บทที่ 672 ซากปริภูมิเวลา บทลงโทษสำหรับผู้เดินทางข้ามปริภูมิเวลา!
ที่นี่คือที่ไหนกัน?
ม่านตาของจักรพรรดินีหดลงเรื่อย ๆ ด้วยความตื่นตกใจอย่างถึงที่สุด ทุกภาพที่ได้เห็นทำลายความรู้ความเข้าใจเดิมของนางมากขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้นางแทบไม่อยากจะเชื่อ
มีมังกรทองขนาดใหญ่ตัวหนึ่งกำลังทะยานอยู่บนฟ้า ลมหายใจที่พ่นออกจากปากนั้นเต็มไปด้วยพลังโกลาหลอันไร้ขอบเขต กระทั่งจักรพรรดิเซียนเมื่อมาอยู่ต่อหน้าพลังโกลาหลนี้ก็เล็กจ้อยจนไม่อาจมองเห็น สามารถถูกสังหารทิ้งได้อย่างง่ายดาย
ร่างของมันใหญ่โตเสียจนมองไม่เห็นจุดสิ้นสุด เกล็ดสีทองอร่ามส่องแสง ราวกับผู้ที่สามารถบงการสวรรค์และโลกได้ เห็นได้ชัดว่าไกลเกินขอบเขตจักรพรรดิเซียนไปมากแล้ว อยู่ในขอบเขตที่สูงขึ้นไปยิ่งกว่า
มีต้าเผิงสยายปีกบินสูง ปกคลุมท้องนภาบดบังตะวัน ลมหายใจราวกับสามารถทลายยุคสมัยนับไม่ถ้วน เพียงแค่คำเดียวก็กลืนกินมังกรทองขนาดมหึมาลงไปได้ น่ากลัวอย่างถึงที่สุด!
ทว่าขณะนั้นเองก็เกิดเสียงปังดังขึ้น ต้าเผิงคล้ายจะชนเข้ากับอะไรสักอย่าง ร่วงหล่นลงมากระแทกพื้นโดยตรงจนกลายเป็นหลุมลึกอย่างยิ่ง!
จักรพรรดินีรู้สึกหวาดหวั่นพรั่นพรึงขึ้นมายามได้เห็นภาพนั้น มันเป็นเพียงผีเสื้อสีสันแพรวพราวเจ็ดสีขนาดตัวไม่ใหญ่ไปกว่าหนึ่งฝ่ามือ แต่ทุกครั้งที่กระพือปีกทำให้เกิดพลังอันเกินจะพรรณนากระเพื่อมออกมา และเป็นผีเสื้อเจ็ดสีตัวนี้ที่ทำให้ต้าเผิงตกลงมากระแทกกับพื้น
อันใดกัน!
ที่แห่งนี้จะน่ากลัวเกินไปแล้ว!
“พวกเรามาถึงแดน...บรรพโกลาหลแล้วอย่างนั้นหรือ?!”
นางเอ่ยออกมาเสียงสั่น สิ่งมีชีวิตทั้งหมดที่พบเห็นล้วนอยู่สูงกว่าขอบเขตเซียนอย่างไม่ต้องสงสัย
เหนือขอบเขตเซียนขึ้นไปแล้วจะเป็นขอบเขตใดกัน?
