ตอนที่ 204 ถอยทัพ
“หากเจ้ายอมนั่งทานขนมอยู่ที่นี่อย่างสงบ เมื่อได้รับข่าวเรื่องเสบียงอาหารของซีเหลียงถูกปล้น ข้าเป็นคนตระกูลไป๋ ย่อมรักษาสัญญาอยู่แล้ว” ไป๋ชิงเหยียนมองไปทางอวิ๋นพั่วสิงด้วยแววตาเรียบเฉย “หากเจ้าบุ่มบ่าม ที่นี่จะกลายเป็นหลุมฝังศพของเจ้าทันที”
อวิ๋นพั่วสิงยังคงดึงดัน ตวาดออกมาอย่างโมโห “ไป๋ชิงเหยียน สองแคว้นทำศึก ข้ามาเจรจาสงบศึกด้วยตัวเอง หากเจ้าสังหารข้า เจ้าไม่กลัวคำครหาจากใต้หล้าหรืออย่างไร”
ดวงตาของไป๋ชิงเหยียนแจ่มชัด หัวเราะออกมาเสียงเบา “ทหารยอมจำนนเกือบแสนนายในหุบเขาเวิ่งข้ายังสังหารมาแล้วเลย เจ้าคิดว่า…ข้าจะกลัวคำครหาจากใต้หล้าอีกหรือ!”
อวิ๋นพั่วสิงหลับตาลง
คนของทั้งสองฝ่ายเตรียมตั้งรับอยู่ตลอดเวลา มองดูบรรยากาศเงียบขรึมระหว่างอวิ๋นพั่วสิงและไป๋ชิงเหยียน ได้ยินเพียงเสียงน้ำไหลจากแม่น้ำเท่านั้น
ไม่นาน ม้าเร็วตัวหนึ่งแล่นเข้ามาจากทางค่ายทหารของซีเหลียง เมื่อมาถึงริมแม่น้ำจิงแล้วไม่พบอวิ๋นพั่วสิงก็งุนงงไปชั่วขณะ เขามองดูรอยเท้าของม้าที่ย่ำไปตามริมแม่น้ำจึงตามรอยเท้านั้นไปอย่างไม่มั่นใจ ทหารซีเหลียงผู้นั้นควบม้าไปสักพักหนึ่งก็พบตัวอวิ๋นพั่วสิงจริงๆ
“ท่านแม่ทัพใหญ่ ท่านแม่ทัพใหญ่ขอรับ!…” ทหารซีเหลียงควบม้าเข้าไปอย่างรวดเร็ว เมื่อถึงริมฝั่งแม่น้ำจิงทางทิศใต้จึงเห็นว่าทั้งสองฝ่ายกำลังชูดาบปะทะกันอยู่ เขาตกใจจนไม่กล้ากล่าวสิ่งใดออกมา ไม่กล้าข้ามแม่น้ำไปด้วยเช่นกัน
“ดูเหมือนว่าเขามีเรื่องสำคัญจะรายงานเจ้า ให้เขาข้ามมา…เจ้าจะได้ฟังให้ชัดเจนว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้นกันแน่” ไป๋ชิงเหยียนมองไปทางอวิ๋นพั่วสิงพลางแสยะยิ้ม
อวิ๋นพั่วสิงรู้ดี ในเมื่อทหารของตัวเองมาถึงนี่แล้ว ทางหนึ่งคือมารายงานข่าวเรื่องเสบียงถูกปล้น จากนั้นกลับไปพร้อมกับเขา อีกทางคือ เขารายงานข่าวอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องกับเสบียงอาหาร จากนั้นต้องรอข่าวเสบียงอาหารอยู่กับเขาที่นี่ มิเช่นนั้นมีแต่ตายสถานเดียว
อวิ๋นพั่วสิงไม่มีทางเลือก เขากวักมือเรียกทหารให้ข้ามแม่น้ำมาหา
ทหารซีเหลียงขี่ม้าข้ามแม่น้ำมา กำลังจะกระซิบข้างหูของอวิ๋นพั่วสิงแต่กลับได้ยินอวิ๋นพั่วสิงกล่าวขัดขึ้น “ไม่ว่าเป็นข่าวอันใด จงรายงานออกมาเลย!”
ทหารซีเหลียงที่มาส่งข่าวงานหน้าขึ้น มองไปยังไป๋ชิงเหยียนที่นั่งอยู่บนหลังม้าแวบหนึ่ง จากนั้นกล่าวออกมาเสียงเบา “หนานเยี่ยนส่งทหารมาแจ้งว่าเมื่อคืนพวกเขาถูกโจมตีที่เหยากวน! ขอให้ท่านแม่ทัพใหญ่นำกำลังเสริมไปช่วยเหลือขอรับ”
เหยากวน…
แววตาของไป๋ชิงเหยียนสงบนิ่ง หากเป็นที่เหยากวนก็แสดงว่าเซียวหรงเหยี่ยนต้องการยึดหนานเยี่ยนคืนก่อนกำหนดแล้ว
ได้ยินข่าวนี้ อวิ๋นพั่วสิงรู้สึกว่าตัวเองแก่มากแล้ว
เขาคิดว่าเมื่อเขาสังหารลูกชายหลานชายของไป๋เวยถิงหมดแล้ว ต่อไปเขาคงไม่ต้องหวาดกลัวกองทัพไป๋อีกแล้ว ทว่า สวรรค์กลับกลั่นแกล้งโดยการส่งคนที่เก่งกว่าอย่างไป๋ชิงเหยียนมา
เขาดูถูกศัตรูเกินไป ทว่า ต่อให้ไม่ดูถูก เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะเอาชนะไป๋ชิงเหยียนได้หรือไม่
ว่ากันว่าตระกูลไป๋แข็งแกร่งขึ้นทุกรุ่น ยุคของไป๋เวยถิงคือยุคที่ตระกูลไป๋เจริญรุ่งเรืองมากที่สุด คำกล่าวนี้คือเรื่องจริง! หลานสาวของไป๋เวยถิงยังเก่งกาจถึงเพียงนี้ แต่ก็โชคดีที่มีคนร่วมมือกับเขาจัดการกับไป๋เวยถิงและบรรดาลูกชายหลานชายของไป๋เวยถิงไปเสียก่อน มิเช่นนั้นหากภายภาคหน้ากองทัพซีเหลียงเผชิญหน้ากับกองทัพต้าจิ้นคงจะน่ากลัวมากจริงๆ
เมื่อคิดได้ดังนี้ ความเจ็บปวดและความโกรธแค้นเรื่องการตายของลูกชายและหลานชายของอวิ๋นพั่วสิงก็ลดลงไปไม่น้อย แม้ลูกชายและหลานชายของเขาจะตายไปแล้ว ทว่า กระดูกสันหลังของแคว้นศัตรูก็ถูกทำลายเช่นเดียวกัน สงครามครั้งนี้ไม่ได้ถือว่าพ่ายแพ้ย่อยยับซะทีเดียว
เขาลืมตาขึ้นพลางมองไปทางไป๋ชิงเหยียน
ทว่า…หากสตรีผู้นี้ยังอยู่ก็คือภัยอันใหญ่หลวงของแคว้นซีเหลียง
พริบตานั้น อวิ๋นพั่วสิงคิดแผนการบางอย่างขึ้นมาได้
หากครั้งนี้ไป๋ชิงเหยียนไม่ตาย เขาต้องรอถึงสามปีถึงจะมีโอกาสเปิดศึกกับไป๋ชิงเหยียนอีกครั้ง หวังว่าเมื่อถึงตอนนั้นเขาจะมองแผนการรบและการจัดทัพของไป๋ชิงเหยียนออกอย่างทะลุปรุโปร่ง
“ดูเหมือนว่าแม่ทัพใหญ่ต้องการบุกโจมตีค่ายทหารของข้ายามดึกสินะ!” ไป๋ชิงเหยียนเห็นประกายในดวงตาของอวิ๋นพั่วสิง มุมปากของหญิงสาวยกยิ้มขึ้นน้อยๆ นางเห็นสีหน้าของอวิ๋นพั่วสิงคล้ำลงในทันที
“ความคิดของข้า…ชัดเจนถึงเพียงนั้นเชียวหรือ” อวิ๋นพั่วสิงไม่ได้โมโห เขาถามอย่างจริงจัง
“ใช่ แววตาที่เจ้ามองข้าเปลี่ยนไป จากหงุดหงิดกลายเป็นฮึกเหิม! คงเป็นเพราะเจ้าคิดหาวิธีรับมือกับข้าได้แล้วกระมัง เจ้าคงคิดว่ามีเพียงข้าตาย ต้าจิ้นจึงจะไม่เป็นพิษเป็นภัยต่อซีเหลียงอย่างนั้นสินะ”
ไป๋ชิงเหยียนก้มหน้าลง ดวงตาสีดำขลับล้ำลึก จากนั้นแปรเปลี่ยนเป็นสดใสและอ่อนโยน น้ำเสียงเนิบนาบแฝงไปด้วยความเย่อหยิ่ง
“เจ้ามั่นใจหรือไม่ว่าเมื่อสังหารข้าแล้ว แคว้นต้าจิ้นของข้าจะไม่มีคนมีความสามารถอีกแล้ว อย่าลืมนะว่าตอนนั้นเจ้าคิดว่าเมื่อสังหารบุรุษตระกูลไป๋จนหมดสิ้นแล้ว แคว้นต้าจิ้นจึงไม่น่ากลัวอีกต่อไป ทว่า ทหารยอดฝีมือเกือบแสนของเจ้ากลับตายด้วยน้ำมือคนไร้ความสามารถอย่างข้า!”
เซียวรั่วเจียงรู้สึกประหลาดใจ การเหยียบย่ำซ้ำเติมคนไม่ใช่นิสัยของคุณหนูใหญ่ ยโสโอหังยิ่งไม่ใช่นิสัยของนางเข้าไปใหญ่ ทว่า เหตุใดคุณหนูใหญ่จึงกล่าวกับอวิ๋นพั่วสิงเช่นนี้กัน
อวิ๋นพั่วสิงเม้มปากแน่น ไม่รู้จะกล่าวสิ่งใดออกมา
ในที่สุดทหารจากค่ายทหารซีเหลียงก็มารายงานว่าเสบียงอาหารถูกเผาจนหมดสิ้น
อวิ๋นพั่วสิงมองไป๋ชิงเหยียนราวกับจะฉีกหญิงสาวออกเป็นชิ้นๆ ทว่า กลับทำสิ่งใดหญิงสาวไม่ได้แม้แต่น้อย เขานั่งอยู่บนหลังม้าอย่างท้อแท้
ครั้งนี้นอกเหนือจากเสบียงอาหารแล้ว ยังมีธนูหีบใหญ่ส่งมาด้วย
ครั้งที่แล้วธนูของซีเหลียงถูกคนของไป๋ชิงเหยียนเผาจนเกลี้ยง อวิ๋นพั่วสิงจึงขออาวุธเสริมจากซีเหลียง อีกทั้งยังขอยืมจากหนานเยี่ยนอีกด้วย…ทว่า หนานเยี่ยนกลับไม่ยอมให้ยืม
ในที่สุดธนูและเสบียงอาหารที่เขารอคอยก็เดินทางมาถึงแล้ว ทว่า เขากลับถูกไป๋ชิงเหยียนกักตัวไว้ที่นี่เพราะนางต้องการปล้นเสบียงของเขา ในใจของเขายังมีความหวังอยู่เล็กน้อย หวังว่าจะรักษาธนูเหล่านั้นไว้ได้ ทว่า ไป๋ชิงเหยียนกลับเผามันอีกครั้ง!
สวรรค์ต้องการกลั่นแกล้งซีเหลียงถึงเพียงนี้เชียวหรือ!
ฝั่งของไป๋ชิงเหยียน เสิ่นเหลียงอวี้และไป๋จิ่นจื้อมารายงานว่านอกจากเสบียงอาหารแล้ว พวกเขายังเผาธนูที่ส่งมาด้วย ไป๋ชิงเหยียนเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย จากนั้นสั่งให้ทหารลดธนูลงแล้วขี่ม้าจากไป
อวิ๋นพั่วสิงนั่งอยู่บนหลังม้านิ่ง ครู่หนึ่งจึงหัวเราะออกมาเสียงเย็น…
คนหนุ่มสาวนี่ใจร้อนใจจริงๆ หากเป็นเขา…เมื่อรู้ว่าฝ่ายตรงข้ามจะบุกโจมตีค่ายทหารในยามวิกาล เขาจะไม่เอะอะโวยวายใดๆ ปล่อยให้ศัตรูลงมือตามใจชอบ ส่วนตัวเองจะสร้างกับดักรอให้พวกเขาบุกเข้ามายังค่าย ทำให้พวกเขาไม่ได้กลับออกไปอีกเลยตลอดชีวิต
ไป๋ชิงเหยียนรบชนะศึกเพียงไม่กี่ครั้งก็คิดว่าตัวเองวางแผนได้อย่างรอบคอบแล้ว หญิงสาวดูถูกเขา คืนนี้เขาจะทำให้นางรู้เองว่าขิงยิ่งแก่ยิ่งเผ็ด[1]!
ก่อนที่อวิ๋นพั่วสิงจะขี่ม้าเร็วกลับไปยังค่ายทหารของตัวเอง เขามองไปทางค่ายทหารของต้าจิ้นแวบหนึ่ง เหมือนจะมองเห็นศีรษะของบุตรชายที่ถูกแขวนอยู่กลางค่ายทหารลางๆ เขาสาบานว่าคืนนี้เขาจะแย่งชิงศีรษะของบุตรชายกลับมาให้ได้
…
กระโจมของแม่ทัพใหญ่แคว้นต้าจิ้น
ไป๋ชิงเหยียนแขวนคันธนูเซ่อรื้อเสร็จเรียบร้อย จากนั้นตะโกนไปยังนอกกระโจม “เรียกแม่ทัพทุกคนมา”
ไป๋จิ่นจื้อประหลาดใจจึงเอ่ยถามออกไป “เกิดเรื่องอันใดขึ้นหรือเจ้าคะพี่หญิงใหญ่”
“คืนนี้อวิ๋นพั่วสิงจะบุกโจมตีค่ายของเรา” ไป๋ชิงเหยียนกล่าว
เซียวรั่วเจียงตะลึงงัน ความสงสัยในใจคลี่คลายในทันที เมื่อครู่คุณหนูใหญ่จงใจกล่าวยั่วโมโหอวิ๋นพั่วสิง จงใจกล่าวว่าจา ยโสเช่นนั้นกับอวิ๋นพั่วสิงเพราะต้องการให้อวิ๋นพั่วสิงคิดว่านางเหิมเกริมทั้งที่รบชนะเพียงไม่กี่ศึกเท่านั้น
ดังนั้นคืนนี้ไม่ว่าอย่างไรอวิ๋นพั่วสิงก็ต้องบุกโจมตีค่ายทหารอย่างแน่นอน
อวิ๋นพั่วสิงถูกคุณหนูใหญ่กล่าวดูถูกด้วยวาจาโอหังเช่นนั้น คงคิดว่าคุณหนูรบชนะไม่กี่ครั้งก็หยิ่งผยอง ไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาอีกแล้ว จึงกล้าเปิดเผยแผนการของเขาต่อหน้าทุกคนเช่นนั้น คนปกติหากแผนการถูกเปิดโปง เขาต้องถอยทัพอย่างแน่นอน
———————————————
[1] ขิงยิ่งแก่ยิ่งเผ็ด หมายถึงคนที่มีประสบการณ์มากกว่ายอมเก่งกว่า