“เอาไป เอาไป เอาไป ฝ่าบาททรงยอดเยี่ยม ฝ่าบาททรงไร้พ่าย” ตู๋กูซิงหลันรีบหยิบเอายันต์คุ้มภัยแผ่นหนึ่งออกมา ติดเอาไว้บนพระหัตถ์
อิ๋งฉีมีแผ่นหนึ่ง เราก็มีแค่แผ่นเดียวหรือ?” ฝ่าบาททรงกำยันต์แผ่นนั้นเอาไว้ เบ้พระโอษฐ์ สีพระพักตร์บ่งบอกว่าไม่พอพระทัย
ซุนต้มยาเคยบอกเอาไว้ เมื่ออยู่กับสตรีไม่อาจใช้ไม้แข็ง ยามที่สมควรอ่อนก็ต้องอ่อน
ฝ่าบาททรงจดจำอย่างใส่พระทัย
เพราะว่าภรรยาของเขาคือแม่สื่อของทางการ ทั้งยังเคยจับคู่แต่งงานที่แทบจะเป็นไปไม่ได้ สำเร็จมาแล้วคู่หนึ่ง
คุณชายที่ชื่อเสียงเน่าเหม็นไปทั่วทั้งถนนผู้หนึ่งหลงรักคุณหนูใหญ่ที่เป็นกุลสตรีมีการศึกษาของจวนราชครู
คุณชายไม่ได้เรื่องผู้นั้นพยายามตามติดจีบนางอย่างยากลำบากถึงสามปีก็ยังไม่ได้ผล คุณหนูใหญ่เกือบจะแต่งให้กับผู้อื่นไปแล้ว โชคดีที่ได้ภรรยาของซุนต้มยาออกศึก เพียงแค่เวลาหนึ่งเดือนสั้นๆ ก็ช่วยให้คุณชายผู้นั้นจีบคุณหนูใหญ่จวนราชครูได้เป็นผลสำเร็จ
หลังแต่งงาน ทั้งสองคนรักใคร่อย่างหวานชื่น เรื่องนี้กลายเป็นเรื่องดีงามที่เล่ากันไปทั่วทั้งเมืองหลวง
ดังนั้นฝ่าบาทจึงทรงให้ความเชื่อถือภรรยาแม่สื่อของซุนต้มยาอย่างยิ่ง
เนื่องเพราะหากเปรียบเทียบกับคุณชายไม่ได้เรื่องผู้นั้น พระองค์ก็เห็นว่าคุณสมบัติของพระองค์ยังล้ำเลิศกว่ามาก
ในเมื่อมีเวลาย่อมไม่กลัวว่าจะเป็นเรื่องยาก ขอเพียงแค่เขายืนหยัดต่อไป หนทางย่อมต้องมีอย่างแน่นอน ไม่ต้องกลัวว่าดวงดาวที่มีหัวใจเป็นหินผู้นี้จะไม่หวั่นไหว
ไม่เห็นหรือว่า แค่เขาแกล้งทำเป็นอ่อนลงสักหน่อย นางก็หันมาประคบประหงมเขาแล้ว
ยามนี้ฝ่าบาททรงพระอารมณ์ดีอย่างยิ่ง การมาแคว้นเซอปี่ซือครั้งนี้ แม้จะบอกว่ามาตามหาสมบัติ แต่ที่จริงแล้วเป็นการมาท่องเที่ยวชมภูเขาและสายน้ำกับซิงซิงต่างหาก
ตอนนี้ช่วงเวลาที่พวกเขาได้อยู่ด้วยกันตามลำพัง ยังมากกว่าช่วงเวลาที่อยู่ด้วยกันเมื่อตอนอยู่ในวังรวมกันทั้งหมดเสียอีก อีกอย่างนางก็ชักจะมีแนวโน้มที่จะอ่อนไหวบ้างแล้ว
ฝ่าบาททรงพอพระทัยมาก
ตอนที่เห็นเขาทำปากมุ่ยออกมานั้น ตู๋กูซิงหลันก็แทบจะสาปส่งเขาแล้ว
สวรรค์ได้โปรดเถอะ จีเฉวียนกลายเป็นผีดิบหรือยังไง?
