“คุณหนู…” ชุนเถาวางหวีหยกขาวในมือลง คุกเข่าลงข้างกายไป๋ชิงเหยียน ดวงตาแดงก่ำเอ่ยอย่างสะอึกสะอื้น “ชุนเถาทราบดีว่าชุนเหยียนทรยศเจ้านายต่อให้โดนตีจนตายก็สมควรแล้ว บ่าวเพียงแค่อยากขอให้คุณหนูไว้ชีวิตนางสักครั้งเจ้าค่ะ บ่าวไม่ได้ใจอ่อนแต่อยากตอบแทนที่ชุนเหยียนเคยช่วยชีวิตบ่าวเอาไว้เจ้าค่ะ”
หญิงสาวมองดูชุนเถาที่ดูบริสุทธิ์และอ่อนโยน ครู่หนึ่งจึงถอนหายออกใจออกมา พยุงให้ชุนเถาลุกขึ้น “เอาล่ะ ขอแค่นางไม่ทำเรื่องเลวร้ายต่อตระกูลไป๋ ข้าจะเห็นแก่เจ้ายอมไว้ชีวิตนาง หวังว่านางจะไม่ทำให้เจ้าต้องผิดหวัง เจ้าเช็ดน้ำตาเสีย ไปบอกลุงผิงให้เฝ้าบ่าวรับใช้ชายที่อิ๋นซวงจับกลับมาให้ดีๆ อย่าให้ข่าวเล็ดลอดออกไปได้”
ชุนเถาน้ำตาคลอมองไปที่ไป๋ชิงเหยียน “เจ้าค่ะ! ขอบพระคุณคุณหนูใหญ่เจ้าค่ะ!”
เหลียงอ๋องซึ่งรักษาตัวอยู่ในจวนเมื่อทราบเรื่องก็เอนกายพิงหมอนนุ่มหลับตาลง มือกุมหน้าอก ใบหน้ารูปงามซีดเผือดไร้ซึ่งสีเลือด น้ำเสียงเยือกเย็นราวกับห้องเก็บศพ “สืบประวัติของต่งฉางหยวนอย่างละเอียดแล้วหรือไม่”
“ต่งฉางหยวนเป็นศิษย์ของท่านปรมาจารย์หลู่ขอรับ เขาได้ตำแหน่งเจี่ยหยวนกงตั้งแต่ยังหนุ่ม เคยมีคนทำนายว่าต่งฉางหยวนจะติดหนึ่งในสามของการสอบขุนนางขอรับ หลายปีมานี้บรรดาแม่สื่อไปที่จวนต่งแห่งเติงโจวไม่ขาดสายขอรับ แต่ดูเหมือนว่าต่งเหล่าไท่จวินตั้งใจจะเก็บหลานชายของท่านไว้ให้หลานสาว ไม่ยอมตกลงรับปากผู้ใดทั้งสิ้น อีกอย่างเจี่ยหยวนกงผู้นี้ไม่เคยมีเมียบ่าวสักคน บริสุทธิ์มากขอรับ” บ่าวรับใช้ของเหลียงอ๋องรายงานตามความเป็นจริง
เหลียงอ๋องลืมตาขึ้น ดวงตาคมลึกส่อแววเยือกเย็น ใจร้อนดั่งไฟสุม ชายหนุ่มไอออกมาเบาๆ อย่างกลั้นไม่อยู่ เจ็บแปลบไปที่หน้าอก เขาพักหายใจครู่หนึ่งจากนั้นเอ่ยขึ้น “ถงจี๋…”
ถงจี๋รีบเดินถือยาขมที่เพิ่งต้มเสร็จร้อนๆ เข้ามาด้านใน “องค์ชาย!”
“พรุ่งนี้เช้าเจ้าจงนำป้ายหยกที่ได้รับพระราชทานของข้าไปหาชุนเหยียนที่จวนเจิ้นกั๋วกง กำชับให้นางมอบป้ายหยกนี้ให้แก่ไป๋ชิงเหยียน! บอกกับไป๋ชิงเหยียนว่าข้าจะสู่ขอนางมาเป็นชายาเอก ให้นางโปรดรอข้าสักหน่อย”
เหลียงอ๋องวางแผนได้ชัดเจนมาก การที่เขาทำเช่นนี้ ด้านหนึ่งเป็นการใช้ฐานะองค์ชายข่มตระกูลต่งเอาไว้ พวกเขาจะได้ไม่กล้าไปสู่ขอหญิงสาว อีกด้านหนึ่ง ขอเพียงชุนเหยียนรับป้ายหยกเอาไว้ก็พิสูจน์ได้แล้วว่าเขากับไป๋ชิงเหยียนลอบคบกันอยู่ เมื่อชื่อเสียงของไป๋ชิงเหยียนเสียหายประกอบกับเรื่องที่นางมีบุตรยาก จะมีผู้ใดกล้าขอนางแต่งงานอีก!
ถงจี๋ขมวดคิ้วแน่น “แต่ตอนแรกองค์ชายตรัสว่าจะมอบตำแหน่งเช่อเฟย[1] ให้มิใช่หรือพ่ะย่ะค่ะ ตำแหน่งพระชายาเอกสูงส่งนัก คุณหนูไป๋ผู้นั้นมีบุตรยาก…”
“เจ้ากล้าขัดคำพูดของข้าอย่างนั้นหรือ แค่กๆ …”
ถงจี๋โดนสายตาของเหลียงอ๋องจ้องจนเสียวสันหลังวูบ รีบพยักหน้ารับคำ
วันต่อมา ต่งฉางหยวนพร้อมกับต่งเหล่าไท่จวินนำของกำนัลมากมายมาที่จวนเจิ้นกั๋วกง เหตุผลหนึ่งเพื่อมาเยี่ยมองค์หญิงใหญ่ อีกเหตุผลก็คือต่งฉางหยวนบอกกับต่งเหล่าไท่จวินว่าเขารู้สึกเสียใจเป็นอย่างมากขอร้องให้ต่งเหล่าไท่จวินพามาที่จวนเจิ้นกั๋วกงอีกครั้ง ดูว่าเรื่องการแต่งงานกับไป๋ชิงเหยียนยังพอมีทางแก้ไขหรือไม่
ไม่ใช่เพราะต่งฉางหยวนหลงใหลในรูปร่างหน้าตาที่งดงามของไป๋ชิงเหยียน แต่ชายหนุ่มเห็นว่าญาติผู้พี่นั้นมีคุณธรรมสูงส่ง สะอาดบริสุทธิ์ งดงามไร้ที่ติ แค่เขาคิดว่าไป๋ชิงเหยียนต้องแต่งงานไปกับผู้อื่นแล้วโดนตระกูลสามีรังเกียจเพราะเรื่องมีบุตรยาก เขาก็รู้สึกว่าไข่มุกโดนบดบังแสง[2] น่าเจ็บปวดใจยิ่งนัก
องค์หญิงใหญ่พูดคุยกับต่งเหล่าไท่จวินอย่างสนุกสนานอยู่พักหนึ่ง เจี่ยงหมัวมัวก็ได้รับคำสั่งให้มาเชิญไป๋ชิงเหยียนที่เรือนชิงฮุย
ชุนเหยียนส่งเจี่ยงหมัวมัวกลับไป ทำสีหน้าบึงตึงราวกับผู้ใดติดค้างนาง ยืนนิ่งอยู่ตรงประตู มือกำผ้าเช็ดหน้าแน่น บ่นพึมพำ “เมื่อวานเพิ่งเจอกันที่จวนต่ง เหตุใดคุณชายจากเติงโจวนั่นจึงมาที่จวนอีก”
เมื่อวานชุนเหยียนให้คนไปส่งข่าวให้เหลียงอ๋อง ไม่รู้ว่าเหลียงอ๋องรู้เรื่องแล้วหรือไม่ มีแผนการรับมืออย่างไร
หากคุณหนูใหญ่แต่งงานไปอยู่ที่เติงโจวจริงๆ วันหน้า…นางจะเจอเหลียงอ๋องอีกได้อย่างไรกัน
เมื่อเห็นไป๋ชิงเหยียนเปลี่ยนเครื่องแต่งกายเสร็จเรียบร้อยเดินออกมา ชุนเหยียนรีบเข้าไปประคองก็ได้ยินไป๋ชิงเหยียนกล่าวขึ้น “ชุนเถาตามไปคนเดียวก็พอแล้ว”
ชุนเหยียนได้ยินจึงรีบชักมือกลับในทันที ยืนตาแดงอยู่ด้านข้าง
ไป๋ชิงเหยียนไม่มองชุนเหยียนแม้แต่น้อย จับมือชุนเถาเดินออกไปจากเรือนชิงฮุย
อิ๋นซวงที่ถือลูกอมถั่วอยู่ในมือกำลังขบเคี้ยวอย่างเอร็ดอร่อยมองเห็นชุนเหยียนที่ดวงตาแดงก่ำ นางก้มมองดูลูกอมในมือ ขมวดคิ้วอย่างเจ็บปวดราวกับถูกเฉือนเนื้อ ก้าวไปด้านหน้ายื่นลูกอมให้ชุนเหยียน “กินลูกอม”
ชุนเหยียนจ้องอิ๋นซวงเขม็ง ยกมือปัดลูกอมถั่วในมือของอิ๋นซวงจนกระเด็น “ผู้ใดอยากกินลูกอมของเด็กโง่อย่างเจ้ากัน!”
อิ๋นซวงมองดูลูกอมที่เกลื่อนกลาดอยู่บนพื้น ผลักชุนเหยียนอย่างแรงจนนางล้มไปบนพื้น ชุนเหยียนหันกลับไปมองอิ๋นซวงอย่างโมโห “เจ้า…”
อิ๋นซวงเชิดหน้าขึ้นอย่างไม่กลัว ชุนเหยียนรู้ดีว่านางไม่ใช่คู่ต่อสู้ของอิ๋นซวง นางลุกขึ้นพลางปัดฝุ่นตามร่างกายออก เอ่ยอย่างโมโห “ข้าไม่ถือสาเด็กโง่อย่างเจ้าหรอก!”
เมื่อเห็นว่าชุนเหยียนจากไป อิ๋นซวงจึงก้มลงเก็บลูกอมถั่วที่พี่ชุนเถาให้ขึ้นมาทีละเม็ด เป่าฝุ่นออกจนสะอาดจึงแล้วห่อไว้ตามเดิม เด็กสาวนั่งกินต่ออย่างมีความสุขอยู่ใต้ชายคาเรือน
องค์หญิงใหญ่พูดคุยกับต่งเหล่าไท่จวินอยู่ในห้องด้านใน ต่งฉางหยวนทนไม่ไหวยืนรออยู่ใต้ชายคาด้านนอก มองออกไปนอกเรือนฉางโซ่วเป็นระยะ
เห็นร่างผอมเพรียวในชุดกระโปรงยาวสีขาวเดินย่างกายเข้ามาท่ามกลางแสงยามรุ่งอรุณที่สะท้อนไปยังหิมะ ต่งฉางหยวนใจอุ่นวาบ เดินลงบันไดลงไปสองสามก้าวอย่างไม่รู้ตัว โค้งกายคำนับ “ญาติผู้พี่…”
หญิงสาวยิ้มให้เป็นการตอบรับ “เหตุใดญาติผู้น้องจึงยืนอยู่ที่ระเบียงเช่นนี้เล่า ในห้องอึดอัดหรือ”
“ข้าตั้งใจมารอญาติผู้พี่ตรงนี้” ใบหูของต่งฉางหยวนแดงระเรื่อ โค้งกายคำนับอีกรอบ ”คำนับนี้เพื่อขอขมาที่เมื่อวานฉางหยวนเสียมารยาทกับญาติผู้พี่”
“มิเป็นไร” หญิงสาวพยักหน้าให้น้อยๆ
“อีกเรื่อง…อีกเรื่อง…” ต่งฉางหยวนไม่ยอมเงยหน้าขึ้น ใจเต้นรัว ลมหายใจร้อนผ่าว “ฉางหยวนขอคุยกับญาติผู้พี่ตามลำพังได้หรือไม่ขอรับ”
ไป๋ชิงเหยียนหันไปมองชุนเถา ชุนเถาถอยไปยืนอยู่ห่างๆ อย่างรู้หน้าที่
โชคดีที่นี่คือเรือนฉางโซ่ว มีบ่าวรับใช้มากมายคอยมองอยู่จึงไม่ถือเป็นการผิดธรรมเนียม
“ญาติผู้น้องเชิญกล่าวมาได้เลย”
ต่งฉางหยวนใบหน้าแดงก่ำหยัดกายขึ้นยืนตัวตรง “ฉางหยวนรู้ว่าท่านย่ากังวลใจมากเรื่องการแต่งงานของญาติผู้พี่เนื่องจากท่านมีบุตรยาก ท่านมีความสามารถ จิตใจดีงาม เป็นผู้มีคุณธรรมสูงส่ง จะ…” จะฝืนแต่งงานกับผู้อื่นแบบลวกๆ เพียงเพราะอุปสรรคเรื่องการมีบุตรยากดังเช่นคำที่ท่านย่ากล่าวได้อย่างไรกัน
ต่งฉางหยวนกัดฟัน กล่าวออกมาอย่างจริงใจ “ต่งฉางหยวนไม่อยากเห็นคนดีๆ อย่างญาติผู้พี่ตกอยู่ในมือของคนที่ไม่คู่ควร จึงบังอาจกล่าวขึ้นเช่นนี้ ญาติผู้พี่โปรดพิจารณาด้วยเถิดขอรับ”
เห็นท่าทีจริงจังของต่งฉางหยวน ไป๋ชิงเหยียนตะลึงไปชั่วขณะจากนั้นจึงหัวเราะออกมาเบาๆ “ขอบใจในความหวังดีของญาติผู้น้อง ชีวิตนี้…พี่ไม่คิดจะแต่งงานออกเรือนไปกับผู้ใด อีกอย่างท่านย่า ท่านพ่อก็เตรียมทางออกไว้ให้พี่แล้ว เจ้าไม่ต้องกังวลแทนพี่หรอก ญาติผู้น้องเป็นสุภาพบุรุษที่สง่าผ่าเผย ตรงไปตรงมาและจิตใจดียิ่งนัก คู่ควรกับสตรีที่งดงามเพียบพร้อม จะแต่งงานเพราะความสงสารได้อย่างไรกัน เพียงแต่ว่า…เรื่องที่พี่จะไม่แต่งงานไปตลอดชีวิตเกรงว่าจะทำให้ท่านแม่เสียใจ หวังว่าญาติผู้น้องจะช่วยเก็บไว้เป็นความลับอย่าให้ท่านแม่ของพี่ล่วงรู้เป็นอันขาด”
ต่งฉางหยวนมองออกว่าไป๋ชิงเหยียนไม่อยากแต่งงานกับเขาแต่ก็เสี่ยงกล่าวออกไป เขานึกไม่ถึงเลยว่าไป๋ชิงเหยียนตั้งใจจะไม่แต่งงานตลอดชีวิต
องค์หญิงใหญ่ที่อยู่ในห้องส่ายหน้าให้ต่งเหล่าไท่จวินพลางถอนหายใจ ต่งเหล่าไท่จวินกล่าวออกมา “ดูจากสีหน้าของฉางหยวน อาเป่าคงไม่ตกลงเป็นแน่ เมื่อวานฉางหยวนคุกเข่าต่อหน้าข้า ขอร้องให้ข้าแบกหน้าพาเขามาที่นี่อีกรอบ บอกว่าไม่อยากเห็นผู้หญิงดีๆ ไร้ที่ติอย่างอาเป่าต้องฝืนแต่งงานแล้วโดนตระกูลแม่สามีรังแกเพราะเรื่องการมีทายาท”
[1] เช่อเฟย ตำแหน่งชายารองอันดับที่หนึ่ง
[2] ไข่มุกโดนบดบังแสง หมายถึง ผู้มีความสามารถแต่ไม่ได้ความสำคัญ หรือเปรียบสิ่งของที่ดีต้องตกไปอยู่ในมือคนที่ไม่คู่ควร