ตอนที่ 696 หัวหน้าแผนกฝูมาถึงปักกิ่ง
เมื่ออยู่ในมหาวิทยาลัย หลินม่ายทุ่มเทเวลาส่วนใหญ่ไปกับการเรียนหนังสือ และเมื่อถึงวันหยุด เธอก็จะทุ่มเทเวลาไปกับการประกอบธุรกิจ วันเวลาผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็ว และหลินม่ายก็ตระหนักได้ว่าทุกนาทีมีค่าอย่างมาก ดังนั้นเธอจึงหวงแหนเวลาเป็นที่สุด
บางสมาคมต้องการให้เธอเข้าร่วม แต่เธอปฏิเสธอย่างไร้ความปรานี
เธอไม่เคยสนใจการเข้าสังคมเหล่านี้เลย การใช้เวลาในห้องสมุดเพื่ออ่านหนังสือยังดีกว่าเสียเวลาไปกับการสนุกสนานครื้นเครงในคลับ
ในบ่ายวันพฤหัสบดี คุณปู่ฟางพบตลาดผักที่ดีสำหรับหลินม่าย และตอนนี้หลินม่ายกำลังเรียนวิชาวิศวกรรมข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์
วิชานี้ยากมาก ในระหว่างการบรรยายของอาจารย์ ไม่ใช่เพียงหลินม่ายที่ไม่เข้าใจ แต่เพื่อนร่วมชั้นเรียนของเธอก็ไม่เข้าใจเช่นเดียวกัน
หลังเลิกเรียน หลินม่ายออกมาจากห้องเรียนและเห็นฉือเหล่ยยืนอยู่หน้าห้อง
เธอวิ่งไปหาเขาและถามเกี่ยวกับความรู้บางจุดที่เธอไม่เข้าใจในชั้นเรียน
เสิ่นอวิ้นยืนอยู่ห่างออกไปไม่กี่เมตรและตะโกนใส่เธอ “หลินม่าย มีคนตามหาเธอ ฉันเลยพาเขามาที่นี่”
หลินม่ายเงยหน้าขึ้นมอง และเห็นหัวหน้าแผนกฝูยืนอยู่ข้างเสิ่นอวิ้นโดยมีกระเป๋าเอกสารอยู่ใต้แขนของเขา
เธอขอโทษฉือเหล่ยและเดินไปหาหัวหน้าแผนกฝูอย่างรวดเร็ว “ทำไมมาวันนี้ล่ะคะ? คุณบอกว่าอีกสองสามวันถึงจะมาไม่ใช่เหรอ?”
หัวหน้าแผนกฝูตอบกลับ “หากจะเดินทางมายังเมืองหลวงก็จำเป็นต้องออกเดินทางก่อนเวลาน่ะครับ”
เสิ่นอวิ้นตบไหล่หลินม่าย “พวกคุณคุยกันไปก่อนเถอะ พวกเรารอได้” หลังกล่าวจบก็ผละจากไป
หลินม่ายกล่าวกับหัวหน้าแผนกฝู “คุณยังไม่ได้กินข้าวมาใช่ไหม? ฉันเองก็ยังไม่ได้กินเหมือนกัน เราไปกินข้าวด้วยกันที่โรงอาหารดีกว่า”
หัวหน้าแผนกฝูยิ้ม “ได้ด้วยเหรอครับ? ผมได้ยินมาว่าอาหารในมหาวิทยาลัยชิงหวาอร่อยมาก วันนี้ผมจะลองชิมดู”
ทั้งสองเดินไปยังโรงอาหาร
ฉือเหล่ยยังคงยืนอยู่ที่เดิม มองดูหลินม่ายและหัวหน้าแผนกฝูจากไปด้วยความรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย
เขาชอบที่จะพูดคุยกับหลินม่ายเกี่ยวกับปัญหาการเรียนรู้ สำหรับเขาเธอเป็นเหมือนสายลมในฤดูใบไม้ผลิ
น่าเสียดายที่วันนี้ไม่ทันได้สนทนากันสักคำ และหญิงผู้นี้ก็จากไป…
สาวสวยคนหนึ่งเดินมาจากด้านหลังเขา
หล่อนเดินมาและเห็นฉือเหล่ยจ้องมองหลินม่ายที่กำลังเดินจากไป จึงรู้สึกไม่พอใจอย่างมาก
“หากคุณไม่บอกฉันว่าคุณและหลินม่ายเป็นแค่รุ่นพี่รุ่นน้องในโรงเรียน ฉันคงคิดว่าคุณชอบหล่อนไปแล้ว หล่อนแต่งงานแล้ว ดังนั้นคุณไม่ควรเดินตามรอยเท้าของจ้าวซั่วหยาง”
หล่อนทะเลาะกับฉือเหล่ยหลายครั้งเรื่องหลินม่าย
จ้าวซั่วหยางบังเอิญเดินผ่านมาและได้ยินทุกสิ่ง เขาโกรธจนอยากจะทุบสาวสวยคนนั้น
หล่อนกำลังสอนบทเรียนให้แฟนของตนก็จริง แต่ไม่ควรเอาเขาเข้าไปข้องเกี่ยว!
