ตอนที่ 181 ถูกทิ้งหลังหมดประโยชน์
เสียงลมพัดโหยหวนและเสียงตะโกนร้องจากในหุบเขาลึกดังแว่วออกมา ไป๋ชิงเหยียนหลับตาลง คำสอนของท่านปู่ในวัยเยาว์ยามที่ท่านอุ้มนางไว้บนตักพลางสอนให้นางเล่นหมากล้อมดังแว่วขึ้นที่ริมหู
ผู้นำทัพ หากกล้านำทัพด้วยตัวเองจะสามารถปลุกใจเหล่าทหารเลือดร้อนได้ ศึกนั้นต้องชนะ กองทัพบุกโจมตีจนศัตรูพ่ายแพ้ยับเยินแน่นอน!
บัดนี้นางไม่ได้มีวิทยายุทธที่เก่งกาจดังเช่นเมื่อก่อนอีกแล้ว ทว่า หากนางต้องการแบกธงใหญ่กองทัพไป๋ให้ได้นางก็ต้องยอมแลก นางต้องยืนอยู่ด้านหน้าสุด นำกองทัพไป๋บุกสังหารศัตรูอย่างกล้าหาญ!
มีเพียงนางยืนอยู่ในตำแหน่งหน้าสุดเท่านั้นจึงจะสามารถปลุกใจเหล่าทหารของกองทัพไป๋ ไม่ให้หวาดกลัวต่อสิ่งใดได้
เสียงตะโกนโห่ร้องของกองทัพซีเหลียงที่อยู่กลางหุบเขาดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ หญิงสาวลืมตาขึ้น ยกคันธนูขึ้นเตรียมพร้อม ง้างสายธนูสุดแรง เล็งไปยังปากหุบเขาที่มืดมิด
ท่านปู่เคยกล่าวว่า…หากแคว้นมีสงคราม ชาวบ้านเดือดร้อน บุตรของตระกูลไป๋ต้องทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด ต้องนำทัพอยู่เบื้องหน้า สละชีพเพื่อปกป้องชาวบ้าน นี่คือสิ่งที่ตระกูลไป๋ยึดมั่นศรัทธา
นับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป นางจะสานต่อความยึดมั่นและศรัทธาของท่านปู่และท่านพ่อเอง!
หากไม่รบจนตัวตาย ไม่มีวันถอดเกราะ!
เสียงเข่นฆ่าดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ดวงตาวาวโรจน์ของไป๋ชิงเหยียนจับจ้องไปที่ทหารซีเหลียงคนแรกที่บุกออกมาจากหุบเขา หญิงสาวกัดฟันแน่น ง้างสายธนูเต็มเหนี่ยว ยิงออกไป
ลูกธนูพุ่งผ่านอากาศ แทงทะลุลำคอของทหารซีเหลียงผู้นั้น พริบตานั้น ทหารของกองทัพไป๋ใจเต้นรัวขึ้นมาทันที!
ทหารกล้าที่เลือดร้อนในกายกำลังพลุ่งพล่านอย่างตื่นเต้นได้ยินเสียงตะโกนของไป๋ชิงเหยียนดังขึ้น “จับเป็นอวิ๋นพั่วสิง! ฆ่า!”
“ฆ่า!”
ทหารกองทัพไป๋ชักดาบ ชูหอกบุกตามไปชิงเหยียนเข้าไปในหุบเขา เผชิญหน้ากับศัตรูอย่างกล้าหาญ เหมือนไม้ไผ่ที่หักงอ ทว่ายังคงความแหลมคมเอาไว้
ระหว่างทางที่บุกเข้าไป ไป๋ชิงเหยียนใช้ธนูเซ่อรื้อยิงสังหารเหล่าแม่ทัพของซีเหลียงที่คลุมเสื้อคลุมกันลมไว้ที่หลังทีละคน ลูกธนูทุกดอกไม่เคยพลาดเป้า
ทหารซีเหลียงที่หลบหนีออกมา เมื่อเห็นว่าไป๋ชิงเหยียนเล็งธนูไปทางใด ทหารซีเหลียงล้วนจบชีวิตลงทุกราย พวกเขารู้สึกเย็นวาบไปทั้งร่าง ยิ่งมองเห็นกองทัพไป๋ที่บุกเข้าไปสังหารศัตรูอย่างฮึกเหิมราวกับพยัคฆ์และหมาป่า พวกเขาเกิดความรู้สึกหวาดกลัวและอยากถอยทัพหนีขึ้นมาทันที
แม้เฉิงหย่วนจื้อจะคอยคุ้มกันอยู่ข้างกายของไป๋ชิงเหยียน ทว่า ไป๋ชิงเหยียนก็ยังถูกแทงที่บ่าไปหนึ่งบาดแผล
ลูกธนูของไป๋ชิงเหยียนหมดเกลี้ยง นางดึงลูกธนูออกมาจากศพจากนั้นเล็งยิงต่อ
มองเห็นอวิ๋นพั่วสิงที่ถูกทหารถือโล่สามนายคุ้มกันอยู่ตรงกลางจากที่ไกลๆ ไป๋ชิงเหยียนใช้เท้าเหยียบไปบนศพของทหารซีเหลียงที่อยู่ด้านข้าง กระชากลูกธนูออกมาอย่างแรง ลูกธนูที่ชุ่มไปด้วยเลือดสดพุ่งผ่านอากาศตรงไปยังร่างของอวิ๋นพั่วสิง รวดเร็วจนไม่อาจขวางไว้ทัน ลูกธนูแทงทะลุเสื้อเกราะหนา แรงปะทะรุนแรงจนอวิ๋นพั่วสิงล้มลงบนพื้น
“ท่านแม่ทัพใหญ่!”
“ท่านแม่ทัพใหญ่!”
ทหารซีเหลียงหน้าซีดเผือด ตะโกนเรียกอย่างตื่นตระหนก
สิ้นเสียง กองทัพของซีเหลียงที่ถูกโจมตีย่อยยับเริ่มหมดกำลังใจที่จะสู้รบ ไม่นานก็ถูกกองทัพไป๋ที่ฮึกเหิมด้วยจิตวิญญาณของนักสู้สังหารราวกับคนขี้ขลาด ไร้ความสามารถ อวิ๋นพั่วสิงก็โดนกองทัพไป๋ล้อมไว้เช่นเดียวกัน
บัดนี้ ทหารรอบกายของอวิ๋นพั่วสิงเหลืออยู่ไม่ถึงสิบคน
อวิ๋นพั่วสิงกำลูกธนูที่แทงเฉียดหัวใจแน่น เลือดสดไหลทะลักออกมา เขาขบกรามแน่นฝืนลุกขึ้นโดยมีทหารซีเหลียงช่วยประคอง มองดูทหารกองทัพไป๋ที่แววตาเต็มไปด้วยความอาฆาตห้อมล้อมอยู่รอบกาย ในใจไม่อยากยอมแพ้ สวรรค์จะให้เขาจบชีวิตลงที่นี่จริงๆ หรือ!
คนอย่างอวิ๋นพั่วสิงไม่กลัวตาย ทว่า เขาไม่อยากตายด้วยน้ำมือของกองทัพไป๋! ไม่อยากตายด้วยน้ำมือหลานสาวของไป๋เวยถิง! เขามีชีวิตอยู่เพื่อสร้างชื่อเสียงให้เป็นที่กล่าวขาน ให้เขากลับไปตายที่ซีเหลียงก็ยังดี เขาเพิ่งสังหารบุตรชายและหลานชายของไป๋เวยถิงจนหมดเกลี้ยง เขาเพิ่งลบล้างคำสบประมาทที่ว่า หวาดกลัวกองทัพไป๋ราวกับบุตรหวาดกลัวบิดา ไปได้ เหตุใดสวรรค์ถึงทำกับเขาเช่นนี้!
“หลีก!”
เสียงหนักทุ้มของเฉิงหย่วนจื้อดังขึ้นจากทางด้านหลัง ทหารกองทัพไป๋ที่เต็มไปด้วยความอาฆาต พร้อมที่จะฉีกอวิ๋นพั่วสิงออกเป็นชิ้นๆ ต่างหลีกทางให้เฉิงหย่วนจื้อ
อวิ๋นพั่วสิงเงยหน้า ดวงตาที่แดงฉานของเขามองไปยังสตรีในชุดเกราะสีเงินที่เดินเข้ามาท่ามกลางกองทัพไป๋
ท่ามกลางความมืดมิดในหุบเขาซึ่งเต็มไปด้วยเสียงโหยหวนของลม สตรีที่อยู่ในชุดเกราะสีเงิน ใบหน้ามีบาดแผล ร่างกายเปื้อนเลือด รอบกายเต็มไปด้วยไอสังหาร ก้าวฝีเท้าต้านลมเดินเข้ามาอย่างมั่นคง เสื้อคลุมกันลมสีแดงที่อาบไปด้วยเลือดสีแดงสดและผมยาวสวยที่มัดรวบไว้สยายไปตามแรงลม ท่วงท่าราวกับเทพเจ้าแห่งการสังหาร ช่างน่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก
อวิ๋นพั่วสิงเคยได้ยินเรื่องของหลานสาวคนโตของไป๋เวยถิงมาบ้าง แม้ทุกคนจะกล่าวกันว่าในสงครามกวาดล้างแคว้นสู่ หลานสาวคนโตของไป๋เวยถิงเป็นคนตัดศีรษะของแม่ทัพใหญ่ผางผิงกั๋วของแคว้นสู่ด้วยตัวเอง ทว่า อวิ๋นพั่วสิงคิดว่านั่นคือข่าวลือที่ไป๋เวยถิงจงใจปล่อยออกมาเพื่อให้ทุกคนคิดว่าสายเลือดของตระกูลไป๋เก่งกาจ ข่าวลือนี้เป็นเพียงข่าวลือที่ไป๋เวยถิงต้องการให้ทุกแคว้นรับรู้ว่าไม่ว่าบุรุษหรือสตรีของตระกูลไป๋ล้วนมีจิตวิญญาณนักสู้ด้วยกันทั้งสิ้น
ต่อมา อวิ๋นพั่วสิงได้ยินว่าหลานสาวคนโตของไป๋เวยถิงได้รับบาดเจ็บหนักจนสูญเสียวิทยายุทธไป เขาก็ยิ่งแน่ใจว่านี่คือแผนการของไป๋เวยถิงที่กลัวว่าทุกคนจะรับรู้ว่าหลานสาวของเขาเป็นเพียงคนไร้ประโยชน์คนหนึ่งเท่านั้น
ผู้ใดจะคาดคิดว่าหลังจากที่เขาสังหารบุรุษตระกูลไป๋จนหมดสิ้น แคว้นต้าจิ้นไม่มีแม่ทัพที่แข็งแกร่งหลงเหลืออีกแล้ว หลานสาวคนโตของไป๋เวยถิงผู้นี้กลับปรากฏตัวออกมาอย่างเงียบเชียบเช่นนี้
เขาทำสงครามมาหลายปี แค่เห็นไอสังหารรอบกาย แววตาคมกริบเยือกเย็น ความกล้าหาญและความสามารถของหญิงสาว เขาก็รู้ได้ทันทีว่าสตรีผู้นี้เป็นบุคคลที่โหดเหี้ยมยิ่งกว่าไป๋เวยถิง เหมือนกับราชาหมาป่าตัวใหม่ของฝูงที่มักจะโหดร้ายและอำมหิตยิ่งกว่าราชาหมาป่าตัวเดิม
สวรรค์ต้องการชีวิตเขาสินะ!
อวิ๋นพั่วสิงซึ่งถูกธนูยิงเฉียดหัวใจถูกทหารซีเหลียงคุ้มกันอยู่ใจกลางด้วยสภาพสะบักสะบอม เขาเอื้อมมือไปผลักทหารซีเหลียงที่คุ้มกันเขาอยู่ให้หลบไป ก้าวไปด้านหน้าหนึ่งก้าว ขบกรามมองไปยังไป๋ชิงเหยียนที่ยืนอยู่ห่างจากเขาไม่ถึงหนึ่งจั้ง เขาขบกรามแน่น แสร้งทำเป็นสงบนิ่งพลางยิ้มเย็นออกมา “นึกไม่ถึงเลยว่า
ไป๋เวยถิงจะมีหลานสาวที่งดงามปานหยกเช่นนี้ เจ้าไม่มีวิทยายุทธแล้วมิใช่หรือ! เหตุใดถึงมายังสงครามของบุรุษเช่นนี้เล่า หรือต้องการมาเป็นของเล่นของทหารกล้าของซีเหลียงอย่างพวกข้ากัน!”
นี่เป็นครั้งแรกที่ไป๋ชิงเหยียนได้พบกับอวิ๋นพั่วสิง ชายที่ย่างเข้าวัยชราในอายุสี่สิบเก้าปี มีรูปร่างที่สูงใหญ่และน้ำเสียงที่แหบกร้านอย่างคนซีเหลียง ดวงตาคู่นั้นเต็มไปรังสีสังหารและความปลิ้นปล้อนเจ้าเล่ห์ ดูโหดเหี้ยมเป็นที่สุด
“เจ้า!” เฉิงหย่วนจื้อชักดาบออกมา แต่โดนไป๋ชิงเหยียนห้ามไว้เสียก่อน
หญิงสาวข่มความโกรธแค้นที่เดือดพล่านอยู่ในใจ กลิ่นไหม้ที่ลอยมาตามลมและกลิ่นคาวเลือดทำให้หญิงสาวควบคุมสติไม่ให้ความโกรธเข้ามาครอบงำได้
นางเกลียด! แทบอยากฉีกเนื้อของอวิ๋นพั่วสิงออกมาเป็นชิ้นๆ เขาคว้านท้องน้องชายคนที่สิบเจ็ดของนาง ตัดศีรษะท่านพ่อของนางแล้วนำไปแขวนไว้ที่ค่ายทหารเพื่อประกาศศักดา นางจะไม่เกลียดได้อย่างไร!
แค่ลูกธนูเพียงดอกเดียวก็สามารถปลิดชีวิตของอวิ๋นพั่วสิงได้ในทันที นางสามารถตัดศีรษะ ควักหัวใจของเขา! โยนศีรษะของเขาทิ้งไปที่ค่ายทหารของซีเหลียงได้!
ทว่า…นางจงใจยิงพลาด
เพราะว่าสติสัมปชัญญะของนางเตือนนางว่าอวิ๋นพั่วสิงจะตายไม่ได้ หากอวิ๋นพั่วสิงตาย ฮ่องเต้และคนในราชสำนักเหล่านั้นก็จะไม่มีสิ่งใดต้องหวาดกลัวอีก พวกเขาจะไม่ปล่อยตระกูลไป๋ ไม่ปล่อยกองทัพไป๋อย่างแน่นอน
วิหคสิ้นเกาทัณฑ์ซ่อน กระต่ายม้วยย่างสุนัข[1]
นอกเหนือจากนาง นอกเหนือจากกองทัพไป๋ หนานเจียงต้องเหลือศัตรูที่มีอำนาจบารมี ไม่เคยพ่ายแพ้ในสงครามเอาไว้กดดันและข่มบารมีของฮ่องเต้แคว้นต้าจิ้น เช่นนี้ฮ่องเต้จึงจะหวาดระแวงอยู่ตลอดเวลา
หญิงสาวมองจ้องไปยังดวงตาที่แดงฉานของอวิ๋นพั่วสิง พยายามระงับสติอารมณ์ของตัวเองไว้
———————————————
[1] วิหคสิ้นเกาทัณฑ์ซ่อน กระต่ายม้วยย่างสุนัข เป็นสำนวนหมายถึงเมื่อหมดประโยชน์แล้วจะถูกกำจัดทิ้ง เหมือนเมื่อใดที่ยิงนกแล้วก็จะเก็บธนูไว้ไม่ใช่อีก เมื่อใดได้กระต่ายแล้วก็จะนำสุนัขล่าเนื้อมาย่างกิน ความหมายคล้ายกันสำนวนไทยที่ว่า เสร็จนาฆ่าโคถึก เสร็จศึกฆ่าขุนพล