ตอนที่ 423 เกินหน้า
ประการที่สอง เขาไม่อยากให้ไป๋ชิงเหยียนมีอำนาจบารมีในกองทัพมากเกินไป มิเช่นนั้นหากบารมีของไป๋ชิงเหยียนเทียบเท่ากับไป๋เวยถิงเมื่อใด ด้วยนิสัยที่แข็งกร้าวและไม่กลัวอำนาจราชวงศ์ของไป๋ชิงเหยียน นางต้องมีกองกำลังเป็นของตัวเองอย่างแน่นอน ถึงเวลานั้นฮ่องเต้ไม่เพียงไม่อาจควบคุมนางได้ ดีไม่ดีไป๋ชิงเหยียนอาจคิดกบฏขึ้นมาก็ได้
หลิวหงชื่นชมและนับถือสตรีที่ภายนอกดูอ่อนแอแต่กลับรบชนะซีเหลียงอย่างไป๋ชิงเหยียนจากใจจริง
ดังนั้นตอนแรกเขารู้สึกว่าฮ่องเต้ทรงกังวลมากเกินไป ทว่า ต่อมาเมื่อหวนนึกถึงถ้อยคำของไป๋ชิงเหยียนที่กล่าวในงานเลี้ยง นึกถึงเรื่องที่หญิงสาวตีกลองเติงเหวินบีบให้ฮ่องเต้ทรงลงโทษซิ่นอ๋องก็รู้สึกว่าฮ่องเต้ทรงไม่ได้กังวลโดยไม่มีสาเหตุ
หลิวหงรู้ดีว่าตนไม่ได้มีความสามารถเหมือนเจิ้นกั๋วอ๋องไป๋เวยถิงและเจิ้นกั๋วกงไป๋ฉีซาน ที่ฮ่องเต้ทรงแต่งตั้งเขาเป็นแม่ทัพใหญ่ในสงครามครั้งนี้ก็เพราะว่าเขาจงรักภักดีต่อพระองค์มาตั้งแต่ตอนที่พระองค์ยังไม่ได้ขึ้นครองราชย์เป็นจักรพรรดิ เขาไม่เคยโลภมากอยากมีอำนาจหรือมีใจทะเยอทะยานใดๆ จนถึงตอนนี้ก็ไม่เคยเปลี่ยนแปลง
ดังนั้นตอนที่หลิวหงรู้ว่าไป๋ชิงเหยียนพาองครักษ์ของตระกูลไป๋มุ่งหน้าตรงไปยังเมืองหลงหยาง เมื่อนึกถึงคำที่ฮ่องเต้ทรงกำชับว่าห้ามไป๋ชิงเหยียนสร้างผลงานในกองทัพเด็ดขาด เขาร้อนใจขึ้นมาทันที ตัดสินใจสลัดกองทัพใหญ่ เร่งเดินทางล่วงหน้ามายังเมืองหลงหยางก่อน
หลิวหงเกรงว่าหากส่งแม่ทัพคนอื่นมาจะควบคุมไป๋ชิงเหยียนไม่ได้ มีเพียงเขาซึ่งเป็นแม่ทัพใหญ่เท่านั้นที่ไป๋ชิงเหยียนจะเชื่อฟังคำสั่ง
ตลอดการเดินทาง หลิวหงไม่ได้ลงมาจากหลังม้าเลยสักนิด เขาทรมานไม่น้อย ขาอ่อนด้านในเสียดสีกับอานม้าจนหนังแทบถลอกหมด ก่อนเดินทางมาถึงเมืองหลงหยาง ตัวของเขาเริ่มร้อนขึ้น เขาได้ยินทหารที่คุ้มกันเมืองรายงานว่าเมื่อไป๋ชิงเหยียนมาถึงก็ออกไปรบทันทีโดยไม่ได้พักผ่อนแม้แต่น้อย ล้มแม่ทัพของต้าเหลียงได้ในสามกระบวนท่า สร้างขวัญกำลังใจให้ทหารต้าจิ้นเป็นอย่างมาก