นางรีบหยิบยันต์คุ้มภัยออกมาอีกเจ็ดแปดแผ่น ติดลงไปให้เขาตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า
เพราะกลัวว่าจะติดไม่แน่น ก็เลยใช้น้ำลายของตนเองช่วยแปะด้วยอีกแรง เอาให้ติดแน่นทนนาน
ลูกพี่ผู้นี้ไม่อาจเป็นผีดิบไปนะ นางยังหวังให้เขามีลูกหลานเต็มบ้านเต็มเมืองอยู่
จีเฉวียนเห็นนางมีสีหน้าจริงจัง ราวกับกลัวว่าตนเองจะเกิดเรื่องจริงๆ อารมณ์ที่เดิมก็ดีอยู่แล้ว ตอนนี้ก็ยิ่งดีขึ้นไปอีก
ถึงขนาดไม่ใส่พระทัยที่ตู๋กูซิงหลันถุยน้ำลายมาใช้แปะยันต์
พระโอษฐ์บางมีรอยแย้มสรวลจางๆ มุมพระโอษฐ์ก็ขยับยก
พระองค์ทรงทราบดีว่าที่ผ่านมานางเขียมอย่างยิ่ง โดยเฉพาะยันต์สุดรักสุดหวงพวกนี้ ไม่เคยให้กับใครโดยง่าย
ดูสิ ตอนนี้ไม่ต้องพูดซ้ำก็ให้พระองค์มาตั้งมากมาย เกรงว่านอกจากพระองค์แล้วผู้อื่นคงจะไม่มีโอกาสได้รับยันต์คุ้มภัยมากมายถึงเพียงนี้แน่นอน
กระทั่งติดยันต์ลงไปบนก้นจนเรียบร้อยแล้ว ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงระเบิดดังมาจากมุมตะวันตกเฉียงใต้ของสระสวรรค์
‘ตูม!’
ทันทีที่เสียงระเบิดนั้นดังขึ้นมา พวกคนที่ยังปีนขึ้นมาไม่ถึงยอดภูเขาก็พากันตกตะลึงจนหัวใจกระโดดออกมา
พวกเขารีบเร่งปีนป่ายขึ้นมาบนยอดเขา ตลอดทางมานี้ไม่มีสิ่งใดผิดปกติ แต่อยู่ๆ ก็มีเสียงดังเกิดขึ้น จะต้องมีสิ่งใดออกมาแล้วอย่างแน่นอน
เหล่าคนที่รีบปีนป่ายขึ้นมา ก็พากันไปรายล้อมอยู่รอบๆ ช่องน้ำแข็งตรงมุมตะวันออกเฉียงใต้นั้น
เหล่านักพรตของแคว้นต้าฉินเฝ้าอยู่รอบช่องน้ำแข็ง พวกเขาจึงไม้กล้าเคลื่อนไหวชั่วขณะ
อีกทั้งยังไม่ทราบสถานการณ์ที่ชัดเจน จึงเพียงแต่จับตาดูอยู่ที่ด้านนอกเท่านั้น
อยู่ๆ ก็มีเสียงระเบิดออกมา ทำให้เหล่านักพรตเองก็ไม่อาจรักษาความสงบนิ่งอีกต่อไป
เสียงระเบิดพึ่งจะขาดหาย ก็มีเสียงระเบิดตามมาอีกครั้งหนึ่ง
“คุณชาย!” เหล่านักพรตแคว้นต้าฉินพากันหน้าเปลี่ยนสี ตะโกนลงไปในช่องน้ำแข็ง
ข้างใต้นั้นนอกจากน้ำสีดำในทะเลสาบที่เคลื่อนไหวแล้ว ก็ไม่มีสิ่งอื่นสิ่งใดตอบกลับมา
