บทที่ 674 ยังแสดงอยู่อีกหรือ สมองของเจ้าต้องมีปัญหาแน่นอน!
จักรพรรดินีกับอาจารย์ต่างหยุดนางเอาไว้ในเวลาเดียวกัน หยวนอีจึงสงบลง
นางรู้แจ้งถึงความแตกต่างระหว่างตนเองกับจักรพรรดินีและอาจารย์เป็นอย่างดี ต่อหน้าทั้งสอง นางเป็นเพียงแค่เด็กน้อยผู้หนึ่ง ไม่อาจเทียบประสบการณ์กันได้อย่างสิ้นเชิง
“ตกลง”
นางพยักหน้า เก็บสี่กระบี่ประหารเซียน สงบสติอารมณ์ลงคิดทบทวนก็พบว่าเรื่องนี้ชวนรู้สึกแปลกประหลาดแค่ไหน
ชายหนุ่มไม่เคยพบพานรู้จักพวกนางมาก่อน ทั้งยังไม่ได้ถือกำเนิดอาศัยอยู่ในจักรวาลโกลาหลเดียวกันเสียด้วยซ้ำ เช่นนั้นแล้วชายหนุ่มจะยอมเสียสละชีวิตเพื่อยื้อให้พวกนางหนีไปได้อย่างไร?
อีกทั้งสถานที่แห่งนี้ก็ไม่ใช่สถานที่ดีงามแต่อย่างใด จะมีชายหนุ่มที่จิตใจดีเช่นนี้ได้อย่างไร หากมีเกรงว่าคงตายไปเสียตั้งนานแล้ว จะมีชีวิตมาโลดแล่นจนถึงตอนนี้ได้เช่นไร
นอกจากนี้ พลังที่จ้าวกิเลนดำสำแดงออกมา ชายหนุ่มไม่อาจเทียบได้แม้แต่น้อย เหตุใดจ้าวกิเลนดำจึงเอาแต่เล่นบทพุ่งไปตีกลับเช่นนี้ ลงมือสังหารชายหนุ่มทิ้งทันทีเลยไม่ดีกว่าหรือ?
มีจุดน่าสงสัยอยู่มากมาย แต่เพราะนางร้อนใจมากเกินไปจนไม่สังเกต พอตอนนี้ได้ย้อนคิดดูแล้ว ก็พบว่านางเกือบทำเรื่องผิดพลาดครั้งใหญ่ลงไป!
“ดูสิ พวกนางล้วนไม่เชื่อใจเจ้า แต่เจ้าก็ยังอยากจะตายเพื่อปกป้องพวกนาง ช่างโง่งมยิ่งนัก!”
จ้าวกิเลนดำยิ้มเย้ยหยัน ก้าวไปด้านหน้าทีละก้าวด้วยจิตสังหารที่เพิ่มพูนขึ้น
จำเป็นหรือไม่?
จำเป็นต้องวางท่าถึงขนาดนี้หรือไม่?
หรือจ้าวกิเลนดำจะไม่กลัวการเปลี่ยนแปลงกะทันหันและปัญหาเกินความคาดหมาย จะเกิดขึ้นอย่างนั้นหรือ?
หยวนอีสงบลง หากนี่ไม่ใช่ ‘การแสดง’ แล้วจ้าวกิเลนดำจะต้องโง่เขลาถึงปานใดกัน? ถึงสามารถรักษาตำแหน่งราชาของที่นี่ไว้ได้อย่างนั้นหรือ?
เกรงว่าจะต้องถูกสิ่งมีชีวิตอื่นสับกินเป็นชิ้น ๆ แล้ว
“เจ้ารู้อะไรหรือไม่! เผ่ามนุษย์ของพวกเรานั้นแข็งแกร่งยิ่งกว่าที่เจ้าคิด วันนี้แม้ข้าตายก็ไม่เสียใจ!”
