สตรีแกร่งตระกูลไป๋ – ตอนที่ 449 ปิ่นหยก

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 449 ปิ่นหยก

ไป๋จิ่นจื้อลงมาจากรถม้าเป็นคนแรก สาวน้อยทำความเคารพฮูหยินสอง “ท่านป้าสะใภ้สอง!”

ไป๋ชิงเหยียนลงมาจากรถม้าเช่นเดียวกัน เมื่อประคองไป๋จิ่นซิ่วลงมาจากม้าเสร็จจึงหันไปทำความเคารพฮูหยินสอง “ท่านอาสะใภ้สอง!”

หลิวซื่อเห็นไป๋ชิงเหยียนและไป๋จิ่นจื้อกลับมาอย่างปลอดภัย ดวงตาของนางแดงก่ำ “กำลังรอพวกเจ้าสามพี่น้องกลับมาเลี้ยงฉลองอยู่เลย เข้าไปด้านในเถิด!”

เมื่อก้าวข้ามประตูชุ่ยฮวา หลิวซื่อเดินไปพลางสำรวจบาดแผลตามร่างกายของไป๋ชิงเหยียนและไป๋จิ่นจื้อไปพลาง

เมื่อเห็นหลังมือของไป๋จิ่นจื้อมีแผลถูกไฟลวก หลิวซื่อน้ำตาไหลอย่างกลั้นไม่อยู่ ทว่า กลัวว่าบรรดาเด็กๆ จะเป็นห่วงจึงหันหน้าไปอีกทางพลางใช้ผ้าเช็ดหน้าซับน้ำตา นางกุมมือของไป๋จิ่นจื้อแน่น “ไม่ว่าอย่างไรกลับมาอย่างปลอดภัยก็ดีแล้ว!”

ตั้งแต่ที่ไป๋จิ่นจื้อเดินทางไปเป่ยเจียง หลิวซื่อก็เป็นกังวลอยู่ตลอดเวลา…

ตระกูลไป๋สูญเสียมามากพอแล้ว เด็กพวกนี้จะเป็นอันใดไปอีกไม่ได้เด็ดขาด

ต่อมาได้ยินว่าแม่ทัพจางตวนรุ่ยเสียชีวิตในสนามรบ ไป๋จิ่นจื้อหายไปอย่างไร้ร่องรอย ไป๋ชิงเหยียนเดินทางไปยังสนามรบ ไม่รู้หลิวซื่อผ่านช่วงเวลาเหล่านั้นมาได้อย่างไร นางฝันร้ายทุกคืนกลัวว่าเด็กสองคนนี้จะเป็นอันใดไป

ไป๋จิ่นซิ่วรับประทานอาหารพร้อมกับทุกคน จากนั้นกลับไปยังจวนฉิน

ไป๋จิ่นซิ่วมองดูพี่หญิงใหญ่ซึ่งออกมาส่งตนที่หน้าประตูจวนเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่ด้วยตัวเอง ไป๋จิ่นซิ่วรู้สึกอาลัยอาวรณ์มาก “พี่หญิงใหญ่อยู่ต่ออีกสักสองสามวันแล้วค่อยกลับซั่วหยางไม่ได้หรือเจ้าคะ”

“พรุ่งนี้หลังจากเข้าเฝ้าฮ่องเต้เสร็จพี่ควรรีบเดินทางกลับซั่วหยางทันที พระองค์จะได้ไม่ทรงหวาดระแวง” ไป๋ชิงเหยียนกุมมือไป๋จิ่นซิ่วไว้อย่างหลวมๆ “วันหน้ายังอีกยาวไกล ไม่ต้องรีบร้อน…”

มองส่งไป๋จิ่นซิ่วจากไป หลิวซื่อกุมมือของไป๋ชิงเหยียนและไป๋จิ่นจื้อเอาไว้ “เด็กดี รีบไปพักผ่อนกันเถิด”

ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้ารับ

ไป๋ชิงเหยียนไปเยี่ยมอาการของเสิ่นชิงจู๋และจี้หลางหวา เมื่อเห็นว่าเสิ่นชิงจู๋อาการดีขึ้นเรื่อยๆ จากการดูแลของจี้หลางหวา ไป๋ชิงเหยียนรู้สึกขอบคุณจี้หลางหวามาก

“วันนี้ไม่ได้พาเจ้าไปที่วัดชิงอันด้วยเพราะข้าเป็นห่วงชิงจู๋ หากเจ้าคิดถึงท่านอาหลูก็อยู่เมืองหลวงต่ออีกสักสองสามวัน เดี๋ยวข้าจะส่งองครักษ์คุ้มกันเจ้ากลับไปซั่วหยาง” ไป๋ชิงเหยียนมองจี้หลางหวาที่ออกมาส่งนางนอกเรือนพลางกล่าวขึ้น