ฉือเหล่ยมองไปรอบ ๆ อย่างประหม่า “คุณกำลังพูดถึงเรื่องไร้สาระอะไร? ผมไม่ได้ชอบหลินม่าย แค่ชื่นชมในความเก่งของหล่อนก็เท่านั้น อย่าพูดอะไรไร้สาระ!”
ตู้เจวียนแฟนสาวของเขาไม่เชื่อในสิ่งที่เขาพูด และตะคอกอย่างไม่พอใจ
ไม่ไกลนัก มีหญิงสาวหน้าตาดีจ้องมายังหล่อนและฉือเหล่ยอย่างใกล้ชิดราวกับกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง
ผู้หญิงคนนั้นชื่อกงเสวี่ยฉิน เป็นเพื่อนร่วมชั้นที่สนิทที่สุดของตู้เจวียน
หลินม่ายและหัวหน้าแผนกฝูมาถึงโรงอาหาร สั่งอาหารอร่อยมากมาย และนั่งตรงข้ามกัน
หลินม่ายถาม “ตอนที่คุณถามหาฉันกับเพื่อนร่วมชั้น คุณไม่ได้เปิดเผยตัวตนของฉันใช่ไหม?”
“ไม่ครับ ผมบอกว่ามาหาหลินม่าย ไม่ได้บอกว่ามาหาคุณหลิน”
หลินม่ายพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ
เธอไม่ต้องการให้เพื่อนร่วมชั้นรู้ว่าเธอเป็นเจ้าของร้านขายเสื้อผ้าจิ่นซิ่ว
หลังกินไปสองคำ เธอเอ่นถามอีกครั้ง “เขียนคำโฆษณาเสร็จแล้วเหรอ? คุณเอามาที่เมืองหลวงเลยเหรอ?”
“ครับ” หัวหน้าแผนกฝูวางตะเกียบลงและหยิบกระเป๋าเอกสารขึ้นมา “เดี๋ยวผมจะเอาให้คุณดู”
หลินม่ายโบกตะเกียบในมือ “กินก่อนเถอะ อย่ารีบร้อน”
หลังอาหารเย็น หัวหน้าแผนกฝูเสนอแบบแผนงานการประกวดนางแบบให้เธอดู
หลินม่ายตรวจสอบอย่างละเอียด ชี้ให้เห็นข้อบกพร่อง และขอให้หัวหน้าแผนกฝูกลับไปแก้ไข
หลังจากส่งหัวหน้าแผนกฝูกลับไปแล้ว หลินม่ายก็ไปอ่านหลังสือและค้นคว้าด้วยตนเองเพิ่มเติมในตอนเย็น และได้พบกับตู้เจวียนระหว่างทาง
แม้หลินม่ายจะไม่ได้รู้จักหล่อนเป็นการส่วนตัว แต่ก็รู้ว่าหล่อนเป็นแฟนฉือเหล่ย
แต่หลินม่ายไม่เคยพูดกับหล่อน ดังนั้นจึงเดินผ่านไปและไม่คิดกล่าวทักทาย
แต่ตู้เจวียนเรียกหล่อนให้หยุด “หลินม่าย ขอคุยด้วยหน่อยสิ มาทางนี้หน่อยได้ไหม?”
หลินม่ายตามเธอไปที่มุมห่างไกลอย่างอารมณ์ดี
ตู้เจวียนถามตรงประเด็น “เธอรู้ใช่ไหมว่าฉือเหล่ยมีแฟนแล้ว?”
