ตอนที่ 273 สู้ด้วยจนถึงที่สุด
เขากล่าวเสียงแผ่วเบา “จวิ้นจู่อาจเข้าใจข้าผิดไป ข้าไม่ได้คิดไม่ซื่อกับคุณหนูสี่ ข้าโตกว่าคุณหนูสี่มากนัก ร่างกายไม่แข็งแรง คิดเพียงแค่…”
“สตรีตระกูลไป๋ไม่แต่งงาน ทว่า หากแต่งย่อมต้องแต่งกับคนที่ตัวเองรักและฝากชีวิตไว้ได้ หากมีคนหวังทำลายความสุขของน้องสาวคนที่สี่ของข้า ไป๋ชิงเหยียนไม่กลัวที่จะแตกหัก…”
ไป๋ชิงเหยียนกดเสียงต่ำ กล้ากล่าวข่มขู่แม้อยู่ต่อหน้าจักรพรรดิต้าเยี่ยน
สำหรับไป๋ชิงเหยียนแล้ว นางหวาดกลัวเซียวหรงเหยี่ยน หากเป็นเรื่องของนางเองนางยอมให้ได้ ทว่า หากเป็นเรื่องของบรรดาน้องสาว ไป๋ชิงเหยียนไม่มีทางยอมถอยแม้แต่ก้าวเดียว
ใบหูของเซียวหรงเหยี่ยนกระตุกเล็กน้อย ทว่า ชายหนุ่มก้มหน้าดื่มชาต่อโดยไม่แสดงอาการใดๆ
“ไป๋ชิงเหยียนขอกล่าวตรงๆ ไว้ก่อน หากฝ่าบาทคิดว่าเป็นการล่วงเกิน ก็ขออภัยด้วยเพคะ”
ไป๋ชิงเหยียนก้มหน้าให้มู่หรงอวี้เล็กน้อย ทว่า ท่าทีหยิ่งยโสยิ่งนัก “ไป๋ชิงเหยียนแนะนำวิธีที่ทำให้ต้าเยี่ยนยึดหนานเยี่ยนกลับมาได้โดยไม่ต้องนองเลือด เพราะการที่ต้าเยี่ยนยึดหนานเยี่ยนกลับคืนมาล้วนเป็นผลดีต่อชาวบ้าน ที่สำคัญ การที่ต้าเยี่ยนยึดหนานเยี่ยนได้ ไม่ได้ส่งผลกระทบอันใดต่อเหยียน ทว่า หากต้าเยี่ยนเข้ามาก้าวก่ายเรื่องการแต่งงานของน้องสาวสี่ของเหยียน เหยียนก็ไม่กลัวที่จะสร้างปัญหาให้ต้าเยี่ยนเพคะ”
สบกับสายตาคมกริบของไป๋ชิงเหยียน รอยยิ้มอ่อนโยนบนใบหน้าของมู่หรงอวี้ค่อยๆ จางหายไป
แม้แคว้นต้าเยี่ยนจะไม่ได้มีบารมีมาก ทว่า มู่หรงอวี้เป็นจักรพรรดิของแคว้น เมื่อเอ่ยถึงความปลอดภัยของแคว้น มู่หรงอวี้ไม่อาจยอมได้
ไป๋ชิงเหยียนมีจุดอ่อน จุดอ่อนของนางคือครอบครัว ในฐานะพี่ใหญ่ การปกป้องพี่น้องให้ปลอดภัยและใช้ชีวิตอย่างมีความสุขกลายเป็นปณิธานอย่างหนึ่งที่ฝังลึกอยู่ในกระดูกของนางแล้ว
หากจักรพรรดิแห่งต้าเยี่ยนกล้าแตะต้องน้องสาวของนาง แม้นางต้องเผชิญหน้ากับเซียวหรงเหยี่ยน นางก็ไม่กลัว