จี้หลางหวาเคยถูกฮ่องเต้เรียกตัวเข้าไปพบเพราะเรื่องยาวิเศษ หากอยู่เมืองหลวงนานเกินไปอาจมีอันตรายได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจี้หลางหวาใส่ผ้าคลุมหน้าตลอดเวลา นางจึงเป็นที่สะดุดตามาก

“มิเป็นอันใดเจ้าค่ะ” จี้หลางหวายิ้มให้ไป๋ชิงเหยียนบางๆ “ข้าสองพี่น้องโชคดีที่ได้รับความคุ้มครองจากองค์หญิงใหญ่และคุณหนูใหญ่ พวกข้าวางใจว่าอีกฝ่ายจะปลอดภัยเจ้าค่ะ หลางหวาอยากติดตามคุณหนูใหญ่เจ้าค่ะ คุณหนูใหญ่ไปที่ใด หลางหวาก็ไปที่นั่นเจ้าค่ะ”

ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้า

เรือนชิงฮุยยังคงเหมือนเดิม ทว่า ขาดถงหมัวมัวและชุนเถาไปจึงเงียบเหงากว่าเดิมมาก

ไป๋ชิงเหยียนนั่งอ่านตำราไม้ไผ่อยู่ใต้แสงตะเกียง สาวใช้รินน้ำชาให้ไป๋ชิงเหยียนเสร็จก็ถอยไปยืนอยู่นอกฉากกั้นอย่างรู้หน้าที่ จากนั้นหมุนตัวปิดประตูกั้นให้หญิงสาว

ภายในห้องเหลือนางเพียงคนเดียว ไป๋ชิงเหยียนวางตำราไม้ไผ่ในมือลง หยิบปิ่นหยกซึ่งซ่อนไว้ในแขนเสื้อออกมา

ปิ่นปักผมถูกสลักเป็นลายห่านป่า แม้ไม่ได้ดูสมจริงราวกับมีชีวิต ทว่า เห็นได้ชัดว่าผู้แกะสลักใส่ใจมาก

หญิงสาวลูบไปที่ลายห่านป่าบนปิ่นหยกอย่างเบามือ จากนั้นเงยหน้ามองไปยังดวงจันทร์กลมโตทางนอกหน้าต่าง

ห่านป่าเป็นสัตว์แห่งความซื่อสัตย์

ไป๋ชิงเหยียนเกิดมาในตระกูลสูงศักดิ์ หญิงสาวพบเจอของล้ำค่ามามากมาย ต่อให้คุณภาพหยกของปิ่นเล่มนี้จะดีงามล้ำค่าสักเพียงใด ทว่า ก็ทำอันใดใจของไป๋ชิงเหยียนไม่ได้ สิ่งที่ทำให้ไป๋ชิงเหยียนใจสั่นได้จริงๆ ก็คือคนที่มอบปิ่นเล่มนี้ให้แก่นาง

ไป๋ชิงเหยียน หากเจ้ากล้าพนันกับข้า ชาตินี้ ข้ามู่หรงเหยี่ยนไม่มีวันทำให้เจ้าต้องเสียใจ!

น้ำเสียงทุ้มและแหบพร่าของเซียวหรงเหยี่ยนดังก้องอยู่ในสมองของไป๋ชิงเหยียน หญิงสาวกำปิ่นหยกในมือแน่น รู้สึกว่าริมฝีปากร้อนผ่าวของชายหนุ่มที่เฉียดสัมผัสกับริมฝีปากของนาง…ให้ความรู้สึกคันยิบเล็กน้อย

ไป๋ชิงเหยียนปลดถุงหอมที่เอวออก หยิบป้ายหยกจักจั่นที่อยู่ในถุงหอมออกมา

ป้ายหยกจักจั่นเปล่งประกายใสท่ามกลางแสงไฟ หญิงสาวใช้นิ้วโป้งลูบสัมผัสอย่างแผ่วเบา

ข้าเคยสาบานไว้ว่าหากวันหนึ่งข้ามีภรรยา ข้าจะเชื่อใจและคุ้มครองนางให้ปลอดภัยตลอดชีวิต

เซียวหรงเหยี่ยนกล่าวประโยคนี้ตอนมอบหยกจักจั่นให้นาง

ไป๋ชิงเหยียนสับสนวุ่นวายใจ หาพาเช็ดหน้ามาห่อหยกจักจั่นและปิ่นปักผมหยกไว้ด้วยกัน จากนั้นออกไปซ้อมหอกเงินหงอิงที่ลานหญ้าตามปกติ