ชายหนุ่มตะโกนออกมาเสียงดัง ด้วยท่าทางราวกับผู้ผดุงธรรม เหมือนกับกำลังเผชิญหน้ากับความตายอย่างไร้ความกลัวเกรง
“พวกเจ้าไม่เชื่อข้าก็เป็นเรื่องปกติ ข้าไม่กล่าวโทษอันใดกับพวกเจ้า ข้าหวังเพียงว่าการตายในวันนี้ของข้าจะสามารถปลุกความเชื่อมั่นในสหายร่วมเผ่าของพวกเจ้าได้ในอนาคต! ณ ที่แห่งนี้ มีเพียงการช่วยเหลือกันและกันเท่านั้นที่จะทำให้พวกเราอยู่รอดต่อไปได้ ความระแวงแคลงใจมีแต่จะทำให้พวกเราแตกแยก ถูกผู้อื่นฆ่าแกง!”
เขาตะโกนเสียงดังใส่พวกจักรพรรดินีด้วยท่าทางจริงจัง ประหนึ่งว่าตนเองเป็นวีรบุรุษแห่งเผ่ามนุษย์ พร้อมเสียสละตนเองเพื่อความชอบธรรมอันยิ่งใหญ่
“ตกลง พวกข้าจะจดจำท่านเอาไว้ ไม่ลืมการกระทำอันชอบธรรมของท่านในวันนี้ ท่านจากไปอย่างสงบเสียเถิด พวกข้าจะแก้แค้นแทนท่านเอง!”
จักรพรรดินีสงบนิ่ง บนใบหน้าไม่มีคลื่นอารมณ์ใดปรากฏ กล่าวออกมาเสียงเรียบ
นางกำลังเดิมพันกับชายหนุ่ม ดูว่าชายหนุ่มกำลังแสดงหรือเป็นเรื่องจริง
นางลอบเตรียมตัวเอาไว้ตั้งแต่แรกเรียบร้อย หากชายหนุ่มไม่ได้แสดงละครอยู่ และจ้าวกิเลนดำต้องการสังหารสารชายหนุ่มจริง ๆ นางก็พร้อมจะออกไปช่วยเหลือชายหนุ่มในทันที
ตึง! ตึง! ตึง!
จ้าวกิเลนดำเยื้องย่างเข้ามาทีละก้าว พื้นดินสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงประหนึ่งเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ แรงกดดันอันน่าสยดสยองแผ่กระจายออกมาบดขยี้พลังปริภูมิเวลาโดยรอบ
มุมปากของมันยกเป็นรอยยิ้มเย็นชา จิตสังหารล้นทะลักยกอุ้งเท้าข้างหนึ่งตบใส่ชายหนุ่ม
สีหน้าของจักรพรรดินีนิ่งสงบ ทว่าภายในใจเกิดความตึงเครียดขึ้นมา นางยังมีความเป็นมนุษย์อยู่มาก ทำให้ต้องใช้ความอดทนไม่ลงมือเคลื่อนไหว
อุ้งเท้าอันน่าหวาดกลัวอย่างถึงที่สุดพุ่งเข้าใส่ชายหนุ่มโดยตรง หากอุ้งเท้านี้ตกกระทบถึงตัว ชายหนุ่มจะต้องถูกสังหารสิ้น ไม่มีทางรอดอย่างแน่นอน
แต่เมื่ออุ้งเท้าใกล้จะสัมผัสศีรษะของชายหนุ่ม จ้าวกิเลนดำก็ดึงเท้าของตนเองกลับไปทันที ไม่ได้สังหารชายหนุ่มแต่อย่างใด
“หนานฉง ก่อนหน้านี้ข้าก็บอกเจ้าไปแล้ว ทำเช่นนี้ไม่ได้ผลแต่อย่างใด ทว่าเจ้าก็ยังไม่เชื่อ ต้องการจะลองดู”
จ้าวกิเลนดำเอ่ยออกมา “ผู้ใดเล่าจะไม่เห็นแก่ตัว? เจ้าไม่เห็นแก่ตัวอย่างนั้นหรือ? เรื่องในครั้งนี้ถูกกำหนดให้ล้มเหลวเอาไว้แล้ว ก่อนหน้านี้ทั้งหมดที่ทำมาล้วนเสียเวลาโดยเปล่า”
“เวลา? สิ่งนี้นับเป็นอันใดกัน พวกเราขาดแคลนมันอย่างนั้นหรือ?”
ชายหนุ่มผู้มีนามว่าหนานฉงส่ายหัวกล่าวออกมา “ในสถานที่แห่งนี้ สิ่งที่พวกเราขาดแคลนน้อยที่สุดก็คือเวลา หากสามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างง่ายดายโดยไม่ต้องออกแรง ย่อมดีกว่าการใช้กำแก้ปัญหายุ่งยาก”
หลังจากนั้นเขาก็กล่าวต่อ “อีกทั้งเจ้ายังหยุดมือเร็วเกินไป”
“เจ้าตะโกนร้องออกมาเช่นนี้น่ารำคาญยิ่ง เล่นแสดงไปมาเช่นนี้ ยืดยาดน่ารำคาญนัก!”
ความสะอิดสะเอียนเล็กน้อยปรากฏขึ้นในดวงตาของจ้าวกิเลนดำ “เผ่ามนุษย์ของพวกเจ้าชอบเล่นกลอุบายเช่นนี้ สำหรับข้าแล้ว การใช้กำลังต่างหากที่เป็นเรื่องเรียบง่ายที่สุด!”
หลังจากนั้น ในดวงตาของมันก็ปรากฏความเหยียดหยาม “แล้วอันใดคือหยุดมือเร็วเกินไป? ข้าใกล้จะตบลงไปถึงหัวของเจ้าแล้ว ยังเรียกว่าเร็วอีกหรือ?”
หนานฉงถอนหายใจออกมา ไม่ได้โต้เถียงอันใดกับจ้าวกิเลนดำอีก อีกฝ่ายมีนิสัยเช่นนี้ ชอบใช้พลังกำลังในการแก้ปัญหา
ตอนที่เขาเสนอแผนการนี้ก่อนหน้านี้ ก็เคยถูกจ้าวกิเลนดำแย้งขึ้น
ส่วนเรื่องจะหยุดมือช้าหรือเร็วนั้น เขาเองก็ไม่คิดโต้เถียงอีกต่อไป
เขาเพียงรู้สึกว่าเร็วเกินไปแล้ว หากช้ากว่านี้สักหน่อย อาจเกิดเรื่องประหลาดใจคาดไม่ถึงขึ้น
แน่ว่านี่เป็นเพียงแค่ความรู้สึกส่วนตัวของเขา ส่วนในความเป็นจริงแล้วผลลัพธ์จะเป็นเช่นใด เขาก็ไม่อาจคาดการณ์ได้
ทว่าเมื่อเรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว เขาก็ไม่มีสิ่งใดต้องพูดออกมาอีก ความจริงทั้งหมดถูกเปิดเผยออกมา จึงไม่จำเป็นต้องแสดงต่อ
ร่างกายของเขาเปล่งแสงเรืองรอง ก่อนที่รูปร่างหน้าตาของเขาจะเกิดการเปลี่ยนแปลงจากรวดเร็ว จากชายหนุ่มกลายเป็นชายวัยกลางคนผู้หนึ่ง
ชายวัยกลายคนเป็นรูปลักษณ์ที่แท้จริงของเขา ส่วนรูปลักษณ์ชายหนุ่มก่อนหน้านี้เป็นเพียงการปลอมแปลง เพียงเพื่อจะได้สามารถใกล้ชิดได้รับความไว้วางใจจากพวกจักรพรรดินีง่ายมากขึ้น
นอกจากนี้ เขายังส่งอสูรจระเข้ออกมาก่อน เพื่อให้การปรากฏตัวของเขานั้นไม่ดูกะทันหันโดดเด่นเกินไป ทั้งยังได้รับความประทับใจอันดีจากพวกจักรพรรดินี
“น่ารังเกียจยิ่งนัก!”
หยวนอีอดไม่ได้ที่จะเกลียดชังขึ้นมา ยังดีที่จักรพรรดินีกับอาจารย์หยุดนางเอาไว้ ไม่เช่นนั้นนางคงถูกหลอกไปแล้ว เมื่อออกไปจะเกิดอันใดขึ้นก็ไม่อาจทราบได้
หนานฉงมองไปทางจักรพรรดินี เขาเอ่ยออกมาด้วยใบหน้าสงบนิ่ง “พวกเจ้าออกมาเสียเถิด ขอเพียงแค่พวกเจ้าออกมา เลือกที่จะยอมแพ้แต่โดยดี ข้าก็สามารถรับประกันว่าชีวิตของพวกเจ้าจะยังอยู่ดี”
ตอนที่พวกจักรพรรดินีเพิ่งปรากฏตัวขึ้นในที่แห่งนี้ พวกเขาก็หมายตาพวกจักรพรรดินีทันที
บนเส้นทางโบราณตอนถูกตัดลงมามีตัวอักษรที่หลี่จิ่วเต้าเขียนลอยอยู่ เพียงแค่พวกเขามองแวบแรกก็รู้ได้ทันทีว่าไม่ธรรมดาเป็นอย่างยิ่ง จึงเกิดความคิดต้องการขึ้นมา
ภายในซากปริภูมิเวลา ทั่วทุกหนแห่งล้วนเต็มไปด้วยอันตราย พวกเขาจึงคิดอยากได้ภาพอักษรนั้น อยากได้ทุกสิ่งที่สามารถปกป้องชีวิตให้ได้มากขึ้น
“ข้าคิดว่าสมองของเจ้าต้องมีปัญหาอย่างแน่นอน! เจ้าคิดว่าพวกข้าจะเชื่อคำของเจ้าอย่างนั้นหรือ!”
หยวนอีเหยียดหยาม กระทั่งตอนนี้หนานฉงก็ยังจะแสดงอีกหรือ?
มีเพียงคนโง่เท่านั้นที่จะเชื่อหนานฉง!
อีกทั้งนางก็ไม่มีความตั้งใจจะยอมจำนนแต่อย่างใด
“ตอนนี้ยังจะเอ่ยสิ่งใดไรสาระอีก? เพียงแค่บุกเข้าไปตรง ๆ ก็พอ! ยืดเยื้อกันมามากแล้ว!”
จ้าวกิเลนดำตะโกนออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา ก่อนจะกระโดดพุ่งไปยังเส้นทางโบราณ พลังอันน่าสะพรึงกลัวระเบิดออกมาทันที ก่อนหน้านี้มันก็แค่แสดงละครโจมตีหนานฉง ทว่าคราวนี้มันลงมืออย่างเต็มที่!
หนานฉงขมวดคิ้ว เขาตระหนักได้ว่าพลังของเส้นทางโบราณนั้นทำลายได้ยาก จึงออกอุบายเล่นละครขึ้นมา
ทว่าเรื่องก็มาถึงขั้นนี้เรียบร้อย ไม่มีวิธีอื่นที่ดีกว่านี้แล้ว
เขาเรียกกระบี่ทองสัมฤทธิ์ขึ้นมาในมือ จากนั้นก็พุ่งตามจ้าวกิเลนดำตรงไปยังเส้นทางโบราณ
พลังที่เขาแสดงออกมาก่อนหน้านี้ย่อมไม่ใช่ความแข็งแกร่งที่แท้จริง มันไม่ถึงหนึ่งส่วนร้อยเสียด้วยซ้ำ ความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเขานั้นเทียบเท่ากับจ้าวกิเลนดำ กระทั่งแข็งแกร่งกว่าเล็กน้อยเสียด้วยซ้ำ
แสงกระบี่สาดประกายเจิดจ้าไปหลายหมื่นลี้ เขาวาดกระบี่ฟันลงบนอากาศ แรงกดดันจากกระบี่ยิ่งใหญ่มหาศาล แสดงให้เห็นว่าจักรวาลโกลาหลที่เขามานั้นไม่ธรรมดา แข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง!
จักรพรรดินีเลิกคิ้วเล็กน้อย นางพบเบาะแสบางอย่าง กระบี่ที่หนานฉงฟันออกมา เต็มไปด้วยกฎแห่งวิถีกระบี่อันทรงพลัง ซ้ำยังมีพลังอันเหนือชั้นระเบิดออกมาด้วย นางไม่รับรู้ ‘ความเกี่ยวข้อง’ ราวกับพลังนี้เป็นสิ่งแปลกใหม่สำหรับนาง
ดูเหมือนว่าเรื่องจักรวาลโกลาหลจำนวนมากที่หนานฉงกล่าวมาก่อนหน้านี้จะเป็นเรื่องจริง
หากเป็นจักรวาลโกลาหลเดียวกัน แม้ว่าพลังจะต่างชนิดต่างระดับกัน แต่ท้ายที่สุดมันล้วนเกิดขึ้นจากใจกลางโกลาหลเช่นเดียวกัน อย่างไรเสียก็สามารถรับรู้ได้ถึง ‘ความเกี่ยวข้อง’
ทว่านางไม่อาจสัมผัสถึง ‘ความเกี่ยวข้อง’ ได้แม้แต่น้อย นี่คือพลังที่ใหม่อย่างยิ่งสำหรับนาง หนานฉงอาจมาจากจักรวาลโกลาหลอื่นจริง ๆ
โฮก!
อสูรที่เกิดขึ้นจากเส้นทางโบราณพุ่งเข้าปะทะในทันที ทว่ายังไม่ทันถึงตัวไปได้เพียงครึ่งทาง มันก็ถูกกระบี่ของหนานฉงจัดการจนสูญสิ้น
อสูรที่สามารถต่อกรกับยมราชแห่งสิบขุมนรกได้ ตอนนี้กลับถูกทำลายลงอย่างง่ายดาย จักรพรรดินีขมวดคิ้ว คล้ายคิดออกว่าเหตุใดยมราชแห่งสิบขุมนรกจึงเลือกประนีประนอม ยอมปล่อยเลือดและเนื้อที่เหลืออยู่ของอาจารย์นางออกมา
ยมราชแห่งสิบขุมนรกคาดการณ์ไว้ตั้งแต่แรกแล้วว่า พวกนางจะต้องประสบกับหายนะเช่นนี้ พวกเขากำลังเฝ้ารอให้พวกนางถูกสังหาร!
‘ปรโลกเองก็ดูเหมือนจะหลุดพ้นออกมาจากจักรวาลโกลาหล…’ จักรพรรดินีคิดขึ้นมาในใจ
ปรโลกอาจมีภูมิหลังน่ากลัวกว่าที่นางเคยคาดเอาไว้
เมื่อลองทบทวนปรโลกที่ปรากฏขึ้นมาแล้วก็สามารถสังเกตได้จุดหนึ่ง พวกนางเดินทางข้ามสายธารแห่งกาลเวลาจนมาถึงยุคโบราณ โดยปกติแล้ว ยมโลกที่ปรากฏขึ้นก็ควรเป็นยมโลกในยุคสมัยนั้น
ทว่ามันกลับไม่ได้เป็นเช่นนั้น
สภาพของปรโลกนั้นพิเศษเป็นอย่างมาก ยามที่นางเห็นปรโลกก็สัมผัสได้ว่าไม่ใช่ปรโลกของยุคสมัยนั้น เป็นเพียงภาพสะท้อนออกมา บางทีไม่ว่านางจะอยู่ในยุคสมัยไหน ล้วนแต่พบเห็นปรโลกเดียวกัน!
ถ้าสิ่งที่นางคิดเป็นความจริง เช่นนั้นปรโลกคงจะต้องน่ากลัวถึงที่สุดอย่างแน่นอน!
ไม่เปลี่ยนแปลงไปตามกาล ไม่ว่ายุคสมัยใดก็มีอยู่เพียงหนึ่งเดียว ต้องน่าสะพรึงกลัวเพียงใดจึงจะสามารถทำเช่นนี้ได้?!
นางคิดไม่ออก เรื่องเหล่านี้อยู่เหนือเกินกว่าความรู้ความเข้าใจของนางไปโดยสมบูรณ์
ฟิ้ว!
ในตอนนั้นเอง แสงกระบี่ตกกระทบเข้าใส่เส้นทางโบราณ จ้าวกิเลนดำเองพุ่งเข้ามาใช้กรงเล็กขนาดใหญ่ฟาดลงมาพร้อมกัน
ตู้ม!
เสียงระเบิดดังสนั่นไปทั่วฟ้า คลื่นพลังอันน่าสะพรึงกลัวกระเพื่อมไหว ในรัศมีนับแสนลี้ทุกสิ่งล้วนพลังทลาย แม้กระทั่งพลังปริภูมิเวลาอันสับสนวุ่นวายยังถูกชะล้างสิ้น
เส้นทางโบราณนั้นไร้ความเสียหาย สามารถสกัดกั้นการโจมตีทั้งหมดได้อย่างสมบูรณ์
หนานฉงกับจ้าวกิเลนดำถูกผลักถอยออกมา เลือดลมในร่างกายปั่นป่วนอย่างรุนแรง สีหน้าของพวกเขาแสดงให้เห็นถึงความไม่อยากเชื่อ
“อย่างที่ข้าเคยพูดไป ใช้สมองนั้นย่อมดีกว่าใช้กำลังมาก!”
สีหน้าของหนานฉงมืดมน เขาเอ่ยออกมาด้วยความหงุดหงิดเล็กน้อย “ถ้าเจ้าไม่หยุดมือเร็วเกินไปก่อนหน้านี้ ทุกสิ่งคงไม่เป็นเช่นนี้!”
สามารถหยุดยั้งการโจมตีของพวกเขาทั้งสองเอาไว้ได้ ภาพอักษรนั่นจะต้องเป็นสมบัติล้ำค่าถึงที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย!
พวกเขาสามารถสัมผัสได้ว่าพลังของเส้นทางโบราณล้วนมาจากภาพอักษรนั้น กล่าวได้อย่างชัดเจนว่าภาพอักษรนั่นเหนือล้ำจนไม่อาจหยั่งถึง!
สิ่งนี้ยิ่งทำให้หนานฉงรู้สึกไม่เต็มใจ หากแผนการก่อนหน้านี้สำเร็จ พวกเขาคงได้รับภาพอักษรนั่นมาแล้ว เช่นนั้นความสามารถในการป้องกันตัวเองของพวกเขาจะแข็งแกร่งขึ้นมาก!
นอกจากนี้ ภายในใจของพวกเขายังเกิดความตกตะลึง
ภาพอักษรเพียงแค่ตัวเดียว กลับมีพลังอันน่าสะพรึงกลัวจนไม่อาจหยั่งถึง ผู้ใดกันที่เป็นคนเขียนอักษรตัวนี้ขึ้นมา?!
บุคคลผู้นั้นจะต้องบรรลุถึงขอบเขตใดกันแน่?!
“อย่ารอช้าอยู่เลย การเคลื่อนไหวเมื่อครู่ใหญ่โตเกินไป สิ่งมีชีวิตอื่น ๆ จะต้องถูกดึงดูดเข้ามาแน่ ครั้งนี้พวกเรามีเวลาอีกไม่มาก!”
ดวงตาของหนานฉงทอประกายดุร้าย ระหว่างเอ่ยกับจ้าวกิเลนดำ