หลินม่ายเข้าใจทันที “ฉันรู้ เธอเป็นแฟนฉือเหล่ย เธอไม่ต้องการให้ฉันติดต่อกับฉือเหล่ยใช่ไหม?”
จากนั้นก็พยักหน้า “โอเค ถ้าฉันมีปัญหาในการเรียน ฉันจะไปถามพี่สาว และจะไม่รบกวนฉือเหล่ยอีกต่อไป ฉันขอโทษที่ทำให้ต้องลำบากใจนะ”
เนื่องจากแฟนสาวของเขาอารมณ์เสียเพราะหลินม่ายติดต่อกับแฟนหนุ่มของหล่อน จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่เธอจะสร้างความมั่นใจให้กับแฟนสาวของเขา
หลิยม่ายเกลียดผู้หญิงงี่เง่าแบบนี้มาก แต่ก็เป็นธรรมดาที่ผู้หญิงจะหึงหวงเมื่อเห็นแฟนอยู่กับหญิงอื่น
แต่ไม่ว่าเธอจะยืนยันความบริสุทธิ์ใจมากเพียงใด อีกฝ่ายก็ยังเลือกที่จะเชื่อว่าเธอหลงรักแฟนหนุ่มของตน เธอไม่เคยคิดเลยว่าพฤติกรรมของตนจะทำให้หญิงคนนี้คิดมาก
ยิ่งเห็นพฤติกรรมของหญิงคนนี้มากเพียงใด หลินม่ายก็ยิ่งเห็นถึงความใจแคบของหล่อน และรู้สึกสงสารแฟนหนุ่มของหล่อนขึ้นมา
เนื่องจากหลินม่ายเกลียดคนประเภทนี้ เธอจึงไม่อยากข้องเกี่ยว และสัญญากับตัวเองว่าจะไม่เป็นเช่นนี้
ตู้เจวียนไม่คาดคิดว่าหลินม่ายจะมีวาทศิลป์และอ่อนโยนเช่นนี้ ดังนั้นหล่อนจึงปล่อยหลินม่ายไปอย่างง่ายดาย
หล่อนกลับรู้สึกละอายและอธิบายอย่างงุ่มง่าม “ฉันรักฉือเหล่ยมาก และกลัวที่จะสูญเสียเขาไป ฉันอาจจะทำเกินไปหน่อย ช่วยเข้าใจฉันด้วยนะ”
หลินม่ายยิ้มอย่างอ่อนโยน “ฉันเข้าใจ ไม่มีใครอยากให้แฟนตัวเองข้องเกี่ยวกับผู้หญิงคนอื่นหรอกจริงไหม?”
เธอพยักหน้าและเดินจากไปอย่างสงบ
กงเสวี่ยฉินเดินมาจากใต้ต้นเหมยสองสามต้นที่อยู่ไม่ไกล และถามตู้เจวียน “หลินม่ายพูดอะไร?”
ตู้เจวียนพูดความจริงให้หล่อนฟัง
กงเสวี่ยฉินกล่าวอย่างละอายใจเล็กน้อย “หลินม่ายเป็นคนดีมาก ฉันคงคิดมากไปเอง!”
แต่ความจริงแล้วกงเสวี่ยฉินรู้สึกผิดคาดอย่างมาก
เพราะหล่อนเป็นคนบอกตู้เจวียนให้เฝ้าระวังหลินม่ายและกีดกันเพื่อนให้ห่างจากฉือเหล่ย
หล่อนคิดว่าหลินม่ายจะต้องโกรธจนหาเรื่องทะเลาะวิวาทกับตู้เจวียน
โดยปกติแล้ว การสนทนาถึงบทเรียนระหว่างชายหญิงเป็นสิ่งปกติ!
หล่อนไม่คาดคิดว่าหลินม่ายไม่เพียงยอมรับความผิดพลาดโดยไม่โต้เถียง แต่ยังสัญญาว่าจะไม่ข้องเกี่ยวกับฉือเหล่ยอีก ซึ่งทำให้แผนทั้งหมดของหล่อนพังทลาย
สิ่งที่หล่อนต้องการเห็นคือหลินม่ายและตู้เจวียนทะเลาะกันจนเรื่องราวไปถึงหูฉือเหล่ย
หลินม่ายจะต้องโกรธจนไปโวยวายกับฉือเหล่ย และฉือเหล่ยจะต้องโกรธตู้เจวียนอย่างแน่นอน
หล่อนพยายามยั่วยุอีกครั้งเพื่อให้เกิดรอยร้าวในความสัมพันธ์ระหว่างตู้เจวียนและฉือเหล่ย และจะใช้ประโยชน์จากสถานการณ์นี้เข้าใกล้ฉือเหล่ยเพื่อแทนที่ตู้เจวียน
กงเสวี่ยฉินหลงรักฉือเหล่ยมานานแล้ว แต่ก็น่าเสียดายที่ฉือเหล่ยชอบพอกับตู้เจวียน
กงเสวี่ยฉินสร้างสถานการณ์ขึ้นเพื่อพยายามทำให้ฉือเหล่ยและตู้เจวียนไม่พอใจ แต่ก็ถูกหลินม่ายทำลายแผนการ
ยิ่งคิดหล่อนก็ยิ่งโกรธ
เช้าตรู่วันต่อมา หัวหน้าแผนกฝูมหาหลินม่ายอีกครั้งและแสดงสำเนาที่ได้รับการแก้ไขให้เธอดู
หลินม่ายแสดงความพึงพอใจหลังจากได้อ่าน
หลังรับประทานอาหารเช้าในโรงอาหารของมหาวิทยาลัย หัวหน้าแผนกฝูก็ไปยังสถานี CCTVเพื่อหารือเกี่ยวกับธุรกิจ
ผู้อำนวยการอิ่นเป็นผู้ออกมาต้อนรับหัวหน้าแผนกฝู
แม้หลินม่ายจะไม่ได้ตั้งใจโกงสถานี CCTVแห่งนี้ แต่เธอก็ใช้ประโยชน์จากการเกิดใหม่ของตัวเองทำให้สถานี CCTVแห่งนี้เสียหายถึงสองครั้ง
แต่ผู้อำนวยการอิ่นเป็นเหมือนงูเห่า เขาระมัดระวังเป็นพิเศษเมื่อต้องรับมือกับหลินม่ายหรือผู้ใต้บังคับบัญชาของเธอ
เขากลัวว่าบริษัทอาจกลายเป็นผู้แบกรับค่าใช้จ่ายแทนหลินม่ายอีกครั้ง แทนที่จะได้รับผลประโยชน์
หัวหน้าแผนกฝูบอกเขาว่า ร้านขายเสื้อผ้าจิ่นซิ่วเป็นหนึ่งในธุรกิจของว่านถงกรุ๊แและวางแผนจะจัดการประกวดนางแบบระดับประเทศ
พวกเขาจะทำการประกวดนี้ให้เป็นรายการวาไรตี้และต้องการขายให้กับสถานี CCTV
ผู้อำนวยการอิ่นได้ติดต่อกับหลินม่ายทั้งทางตรงและทางอ้อมหลายครั้ง
ทุกครั้งที่เขาติดต่อกับหลินม่ายไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม เขาจะชื่นชมเธอเสมอ
หญิงคนนี้อายุยังน้อย แต่ฉลาดเฉลียวและวางแผนได้ดี เธอสมควรได้รับเงินมากมาย
ผู้อำนวยการอิ่นพลันรู้สึกว่าเขาแก่เกินกว่าจะตามทันกับเวลาที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
เขาไม่เคยคิดที่จะจัดประกวดนางแบบ แต่หญิงคนนี้กลับคิดถึงเรื่องนี้ได้
นับตั้งแต่เปิดประเทศ คนหนุ่มสาวชื่นชมทุกสิ่งทุกอย่างจากฮ่องกง มาเก๊า ไต้หวัน และตะวันตกเป็นพิเศษ
หากช่วงนี้มีประกวดนางแบบคงทำให้เรทติ้งพุ่งกระฉูดแบบฉุดไม่อยู่
หากเขาซื้อรายการนี้และดึงดูดนักลงทุนให้ลงโฆษณา สถานีจะสามารถทำเงินได้มากมายอย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตาม จากบทเรียนที่ผ่านมา ผู้อำนวยการอิ่นรู้สึกว่าหากเขาซื้อรายการจากหัวหน้าแผนกฝู ทุกอย่างก็คงไม่ต่างจากที่เคยเป็น สถานี CCTV จะได้กำไรเพียงเล็กน้อย และผู้รับประโยชน์สูงสุดต้องเป็นหลินม่าย
ผู้อำนวยการอิ่นครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและพูดกับหัวหน้าแผนกฝู “พวกคุณสร้างรายการวาไรตี้ไม่เก่งเท่าทีมงานมืออาชีพของเราหรอก ทำไมคุณไม่ร่วมมือกับสถานี CCTV ของเราล่ะ? และเราจะแบ่งผลกำไรเป็นหกสิบกับสี่สิบ คุณเอาสี่สิบเปอร์เซ็นนั้นไป ส่วนเราเอาหกสิบเปอร์เซ็นต์ คิดเห็นยังไงครับ?”
หัวหน้าแผนกฝูครุ่นคิด ‘ฉันคิดอย่างไรงั้นเหรอ? ขอเสนอนี้ดีมาก
ด้วยความร่วมมือของสถานี CCTV จะทำให้ต้นทุนของร้านขายเสื้อผ้าจิ่นซิ่วน้อยลง
จากที่ต้องใช้เงินหนึ่งล้านหยวนก็ใช้เพียงห้าถึงหกแสนเท่านั้น
และยังจะได้รับรายได้จากค่าโฆษณาเมื่อรายการออกอากาศด้วย
ด้วยประโยชน์จากการโฆษณา สิ่งที่คุณหลินบอกว่า ขนแกะเกิดจากตัวแกะก็พอเข้าใจได้’
แต่ถึงจะคิดได้อย่างนั้น หัวหน้าแผนกฝูก็ไม่เห็นด้วยกับผู้อำนวยการอิ่น เขาทำได้เพียงตอบกลับอย่างเขินอายว่าต้องหารือกับคุณหลินก่อน
เขาเดินทางไปยังมหาวิทยาลัยชิงหวาอีกครั้ง
หลินม่ายชวนไปกินข้าวที่โรงอาหารเช่นเคย
หลังจากฟังรายงานของหัวหน้าแผนกฝูแล้ว หลินม่ายก็รู้สึกว่าข้อเสนอของผู้อำนวยการอิ่นนั้นดี แต่ถึงอย่างนั้นก็ตกลงกับผู้อำนวยการหยิ่นไม่ได้ในทันที ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องหาทางต่อรองก่อน
หลินม่ายขอให้หัวหน้าแผนกฝูเจรจาให้แบ่งผลกำไรเป็นห้าสิบต่อห้าสิบ
อีกทั้งยังแนะนำว่าหากจะลงโฆษณาคั่นกลางรายการ ควรให้ลูกค้าประมูลราคาช่วงเวลา ซึ่งจะทำให้ราคาโฆษณาสูงขึ้น
หัวหน้าแผนกฝูชื่นชมหลินม่ายที่วางแผนได้อย่างละเอียดรอบคอบ การจัดประมูลโฆษณาเป็นสิ่งที่คนธรรมดาคิดไม่ถึง!
ในความเป็นจริง การประมูลช่วงเวลาในการโฆษณาเป็นเรื่องปกติของยุคปัจจุบัน ดังนั้นนี่จึงไม่ใช่เรื่องแปลกหากหลินม่ายจะคิดได้
หัวหน้าแผนกฝูกลับไปยังสถานี CCTV หลังรับประทานอาหารเสร็จ หลินม่ายก็เข้าเรียนคาบบ่ายตามตาราง หลังเลิกเรียนเธอก็ได้รับข่าวดี
หลังจากการเจรจาในช่วงบ่ายราวสองถึงสามชั่วโมง ในที่สุดสถานี CCTV ก็ตกลงที่จะแบ่งผลกำไรเป็นห้าสิบต่อห้าสิบ
หลินม่ายมีความสุขมากและสั่งอาหารมามากมายเพื่อเฉลิมฉลอง
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
เขาว่ากันว่าคนไว้ใจสุดท้ายร้ายที่สุด ก่อนจะหาเรื่องม่ายจื่อ จงสงสัยเพื่อนตัวเองไว้ก่อนเลยจ้าตู้เจวียน
ไหหม่า(海馬)