เช้าวันรุ่งขึ้น

ไป๋ชิงเหยียนฝึกร่างกายตอนเช้าเสร็จกำลังจะรับประทานอาหารเช้า ไป๋จิ่นจื้อวิ่งมาที่เรือนชิงฮุยอย่างรีบร้อน สั่งให้สาวใช้เตรียมสำรับให้ตนเองเพิ่มจากนั้นหันไปกล่าวกับไป๋ชิงเหยียน ”พี่หญิงใหญ่ข่าวจากงานเลี้ยงในวังแพร่กระจายออกมาแล้วเจ้าค่ะ ตอนที่ฮ่องเต้กำลังจะพระราชทานรางวัลให้แม่ทัพหลิวหง แม่ทัพหลิวหงไม่กล้ารับรางวัล กล่าวว่าชัยชนะในครั้งนี้ได้มาเพราะพี่หญิงใหญ่เพียงคนเดียว วอนขอให้ฮ่องเต้พระราชทานรางวัลให้พี่หญิงใหญ่แทนเจ้าค่ะ ต่อมาฮ่องเต้ตรัสว่าพี่หญิงใหญ่มีความดีความชอบมากที่สุดในสงครามครั้งนี้จริงๆ ทว่า พระองค์ต้องพิจารณาก่อนว่าควรจะพระราชทานรางวัลใดให้แก่พี่หญิงใหญ่ดี จากนั้นจะพระราชทานให้พี่หญิงใหญ่ในวันนี้เจ้าค่ะ เมื่อว่าราชการตอนเช้าเสร็จ ฮ่องเต้ต้องทรงให้คนมาเชิญพี่หญิงใหญ่เข้าไปในวังแน่นอนเจ้าค่ะ”

ไป๋จิ่นจื้อยกถ้วยโจ๊กขึ้นทานพลางมองไปทางไป๋ชิงเหยียนด้วยแววตาเป็นกังวล “พี่หญิงใหญ่ ครั้งนี้ฮ่องเต้ทรงเห็นความสามารถในตัวพี่หญิงใหญ่ พระองค์จะแต่งตั้งพี่หญิงใหญ่เป็นแม่ทัพใหญ่หรือไม่เจ้าคะ”

ไป๋ชิงเหยียนไม่คิดว่าฮ่องเต้จะพระทัยกว้างถึงขนาดแต่งตั้งสตรีเป็นแม่ทัพ และไม่มีทางเอ่ยถึงเรื่องนี้อย่างแน่นอน

การแต่งตั้งสตรีเป็นแม่ทัพเท่ากับเป็นการยกระดับฐานะของสตรี เช่นนี้สตรีที่มีความสามารถแต่ถูกจำกัดอยู่แต่ในเรือนหลังย่อมอยากออกมาแสดงความสามารถบ้างเช่นกัน แคว้นต้าจิ้นต้องเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่อย่างแน่นอน

ไม่เพียงฮ่องเต้จะไม่เห็นด้วย…บุรุษส่วนใหญ่ในต้าจิ้นก็คงไม่เห็นด้วยเช่นเดียวกัน

ยกตัวอย่างแคว้นต้าเยี่ยน ต่อให้จีโฮ่วจะใช้การปกครองใหม่ของนางมาเป็นสิบปี ปรับปรุงซ่อมแซมเมืองหลวง ย้ายเมืองหลวงจากที่เดิมไปยังที่ใหม่ ใช้การปกครองระบบใหม่ทำให้ชาวบ้านได้ผลประโยชน์มากขึ้น ทำให้แคว้นต้าเยี่ยนที่เคยอ่อนแอแข็งแกร่งขึ้น

ทว่า เมื่อจักรพรรดิแห่งต้าเยี่ยนฟื้นคืนสติจากอาการฟั่นเฟือน สิ่งแรกที่พระองค์ทำคือการสังหารจีโฮ่ว ชาวบ้านทุกคนในแคว้นต้าเยี่ยนต่างปรบมือเห็นด้วยเพียงเพราะการให้สตรีเป็นใหญ่คือเรื่องพิสดาร

ดังนั้นครั้งนี้ฮ่องเต้คงพระราชทานเงินทองและของล้ำค่าให้ไป๋ชิงเหยียนมากกว่าเดิม หากมากกว่านั้นก็คงแต่งตั้งไป๋ชิงเหยียนเป็นองค์หญิง ไม่มีทางให้สตรีอย่างนางเข้ามาก้าวก่ายในราชสำนักอย่างแน่นอน

เพราะหากแต่งตั้งนางเป็นแม่ทัพ ฮ่องเต้ต้องมีปัญหากับขุนนางตระกูลสูงศักดิ์ตระกูลอื่นในแคว้นต้าจิ้นอย่างแน่นอน ไป๋ชิงเหยียนไม่คิดว่าฮ่องเต้จะยอมสละเวลามาจัดการปัญหาเหล่านี้

ไป๋ชิงเหยียนรับประทานอาหารเช้าเสร็จไม่นาน ฮ่องเต้ก็ส่งคนมาเชิญไป๋ชิงเหยียนเข้าไปในวังหลวง

ไป๋ชิงเหยียนเปลี่ยนเครื่องแต่งกายชุดใหม่ แต่งหน้าบางๆ สีหน้าของสตรีในกระจกดูไม่ค่อยสู้ดีนัก ริมฝีปากซีดเซียวดูอ่อนแอกว่าเมื่อก่อนมากนัก

ฮ๋องเต้เป็นคนขี้ระแวง ยิ่งไป๋ชิงเหยียนร่างกายอ่อนแอมากเท่าใด ฮ่องเต้ก็จะยิ่งวางพระทัยมากขึ้นเท่านั้น

ไป๋จิ่นจื้อเปลี่ยนเครื่องแต่งกายแล้วกลับมายังเรือนชิงฮุยอีกครั้ง เมื่อเดินเข้ามาด้านในเห็นสีหน้าของไป๋ชิงเหยียนก็ตกใจ “พี่หญิงใหญ่ไม่สบายตรงที่ใดหรือเจ้าคะ ตามหมอหลวงมาดูอาการดีหรือไม่เจ้าคะ”

“พี่ร่างกายไม่แข็งแรงเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เดินทางไปเป่ยเจียงครั้งนี้หักโหมเกินไปหน่อย สีหน้าไม่ค่อยดีถือเป็นเรื่องปกติ พี่ต้องกลับไปพักฟื้นร่างกายที่ซั่วหยาง” ไป๋ชิงเหยียนบีบมือของไป๋จิ่นจื้อ

ไป๋จิ่นจื้อพยักหน้าอย่างเข้าใจ

ฮ่องเต้คงอยากแสดงละครให้คนทั่วทั้งใต้หล้าได้เห็น พระองค์จึงส่งขบวนรถม้ามารับไป๋ชิงเหยียนและไป๋จิ่นจื้อที่หน้าจวนเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่อย่างเอิกเกริกเช่นนี้

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

Status: Ongoing
นิยายจีนโบราณเข้มข้น ปะทะคารม ทดสอบไหวพริบ สนุกถึงใจ!เพราะถูกคนชั่วหลอกใช้ชาติก่อนคนทั้งตระกูลของนางจึงต้องตายอย่างน่าอนาถ ไร้ซึ่งคนทวงถามความเป็นธรรมชาตินี้นางหวนกลับมาก่อนเรื่องราวเกิดขึ้น แม้เพียงเล็กน้อยแต่หากสามารถช่วยเหลือคนในครอบครัวได้แม้สักคนนางก็ยินดีทุ่มเทกำลังให้ถึงที่สุดสตรีตระกูลไปแต่ไรมาแกร่งกล้ำเพียบพร้อมบุ๋นบู๊ แม้ไร้ซึ่งที่พึ่งพิงแล้วจริงแต่ก็จะไม่ยอมให้ผู้ใดมากดขี่ได้!และเพราะเรื่องราวที่เปลี่ยนแปลงไปนางจึงได้พบกับ ‘เขา’ ไวกว่าชาติก่อนเขาผู้นี้แม้ภายนอกดูป็นมิตรและสง่งามกว่าใคร แต่นงแจ่มแจ้งดีว่าเขาเจ้าเล่ห์และอำหิตมากเพียงไหนชาติก่อนแม้ยืนกันคนละฝั่งแต่บุรุษผู้นี้กลับเป็นผู้มอบทางรอดให้แก่นาง อย่างนั้นชาตินี้นางก็ย่อมตอบแทนเขาเป็นอย่างดีเช่นกัน“แม่นางไปช่วยเหลือข้าหลายครั้งหลายครา ใช่ว่าชื่นชอบข้าหรือไม่?”“คุณชายเข้าใจผิดแล้วล่ะ”“ข้าช่วยเหลือแม่นางไปมาหลายครั้งหลายครา แม่นางไปมีใจชื่นชอบข้าบ้างหรือไม่?”“…”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท