเสียพลังจนร่วงสู่พื้น เมื่อถึงเวลานั้นต่อให้ตนมีสภาวะลึกล้ำเพียงใดก็คงถูกแมงป่องทรายเหล่านี้โจมตีสังหารอยู่ดี

แต่หากจากไปเช่นนี้ล่ะก็ เขาก็ไม่มีคำอธิบายใดจะกลับไปรายงานได้!

บัดซบ! นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเผชิญเรื่องแปลกประหลาดเช่นนี้ระหว่างตามไล่ล่าสังหาร แล้วก็เป็นครั้งแรกที่ได้รู้ว่าแมงป่องทรายสามารถทำเรื่องเช่นนี้ได้ด้วย หรือว่าไอ้หนุ่มคนนั้นจะควบคุมสัตว์ได้?

โชคดี ไกลออกไปมีวิหคยักษ์ตัวหนึ่งบินเข้ามา เป็นเจ้าบอดและชายไร้เครา

ทั้งสองไล่ตามเลียบแม่น้ำไปจนค้นพบว่าเป็นแผนลวงของหยวนกัง จึงรีบย้อนกลับมาแล้วไล่ตามมาทางนี้ทันที

“ดูเหมือนที่นี่จะมีแมงป่องทรายชุมนุมอยู่ไม่น้อยเลย” เจ้าบอดสูดดมกลิ่นที่ลอยในอากาศพลางเอ่ยขึ้นมา

เจ้าบอดมองไม่เห็น ทว่าชายไร้เครากลับมองเห็นเหตุการณ์ด้านล่างอย่างชัดเจน เขาเพิ่งจะเคยเห็นแมงป่องทรายมาชุมนุมกันมากมายขนาดนี้เป็นครั้งแรกในชีวิต ทำให้เขาตกใจอย่างมาก

จากนั้นก็เห็นชายไว้เครากระโดดโลดเต้นอยู่รอบๆ กองภูเขาแมงป่องทราย โจมตีใส่อย่างต่อเนื่อง ไม่รู้ว่ากำลังทำอะไรอยู่กันแน่

พอเห็นว่าพวกพ้องของตนมาแล้ว ชายไว้เคราเหินร่างขึ้นไปบนยอดเขาแมงป่องทราย ยืมแรงถีบตัวขึ้นไปทันที ทะยานมุ่งหน้าเข้ามาหาทางนี้อย่างรวดเร็ว

ชายไร้เคราบังคับวิหคให้โฉบเข้าไปหาแล้วรับตัวเขาไว้จากกลางอากาศ

เมื่อชายไว้เคราร่อนลงบนหลังวิหค คนไร้เคราก็ชี้ลงไปด้านล่างแล้วเอ่ยถามทันที “นี่มันอะไรกัน? เกิดอะไรขึ้นกันแน่?”

เจ้าบอดหันหน้ามาเล็กน้อย เงี่ยหูฟัง

ชายไว้เครากัดฟันพลางเอ่ยว่า “เป้าหมายซ่อนตัวอยู่ในนั้น เจ้าหนุ่มนั่นสามารถเรียกแมงป่องทรายมาช่วยเหลือได้ ช่างน่าเหลือเชื่อจริงๆ ข้าเองก็ทำอะไรเขาไม่ได้เช่นกัน”

“เรียกแมงป่องทรายมาอย่างนั้นหรือ?” ชายไร้เคราแปลกใจ จากนั้นก็มองลงไปด้านล่างอีกครั้ง “มิน่าถึงได้หนีเข้ามาในทะเลทราบ”

ทว่าชายไว้เครากลับทอดสายตามองออกไปไกล มองเห็นวิหคยักษ์ขนหลากสีตัวหนึ่งที่บรรทุกคนสองคนบินเข้ามาทางนี้

…………………………………………………………….

ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า

ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า

Status: Ongoing
ใต้หล้ากว้างใหญ่…จะลมก็ดี จะฝนก็ช่าง ไม่มีอะไรจะขวางข้าได้!นิยายแปลกำลังภายในเลือดเดือดร้อยเล่ห์กล พระเอกฉลาดมากไหวพริบ ฉากบู๊มันสะใจ!เมื่อปรมาจารย์แห่งการขุดสุสานผู้หลงใหลในการบำเพ็ญเพียรได้หลุดเข้าไปในยุคสมัยโบราณอันวุ่นวายเพราะไฟสงครามด้วยโชคชะตาวาสหนาหนุนนำ ทำให้เขาได้รับสุดยอดเคล็ดวิชาและต้องฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆ นานา เพื่อสยบใต้หล้าเอาไว้ในกำมือ!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท