ต้องบอกว่า การเลือกของบรรดาผู้แพ้เป็นการกระโดดเข้ากองไฟอย่างแท้จริง และโดยมากไม่จำเป็นต้องสงสัยว่า
หมาป่าเดียวดายแพ้
เขาเลือกมหาราชา และมหาราชาก็ใช้การเอาชนะหมาป่าเดียวดายพิสูจน์ให้เห็นถึงความเหนือกว่าของตนอีกครั้ง
หุ่นยนต์พ่ายแพ้เช่นกัน
คู่แข่งของเขาคือเทพีแห่งการล้างแค้น ช่างเป็นเวทีที่น่าเสียดาย เพราะคะแนนของหุ่นยนต์ชนะ แต่เทพีแห่งการล้างแค้นได้โบนัสหนึ่งร้อยคะแนนจากการชนะตั้งแต่ในรอบแรก
ปลาปักเป้าแพ้แล้ว
เธอเลือกเอล์ฟ และเอล์ฟเป็นราชินีเพลง ความสามารถของราชินีเพลงกำราบนักร้องแถวหน้าได้อย่างไม่ต้องสงสัย
ปลาหัวโตแพ้เช่นกัน
หงส์ขาวเพียงแค่ใช้ฝีมือในการแข่งขันปกติ ก็สามารถเอาชนะคะแนนโหวตในการแข่งขันกับปลาหัวโตได้
ทว่าปาฏิหาริย์คือ!
นางเงือกชนะ!
ในฐานะนักร้องแถวหน้า เธอเอาชนะราชินีเพลงอย่างดอกเดซีไปได้ ต่อให้อีกฝ่ายจะมีโบนัสหนึ่งร้อยคะแนนอยู่แล้วก็ไม่อาจหลีกหนีความพ่ายแพ้ในตอนสุดท้ายได้!
ในขณะนั้นเอง!
ทุกคนเข้าใจ ว่าถึงแม้นางเงือกจะเป็นนักร้องแถวหน้า แต่อนาคตเธอของเธอในฐานะราชินีเพลงจะไม่มีใครหยุดยั้งได้!
ในที่สุด
ก็ถึงคราวของปลายักษ์และหลานหลิงอ๋อง สองคนนี้ถูกบังคับให้เผชิญหน้ากัน แต่เมื่อถึงเวทีของปลายักษ์ จู่ๆ เขาก็หันไปมองทางหลานหลิงอ๋อง
อันหง “อาจารย์ปลายักษ์”
ปลายักษ์กล่าวกลั้วหัวเราะ “ในเวทีนี้ต่อให้ผมชนะ แต่ผมคงแพ้ในเวทีต่อไป ผมจึงอยากใช้โอกาสนี้ โอกาสที่หาได้ยากนี้ ร้องเพลงที่มีความหมายอย่างมากในชีวิตของผม บางทีเมื่อเพลงนี้ดังขึ้น ทุกคนอาจเดาตัวจริงของผมได้ แต่ว่า เพลงนี้เป็นเพลงที่ผมตั้งใจว่าจะร้องออกมาอย่างเต็มที่ ตั้งแต่ตัดสินใจเข้าร่วมรายการราชาหน้ากากนักร้อง ขณะเดียวกันผมก็อยากใช้เพลงนี้ขอบคุณใครสักคน!”
เพลงอะไร
ขอบคุณใคร
ข้อสงสัยทั้งหมด ได้รับคำตอบเมื่อบทเพลงสุดคลาสสิกอย่างกุหลาบแดงดังขึ้นสะกิดหัวใจของผู้ชมมากมาย ตัวตนของปลายักษ์นับเป็นอันถูกเปิดเผย
ซุนเย่าหั่ว!
เขาร้องเพลงนี้!
เขากำลังแสดงความเคารพต่อเซี่ยนอวี๋
คนที่เขาอยากขอบคุณ!
ก็คือเซี่ยนอวี๋!
คนอื่นไม่รู้
ว่าเพลงนี้ในมือของซุนเย่าหั่วเกือบถูกช่วงชิงไปเสียแล้ว
ไม่มีใครรู้ ว่าท่ามกลางความสิ้นหวังอันมืดมิดและเหน็บหนาว คำพูดที่ว่า ‘ไปอัดเพลง’ ของชายคนนั้นทำให้เขามีความหวัง
เมื่อร้องเพลงจบ
เขาค่อยๆ โค้งคำนับ ก่อนจะเดินเข้าหลังเวทีไป
เขายังคงปฏิบัติตามกฎของรายการ ไม่ได้ถอดหน้ากาก ต่อให้ในเวลานี้เขาพร้อมจะเปิดเผยตัวตนแล้ว
หลินเยวียนฟังอย่างเงียบเชียบ
เพลงกุหลาบแดงที่คุ้นเคย
รุ่นพี่ซุนเย่าหั่วที่คุ้นเคย
เขาได้ยินแล้ว
จู่ๆ หลินเยวียนก็ฉุกคิดขึ้นได้ว่าตนยังมีภารกิจช่วยให้รุ่นพี่ซุนเย่าหั่วได้เป็นราชาเพลงอีก
บางทีภารกิจนี้ควรบรรจุเข้าไปในแผนงาน
เมื่อคิดเช่นนี้
หลินเยวียนจึงเดินขึ้นเวที
อันหงยิ้มให้หลินเยวียน “ตอนนี้อาจารย์หลานหลิงอ๋องมีอะไรอยากพูดไหมครับ?”
“ร้องเพลงเถอะ”
หลินเยวียนยังคงไม่ชอบพูดเช่นเคย
พิธีกรลงจากเวทีไป
คอมเมนต์กระหน่ำตามมา
‘หลานหลิงอ๋อง: ลงไปได้แล้ว’
‘หลานหลิงอ๋อง: อย่าคิดว่าฉันไม่รู้ว่าคุณกำลังแอบขำสิ่งที่ฉันพูด’
‘กลับเข้าเรื่องดีกว่า พวกคุณคิดว่าเวทีนี้หลานหลิงอ๋องมีโอกาสไหม’
‘ต้องดูเพลงก่อน’
‘หรือว่าเขาจะงัดเพลงที่ใช้เสียงแหบร้องอย่างเพลงเขาคงรักเธอมากขึ้นมาอีก?’
‘ยาก’
‘…’
เมื่อเสียงดนตรีดังขึ้น
หลินเยวียนมองไปยังผู้ชมด้านล่างเวที ร้องเพลงเสียงแผ่วเบา
“ไม่สนใจ
ใครตกหลุมรักใคร
ไม่สนใจ
ใครทำให้ท้อใจ
ความสุขที่เคยมี
คือความงามชั่วคราว
ความสุขผ่านไป
แบกรับความเจ็บช้ำ…”
ยังคงเป็นเพลงรัก ยังคงเป็นเสียงอันแหบพร่า นอกจากนั้นในครั้งนี้ยังแหบพร่ายิ่งกว่าเดิม มีโน้ตหลายตัวที่หลุดไป ผู้ชมต่างดวงตาเบิกกว้าง
“โอ้มายก้อด!”
“มีจริงด้วย!”
“เสียงแหบแบบไม่ไหวแล้ว แต่ก็ใช้เพลงที่ต้องใช้เสียงแหบอีกแล้ว!”
“แต่ เพราะมาก!”
“มาคิดดูดีๆ แล้ว เพลงนี้ถ้าเสียงไม่แหบน่าจะไม่ได้อรรถรส เสียงแหบกว่าเพลงที่แล้วอีก!”
“ปังมาก!”
“แม่เจ้า!”
“เดี๋ยวนะ เพลงนี้…แอบเหมือนคำสารภาพของหลานหลิงอ๋องต่อสถานการณ์ตอนนี้?”
“คิดแล้วก็จริงนะ!”
“ไม่สนใจ?”
“ไม่สนใจเสียงด่าทอ หรือว่า?”
“…”
ไม่มีใครรู้ว่าหลานหลิงอ๋องกำลังสารภาพต่อสถานการณ์ในตอนนี้หรือไม่ เขาคล้ายกับกำลังร้องเพลงรัก แต่ก็คล้ายกับไม่ได้เพียงแค่ร้องเพลงรัก
“ถูกหรือผิด
อย่าได้คิดเช่นนั้นเสมอไป
ใช่หรือไม่
อย่าบอกว่าฉันไม่เสียดาย
แตกสลายก็แตกสลาย
สมบูรณ์แบบคงเป็นไปไม่ได้
ปลดปล่อยตัวเอง
ฉันถึงโบยบินได้ไกล…”
คณะกรรมการตัดสินสบตากัน จากนั้นจึงหันไปจ้องมองเนื้อเพลงด้วยสีหน้าครุ่นคิด
ขณะเดียวกัน
ผู้ชมทุกคน ก็จ้องมองเนื้อเพลงบนหน้าจอขนาดใหญ่เช่นเดียวกัน
นี่คือเนื้อเพลงรักจริงหรือ?
ทำไมถึงเหมือนกับหลานหลิงอ๋องเขียนออกมาจากการแข่งขันเสียมากกว่า
ประหนึ่งว่าในเนื้อเพลงเขียนว่า
เพราะฉันหมกมุ่นอยู่กับสิ่งที่ผิดและความถูกต้อง ฉันจึงถูกตำหนินับหลายครั้งหลายหน เพราะฉันไล่ตามความสมบูรณ์แบบมากเกินไป ฉันจึงทนทุกข์กับความขัดแย้งนับครั้งไม่ถ้วน…
ตอนนี้น่ะหรือ?
เขาตัดสินใจว่าจะไม่กังวลกับเรื่องเหล่านี้อีกต่อไป
หลินเยวียนยังร้องต่อไป
“ไม่สนใจ
ไม่สนใจ
ให้อภัยความผิดพลาดบนโลกทั้งหลาย
ไม่สนใจ
ฉันไม่สนใจ
ปล่อยตัวเองกลับไปทุกข์ทนทำไม…”
เสียงของเขายังคงเบาไปชั่วครู่เพราะความแหบพร่า ทว่าการร้องเพลงของเขากลับไม่ได้สูญเสียความสามารถในการถ่ายทอดอารมณ์เพียงเพราะความแหบพร่า เช่นเดียวกับเพลงที่แล้ว เสียงที่ไม่แหบพร่ากลับไม่อาจถ่ายทอดความรู้สึกนี้ออกมาได้ เมื่อร้องถึงครั้งที่สาม เสียงของหลินเยวียนมีทั้งเสียงจริงและเสียงหลบระคนกัน นั่นเป็นเทคนิคขั้นสูงในการใช้เสียงหลบ เสียงของหลินเยวียนแหบจนไม่สามารถรับมือไหวทั้งเพลง ทว่าเพลงนี้จำเป็นต้องใช้เสียงหลบเพียงครั้งเดียว
“ฉันไม่สนใจ”
เพลงของเขา ร้องจบแล้ว
แต่ทว่า…
สิ่งที่เพลงนี้เหลือไว้ทำให้ผู้ชมกลับขบคิดไม่สิ้นสุด
ไม่สนใจ?
ไม่สนใจจริงหรือ?
หรือเป็นการหลอกตัวเองในความรัก?
หรือว่า…
หลานหลิงอ๋องกำลังบอกทุกคนว่า ต่อให้เสียงแหบก็ไม่สนใจ?
เขายังร้องได้?
หรือว่า…
เพลงนี้คือการตอบรับกับเพลงก่อนหน้านี้?
เขาคงรักเธอมาก
คำพูดนี้คือการปลอบใจตนเอง
ไม่สนใจ เป็นการปล่อยวางซึ่งดูเหมือนง่ายดาย แต่แท้จริงแล้วเป็นเพียงการหลอกตนเอง
และเหมือนกับการตอบสนองต่อความขัดแย้งของโลกภายนอกมากกว่า
‘ฉันไม่สนใจหรอก’
คนที่พูดประโยคนี้
จะมีสักกี่คนที่พูดออกมาจากใจจริง
เพลง ‘ไม่สนใจ’ ของหลานหลิงอ๋อง สรุปแล้วมีความหมายแฝงอยู่มากแค่ไหนกันแน่?
ไม่มีใครรู้
แต่เมื่อบทเพลงนี้จบลง เสียงปรบมือในห้องส่งดังกระหึ่ม
คอมเมนต์ปรากฏบนหน้าจอ
‘เวทีนี้ควรชนะ’
‘เสียงแหบขนาดนี้ หยิบเพลงใหม่ที่ต้องใช้เสียงแหบร้องออกมาสองเพลง แถมเพลงคุณภาพสูงซะด้วย ไม่มีเหตุผลให้ไม่เข้ารอบ’
‘ไม่สนใจ เพลงที่ดี!’
‘ไม่สนใจจริงหรือเปล่าไม่รู้ ถ้าไม่มีเรื่องวุ่นวายเกิดขึ้น ฉันจะคิดว่าเพลงนี้คือเพลงรักเกี่ยวกับการประนีประนอมกับตนเอง แต่ถ้าบวกกับเรื่องที่เกิดขึ้น ไม่มีใครรู้ว่าไม่สนใจของเขาคืออะไร’
‘…’
การถกเถียงของผู้คนไม่ได้รับคำตอบ หลานหลิงอ๋องดูเหมือนจะไม่ได้มีนิสัยชอบอธิบายว่าเพลงของตนสื่อถึงอะไร
แต่ว่า!
เมื่อถึงเวลาลงคะแนน เขาก็ชนะแล้ว
ด้วยเสียงแหบพร่าเช่นนี้ เขาใช้เพลงพิเศษสองเพลงเอาชนะการแข่งขันในรอบนี้ และคว้าตั๋วเข้าสู่การแข่งขันรอบต่อไป
ต่อจากนั้น
นักร้องหกคนซึ่งพ่ายแพ้ เริ่มถอดหน้ากาก
……
หมาป่าเดียวดายถอดหน้ากากเป็นคนแรก
เขาคือราชาเพลงคนหนึ่งจากฉีโจว
หลังจากนั้นดอกเดซีถอดหน้ากาก
เธอคือราชินีเพลงจากฉีโจว
ทั้งสองสบตากันอย่างยิ้มแย้ม คล้ายกับต่างฝ่ายต่างคาดเดาตัวตนกันและกันออก
หุ่นยนต์ถอดหน้ากาก
เขาคือราชาเพลงจากฉู่โจว
และตามมาติดๆ
ปลาหัวโตถอดหน้ากาก
ไม่ต้องสงสัย ซย่าฝานนั่นเอง
ปลายักษ์ถอดหน้ากาก ไม่ต้องสงสัยเช่นกัน เพราะเขาคือซุนเย่าหั่ว
และเมื่อปลาปักเป้าถอดหน้ากาก
หลายคนบนโลกออนไลน์เดาได้ถูกต้อง และสอดคล้องกับการคาดเดาของคณะกรรมการประเมินในเพลงแรก
จ้าวอิ๋งเก้อ
…………………………………………………