บางครั้งครอบครัวเป็นเสมือนจุดอ่อนของคนคนหนึ่ง ทว่า บางครั้งก็เป็นเสมือนเกราะป้องกัน…ทำให้คนไม่รู้สึกหวาดกลัวเช่นกัน
“ถ้อยคำของจวิ้นจู่เหิมเกริมเกินไปหน่อยหรือไม่” มู่หรงอวี้ยิ้มเย็น
ไป๋ชิงเหยียนยกยิ้มเล็กน้อย พยายามข่มโทสะที่อยู่ในใจ ยิ้มเย็น “เซียวหรงเหยี่ยน…มู่หรงเหยี่ยน ฝ่าบาททรงคิดว่าต้าเยี่ยนวางหมากเก่งจนไม่มีผู้ใดล่วงรู้เลยหรือเพคะ”
มู่หรงอวี้กำมือแน่น ดวงตาส่อแววสังหาร
“ไป๋ชิงเหยียนไม่ได้ต้องการแทรกแซงเรื่องของแคว้นอื่นและไม่ได้ต้องการสร้างความเดือนร้อนให้แคว้นของพระองค์! หวังว่าฝ่าบาททรงอย่าเข้ามายุ่งมากไปเช่นเดียวกัน หากฝ่าบาทและท่านอ๋องเก้าอยากจะต่อกรกับไป๋ชิงเหยียนจริงๆ ไป๋ชิงเหยียนจะไม่ทำให้ผิดหวัง จะสู้ด้วยจนถึงที่สุดเพคะ!”
มู่หรงอวี้ฟังเข้าใจแล้ว ไป๋ชิงเหยียนต้องการจะสื่อว่า…หากเขากล้าสู่ขอคุณหนูสี่ตระกูลไป๋จากจักรพรรดิต้าจิ้นให้น้องชายของเขา ไป๋ชิงเหยียนจะลงมือกับแคว้นต้าเยี่ยน
หากสตรีผู้อื่นกล่าวถ้อยคำนี้ บางทีมู่หรงอวี้อาจไม่ใส่ใจ ทว่า ผู้ที่กล่าวคือหลานสาวคนโตของเจิ้นกั๋วอ๋องแห่งตระกูลไป๋ แม้บุรุษตระกูลไป๋จะเสียชีวิตลงหมดแล้ว ทว่า สตรีตรงหน้า จากการที่นางชนะในสงครามที่หนานเจียง การที่นางรู้ฐานะของเซียวหรงเหยี่ยน การที่นางพลิกกระดานหมากจนชนะอย่างง่ายดาย เห็นได้ชัดแล้วว่านางเก่งกาจเพียงใด
บัดนี้ต้าเยี่ยนมีอำนาจเพียงน้อยนิด ที่ส่งโอรสมาเป็นตัวประกันที่ต้าจิ้นก็เพราะต้องการเวลาพักหายใจ มู่หรงอวี้ไม่อยากให้เกิดปัญหาใดๆ ขึ้นอีก
มู่หรงอวี้เป็นคนมีความอดทน เขามองไปที่ใบหน้างดงามสมบูรณ์แบบของไป๋ชิงเหยียน เอ่ยถามเสียงเบา “เหตุใดเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่จึงไม่ถามความสมัครใจของคุณหนูสี่ก่อนเล่า บางทีคุณหนูสี่อาจยินดีก็ได้”
“เหตุใดฝ่าบาทไม่ลองถามน้องชายของพระองค์ดูว่าต้าเยี่ยนที่ยากแค้นในตอนนี้พร้อมรบกับเหยียนได้หรือไม่เพคะ”
ไป๋ชิงเหยียนกล่าวจนจบพร้อมไอสังหาร นางวางหมากสีขาวในมือลง ลุกขึ้นยืนย่อกายทำความเคารพมู่หรงอวี้ มองไปทางเซียวหรงเหยี่ยน “เซียวเซียนเซิง รบกวนนำเรือเข้าฝั่งด้วยเจ้าค่ะ”
