ตอนที่ 210 หน้าที่
รัชทายาทหันไปมองไป๋ชิงเหยียน “แม่ทัพไป๋กล่าวเช่นนี้หมายความว่าอย่างไรกัน”
รัชทายาทขมวดคิ้วแน่น หากเป็นเหมือนก่อนหน้านี้ที่ความดีความชอบเป็นของเขา ไป๋ชิงเหยียนกลับไปยังเมืองซั่วหยางย่อมเป็นเรื่องดี ทว่า บัดนี้ไป๋ชิงเหยียนสร้างความดีความชอบไว้มากมายถึงเพียงนี้ หากนางกลับไปซั่งหยาง…ใต้หล้าจะมองราชวงศ์ต้าจิ้นเช่นไรกัน
ที่สำคัญเขาทุ่มเทกำลังคนและกำลังทรัพย์ไปมากเพื่อกระจายข่าวเรื่องสงครามกวาดล้างแคว้นสู่ และสงครามภูเขาเวิ่งจนทำให้ไป๋ชิงเหยียนกลายเป็นเทพสังหารในสายตาของทุกแคว้น ทำดีเพื่อให้ไป๋ชิงเหยียนยอมสวามิภักดิ์ต่อเขาอย่างซื่อสัตย์! เขาต้องการให้ใต้หล้าได้เห็นว่า…แม้กระทั่งเทพสังหารยังสวามิภักดิ์ต่อเขา ต้องการให้ทุกแคว้นรับรู้ว่าแม้ไป๋เวยถิงจะเสียชีวิตไปแล้ว ทว่า แคว้นต้าจิ้นยังมีนักรบที่เก่งกาจยิ่งกว่าไป๋เวยถิงอยู่ เขาไม่ได้ทำทั้งหมดนี่ไปเพื่อให้ไป๋ชิงเหยียนย้ายกลับไปยังซั่วหยางหลังเสร็จศึก
อีกอย่าง ชื่อเสียงของไป๋ชิงเหยียนเป็นที่กล่าวขานไปทั่วทั้งแคว้นต้าจิ้น มากกว่าราชวงศ์เสียด้วยซ้ำ ทว่า ผู้คนต่างรับไม่ได้เรื่องการสังหารทหารยอมจำนน มีเพียงผลักดันให้ไป๋ชิงเหยียนอยู่ในตำแหน่งที่สูงส่ง…ให้นางเสพสุขกับเกียรติยศที่ได้รับอย่างสบายใจ ทุกคนจะได้คิดว่านางโหดร้าย กระหายเลือด เช่นนี้ชื่อเสียงของตระกูลไป๋จะได้แปดเปื้อน
ทว่า หากไป๋ชิงเหยียนไม่หวังความดีความชอบหลังได้ชัยชนะ เดินทางกลับไปยังซั่วหยาง…คงจะยัดเยียดความโหดร้าย กระหายเลือดให้นางไม่ได้แล้ว
ฟางเหล่านึกไม่ถึงเช่นเดียวกัน มือของเขาสั่นเล็กน้อย
ฟางเหล่าเป็นผู้ออกความคิดเรื่องที่ทำให้ทุกคนแคว้น คิดว่าไป๋ชิงเหยียนเป็นเทพสังหาร ฮ่องเต้และรัชทายาทลงแรงในเรื่องนี้ไปมาก ใช้แม้กระทั่งสายลับที่แฝงตัวอยู่ตามแคว้นต่างๆ หากปล่อยให้ไป๋ชิงเหยียนกลับไปซั่วหยาง ไม่เพียงแต่ฮ่องเต้จะทรงลงโทษ…รัชทายาทคงไม่เชื่อคำกล่าวของเขาอีกต่อไป
ฟางเหล่านึกถึงคำกล่าวของฉินซ่างจื้อที่กล่าวทักท้วงรัชทายาทตอนที่เขาบอกแผนการนี้กับรัชทายาท เขากล่าวว่าแม้ไป๋ชิงเหยียนจะเป็นผู้ตัดศีรษะแม่ทัพใหญ่ผางผิงกั๋วของแคว้นสู่ แม้นางจะชนะศึกที่ภูเขาเวิ่ง ทว่า นางไม่ได้เป็นเทพสังหาร! ที่สำคัญไป๋ชิงเหยียนยอมเสี่ยงที่จะถูกคนทั้งแผ่นดินครหา สังหารทหารยอมจำนนของซีเหลียงเพื่อแคว้นต้าจิ้น หากรัชทายาทยกย่องไป๋ชิงเหยียนเช่นนี้ เกรงว่าไป๋ชิงเหยียนคงเดาเจตนารมณ์ของรัชทายาทออก และไม่สวามิภักดิ์ต่อเขาอีก
ตอนนั้น ฟางเหล่ายังหัวเราะเยาะฉินซ่างจื้ออยู่เลย ทว่า เหตุการณ์ในตอนนี้กลับตรงกับสิ่งที่ฉินซ่างจื้อคาดการณ์ไว้ บุคคลผู้นี้ฉลาดหลักแหลมยิ่งนัก หากรัชทายาทหันไปให้ความสำคัญฉินซ่างจื้อ เขาจะมีที่ยืนอีกหรือ!
แววตาขุ่นมัวของฟางเหล่าจ้องไปยังไป๋ชิงเหยียน เหมือนกำลังพิจารณาว่าไป๋ชิงเหยียนกล่าวจริงหรือไม่
ไป๋ชิงเหยียนเหลือบมองท่าทีสบายใจของฉินซ่างจื้อแวบหนึ่ง นางเข้าใจเรื่องทุกอย่างแล้ว
หลายวันมานี้ ชื่อเสียงเรื่องกระหายสงครามของนางเลื่องลือไปทั่วทุกแคว้น มากยิ่งกว่าท่านปู่ของนางอีก สาเหตุเกิดมาจากการที่นางสังหารทหารที่ยอมจำนนทั้งหมด หากกล่าวว่าไม่มีผู้ใดอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ ไป๋ชิงเหยียนไม่มีทางเชื่อเด็ดขาด
ส่วนผู้ใดอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ นางยังดูไม่ออกอีกหรือ สร้างสมญานามเทพสังหารให้แก่นาง ภายนอกเหมือนจะทำไปเพื่อยกย่อง ทว่า ความจริงแล้วคือการลอบทำลาย นอกจากรัชทายาทแห่งแคว้นต้าจิ้นผู้นี้แล้วจะเป็นผู้ใดไปได้อีกเล่า
นางคือทายาทของตระกูลไป๋ ตระกูลไป๋ซื่อตรง และมีคุณธรรม ยัดเยียดการเป็นเทพสังหารให้นางไม่เป็นอันใด ทว่า นางกลัวจะเดือดร้อนไปถึงชื่อเสียงของตระกูลไป๋
“องค์รัชทายาททราบเรื่องร่างกายของกระหม่อมดี ไป๋ชิงเหยียนไม่กล้าหลอกลวงองค์ชาย การรบในครั้งนี้เป็นเรื่องด่วนของแคว้นต้าจิ้น ไป๋ชิงเหยียนจำเป็นต้องมา หลังจากเสร็จศึกหนานเจียงในครั้งนี้ ซีเหลียงคงไม่กล้ารุกรานแคว้นเราอีก! ดินแดนที่หนานเจียงปลอดภัยไร้กังวล! ไป๋ชิงเหยียนย่อมต้องตามมารดากลับไปซั่วหยางพ่ะย่ะค่ะ!” ไป๋ชิงเหยียนกำหมัดคาราวะรัชทายาท
“ทว่า ท่านปู่เคยกล่าวไว้ว่า หากชาวบ้านเดือดร้อน แคว้นมีสงคราม คนตระกูลไป๋ห้ามบ่ายเบี่ยงเด็ดขาด! ขอแค่รัชทายาทและชาวบ้านต้องการให้ไป๋ชิงเหยียนสวมเกราะออกรบอีกครั้ง ไป๋ชิงเหยียนพร้อมสู้จนตัวตายพ่ะย่ะค่ะ รัชทายาทวางพระทัยได้พ่ะย่ะค่ะ!”
รัชทายาทใจเต้นรัว นี่หมายความว่าไป๋ชิงเหยียนเชื่อฟังคำสั่งของเขาใช่หรือไม่
ที่จริงเมื่อคิดดูให้ดีแล้ว ไป๋ชิงเหยียนกลับไปซั่วหยางก็ดีเหมือนกัน แม้เขาวางแผนไว้ว่าจะกลับไปขอบรรดาศักดิ์ให้ไป๋ชิงเหยียน ทว่า ในใจก็กลัวว่าไป๋ชิงเหยียนจะกลายไป๋เวยถิงคนที่สองที่มีอำนาจทหารล้นมือเช่นเดียวกัน
เจ้านายต้องการตัวเมื่อใดจึงจะกลับมา ไม่ต้องการก็ใช้ชีวิตอยู่ในรังของตัวเองอย่างสงบเสงี่ยม ไม่มีกำลังทหาร ไม่มีอำนาจ ผู้นำคนใดไม่ต้องการขุนนางที่จงรักภักดีและเชื่อฟังเช่นนี้บ้าง
ไป๋ชิงเหยียนเป็นเพียงสตรีคนหนึ่ง นางจึงไม่โลภมากอยากได้อำนาจเท่าบุรุษ! นี่คงเป็นข้อดีของการมีแม่ทัพเป็นสตรีกระมัง
ช่างเถิด เมื่อกลับไปเขาค่อยถวายฎีกาทูลขอให้เสด็จพ่อพระราชบรรดาศักดิ์ และรางวัลให้ไป๋ชิงเหยียนอย่างามก็แล้วกัน จากนั้นเขาค่อยช่วยออกหน้าแทนไป๋ชิงเหยียน อ้างว่านางถวายฎีกาขอปฏิเสธเพราะสภาพร่างกายของตัวเอง จากนั้นเขาค่อยทูลขอให้เสด็จพ่อแต่งตั้งไป๋ชิงเหยียนเป็นเซี่ยนจู่หรือไม่ก็จวิ้นจู่ เช่นนี้ผู้คนจะได้คิดว่าเขาเห็นใจขุนนาง ไป๋ชิงเหยียนจะได้ซาบซึ้งบุญคุณของเขามากยิ่งขึ้น
“เราได้ยินว่าเสด็จพ่อจะตบรางวัลให้แม่ทัพไป๋อย่างงาม หากแม่ทัพไป๋ไม่ต้องการอยู่ในราชสำนักจริงๆ เกรงว่าเสด็จพ่ออาจคิดว่าแม่ทัพไป๋มีใจออกห่าง เช่นนั้นคงไม่ดีนัก!” รัชทายาทแสร้งทำเป็นครุ่นคิด
ดวงตาของฟางเหล่าเป็นประกายขึ้น รีบถลาไปด้านหน้าพลางโค้งกายลง
“องค์ชาย ความกล้าหาญ และความภักดีของแม่ทัพไป๋ ฝ่าบาทอยู่ไกลถึงเมืองหลวงย่อมไม่เห็น ทว่า องค์ชายรู้ดีที่สุดนะพ่ะย่ะค่ะ! หากองค์ชายช่วยออกหน้าแทนแม่ทัพไป๋ ฝ่าบาทต้องทรงอนุญาตแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ! ทว่า แม่ทัพไป๋มีความดีความชอบมากมายถึงเพียงนี้ หากกลับไปยังซั่วหยางหลังได้รับชัยชนะ…”
ฟางเหล่าอึกอัก ปล่อยให้รัชทายาทเป็นคนกล่าวต่อ
รัชทายาทพยักหน้า แสร้งทำสีหน้าสีดายพลางกล่าวขึ้น “นั่นนะสิ ความดีความชอบมากมายขนาดนี้ เจ้ากลับไม่รับรางวัล แต่จะกลับไปซั่วหยางแทน นี่มันไม่ยุติธรรมต่อเจ้าเลยนะ!”
“เกิดเป็นคนแคว้นต้าจิ้น ช่วยเหลือแคว้นต้าจิ้นถือเป็นหน้าที่ ไป๋ชิงเหยียนไม่กล้าอวดอ้างความดีพ่ะย่ะค่ะ!” ไป๋ชิงเหยียนก้มหน้าลง
“เอาอย่างนี้แล้วกัน เราจะทูลขอเสด็จพ่อให้แต่งตั้งแม่ทัพไป๋เป็นจวิ้นจู่…” รัชทายาทขยับเข้าไปใกล้ไป๋ชิงเหยียนเล็กน้อย กล่าวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
“เราพอได้ยินเรื่องที่ตระกูลบรรพบุรุษไป๋จากซั่วหยางกระทำตอนที่ตระกูลไป๋กำลังจัดพิธีศพอยู่มาบ้าง หากเจ้ามีตำแหน่งจวิ้นจู่ พวกนั้นคงไม่กล้าก่อปัญหาอีก!”
รัชทายาทกำลังผูกมิตรกับนาง ไป๋ชิงเหยียนกำหมัดพลางคุกเข่าข้างหนึ่งลงบนพื้น
“ขอบพระคุณองค์รัชทายาทมากพ่ะย่ะค่ะ”
“แม่ทัพไป๋ลุกขึ้นเถิด! คนกันเองเหตุใดต้องกล่าววาจาเกรงใจกันเช่นนี้ด้วย” รัชทายาทโน้มกายพยุงไป๋ชิงเหยียนให้ลุกขึ้น “เจ้ากับเรามีศักดิ์เป็นลูกพี่ลูกน้องกัน เจ้าชนะศึกในครั้งนี้ เราก็พลอยได้รับเกียรติไปด้วย!”
กล่าวจบ รัชทายาทหันไปมองคณะทูตที่ฮ่องเต้ส่งมา “ครั้งนี้ใต้เท้าหลิ่วรองผู้พิพากษาศาลต้าหลี่ผู้มีหน้าที่รับผิดชอบการเจรจาในครั้งนี้นำจดหมายจากที่บ้านเจ้ามาให้เจ้าด้วย…”
กล่าวจบ รองผู้พิพากษาศาลต้าหลี่หลิ่วหรูซื่อขมวดคิ้วมองไปทางไป๋ชิงเหยียนนิ่งๆ แวบหนึ่งอย่างไม่อาจซ่อนความไม่พอใจในตัวไป๋ชิงเหยียนเอาไว้ได้ เขายื่นจดหมายที่เขียนด้วยลายมือของไป๋จิ่นซิ่วให้ไป๋ชิงเหยียน
ที่ฮ่องเต้ส่งหลิ่วหรูซื่อมาเป็นตัวแทนในการเจรจาในครั้งนี้เพราะหนึ่งในคณะทูตของซีเหลียงมีเหยียนอ๋องหลี่จือเจี๋ยแห่งซีเหลียงร่วมเดินทางมาด้วย หลี่จือเจี๋ยผู้นี้ทำสิ่งใดตามใจต้องการ เขาชอบคนหน้าตาดีเป็นอย่างมาก ดังนั้นหลังจากตกลงกันเรียบร้อย ฮ่องเต้จึงส่งแต่ขุนนางที่ยังหนุ่มและหน้าตาดีผู้นี้มา
“ขอบพระคุณขอรับ!” ไป๋ชิงเหยียนรับจดหมายมา
หลิ่วหรูซื่อยิ้มเย็นออกมา สะบัดชายเสื้อเดินกลับไปยืนอยู่ด้านหลังรัชทายาท ท่าทีโอหังไม่ปรายตามองไป๋ชิงเหยียนแม้แต่น้อย
หลิ่วหรูซื่อเป็นบัณฑิต เมื่อรู้ว่าไป๋ชิงเหยียนสังหารทหารยอมจำนนของซีเหลียงทั้งหมด จึงรู้สึกไม่พอใจนานแล้ว