เมื่อมหาราชาเอาชนะคู่แข่งด้วยคะแนนโหวตอันท่วมท้น ครอบครัวของหลินเยวียนก็กำลังดูรายการอยู่เช่นกัน
“มหาราชาแข็งแกร่งมาก!”
หลินเซวียนพูดขึ้นอย่างอดไม่ได้
หลินเหยาซึ่งอยู่ด้านข้างพยักหน้า
คว้าอันดับหนึ่งตลอดสี่สัปดาห์ในการแข่งขันรอบจัดอันดับ ในการแข่งขันรอบทีมก็ข่มคู่แข่งเสียจมดินด้วยสถิติคะแนนโหวตสูงสุด สมกับชื่อมหาราชาของเขา
ยิ่งใหญ่เกรียงไกรสุดๆ
“สุดยอดมาก”
แม่ซึ่งเป็นครูสอนดนตรีปลดเกษียณกล่าวอย่างจริงจัง “ดูจากการแข่งขันตอนนี้ มีแค่หงส์ขาวกับหมาป่าเดียวดายที่จะมีความหวังจะเอาชนะมหาราชาได้ แต่ต่อให้เป็นสองคนนี้ก็ยังเป็นรองมหาราชาเล็กน้อย มหาราชาคนนี้เหมือนหุ่นยนต์สำหรับร้องเพลง…”
“หลานหลิงอ๋องของบ้านเราก็เก่งมากนะคะ!”
หลินเซวียนตอบกลับอย่างห้ามไม่อยู่
ตอนนี้เธอชอบหลานหลิงอ๋องจริงๆ ระยะนี้เปิดเพลงไม่เคยจากไปวนซ้ำหลายรอบ
หลินเหยาเอ่ยแย้งพี่สาวคนโต “หลานหลิงอ๋องไม่ใช่ของบ้านเราสักหน่อย”
หลินเยวียน “…”
หลานหลิงอ๋องเป็นของบ้านพวกเธอจริงๆ
หนานจี๋เห่าสองครั้ง ราวกับต้องการพูดอะไร
หลินเยวียนสีหน้าเปลี่ยน รีบส่งกระดูกเข้าปากหนานจี๋ในทันที
เงียบเร็ว!
หมาตัวนี้รู้มากเกินไปแล้ว!
ในขณะนั้นเอง
พี่สาวตะโกนขึ้นมาอีกครั้ง “ดูเร็วๆ ปลาตะพัดทองถอดหน้ากากแล้ว!”
หลินเยวียนมองหน้าจอโทรทัศน์ตามสัญชาตญาณ
ปลาตะพัดทองถอดหน้ากากแล้ว และตัวตนของเขาก็เป็นดังเช่นที่ชาวเน็ตคาดเดา
เฉินจื้ออวี่!
หลินเซวียนตื่นเต้น “เป็นลูกคนรองตลอดกาลรุ่นแรกจริงด้วย!”
หลินเหยาบอก “ปลาตัวอื่นเหมือนจะได้เข้ารอบ เฉินจื้ออวี่เป็นปลาตัวแรกที่ถอดหน้ากาก”
แม่เอ่ยว่า “เฉินจื้ออวี่โชคไม่ดี เจอกับหมาป่าเดียวดาย นั่นราชาเพลงเชียวนะ”
“…”
หลินเยวียนไม่พูด
เมื่อกินข้าวเสร็จ เขาขึ้นไปชั้นบนล็อกอินเข้าปู้ลั่ว
บนโลกออนไลน์ล้วนถกเถียงกันเกี่ยวกับราชาหน้ากากนักร้อง มีหลายหัวข้อสนทนาที่หลินเยวียนอ่านอย่างสนุกสนาน
ตัวอย่างเช่น หัวข้อสนทนาว่าทุกคนเดาว่านักร้องคนนั้นคนนี้เป็นใคร…
แน่นอน
สิ่งที่ขาดไม่ได้คือการหยิบยกนักร้องซึ่งผ่านเข้ารอบมาเปรียบเทียบความสามารถกัน
ตอนนี้เหลือนักร้องทั้งหมดสิบสองคน
หลินเยวียนลองประเมินคร่าวๆ คิดว่าสำหรับโลกภายนอกแล้ว ฝีมือของตนน่าจะอยู่ที่ประมาณอันดับที่หก
ใกล้เคียงกับที่คิดไว้
การตัดสินของผู้ชมขึ้นอยู่กับผลงานในการแข่งขันเป็นหลัก
หลังจากหลินเยวียนได้รับทักษะการร้องเพลงเพิ่มเติมจากระบบ เนื่องจากระดับความยากของผลงานที่เลือกไม่นับว่าสูงนัก ดังนั้นจึงไม่ได้ระเบิดฝีมือออกมาอย่างเต็มที่
การคาดคะเนว่าได้อันดับที่หกนี้เพิ่งเพิ่มสูงขึ้นมาไม่นาน
เพราะหลินเยวียนร้องเพลงซึ่งทดสอบทักษะการร้องในการแข่งขันรอบทีมอย่างเพลงไม่เคยหายใ…
เพราะร้องเพลงไม่เคยจากไป และเอาชนะนักรบเอ๋อลั่วอีซึ่งมีแนวโน้มได้เปรียบกว่า
นอกจากนั้น
สำหรับเรื่องการถอดหน้ากากของเฉินจื้ออวี่ บนโลกออนไลน์ก็มีการถกเถียงกัน
‘ในที่สุดก็มีปลาลอยเท้งเต้งขึ้นมาแล้ว!’