นางไม่รู้
อย่าว่าแต่นางเลย แม้กระทั่งจักรพรรดิเซียนทั้งหมดก็ไม่รู้เสียด้วยซ้ำว่าขอบเขตที่เหนือยิ่งกว่าคือขอบเขตใด
นับตั้งแต่สมัยโบราณ ขอบเขตที่อยู่เหนือเซียนขึ้นไปไม่เคยปรากฏให้เห็นมาก่อน ทั้งยังไม่เคยถูกบันทึกเอาไว้ในตำราเล่มใด
นี่เป็นขอบเขตที่ไม่มีคนเคยเข้าใจมาก่อน บรรพจารย์เซียนเป็นขั้นสูงสุดที่พวกนางรับรู้ได้
สำหรับบรรพจารย์เซียน นอกจากบรรพจารย์โบราณทั้งเก้าท่านแล้ว หลังจากนั้นก็ไม่มีบรรพจารย์เซียนถือกำเนิดอีก
บรรพจารย์เซียนเป็นขอบเขตที่ไม่อาจจินตนาการถึงได้ ไม่ใช่ขอบเขตที่สามารถใช้การฝึกฝนจนบรรลุได้เมื่อถึงเวลา ไม่ต้องพูดถึงการกลายเป็นบรรพจารย์เซียนเลย กระทั่งมีเงื่อนไขใดบ้างจึงสามารถบรรลุเป็นบรรพจารย์เซียนได้ก็ยังไม่มีผู้ใดล่วงรู้!
ภายในตระกูลเซียวมีจักรพรรดิเซียน ผู้อาวุโสเก่าแก่เหล่านั้นมีอายุยืนยาวจนไม่อาจนับได้ ถึงกระนั้นก็ยังไม่อาจทราบถึงเงื่อนไขในการบรรลุขั้นบรรพจารย์เซียน จนกระทั่งถึงตอนนี้พวกเขาก็ยังไม่อาจสัมผัสถึงขอบเขตของบรรพจารย์เซียนได้
เกี่ยวกับบรรพจารย์เซียนแล้ว มีเพียงหนึ่งประโยคที่กล่าวถึงในภพเซียนนั่นคือ บรรพจารย์เซียนไม่ใช่ขอบเขตธรรมดาที่จะสามารถบรรลุได้ด้วยการฝึกฝนทั่วไป มีเงื่อนไขอยู่จำนวนมาก!
กระทั่งบรรพจารย์เซียนยังทำให้คนสิ้นหวัง มองไม่เห็นความหวังแม้แต่น้อย ไม่ต้องพูดถึงขอบเขตที่เหนือยิ่งกว่าบรรพจารย์เซียนขึ้นไปเลย
นั่นคือขอบเขตที่ไม่รู้จัก ยังไม่มีผู้บุกเบิกขึ้นไป!
สิ่งมีชีวิตทั้งหมดที่นางเห็นในที่แห่งนี้ล้วนก้าวเข้าไปสู่ขอบเขตที่ไม่รู้จัก ดังนั้นความคิดแรกของนางคือนี่อาจเป็นแดนบรรพโกลาหล
เส้นทางโบราณตกลงไปยังแดนบรรพโกลาหลหรือ
แต่นางก็พบว่าตนเองคิดผิดอย่างรวดเร็ว
ที่แห่งนี้เต็มไปด้วยพลังปริภูมิเวลาสับสนวุ่นวายไม่เป็นระเบียบ ไม่ใช่พลังโกลาหล
ดินแดนบรรพโกลาหลคือแกนกลางโกลาหล ด้านในย่อมต้องเปี่ยมด้วยพลังโกลาหล จะมีพลังปริภูมิเวลาที่พลุ่งพล่านไปทั่วได้อย่างไร?!
ไม่มีทางเป็นไปได้!
“พลังโกลาหลที่นี่ถูกพลังปริภูมิเวลากดทับเอาไว้!”
นางอ้าปากค้าง รู้สึกหวาดกลัวเป็นอย่างยิ่งยามได้เห็นพลังโกลาหลที่ปะทุขึ้นมาจากสิ่งมีชีวิตถูกพลังปริภูมิเวลาสยบลงไปในทันที!
คนทั้งสองไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกันเลย พลังปริภูมิเวลาที่นี่เหนือยิ่งกว่าพลังโกลาหลเป็นอย่างมาก!
เป็นไปได้อย่างไร? นางไม่อยากจะเชื่อ สิ่งนี้เหนือยิ่งกว่าความรู้ความเข้าใจของนาง
โกลาหลวิวัฒน์ทุกสิ่ง พลังและสรรพสิ่งถือกำเนิดจากแกนกลางโกลาหล พลังปริภูมิเวลาก็เช่นเดียวกัน ถือกำเนิดขึ้นจากความโกลาหล ดังนั้นจะสามารถอยู่เหนือกว่าพลังโกลาหลได้อย่างไร?
