ตอนที่ 411 เหยียดหยาม
ไป๋ชิงผิงถูกอ้อนวอนจนเริ่มใจอ่อน เตรียมหันไปขอความเห็นจากไป๋ชิงเหยียน ทว่า เสิ่นเยี่ยนฉงกลับเอ่ยขัดขึ้นก่อน “กฎก็คือกฎ พวกข้าเห็นความตั้งใจของพวกเจ้าในวันนี้แล้ว ทว่า ร่างกายของพวกเจ้ารับไม่ไหว ต่อให้วันนี้พวกข้ารับเจ้าไว้ วันหน้าพวกเจ้าอาจต้องจบชีวิตลงภายใต้คมดาบของโจรป่าเหล่านั้น พวกข้าให้พวกเจ้าถอนตัวออกไปเพราะหวังดีต่อพวกเจ้า ที่สำคัญตระกูลไป๋ออกเงินฝึกซ้อมชาวบ้านในครั้งนี้ ไม่ใช่เพื่อเลี้ยงดูคนไม่มีประโยชน์”
ไป๋ชิงเหยียนได้ยินคำกล่าวของเสิ่นเยี่ยนฉงก็รู้สึกเบาใจลงไม่น้อย หญิงสาวปิดตำราลง จากนั้นพาองครักษ์เดินจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใดทั้งสิ้น
ไป๋ชิงผิงหันไปมองไป๋ชิงเหยียนที่เดินจากไป เข้าใจได้ทันทีว่าไป๋ชิงเหยียนเห็นด้วยกับการกระทำของเสิ่นเยี่ยนฉง
เสิ่นเยี่ยนฉงเห็นเหตุการณ์จึงยกยิ้มที่มุมปาก รู้สึกดีใจ ท่านพ่อเลือกเขาเพราะมั่นใจว่าเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่จะถูกใจเขาสินะ
เขาจะพิสูจน์ให้ท่านพ่อได้เห็นว่าท่านเลือกคนไม่ผิด!
เสิ่นเยี่ยนฉงสั่งให้คนช่วยแบกเนื้อไปส่งให้ครอบครัวของชาวบ้านที่ได้สามลำดับแรก สั่งให้คนที่เหลือแยกย้ายกันไปพักผ่อนในกระโจม จากนั้นเขาจึงหันไปกล่าวอำลาไป๋ชิงผิง
ไม่นาน ชาวบ้านสามคนที่ถูกคัดออกจากการฝึกซ้อมก็ป่าวประกาศเรื่องที่เกิดขึ้นในสนามฝึกซ้อมให้คนทั่วทั้งซั่วหยางได้รับรู้
เมื่อชาวบ้านที่เดิมทีไม่ได้สนใจจะเข้าร่วมการฝึกซ้อมเพื่อปราบโจรป่าได้ยินว่าที่สนามฝึกซ้อมมีอาหารให้ทานครบทุกมื้อ แถมยังมีเนื้อเป็นส่วนประกอบในอาหารทุกมื้อ ยิ่งหากวันนั้นมีผลงานติดสามลำดับแรกยังได้รับเนื้อไปให้คนที่บ้าน ต่างก็ตื่นเต้นอยากไปสมัครเข้าร่วมกันทุกคน
ทว่า เมื่อคนเหล่านั้นไปสอบถามที่หน้าสนามฝึกซ้อมถึงได้รู้ว่ารอบนี้คนเต็มแล้ว หลังฝึกยังต้องคัดคนออกอีกเรื่อยๆ หากคัดออกหมดแล้วคนไม่พอถึงจะรับสมัครคนใหม่
ผู้ที่ไปสอบถามต่างรู้สึกผิดหวังไปตามๆ กัน หลายคนตั้งใจว่าหากเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่เปิดรับสมัครอีกพวกเขาจะไปสมัครเป็นคนแรกๆ ถึงเวลานั้นหากฝึกได้ดีก็สามารถนำเนื้อกลับไปให้ครอบครัวทานได้ หากไม่ดี…อย่างน้อยก็เลี้ยงให้ตัวเองอิ่มท้องได้
ไป๋ชิงเหยียนไปที่สนามฝึกซ้อมสามวันติด ยังคงคัดคนที่รั้งท้ายสามลำดับออกและให้รางวัลคนที่ได้สามลำดับแรกทุกวัน
ผู้ที่ถูกคัดออกจากการฝึกซ้อมต่างรู้สึกเสียดาย ทว่า ต่างอดไม่ได้ที่จะเล่าให้เพื่อนบ้านฟังถึงเรื่องชีวิตความเป็นอยู่ในค่ายทหาร
ข่าวเรื่องอาหารที่ไป๋ชิงเหยียนนำมาให้ชาวบ้านที่มาฝึกซ้อมทานดีกว่าอาหารในค่ายทหารจริง อีกทั้งยังเผื่อแผ่ไปถึงครอบครัวของผู้ที่มาฝึกซ้อมแพร่กระจายไปทั่วทุกทิศ ถึงขนาดทำให้ชาวบ้านที่อยู่ต่างเมืองเดินทางมาซั่วหยางเพื่อสอบถามว่าตระกูลไป๋แห่งซั่วหยางจะเปิดรับคนอีกเมื่อใด