นอกจากนี้ยังคาดการณ์ความเคลื่อนไหวของฝ่ายศัตรูได้อย่างแม่นยำ จับทหารกองทัพจ้าวที่ลอบบุกเข้ามาในเมืองหลงหยางได้ จากนั้นหญิงสาวยังสั่งให้คนบุกไปเผาทำลายคลังเสบียงของต้าเหลียงอีกด้วย
หลิวหงมองดูสีหน้าของทหารคุ้มกันเมืองที่เต็มไปด้วยความนับถือชื่นชมในตัวไป๋ชิงเหยียน ใจของเขากระตุกวูบ ไม่กล้าไปพักผ่อน รีบสั่งให้คนเรียกแม่ทัพทุกคนไปรวมตัวกันที่สนามฝึกซ้อมรบทันที
ภายในสนามซ้อมรบ คบเพลิงสูงถูกจุดไฟสว่างไสวทุกต้น ธงสะบัดพลิ้วไปมา เปลวไฟลุกโชนขึ้นตามแรงลม ส่องสว่างจนสนามฝึกซ้อมสว่างจ้าราวกับอยู่ในช่วงกลางวัน
หลิวหงนั่งสีหน้าซีดเซียวอยู่บนเก้าอี้ ตัวของเขาร้อนรุ่ม ลมหายใจร้อนจี๋ ปวดร้อนที่หน้าอกมากขึ้นเรื่อยๆ
ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากไปพักผ่อน ทว่า เขาไม่อยากให้ทุกคนคิดว่าแม่ทัพใหญ่อย่างเขาสู้เด็กสาวคนหนึ่งไม่ได้
หลิวหงฝืนร่างกายนั่งอยู่อย่างนั้น เขากลัวว่าหากเขาล้มตัวลงนอนอาจหลับข้ามวัน เขาต้องพบบรรดาแม่ทัพและมอบหมายหน้าที่ให้พวกเขาเสียก่อน
เมื่อกลุ่มของไป๋ชิงเหยียนมาถึง หลิวหงในชุดเกราะหนาคลุมทับด้วยเสื้อคลุมกันลมนั่งอยู่บนแท่นสูงของสนามฝึกซ้อม พลทหารม้ากำดาบยืนขนาบข้างทั้งสองด้าน แสดงอำนาจบารมีความเป็นแม่ทัพใหญ่เต็มที่
“คารวะแม่ทัพใหญ่ขอรับ!”
ทุกคนยืนทำความเคารพหลิวหงอยู่ด้านล่างแทนสูง
เดิมทีหลิวหงอยากลุกขึ้นยืน ทว่า ร่างกายของเขาอ่อนแรงจนไม่อาจทำเช่นนั้นได้ ที่สำคัญก็คือตัวเขาร้อนจนหัวแทบจะระเบิดอยู่แล้ว เขาทำได้แต่นั่งอยู่ที่เดิม ยกมือคารวะแม่ทัพทุกคน “ขออภัยทุกท่านด้วย ข้าจับไข้ ร่างกายอ่อนแรง จึงไม่ขอลุกขึ้นยืนก็แล้วกัน แม่ทัพทุกคนฟังคำสั่ง นับแต่นี้เป็นต้นไปหากไม่มีคำสั่งจากข้าห้ามทำสิ่งใดโดยพลการเด็ดขาด! ผู้ใดขัดคำสั่งจะโดนลงโทษในข้อหาทรยศต่อแผ่นดิน! ทุกคนจงอยู่แต่ในเมือง รอกองกำลังเสริมมาถึงแล้วค่อยวางแผนกันใหม่”
แม่ทัพทุกคนมองหน้ากันไปมา จากนั้นกำหมัดรับคำ
ไป๋ชิงเหยียนเงยหน้ามองไปทางหลิวหง หลิวหงรีบหลบสายตาหนีทันที เขาไม่กล้าสบกับดวงตาราบเรียบของไป๋ชิงเหยียนเพราะรู้สึกร้อนตัว
หลิวหงเร่งเดินทางมาที่นี่อย่างไม่คิดชีวิตก็เพื่อคำสั่งนี้
“กลับไปพักผ่อนกันเถิด เตรียมตัวเตรียมใจให้พร้อม เมื่อกองกำลังเสริมมาถึง เราจะขับไล่กองทัพต้าเหลียงกลับแคว้นของพวกมันไปให้หมด!” หลิวหงรวบรวมแรงทั้งหมดกล่าวออกมาจนจบ องครักษ์รีบเข้าไปประคองซ้ายขวาของหลิวหง
มองส่งหลิวหงเดินจากไป หลินคังเล่อหันไปมองไป๋ชิงเหยียนที่มีสีหน้าเรียบเฉยเหมือนยามปกติ เขาขยับปากเหมือนจะเอ่ยสิ่งใดออกมา ทว่า ไม่ได้เอ่ยออกไป
คนฉลาดคนใดจะดูไม่ออกว่าคำสั่งของหลิวหงมีไว้ใช้กับไป๋ชิงเหยียน
“แม่ทัพไป๋เดินทางมาอย่างเหน็ดเหนื่อย ควรไปพักผ่อนบ้างขอรับ ไม่เกินสามวันนี้กองกำลังเสริมของต้าจิ้นคงจะเดินทางมาถึง ถึงตอนนั้นพวกเราต้องทำสงครามกับต้าเหลียงอีก มีแม่ทัพไป๋อยู่พวกเราถึงจะมีความมั่นใจนะขอรับ!” หวังสี่ผิงรีบก้าวเข้าไปกล่าวกับไป๋ชิงเหยียน กลัวว่าหญิงสาวจะรู้สึกไม่สบายใจ
ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้า กำหมัดอำลาแม่ทัพทุกคน
หวังสี่ผิงยืนอยู่ข้างกายของหลินคังเล่อ เมื่อส่งคนอื่นกลับไปจนหมดเขาจึงกล่าวขึ้น “ดูเหมือนว่าแม่ทัพใหญ่จะต้องการข่มแม่ทัพไป๋เอาไว้ เขากลัวว่าแม่ทัพไป๋จะได้หน้าเกินหน้าเกินตาแม่ทัพใหญ่อย่างเขาหรืออย่างไรกัน!”
สงครามที่หนานเจียง องค์รัชทายาทคือแม่ทัพใหญ่ ทว่า ชัยชนะที่ได้มา มาจากการที่ไป๋ชิงเหยียนซึ่งไม่มีแม้แต่ยศตำแหน่งนำตราทัพออกไปรบกับศัตรู
หลินคังเล่อขมวดคิ้วแน่น “บัดนี้สงครามใหญ่อยู่ในระยะกระชั้นชิด ในฐานะแม่ทัพใหญ่ไม่คิดวางแผนขับไล่ศัตรูร่วมกับบรรดาแม่ทัพ แต่กลับกลัวว่าลูกน้องจะแย่งชิงผลงาน!”
หลินคังเล่อเคยสู้รบเคียงบ่าเคียงไหล่กับไป๋ชิงเหยียน ย่อมผูกพันกับหญิงสาว เขาจึงรู้สึกรังเกียจการกระทำของหลิวหง
ทว่า แท้จริงแล้วหลิวหงเองก็จำใจทำเช่นเดียวกัน เขาไม่อยากทำเช่นนี้ เขานับถือไป๋ชิงเหยียนจากใจจริงเช่นกัน ทว่า เขาไม่อาจขัดคำสั่งของเบื้องบนได้
ภายในคุกใหญ่ หลูผิงกลัวว่าหากสืบสวนพร้อมกัน ข่าวที่ได้รับอาจไม่ใช่ความจริง เขาจึงจับทหารกองทัพจ้าวทุกคนขังแยกและสืบสวนทีละคน
ภายในคุกเต็มไปด้วยเสียงร้องอย่างทรมานจากความเจ็บปวดของทหารกองทัพจ้าว คนที่ได้ยินอาจคิดว่าที่นี่คือขุมนรก…
ต้องยอมรับว่าวิธีทรมานศัตรูของแม่ทัพชราจ้าวค่อนข้างดีทีเดียว การทรมานทั้งหมดทำให้คนรู้สึกเหมือนตายทั้งเป็น โดยเฉพาะเมื่อสร้อยเหล็กที่ร้อนฉ่าถูกใส่เข้าไปในสะดือ มันช่างเป็นความทรมานที่ทำให้คนอยากสิ้นใจตายไปเสียเดี๋ยวนั้น
หลูผิงไม่เพียงสืบรู้ตำแหน่งที่ตั้งของคลังเสบียงอาหาร ตอนฟ้าสว่างเขายังสืบรู้อีกว่าไป๋จิ่นจื้อถูกล้อมอยู่ที่ภูเขาหั่วเสิน
หัวหน้าทหารของกองทัพจ้าวที่ถูกธนูปักเข้าที่หน้าอกกระดูกแข็งกว่าคนอื่น ทว่า เขาทนการโดนทรมานไม่ไหวเสียชีวิตลงทันทีที่รู้ว่าลูกน้องของเขาแพร่งพรายข่าวออกไปแล้ว
หลูผิงไม่รอช้า รีบนำผลที่ได้จากการสืบสวนตลอดทั้งคืนไปรายงานไป๋ชิงเหยียนทันที
ไป๋ชิงเหยียนเปิดอ่านรายงานผลสืบสวนที่สืบสวนแยกกันทีละแผ่น สามคนในคนทั้งหมดกล่าวว่าไป๋จิ่นจื้อถูกล้อมอยู่ที่ภูเขาหั่วเสิน ส่วนคนที่เหลือไม่รู้เรื่องนี้จริงๆ ทว่า สารภาพเรื่องอื่นที่น่าสนใจออกมาแทน
ในเมื่อรู้ข่าวของไป๋จิ่นจื้อแล้ว ไป๋ชิงเหยียนไม่อยากรออีกต่อไป หญิงสาวครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นสั่งให้หลูผิงนำม้วนไม้ไผ่ทั้งหมดไปยังที่พักของแม่ทัพใหญ่ ขอร้องให้เขาอนุญาตให้นางนำกำลังทหารไปช่วยไป๋จิ่นจื้อ
ไป๋ชิงเหยียนเพิ่งเดินออกมาก็พบกับกลุ่มของตู้ซานเป่าที่เพิ่งกลับมาพอดี
ตู้ซานเป่ารู้ว่าไป๋ชิงเหยียนเป็นห่วงไป๋จิ่นจื้อ เมื่อเขากลับมาจึงสั่งให้คนอื่นไปรายงานแม่ทัพหวังสี่ผิง ส่วนตัวเองวิ่งมายังที่พักของไป๋ชิงเหยียน
ใบหน้าของตู้ซานเป่าที่ดำจากควันขี้เถ้าในกองไฟเต็มไปด้วยเหงื่อ เขาใช้แขนเสื้อเช็ดออก เห็นหน้าผากที่ขาวโพลนของตัวเอง จากนั้นยิ้มกว้างให้ไป๋ชิงเหยียน คุกเข่าข้างหนึ่งลงบนพื้น กล่าวขึ้น “แม่ทัพไป๋ ข้าจับทหารฝ่ายศัตรูมาแยกกันสืบสวนสองคน พวกเขาบอกว่าไม่รู้ว่าเกาอี้เซี่ยนจู่อยู่ที่ใด ทว่า แม่ทัพกู้ของพวกเขาพาทหารหนึ่งหมื่นนายไปยังภูเขาหั่วเสิน ข้าคิดว่าน่าจะไปเพื่อจับตัวเกาอี้เซี่ยนจู่ขอรับ!”