แต่ถึงอย่างไร พลังปริภูมิเวลาในพื้นที่แห่งนี้ก็เหนือกว่าพลังโกลาหลมาก
นางไม่อาจเข้าใจเลย บางทีสถานที่แห่งนี้จะน่าหวาดกลัวเสียยิ่งกว่าแดนบรรพโกลาหลด้วยซ้ำ!
“พวกเรามาอยู่ที่ใดกันแน่!”
นางอดเอ่ยออกมาไม่ได้ ภายในใจปรากฏความรู้สึกไม่ดีอย่างมาก
โฮก!
ในตอนนั้นเอง พลันมีเสียงคำรามอันน่าสะพรึงกลัวดังขึ้นมา อสูรตัวใหญ่มหึมาจับจ้องมาทางพวกนาง นี่คืออสูรร้ายซึ่งน่าสะพรึงกลัวที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย หลังจากมันส่งเสียงคำรามออกมา จักรพรรดินีก็เห็นว่ามีสิ่งมีชีวิตจำนวนมากต่างพากันหนีออกไปอย่างรวดเร็วด้วยความกลัว
อสูรมีขนาดใหญ่โตมโหฬาร เทียบได้กับขุนเขา ลักษณะเหมือนจระเข้ยักษ์ ดวงตาทั้งสองข้างเป็นประกายดุร้ายพุ่งเข้าใส่พวกนางด้วยความรวดเร็ว
มันน่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง ขณะที่พุ่งเข้ามาด้วยความเร็ว ทั่วทั้งบริเวณก็เกิดการสั่นสะเทือนอย่างแรงราวกับเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ กระทั่งเกิดเสียงพายุสายฟ้าโหมกระหน่ำ แม้แต่พลังปริภูมิอันพลุ่งพล่านวุ่นวายที่ห่อหุ้มสถานที่แห่งนี้เอาไว้ยังถูกสั่นคลอน
จักรพรรดินีกับหยวนอีไม่ลังเลแม้แต่น้อย รีบเรียกสมบัติทั้งสี่แห่งห้องอักษรและสี่กระบี่ประหารเซียนออกมา เตรียมตัวเข้าสู่การต่อสู้
พวกนางไม่ได้ออกจากเส้นทางโบราณ เมื่อเทียบกับแล้วการอยู่ในเส้นทางโบราณดูจะปลอดภัยมากที่สุด แม้ว่าเส้นทางจะถูกตัดขาดแล้ว แต่พลังก็ยังคงอยู่ สามารถช่วยปกป้องพวกนางได้
จระเข้ยักษ์พุ่งตรงเข้ามาถึงภายในพริบตา มันอ้าปากกว้างพยายามจะกลืนกินพวกจักรพรรดินี หรือกระทั่งเส้นทางโบราณเข้าไป
โฮก!
เส้นทางโบราณเปล่งแสง พลังที่ไม่อาจอธิบายได้ทะลักออกมา ก่อตัวเป็นอสูรโบราณตัวหนึ่งพุ่งเข้าต่อสู้กับจระเข้ยักษ์
เสียงดังสนั่นลอยมาอย่างต่อเนื่อง การต่อสู้ครั้งนี้น่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง พลังของอสูรจระเข้ยักษ์ลึกล้ำไม่อาจหยั่งถึง แข็งแกร่งเสียยิ่งกว่ายมราชทั้งสิบ สามารถต่อกรกับอสูรโบราณที่ก่อตัวขึ้นจากพลังของเส้นทางโบราณได้อย่างสูสี
“บังอาจ ช่างกล้ายิ่งนักที่มาลงมือกับเพื่อนร่วมเผ่ามนุษย์ของข้า เจ้าคงไม่ต้องการมีชีวิตอยู่เสียแล้ว!”
ในตอนนั้นเองก็มีเสียงตะโกนดังลั่นไปทั่วฟ้าดิน จากนั้นก็มีแสงกระบี่ที่เปล่งประกายอย่างถึงที่สุดพุ่งเข้ามาฟาดใส่อสูรจระเข้ยักษ์
เสียงฉัวะดังขึ้น แสงกระบี่วาดลงไปบนตัวของอสูรจระเข้ยักษ์ เลือดสาดกระเซ็นไปทั่ว อสูรจระเข้ยักษ์ถูกตัดขาดครึ่งด้วยแสงกระบี่!
โฮก!
อสูรจระเข้ร้องคำรามออกมาด้วยความเจ็บปวด ก่อนจะรีบหนีออกไปจากที่นี่
หลังจากนั้นก็มีร่างหนึ่งในชุดคลุมลายเมฆมงคลทะยานเข้ามาแต่ไกล ร่อนลงด้านหน้าของเส้นทางโบราณ
เขาเป็นชายหนุ่มผู้หนึ่งที่มีคิ้วคมราวกระบี่ ร่างสูงเพรียว บรรยากาศเหนือล้ำไม่ธรรมดา
“พวกเจ้าเป็นอันใดหรือไม่?”
เขาถามจักรพรรดินีและหยวนอีด้วยความเป็นห่วง
ทั้งจักรพรรดินีและหยวนอีต่างพากันตกตะลึงในใจ
อสูรจระเข้ยักษ์น่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง นี่เป็นสิ่งที่พวกนางเห็นด้วยตาของตนเอง แต่ชายหนุ่มผู้นี้เพียงเหวี่ยงดาบออกไปก็สามารถผ่าครึ่งร่างของอสูรจระเข้ยักษ์ได้ภายในพริบตา นี่มันน่าพรั่นพรึงเกินไปแล้ว!
“พวกเราไม่เป็นอันใด ขอถามหน่อยได้หรือไม่ว่าที่นี่คือที่ใดกัน?”
จักรพรรดินีถามชายหนุ่มด้วยความสุภาพ
นางต้องการจะรู้ว่าที่นี่คือที่แห่งใด
“ที่นี่คือซากปริภูมิเวลา จุดสิ้นสุดของปริภูมิเวลา สิ่งมีชีวิตใด ๆ ที่เดินทางข้ามธารแห่งปริภูมิเวลาจะถูกจับมาที่แห่งนี้”
ชายหนุ่มตอบกลับโดยไม่ได้ปิดบังอันใด
“ซากปริภูมิเวลา!”
จักรพรรดินีชะงัก นางไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับสถานที่แห่งนี้มาก่อน
“แล้วจะออกไปจากสถานที่แห่งนี้ได้อย่างไร?”
จักรพรรดินีถาม นางไม่อยากติดอยู่ที่นี่ ต้องการกลับไปยังโลกปัจจุบัน
“ถ้าข้ารู้เรื่องนั้น ข้ายังจะอยู่ที่นี่อีกหรือ?”
ชายหนุ่มกล่าว “ที่นี่คือคุกปริภูมิเวลา การเดินทางข้ามปริภูมิเวลาตามใจจะถูกลงโทษ จับมาจองจำเอาไว้ยังที่แห่งนี้”
หลังจากได้ยินสิ่งที่ชายหนุ่มเอ่ย หัวใจของจักรพรรดินีก็ดิ่งวูบทันที
เป็นความจริงอย่างนั้นหรือ?
นางไม่ต้องการติดอยู่ในคุกปริภูมิเวลาแห่งนี้!
และในตอนนี้เอง นางก็เข้าใจขึ้นมาทันที ไม่แปลกใจเลยที่สิ่งมีชีวิตที่นี่จะล้วนน่าหวาดกลัวเป็นอย่างมาก
สิ่งมีชีวิตที่สามารถเดินทางข้ามปริภูมิเวลาได้ จะเป็นชนชั้นสามัญได้อย่างไร
ไม่มีทางเป็นไปได้อย่างแน่นอน!