‘เป็นเฉินจื้ออวี่จริงด้วย!’
‘ฮ่าๆๆ ลูกคนรองตลอดกาลรุ่นแรก!’
‘เขาปลดเกษียณไปแล้ว ตอนนี้เป็นยุคสมัยของราชาเพลงเฟ่ยหยาง!’
‘ไม่มีอะไรน่าสงสัยนี่ เฉินจื้ออวี่เลือกเป็นปลาตะพัดทองก็แทบชัดเจนอยู่แล้ว!’
‘งั้นหมายความว่าปลาตัวอื่นเราก็อาจเดาถูกเหมือนกัน’
‘ฮ่าๆๆ เอาเป็นว่าในรอบหน้า นอกจากเฉินจื้ออวี่แล้ว คงได้เห็นหน้าค่าตาปลาตัวอื่นๆ!’
‘โลกใต้ท้องทะเล!’
‘…’
จู่ๆ หลินเยวียนก็นึกสงสัย
ว่าในรอบหน้าตนอาจต้องแข่งกับปลาสักตัวหนึ่ง
เพราะในการแข่งขันนี้มีปลาเยอะแยะไปหมด!
ผู้เข้าแข่งขันสิบสองคน!
เป็นปลาไปแล้วสี่คน!
มีโอกาสหนึ่งในสามที่จะจับได้คู่แข่งเป็นปลา!
อ่า
หลินเยวียนตบหัวตนเอง
คุณครูวิชาคณิตศาสตร์คงโกรธน่าดู
ถ้าไม่นับตนเอง ควรเป็นสี่ในสิบเอ็ดมากกว่า
ช้อนขึ้นมาจากใต้ท้องทะเลโดยแท้
มิหนำซ้ำหลินเยวียนยังรู้สึกว่าถ้าตนช้อนได้ปลาขึ้นมาจริงๆ คงจะเป็นคนคุ้นเคยสักคนหนึ่ง เขาพอจะจับเสียงของคนเหล่านี้ได้
ในเวลานั้นโทรศัพท์มือถือของหลินเยวียนดังขึ้น
เป็นสายซึ่งถงซูเหวินโทรมา
“โทรมารบกวนอาจารย์เซี่ยนอวี๋อีกแล้ว คือทางนี้อยากแจ้งกับคุณเรื่องกฎของการแข่งขันรอบต่อไปน่ะครับ”
“กฎอะไรครับ”
“ในการแข่งขันรอบท้าชิงเราจะแบ่งนักร้องทั้งสิบสองคนออกเป็นสองกลุ่ม นักร้องหกท่านสุดท้ายที่แพ้จะสามารถท้าชิงนักร้องหกท่านที่ชนะได้ และถ้าท้าชิงสำเร็จก็จะได้อยู่บนเวที…”
“ครับ”
ถ้าคิดตามกฎนี้แล้ว การชนะในครั้งแรกจะไม่มีความหมายเลย จะต้องมีกฎเกณฑ์อื่นมาเสริมอย่างแน่นอน
แน่นอนว่าถงซูเหวินก็ขบคิดเรื่องนี้
“เพื่อให้ทุกคนเห็นความสำคัญของการแข่งขันในรอบที่หนึ่ง เราจะให้นักร้องที่ชนะในรอบที่หนึ่งมีคะแนนโหวตสะสมไปก่อนหนึ่งร้อยคะแนน ดังนั้นเมื่อไปแข่งขันกับผู้ท้าชิง ย่อมได้เปรียบเป็นธรรมดา”
“เข้าใจแล้วครับ”
กฎข้อนี้สมบูรณ์กว่าที่หลินเยวียนคิดไว้
และเขาก็เข้าใจเจตนาที่ทีมงานรายการวางแผนเช่นนี้ได้อย่างถ่องแท้
ไม่กลัวว่าการจับสลากจะเกิดอาถรรพ์ ส่งผลให้ราชาราชินีเพลงเจอกันล่วงหน้า จนทำให้ผู้เข้าแข่งขันซึ่งมีความสามารถเป็นรองเข้ารอบ?
ตอนนี้ไม่เป็นเช่นนั้นแล้ว
สมมุติว่าหลินเยวียนกับหงส์ขาวเผชิญหน้ากัน ต่อให้หลินเยวียนทำพลาดและพ่ายแพ้ในการแข่งขัน เขาจะสามารถเลือกท้าทายนักร้องคนใดคนหนึ่งในบรรดาผู้ชนะหกคนได้
นี่เป็นการรับประกันอย่างหนึ่ง
อีกฝ่ายมีหนึ่งร้อยคะแนนแล้วอย่างไร?
ถ้าฝีมือของตนแข็งแกร่งพอ ความแตกต่างหนึ่งร้อยคะแนนนั้นไม่ได้มากเลย สามารถพลิกขึ้นมาชนะได้อย่างง่ายดาย
แน่นอน
หนึ่งร้อยคะแนนนี้ยังมีความสำคัญอย่างมากสำหรับผู้เข้าแข่งขันซึ่งอยู่ในระดับเดียวกัน
เนื่องจากภายใต้สถานการณ์ที่ความสามารถใกล้เคียงกันนี้เอง คะแนนโหวตหนึ่งร้อยคะแนนจะชี้เป็นชี้ตายได้ทันที!
เพราะฉะนั้นเจตนาของทีมงานรายการจึงชัดเจน
พยายามให้นักร้องซึ่งมีฝีมือค่อนข้างแข็งแกร่งผ่านเข้าสู่รอบตัดเชือก
ถงซูเหวินหัวเราะ “คุณยอมรับได้ก็ดีแล้วครับ เรื่องนี้จำเป็นต้องสื่อสารกับผู้เข้าแข่งขันล่วงหน้า”
“ครับ”
หลินเยวียนวางสาย
หลายวันต่อจากนั้น หลินเยวียนไม่ได้ทำอย่างอื่นเลย
ฝึกซ้อมเพลงเพียงอย่างเดียว
ระบบมอบความสามารถในการร้องเพลงให้กับหลินเยวียน แต่ไม่ได้หมายความว่าหลินเยวียนจะละทิ้งความพยายามของตนเองได้ หากคิดจะควบคุมความสามารถในการร้องเพลงได้ทั้งหมด หรือแม้แต่ไปไกลกว่านั้น เขาจำเป็นต้องทุ่มเทและพากเพียรฝึกซ้อม
กระทั่งในคืนก่อนวันแข่งขันรอบท้าทาย หลินเยวียนยังคงฝึกซ้อมอยู่
ฝึกซ้อมจนถึงเวลาสามทุ่ม จึงหยุดลงอย่างมีสติ
เขาต้องอาบน้ำเข้านอน
พรุ่งนี้ต้องไปแข่งขันที่ศูนย์ดนตรีกลาง วันนี้จำเป็นต้องพักผ่อน เพื่อให้ร่างกายมีความพร้อมเต็มที่
ทันทีที่หลินเยวียนลุกขึ้น หนานจี๋วิ่งเข้ามาเปิดประตูห้องน้ำอย่างคล่องแคล่ว โดยปกติแล้วหมายความว่าหนานจี๋ต้องการอาบน้ำด้วย
ใช่แล้ว
เดี๋ยวนี้เจ้าหมาตัวนี้เปิดประตูเองได้
เมื่อคนในครอบครัวไม่มีเวลาพามันออกไปเดินเล่น หนานจี๋จะเปิดประตูออกไปวิ่งเล่นเอง
พาตัวเองออกไปเดิน
ถึงอย่างไรในละแวกใกล้เคียงก็มีพรรคพวกอยู่ เพียงแต่ระยะนี้เสี่ยวหวงไม่เล่นกับมันแล้ว
อย่างไรก็ตาม หลินเยวียนเริ่มล็อกประตูหลังจากค้นพบพฤติกรรมของหนานจี๋ จะให้หนานจี๋ออกไปโดยลำพังไม่ได้
ถึงหนานจี๋จะดูท่าทางเหมือนไม่กัดคนก็เถอะ แต่จำเป็นต้องสร้างความมั่นใจให้กับผู้คนที่ผ่านไปมา
เข้าไปในห้องน้ำ
หลินเยวียนเริ่มอาบน้ำ
เขาไม่เพียงอาบน้ำให้ตนเอง แต่ยังช่วยอาบให้หนานจี๋ ปรากฏว่าอาบไปได้ไม่เท่าไหร่ จู่ๆ หลินเยวียนก็พบว่ามีบางอย่างผิดปกติ
เหมือนว่าอุณหภูมิของน้ำจะต่ำลง…
หลายคนคงเคยประสบกับสถานการณ์เช่นนี้ น้ำที่อาบเดิมทีเป็นน้ำร้อน แต่จู่ๆ น้ำร้อนก็หายไป
น่ากระอักกระอ่วนใจจริงๆ
เพราะในเวลานี้บนร่างกายของหลินเยวียนและหนานจี๋ถูกปกคลุมไปด้วยเจลอาบน้ำ เส้นผมเต็มไปด้วยฟองจากการถูแชมพู
หนานจี๋เริ่มร้อนรน
“ยังมีโอกาส…”
หลินเยวียนถือโอกาสที่น้ำยังไม่ได้เย็นเฉียบเสียทีเดียว รีบล้างตัวแข่งกับเวลา
ตัวเขาเอง
เมื่ออาบตนเองเสร็จ น้ำก็เย็นพอดี ทำอะไรไม่ได้จริงๆ มีน้ำเพียงพอสำหรับหนึ่ง ‘คน’ เท่านั้น
หลินเยวียนขบคิด
ถ้าหลังจากนี้หลินเยวียนใช้น้ำเย็นอาบให้หนานจี๋ หนานจี๋ต้องทนไม่ไหวแน่นอน ไม่สู้ช่วยเช็ดให้หนานจี๋ก่อน แล้วพรุ่งนี้ค่อยอาบให้อีกรอบ
เมื่อคิดเช่นนี้
หลินเยวียนช่วยหนานจี๋เช็ดตัวไปพลางฮัมเพลงปลอบหนานจี๋
“ทุกสิ่งคือฟองสบู่[1]…”
หนานจี๋ราวกับหลุดลอยอยู่ในห้วงฝัน ปล่อยให้หลินเยวียนทำตามที่เขาต้องการ
น้องหมาจะไปมีเจตนาชั่วร้ายอะไรได้?
แม่ตะโกนจากชั้นล่าง
“เครื่องทำน้ำอุ่นเหมือนจะพัง หลิงเซวียน พรุ่งนี้โทรเรียกคนมาซ่อมหน่อย วันนี้ไม่ต้องอาบน้ำแล้ว!”
“ยังดีที่หนูยังไม่ได้อาบ” เหยาเหยาเอ่ยอย่างมีความสุข
“ถอดกางเกงแล้ว ทำไมแม่เพิ่งมาบอกล่ะคะ!” พี่สาวร้องออกมาอย่างปวดใจ
ฟู่ๆๆๆ
หลินเยวียนหยิบไดร์เป่าผมออกมาเป่าหนานจี๋ให้แห้ง พลางเป่าฟองสบู่ด้านหลังใบหูของหนานจี๋ ขณะเดียวกันก็ร้องเพลงต่อไป
“น่าจะรู้ว่าฟองสบู่ สลายเมื่อสัมผัส เหมือนกับหัวใจเจ็บช้ำ ทรมานไร้สุ้มเสียง…”
…………………………………………………….
[1] ทุกสิ่งคือฟองสบู่ มาจากเนื้อเพลง ‘ฟองสบู่ (Bubble)’ ของเติ้งจื่อฉี (G.E.M.)