เหล่านักพรตตะโกนเรียกอีกสองครั้ง ก็เห็นว่าแผ่นน้ำแข็งรอบๆ ช่องน้ำแข็งเริมปริแตก “เปรี๊ยะ เปรี๊ยะ เปรี๊ยะ…”
เสียงเปรี๊ยะๆ นั้นเหมือนกับเสียงกระจกที่แตกร้าว เริ่มจากใต้ฝ่าเท้ากระจายตัวออกไป
มีช่องน้ำแข็งเป็นจุดศูนย์กลาง แตกร้าวออกไปจนทั่วทั้งทะเลสาบ
ผู้คนทั้งหลายต่างพากันตื่นตระหนก แยกย้ายกันถอยหลังออกไป
แต่พวกเขาออกไปได้ไม่ทันถึงสองก้าว น้ำแข็งหนาใต้ฝ่าเท้าก็แตกออกเสียแล้ว
ได้ยินเสียง ‘โครมคราม’ ผิวน้ำแข็งทั้งหมดก็แตกกระจาย
น้ำสีดำในทะเลสาบซัดกระเซ็นขึ้นมากลืนพวกนักพรตที่ยืนอยู่บนน้ำแข็งลงไปอย่างไร้ความปราณี
เหล่านักพรตของแคว้นต้าฉินย่อมมีผู้ที่มีความสามารถ ก่อนที่จะถูกน้ำดูดกลืนลงไป แต่ละคนก็พกพาลูกแก้ววารีคนละลูก บนร่างเกิดประกายแสงสว่างจางๆ ครอบคลุม ปกป้องพวกเขาจากน้ำสีดำในทะเลสาบ
แต่เหล่าคนจากประเทศเล็กและขุมอำนาจต่างๆ ที่มาเฝ้าดูต่างก็ไม่ได้โชคดีเช่นนี้
กว่าพวกเขาจะปีนขึ้นเขามาได้ก็สูญเสียพละกำลังไปเกินกว่าครึ่ง ตอนนี้ยิ่งไม่ทันได้ตั้งตัว ก็ทยอยร่วงหล่นลงไปในทะเลสาบ
ความเย็นเสียดกระดูกทะลวงเข้าไปในเลือดเนื้อและกระดูก ผู้คนพากันตะเกียกตะกาย แต่น่าเสียดายยิ่งดิ้นรนร่างกายก็ยิ่งแข็งทื่อ
รอบแรกนี้อย่างน้อยๆ ก็ต้องบอกว่าสระสวรรค์ได้กลืนกินผู้คนสามร้อยกว่าคนลงไปแล้ว
“อ๊าก หน้าของเจ้า ผมของเจ้า!”
คนที่กำลังดิ้นรนอยู่ อยู่ๆ ก็พากันกรีดร้องออกมา
“สวรรค์ ทำไมเจ้าถึงได้แก่ลง แก่เฒ่าลงไป?”
“ข้า…ข้าก็แก่กว่าเดิม!”
พวกเขาส่งเสียงร้องอย่างตื่นตระหนก กลางสระสวรรค์สีดำ แต่ละคนต่างดิ้นรนตะเกียกตะกาย เส้นผมสีดำกลายเป็นสีขาวโพลน ผิวหนังของพวกเขาก็เปลี่ยนเป็นเ**่ยวย่น
ผู้คนทั้งหลายต่างส่งเสียงร้องด้วยความตกตะลึง
แม้แต่เหล่านักพรตแคว้นฉินเหล่านั้นก็มิได้รอดพ้นจากคำสาปสูบอายุขัย
เพียงแต่ความเร็วในการแก่ชราของพวกเขาช้ากว่าผู้อื่น สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าว่ากำลังแก่ชราลงไปเรื่อยๆ
“สิ่งที่อยู่ในทะเลสาปของสระสวรรค์นี้กำลังดูดเอาพลังชีวิตของพวกเราไป”
ยามคับขัน นักพรตจากแคว้นต้าฉินยังคงครองสติเอาไว้ได้
ถึงแม้ว่าพวกเขาเองก็กำลังตกตะลึง แต่ว่าแต่ละคนกำลูกแก้ววารีเอาไว้แน่น ในใจก็พากันเป็นห่วงคุณชายที่กระโดลงไปในทะเลสาป
คุณชายจะต้องเผชิญอันตรายอยู่ใต้น้ำเป็นแน่
ใต้น้ำ อิ๋งฉีและนักพรตต้าฉินทั้งสิบคนถูกดูดเข้าไปในวังน้ำวน
ใต้ทะเลสาบเป็นความมืดมิดผืนหนึ่ง มืดเสียจนไม่อาจมองเห็นนิ้วมือทั้งห้า
ยังดีที่ในร่างของพวกเขาพกพาไข่มุกราตรี
เพียงแต่ว่าแสงสว่างจากมุกราตรีมีขอบเขตจำกัด เมื่ออยู่ในน้ำก็ยิ่งขมุกขมัว
“คุณชาย เมื่อครู่คล้ายกับว่าพวกเราเจออะไรบางอย่างเข้าแล้ว” เหล่านักพรตรายล้อมอิ๋งฉีอยู่เป็นชั้นๆ แรงกดดันในน้ำรุนแรง ถึงแม้ว่าพวกเขาจะมีลูกแก้ววารี ที่สามารถช่วยปกป้องพวกเขาจากน้ำสีดำ แต่ยิ่งพูดจาก็ยิ่งเหนื่อยอ่อน
ที่สำคัญคือเรี่ยวแรงภายในร่างกายคล้ายถูกบางสิ่งสูบออกไป รู้สึกได้ถึงร่างกายที่ยิ่งทีก็ยิ่งอ่อนล้า
อิ๋งฉีไม่พูดไม่จา มือหนึ่งล้วงเอาแผนที่ขุมทรัพย์ครึ่งใบออกมา อีกมือหนึ่งก็ถือไข่มุกราตรีเอาไว้ส่องดูสภาพใต้น้ำด้านล่าง
รอบๆ ตัวพวกเขาคล้ายมีบางสิ่งล่องลอยอยู่ทั่วๆ เมื่อครู่พวกเขาไม่ทันระวังเผลอไปสัมผัสมันเข้า มันแข็งๆ ทั้งยังส่งเสียงระเบิดขึ้นสองครั้ง
พอหันกลับไปดูก็ไม่เจออะไรแล้ว
แต่กลับรู้สึกได้ว่ากระแสน้ำรอบตัวยิ่งทียิ่งไหลเร็วกว่าเดิม แรงกดดันยิ่งทียิ่งเพิ่มขึ้นมา สิ่งที่ลอยคว้างอยู่ท่ามกลางกระแสน้ำยิ่งทีก็ยิ่งเคลื่อนเข้ามาใกล้พวกเขา
อิ๋งฉีใช้ไข่มุกราตรีส่องออกไปเพ่งสายตาไปเบื้องหน้าคิดจะมองดูให้ชัดเจน
พอเพิ่งจะยกมือขึ้นมาเหนือศีรษะ ก็เห็นใบหน้าคนที่เ**่ยวแห้งปรากฏขึ้นที่เบื้องหน้าของเขา
ดวงตาที่มีแต่เบ้าตาสีดำลึกโบ๋จดจ้องเขาเอาไว้ ปากก็แสยะยิ้มให้กับเขา
พวกเขาตกตะลึงพรึงเพริดไปชั่วขณะแม้แต่อิ๋งฉีเองก็ยังตกใจจนผวา
พอเขาหันหน้ากลับมาอีกครั้ง ก็ไม่รู้ว่าเหล่านักพรตที่อยู่รอยกายหายไปไหนหมดแล้ว ตอนนี้ทุกสิ่งรอบๆ ตัวเหลือแต่ใบหน้าคนที่เ**่ยวย่น
และร่างกายลีบๆ ที่บิดเบี้ยวเท่านั้น
——
คุยกันนิดนึง:
ไรท์: ใครก็ได้ช่วยพาอิ๋งฉีขึ้นไปจากน้ำที แม่ยังไม่อยากให้เขาตาย (แม่ก็จะได้ขึ้นไปด้วย แม่กลัว)