วันที่ยี่สิบ เดือนห้า ซีเหลียงมอบเงินค่าเสียหายที่เกิดในสงครามหนานเจียงถึงมือของแคว้นต้าจิ้นอย่างเป็นทางการ เรื่องที่องค์หญิงผิงหยางแห่งซีเหลียงตั้งใจสังหารเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่ในวันที่แต่งเข้าจวนองค์รัชทายาททำให้ซีเหลียงต้องมอบเงินชดเชยให้ต้าจิ้นอีกเป็นจำนวนไม่น้อย หนึ่งในนั้นมีเครื่องประดับล้ำค่าที่ซีเหลียงตั้งใจมอบให้เป็นการไถ่โทษเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่ด้วย
สิ่งที่คณะทูตของซีเหลียงซึ่งเดินทางมายังต้าจิ้นในครั้งนี้จัดการเรื่องนี้ได้อย่างเหมาะสมที่สุดก็คือการเปิดเผยรายชื่อของกำนัลที่นำมาให้เจิ้นกั๋วจวิ้นจู่และของไถ่โทษองค์รัชทายาทให้ทุกคนได้รับรู้ แม้ของที่นำมามอบให้จักรพรรดิแห่งต้าจิ้นและองค์รัชทายาทจะมากมาย ทว่า ของกำนัลของเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่มีมากกว่านั้นไม่รู้ตั้งกี่เท่า
เมื่อฮ่องเต้และองค์รัชทายาทเห็นรายชื่อของกำนัลต่างก็ยิ้มอย่างอารมณ์ดี
ฮ่องเต้มองไปทางองค์รัชทายาท “เจ้ารู้หรือไม่ว่าเหตุใดคณะทูตของซีเหลียงจึงทำเช่นนี้”
องค์รัชทายาทรีบลุกขึ้นยืนตอบ “ลูกคิดว่าซีเหลียงทำเช่นนี้เพราะต้องการยุแยงให้ลูกกับเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่ผิดใจกัน ต้องการให้ลูกไม่พอใจในตัวเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่พ่ะย่ะค่ะ”
ฮ่องเต้พยักหน้าอย่างพอใจ “แม้วิธีนี้จะดูต่ำช้า ทว่า มักได้ผลทุกครั้ง”
ฮ่องเต้ไม่อยากปิดบังโอรสของตัวเอง…
ก่อนหน้านี้ต้าเหลียงก็เคยใช้วิธีนี้ทำให้เขากับเจิ้นกั๋วอ๋องไป๋เวยถิงบาดหมางกัน แม้ฮ่องเต้จะไม่ได้กล่าวสิ่งใดออกมา ทว่า ในใจกลับแอบคิดอยู่เหมือนกัน ต่อมาบารมีของไป๋เวยถิงมากขึ้นทุกวัน เขาก็ยิ่งไม่พอใจมากขึ้นทุกที
“ตอนที่ลูกเห็นรายชื่อของกำนัลครั้งแรกก็ไม่ค่อยสบายใจนักพ่ะย่ะค่ะ” องค์รัชทายาทกล่าวตามตรง “ทว่า ลูกทราบดีว่าเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่คือคนที่สร้างผลงานมากที่สุดในการรบชนะซีเหลียงในครั้งนี้ ยิ่งซีเหลียงยุแยงมากเท่าใด ลูกก็ยิ่งไม่อาจทำให้พวกเขาสมหวังได้พ่ะย่ะค่ะ ลูกจะทำให้พวกเขาเห็นถึงความสามัคคีของขุนนางและจักรพรรดิในราชสำนักของเรา ดังนั้นลูกตั้งใจจะให้คนนำเครื่องประดับและสิ่งของทั้งหมดที่ซีเหลียงมอบให้ลูกไปให้เจิ้นกั๋วจวิ้นจู่ใช้ในการปราบโจรป่าพ่ะย่ะค่ะ เช่นนี้ชาวบ้านจะได้สำนึกในบุญคุณของราชวงศ์เราพ่ะย่ะค่ะ”
ฮ่องเต้พยักหน้า “เจ้าคิดได้เช่นนี้เราก็ดีใจ”
เดิมทีฮ่องเต้ยังหวาดระแวงเรื่องที่ไป๋ชิงเหยียนเกณฑ์ชาวบ้านมาฝึกฝนเพื่อปราบโจร ทว่า บัดนี้เขาเริ่มไม่สนใจ คนที่เขาส่งไปสำรวจกลับมารายงานว่าไป๋ชิงเหยียนเกณฑ์แต่ชาวบ้านที่ทำไร่ทำนาเข้าไป ที่สำคัญคนพวกนั้นไปเพื่ออาหารและส่วนลดค่าเช่าที่ มีแค่ร้อยกว่าคนเท่านั้น สร้างความเดือดร้อนให้เขาไม่ได้แน่นอน
หากปราบปรามโจรป่าได้สำเร็จก็ถือเป็นการช่วยขจัดปัญหาให้ราชสำนัก ฮ่องเต้พิจารณาดูแล้วก็คิดว่าดีอยู่เหมือนกัน
หากทำไม่สำเร็จ เงินที่เสียไปล้วนเป็นเงินของตระกูลไป๋ เหตุใดเขาต้องเสียดายด้วย
วันนี้องค์รัชทายาทสั่งให้คนนำของกำนัลที่ซีเหลียงมอบให้เขาและไป๋ชิงเหยียนส่งไปยังซั่วหยางอย่างเอิกเกริก
เมื่อไป๋ชิงเหยียนได้รับรายงานว่าองค์รัชทายาทสั่งให้คนส่งของกำนัลที่ซีเหลียงมอบให้มายังซั่วหยางก็เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย หญิงสาวให้คนไปส่งข่าวให้จี้ถิงอวี๋ออกไปสำรวจ หากมั่นใจก็ให้เขาลอบปล้นของกำนัลที่องค์รัชทายาทส่งมา
ผู้ใดให้องค์รัชทายาทส่งของมาอย่างเอิกเกริกเช่นนี้กัน หากโจรป่าที่กล้าปล้นแม้แต่ขบวนของเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่ไม่ทำสิ่งใดสักอย่างก็ไม่ใช่พวกเขาแล้ว
รายงานสถานการณ์รบที่ภูเขาชุนมู่ถูกส่งมาทุกๆ สองวัน ตอนแรกเสิ่นชิงจู๋รายงานว่าไป๋จิ่นจื้อยังควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้ หญิงสาวฝึกซ้อมรบและวิเคราะห์สถานการณ์รบกับแม่ทัพจางตวนรุ่ยทุกวัน ปล่อยให้ทหารต้าเหลียงตะโกนด่าอยู่ที่นอกเมืองโดยไม่ได้โต้ตอบอันใด
ช่วงนี้ต้าเหลียงรู้ข่าวว่าไป๋จิ่นจื้อเดินทางไปยังภูเขาชุนมู่จึงเริ่มก่นด่าเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่ ด่าทอตระกูลไป๋ ถ้อยคำล้วนมีแต่ความเหยียดหยามไป๋ชิงเหยียน ไป๋จิ่นจื้อเกือบบุกออกไปอย่างทนไม่ไหว ทว่า แม่ทัพจางตวนรุ่ยจับตัวนางเอาไว้เสียก่อน ไป๋จิ่นจื้อระเบิดใส่แม่ทัพจางตวนรุ่ย กล่าวหาว่าเขากลัวสงคราม
เมื่ออ่านจดหมายของเสิ่นชิงจู๋จบ ไป๋ชิงเหยียนเผาจดหมายทิ้ง ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นลงมือเขียนจดหมายให้เสิ่นชิงจู๋ กำชับไป๋จิ่นจื้อว่ายิ่งต้าเหลียงด่าท่อตระกูลไป๋มากเท่าใด ก็แสดงว่าพวกเขาใจร้อนอยากจะจบสงครามนี้เร็วเท่านั้น สั่งให้ไป๋จิ่นจื้ออดทน รอให้แม่ทัพจางตวนรุ่ยเจอโอกาสที่เหมาะสมที่จะเปิดศึก แม่ทัพจางตวนรุ่ยเป็นถึงแม่ทัพ เขาไม่ได้กลัวสงคราม เพียงแค่รักและห่วงใยชีวิตของทหารทุกคนในกองทัพ ไป๋จิ่นจื้อต้องเคารพเขา ห้ามวู่วามเด็ดขาด
เมื่อส่งจดหมายออกไป ไป๋ชิงเหยียนรู้สึกไม่สบายใจมาก
แม้สวินเทียนจางจะเป็นคนทำได้ทุกอย่างเพื่อให้ได้ชัยชนะ ทว่า เขาให้เกียรติแม่ทัพของทุกแคว้นมาก โดยเฉพาะตระกูลไป๋แห่งเมืองหลวงที่ทุกแคว้นต่างรู้ดีว่าจงรักภักดีต่อบ้านเมืองเพียงใด เหตุใดถึงกล่าวถ้อยคำดูถูกเหยียดหยามตระกูลไป๋เช่นนี้
สวินเทียนจางเคยกล่าวไว้ว่าในชีวิตนี้เขามีคนที่นับถืออยู่สามคน…
หนึ่งคือจีโฮ่วแห่งต้าเยี่ยน จีโฮ่วเป็นเพียงสตรี ทว่า นางสามารถพาแคว้นต้าเยี่ยนไปอยู่ในจุดที่รุ่งเรืองที่สุด แม้รูปแบบการปกครองใหม่ของนางจะดูเหลวไหลในช่วงแรก ทว่า เมื่อทำสำเร็จกลับทำให้แคว้นเจริญรุ่งเรืองมากยิ่งขึ้น!