ไป๋จิ่นจื้อที่กำลังสนทนาอย่างมีความสุขชะงัก นางดูออกว่าพี่หญิงใหญ่กำลังโกรธ นางมองไปทางจักรพรรดิแห่งต้าเยี่ยนแวบหนึ่ง “พี่หญิงใหญ่…”
เซียวหรงเหยี่ยนลุกขึ้นยืนพลางกล่าวยิ้มๆ “จวิ้นจู่รู้สึกอึดอัดหรือขอรับ ขึ้นไปนั่งด้านบนดีหรือไม่ขอรับ บนนั้นอากาศถ่ายเท…”
มู่หรงอวี้มองดูหมากในกระดาน สีหน้าเปลี่ยนสีอีกครั้ง เขาข่มความตกตะลึงเอาไว้ในใจ ลุกขึ้นยืนยิ้มๆ โค้งกายให้ไป๋ชิงเหยียน “ข้าล่วงเกินเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่แล้ว หวังว่าจวิ้นจู่จะไม่ถือสา”
ต่งฉางเซิงลุกขึ้นยืนอย่างตกใจ เขานึกไม่ถึงเลยว่าจักรพรรดิแห่งต้าเยี่ยนจะโค้งกายให้ไป๋ชิงเหยียนเช่นนี้ เขาไม่มีมาดของจักรพรรดิแม้แต่น้อย
ไป๋ชิงเหยียนแตกหักกับจักรพรรดิต้าเยี่ยนแล้ว หญิงสาวไม่กลัวที่จะหักหน้ามากไปกว่านี้ นางต้องทำให้จักรพรรดิแห่งต้าเยี่ยนรับรู้ว่านางไม่มีทางยอมให้เขาเข้ามาแทรกแซงเรื่องการแต่งงานของเสี่ยวซื่อเด็ดขาด…
กล่าวกันว่าคนเท้าเปล่าไม่กลัวที่จะสวมรองเท้า เบื้องหลังของจักรพรรดิต้าเยี่ยนคือแคว้นต้าเยี่ยน แค่นี้เขาก็ไม่กล้าเสี่ยงกับไป๋ชิงเหยียนแล้ว
ไป๋ชิงเหยียนมองไปทางเซียวหรงเหยี่ยนยิ้มๆ “หรือว่าเรือของเซียวเซียนเซิงขึ้นแล้วลงไม่ได้กันเจ้าคะ”
ขันทีชราเฝิงเย่าที่รับใช้อยู่ข้างกายของมู่หรงลี่เงยหน้ามองการกระทำที่ไม่ไว้หน้าจักรพรรดิต้าเยี่ยนของไป๋ชิงเหยียน กำมือแน่น สายตาที่มองไป๋ชิงเหยียนส่อแววไม่พอใจ จากนั้นหยุดสายตาลงที่มู่หรงอวี้ เหมือนรอคอยคำสั่งของเขาอยู่
“หรือว่า…” ไป๋ชิงเหยียนกวาดสายตามองไปทางเฝิงเย่า “จักรพรรดิแห่งต้าเยี่ยนกล้าสังหารเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่และเกาอี้เซี่ยนจู่ในแผ่นดินต้าจิ้นอย่างนั้นหรือ”
เซียวหรงเหยี่ยนสัมผัสได้ว่าไป๋ชิงเหยียนกำลังโมโหถึงขีดสุด
เขานึกไม่ถึงเลยว่าการเจอกันครั้งแรกระหว่างพี่ชายกับไป๋ชิงเหยียนจะจบลงอย่างไม่ราบรื่นเช่นนี้
มู่หรงอวี้กำมือที่ไขว้อยู่ทางด้านหลังแน่น ดูเหมือนว่าหากเขาสู่ขอคุณหนูสี่ตระกูลไป๋ให้เซียวหรงเหยี่ยนจริงๆ คุณหนูใหญ่คงพร้อมสู้กับเขาอย่างสุดชีวิตแน่นอน
“จักร จักรพรรดิต้าเยี่ยน!?” ต่งถิงอวี๋เบิกตาโพลงมองไปทางมู่หรงอวี้
ต่งถิงเจินมองไปทางไป๋ชิงเหยียนอย่างไม่สบายใจ นางไม่เคยเห็นญาติผู้พี่คนนี้เสียอาการเช่นนี้มาก่อน “พี่หญิงเจ้าคะ”
“น้องหญิง” ต่งฉางเซิงรีบลุกขึ้นยืนแก้ไขสถานการณ์ “น้องหญิงอย่าเพิ่งโมโห สหายเซียวนำเรือเทียบฝั่งเถิดขอรับ”
ไป๋จิ่นจื้อได้สติจึงรีบวิ่งไปหาไป๋ชิงเหยียน มองไปทางมู่หรงอวี้อย่างหวาดระแวง กำมีดสั้นที่เสียบไว้ที่เอวแน่น
มู่หรงอวี้เห็นท่าทางปกป้องพี่สาวของไป๋จิ่นจื้อ เขาไม่อยากทำให้เซียวหรงเหยี่ยนลำบากใจ จึงเอ่ยขึ้น “เซียวเซียนเซิงนำเรือเทียบท่าเถิด วันนี้ข้ากล่าววาจาล่วงเกินจวิ้นจู่ หวังว่าจวิ้นจู่จะไม่ถือสา”
เซียวหรงเหยี่ยนก้าวไปด้านหน้า โค้งกายให้หญิงสาว “ข้าขอคุยกับจวิ้นจู่เป็นการส่วนตัวสักครู่ขอรับ…”
ไป๋ชิงเหยียนไม่ไว้หน้า “ไม่เหมาะสมสักเท่าใด ไม่มีสิ่งใดที่กล่าวตรงนี้ไม่ได้ หากเซียวเซียนเซิงมีสิ่งใดจะกล่าว เชิญกล่าวมาได้เลย!”
“ท่านพี่ เรือของพวกเรามาแล้วเจ้าค่ะ” ต่งถิงเจินกระตุกชายเสื้อของต่งฉางเซิง
“พี่หญิงใหญ่?” ไป๋จิ่นจื้อสอบถามความเห็นของไป๋ชิงเหยียน
ไป๋ชิงเหยียนสีหน้าเคร่งขรึม ไม่เปลี่ยนจากเดิมแม้แต่น้อย “ในเมื่อเซียวเซียนเซิงไม่ยอมนำเรือเทียบท่า เช่นนั้นก็รอให้เรือของตระกูลต่งเข้ามาใกล้ พวกเราค่อยจากไปก็แล้วกัน…”
“จวิ้นจู่ได้โปรดเห็นแก่ที่เหยี่ยนเคยช่วยชีวิตฮูหยินสี่ของตระกูลไป๋ไว้ ออกไปคุยกับเหยี่ยนสักครู่ขอรับ” เซียวหรงเหยียนยอมลงให้มากที่สุด
เซียวหรงเหยี่ยนไม่ใช่แค่เคยช่วยท่านอาสะใภ้สี่ แต่เขายังช่วยไป๋ชิงเจวี๋ยเอาไว้ด้วย
เมื่อเห็นว่าไป๋ชิงเหยียนไม่ได้ปฏิเสธ เซียวหรงเหยี่ยนจึงผายมือเชิญไป๋ชิงเหยียน
ไป๋ชิงเหยียนอาละวาดไปแล้ว จักรพรรดิต้าเยี่ยนคงเห็นท่าทีของนางแล้ว และคงเข้าใจแจ่มแจ้งแล้วว่าตระกูลไป๋ไม่ใช่หมากที่ผู้ใดจะมาจับเล่นได้ง่ายๆ