จอมบงการเทพยุทธ์ – บทที่ 294 ฉินมู่ตัดสินใจ เลื่อนเขตแดนเป็นผู้กุมชะตา!

จอมบงการเทพยุทธ์ - บทที่ 294 ฉินมู่ตัดสินใจ เลื่อนเขตแดนเป็นผู้กุมชะตา!

บทที่ 294 ฉินมู่ตัดสินใจ เลื่อนเขตแดนเป็นผู้กุมชะตา!

หากพิภพหายไปสิ่งนี้จะอยู่รอดได้อย่างไร?

ราชันเซียนนิรันดร์เป็นอมตะไร้ที่สุดเหมือนกับสวรรค์

อย่างไรก็ตาม ตัวตนของราชันเซียนนิรันดร์ซึ่งเป็นที่น่าอิจฉาของสิ่งมีชีวิตหลายร้อยล้านชีวิตในอดีตนั้น ตอนนี้กําลังสิ้นหวัง

ความเป็นอมตะคู่สวรรค์ฟังดูดีแต่ตอนนี้สวรรค์กําลังจะล่มสลาย!

สวรรค์กําลังจะล่มสลายสิ่งมีชีวิตทั้งหมดที่ขึ้นอยู่กับมันจะต้องสูญสิ้นไปพร้อมกันตามปกติ

แม้ว่าจะสูงส่งอย่างราชันเซียนนิรันดร์ก็ไม่มีข้อยกเว้น

ดังนั้น ตอนนี้จึงเป็นช่วงเวลาที่สําคัญที่สุดจริงๆ

ราชันเซียนนิรันดร์ทั้งสามปรึกษาหารือกันบนเก้าสวรรค์ ขณะที่ยอดยุทธ์คนอื่นๆของแดนนิรัน

ดร์ แสดงท่าทางที่แตกต่างกันออกไปฉินมู่เห็นทั้งหมดนี้ในสายตาของเขา

ตอนนี้ จุดประสงค์ของเขาสําเร็จแล้ว

หลังจากสร้างข่าวว่าเซียนต้นกําเนิดกําลังจะมาและจะทําลายพิภพทั้งใบพิภพทั้งพิภพจะต้องตกอยู่ภายใต้แรงกดดันอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน

เขาไม่รู้ว่า ภายใต้แรงกดดันมหาศาลนี้จะมีสักกี่คนที่โดดเด่นและสามารถกลายเป็นตัวตนที่สิ่งมีชีวิตทั้งหมดในพิภพนี้สามารถพึ่งพาได้

“ดูแต้มตกใจปัจจุบัน”

ฉินมู่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็เรียกหน้าจอระบบออกมา

แผงสีทองอ่อนปรากฏขึ้นด้านบนเป็นแถวที่มีตัวเลขจํานวนมาก

หลังจากความตกใจของดินแดนลับที่ฉินมู่ตั้งขึ้นในตอนนี้เขาได้รับแต้มตกใจเพิ่มเป็นสองหมื่นล้านแต้มตกใจแล้ว!

สองหมื่นล้านแต้มตกใจ!

นี้มันอะไร?

การเลื่อนเขตแดนของจอมจักรพรรดิเซียนนิรันดร์เป็นผู้กุมชะตา ต้องใช้แต้มตกใจหมื่นล้านแต้มตกใจ

ต้องใช้หลายพันล้านแต้มตกใจเพื่อทําให้ดินแดนลับของทะเลแห่งนี้เปี่ยมไปด้วยซากประวัติศาสตร์ของพิภพหลายร้อยล้านแห่ง

กล่าวคือฉินมู่ในปัจจุบันไม่เพียงแต่ทําให้ดินแดนลับที่เหลืออยู่นี้ให้สมบูรณ์ แต่ยังบรรลุเป้า

หมายในการก้าวเข้าสู่เขตแดนผู้กุมชะตาจอมจักรพรรดิเซียนนิรันดร์ในทันที

“เมื่อดินแดนลับเสร็จสิ้นแล้วก็ไม่จําเป็นต้องกังวลอีกต่อไปตอนนี้จุดสูงสุดของพลังต่อสู้ในแดนนิรันดร์คือราชันเซียนนิรันดร์และเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะทําลายซากประวัติศาสตร์ของดินแดนลับอันนับไม่ถ้วนในส่วนนี้รอจนกว่าจะมีคนก้าวข้ามไปได้อีกครั้งก็อาจจะต้องพิจารณาเพิ่มซากประวัติศาสตร์ของดินแดนลับทะเลหมื่นพิภพ”

ฉินมู่ไตร่ตรองและกล่าวต่อ

“สําหรับการเลื่อนเขตแดนเป็นจอมจักรพรรดิเซียนนิรันดร์สามารถทําได้ตอนนี้!”

หัวใจของฉินมู่เริ่มสั่นไหวแต้มตกใจบนแผงสีทองอ่อนก็เริ่มไหลอย่างดุเดือดและกระแสพลังของฉินมู่ก็เริ่มเพิ่มขึ้นอย่างไร้ที่สิ้นสุด!

ความแข็งแกร่งของเขาเพิ่มขึ้นอย่างบ้าคลั่งและความเร็วก็เพิ่มขึ้นหลายเท่าจนแทบจะเพิ่มขึ้นทุกวินาที!

ฉินมู่ในวันนี้ แม้ว่าจะเป็นกึ่งจอมจักรพรรดิเซียนนิรันดร์อยู่แล้วแต่ดูเหมือนจะอยู่ห่างจากจอมจักรพรรดิเซียนนิรันดร์เพียงแค่เส้นกั้นบางๆเท่านั้น

แต่เส้นกั้นนี้ เป็นการแบ่งแยกระหว่างสวรรค์กับมนุษย์และเป็นอุปสรรคที่ไม่สามารถผ่านไปได้ระหว่างผู้ที่ได้มาภายหลังและผู้มีมาโดยกําเนิด

ก่อนหน้านี้เขาได้วางดินแดนลับอธิบายความหมายที่แท้จริงของผู้กุมชะตาเซียนต้นกําเนิดอันลึกลับแต่ไม่ได้ทําด้วยตัวเอง

เมื่อความแข็งแกร่งได้มาถึงระดับของเขาแล้วควบคู่กับความช่วยเหลือของระบบและด้วยการใช้แต้มตกใจบางส่วนเขาจึงสามารถรู้ได้อย่างเป็นธรรมชาติว่าเขตแดนที่สูงขึ้นคืออะไร

กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ ไม่ว่าจะเป็นผู้กุมชะตา เซียนต้นกําเนิด หรือบรรพบุรุษแห่งวิถีมันเป็นเรื่องจริงทั้งหมด!

ทะเลแห่งจักรวาลอันกว้างใหญ่ที่เปี่ยมไปด้วยจักรวาลนับอนันต์ก็มีอยู่จริงเช่นกัน!

ด้วยเหตุนี้กระแสพลังของฉินมู่ในตอนนี้จึงเพิ่มขึ้นอย่างไร้ที่สุดทุกช่วงเวลาเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ราวกับเกิดใหม่

จากผู้ที่ได้มาภายหลังสู่ผู้มีมาโดยกําเนิด ความแตกต่างนั้นชัดเจนเกินไปเดิมเป็นเหมือนฝุ่นผงบนพื้นพิภพในขณะที่อย่างหลังนั้นสูงกว่าท้องฟ้าไม่มีอะไรเทียบได้ระหว่างทั้งสอง

สําหรับความแข็งแกร่งนั้น ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะเปรียบเทียบ

เนื่องจากสองเขตแดนแม้จะถูกกั้นด้วยเส้นบางๆ แต่ก็ไม่ใช่สิ่งมีชีวิตแบบเดียวกันอีกต่อไปเช่นเดียวกับความแตกต่างระหว่างสิ่งมีชีวิตที่มีมิติสูงและสิ่งมีชีวิตมิติต่ำ

ในสายตาของสิ่งมีชีวิตที่มีมิติต่ำตัวตนที่มีมิติสูงนั้นน่าเหลือเชื่อ เป็นสิ่งที่จินตนาการไม่ได้และไม่มีใครสามารถแตะต้องได้

ตัวตนของผู้กุมชะตาและแก่นแท้ของชีวิตได้รับการเปลี่ยนแปลงมานานแล้วในสายตาของผู้ที่ได้มาภายหลังยังคงเป็นภาพเดิมเพราะนั่นเป็นเพียงด้านหนึ่งของตัวตนของผู้กุมชะตาด้านที่

สามารถเข้าใจได้โดยสิ่งมีชีวิตในมิติที่ต่ำกว่าเท่านั้น!

“บูม!”

กระแสพลังอันยิ่งใหญ่ที่พุ่งออกมาจากร่างของฉินมู่แต่เขาก็ยับยั้งมันไว้ในทันทีและทั้งหมดก็กลับคืนสู่สภาพเดิมโดยไม่มีผู้ใดสังเกตเห็น

นี่คือผลของการปกป้องโดยเจตนาของฉินมู่เพราะหากเขาปล่อยให้กระแสพลังแห่งความก้าวหน้าเปล่งออกมากลัวว่าสรรพสิ่งทั้งหมดจะกลายเป็นฝุ่นและไม่มีอยู่อีกต่อไปกล่าวคือแดนทมิฬรวมไปถึงสิ่งมีชีวิตทั้งหมดที่อยู่ในนั้นจะหายไปในทันทีอย่างง่ายดายแต่อย่างไรก็ตามการได้เลื่อนเขตแดนเป็นผู้กุมชะตาแล้ว แดนทมิฬจะไม่อยู่ในสายตาของฉินมู่อีกต่อไป

มังกรจะจงใจบดขยี้งูเหลือมเล็กๆ ที่ไม่มีความสําคัญงั้นหรือ?

มันเป็นไปไม่ได้เลย

เมื่อเทียบกับครั้งก่อน เวลาที่ใช้สําหรับก้าวข้ามเขตแดนในครั้งนี้มากขึ้นอย่างเห็นได้ชัดแต่ถึงกระนั้นหลังจากที่ผ่านไปไม่ถึงครู่หนึ่งกระแสพลังของฉินมู่ก็หยุดเพิ่มขึ้นในที่สุดและก็มีแนวโน้มที่จะทรงตัว

“นี่คือผู้กุมชะตางั้นหรือ”

ฉินมู่ก้มหน้าลง มองไปที่ฝ่ามือของเขาและพึมพํากับตัวเอง

มันเป็นฝ่ามือคู่หนึ่งที่มีสีขาวราวกับหยกเปี่ยมไปด้วยกระแสพลังที่เต็มเปี่ยม

แต่ในสายตาของฉินมู่นั้นเขาเห็นแต่ละอนุภาคเปี่ยมไปด้วยพลังอันไร้ขอบเขตราวกับจักรวาลที่เปี่ยมด้วยดวงดารา

และฝ่ามือคู่นี้ ประกอบด้วยอนุภาคนับพันล้านที่มีพลังมหาศาลราวกับดวงดาวของจักรวาล!

ฉินมู่ในปัจจุบันยังมีความเข้าใจเขาสามารถทําลายแดนนิรันดร์ทั้งหมดได้อย่างสมบูรณ์ด้วยนิ้วเดียวโดยไม่ทิ้งร่องรอยของตัวตนไว้เลย!

และด้วยความคิดเดียว เขาสามารถนําแดนนิรันดร์ที่สมบูรณ์ออกจากมิติเวลาและพื้นที่คู่ขนานกันนับพันล้าน และสร้างจักรวาลใหม่อีกครั้ง!

การสร้างและการทําลายล้างนี่คือพลังอันน่าสะพรึงกลัวที่เป็นของผู้กุมชะตาจอมจักรพรรดิเซียนนิรันดร์!

PS: ลืมบอกไปว่า ผมเขียนระดับพลังยุทธ์ของแต่ละระดับไว้ที่หน้าสารบัญนะ

จอมบงการเทพยุทธ์

จอมบงการเทพยุทธ์

Status: Ongoing
ฉินมู่เดินทางเข้าสู่โลกแฟนตาซี และได้รับระบบจอมบงการ ซึ่งสามารถเปิด ดินแดนพิศวงหลากหลายและเปลี่ยนความคิดฝันในใจของเขาให้กลายเป็นความจริงในยุคนี้ ได้มีเผ่าพันธุ์มากมายนับพัน เผ่ามนุษย์นั้นอ่อนแอและไม่เคยได้มีผู้แข็งแกร่งถือกำเนิดขึ้นมาแม้แต่คนเดียวในประวัติศาสตร์ที่ถูกรังแกกดขี่ข่มเหงตามอำเภอใจเป็นเพราะว่าโลกอันกว้างใหญ่นี้ได้เปลี่ยนแปลงมาหลายร้อยชั่วอายุคน ทำให้ประวัติศาสตร์เมื่อหลายล้านปีก่อนได้ถูกลืมเลือนไปจากสิ่งมีชีวิตทั้งมวล ฉินมู่จึงได้กล่าวว่า ข้าจะสร้างประวัติศาสตร์ของสิ่งมีชีวิตทั้งหมดขึ้นมาใหม่ และจะสร้างร้อนฝนหนาวอันรุ่งเรืองให้กับมนุษยชาติในประวัติศาสตร์ที่เต็มไปด้วยหมอกอันพร่าเลือน โดยมีฉินมู่คอยบงการอยู่ด้านหลัง จัดวางดินแดนพิศวงทีละดินแดน และเปิดเผยมุมมืดอันเร้นลับของพวกมันออกมาเมื่อตำนานของเผ่าพันธุ์ได้ก้าวผ่านยุคดึกดำบรรพ์มาสู่โลกนี้ จะมีใครบ้างไหมที่หาญกล้าพอที่จะออกมาต่อสู้กับทุกเผ่าพันธุ์ในโลกนี้

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท