ตอนที่ 482 สำรวจ
ปกติเวลานี้คุณหนูใหญ่จะฝึกซ้อมเสร็จ เตรียมอาบน้ำแล้ว ไม่ว่าจะเกิดสิ่งใดขึ้นก็จะทำตามแผนที่วางไว้เช่นนี้ทุกวัน วันนี้ยังคงหลับอยู่ แสดงว่าคุณหนูใหญ่คงเหนื่อยจากการเดินทางไปเป่ยเจียงมากจริงๆ
บรรดาสาวใช้ในเรือนเดินย่องเท้าอย่างแผ่วเบาที่สุด ใช้การกระซิบแทนการสนทนา กลัวว่าจะรบกวนไปถึงคุณหนูใหญ่
ในที่สุดไป๋จิ่นจื้อก็กลับมาบ้านเสียที หญิงสาวนอนหลับเต็มอิ่ม เมื่อตื่นขึ้นร่างกายกระปรี้กระเปร่าเต็มที่ สาวใช้เรือนปัวอวิ๋นมารายงานว่าวันนี้ไป๋ชิงเหยียนจะไปที่สนามฝึกซ้อม เมื่อไป๋จิ่นจื้อเตรียมตัวพร้อมแล้วให้ไปที่เรือนปัวอวิ๋น
ไป๋จิ่นจื้ออาบน้ำอย่างมีความสุข จากนั้นรีบมุ่งหน้าไปที่เรือนปัวอวิ๋นโดยไม่ได้รับประทานอาหารเช้า
ได้ยินเสียงบ่าวรับใช้ที่กำลังทำความสะอาดลานหญ้าเอ่ยทักทายคุณหนูสี่ ชุนเถาซึ่งกำลังคุกเข่าใส่รองเท้าให้ไป๋ชิงเหยียนกล่าวออกมายิ้มๆ
“คุณหนูสี่คงรีบมาหาคุณหนูใหญ่โดยยังไม่ได้ทานอาหารเช้าแน่เจ้าค่ะ”
ไป๋ชิงเหยียนจัดแขนเสื้อให้เข้าที่ ลุกขึ้นยืนพลางเอ่ยขึ้น
“ให้โรงครัวเล็กเตรียมจานชามเพิ่มอีกหนึ่งชุด ทำอาหารที่เสี่ยวซื่อชอบมาอีกสักสองอย่างด้วย”
“พี่หญิงใหญ่!”
ไป๋จิ่นจื้อแหวกม่านเข้ามาด้านใน เมื่อเห็นไป๋ชิงเหยียนเดินออกมาจากห้องด้านในจึงกล่าวยิ้มๆ
“ไปสนามฝึกวันนี้ ข้าขอทดสอบฝีมือของคนเหล่านั้นได้หรือไม่เจ้าคะ”
“เจ้าต้องถามลุงผิง…”
ไป๋ชิงเหยียนยิ้มพลางนั่งลงบนหน้าโต๊ะกลม สื่อให้ไป๋จิ่นจื้อนั่งลงรับประทานอาหารเช้าเช่นเดียวกัน
วันนี้องค์หญิงเจิ้นกั๋วจะมาที่สนามฝึกซ้อม เสิ่นเยี่ยนฉงจึงเตรียมพร้อมตั้งแต่เช้าตรู่
กลุ่มคนที่หลี่เทียนฟู่ส่งมาล้วนตื่นเต้น เสิ่นเยี่ยนฉงกวาดสายตามองไปทางคนเหล่านั้นโดยไม่ให้พวกเขารู้ตัว จากนั้นหันไปกระซิบกับไป๋ชิงผิง
“เราต้องจับตาดูคนเหล่านั้นไว้ให้ดี อย่าให้พวกเขามีโอกาสเข้าใกล้องค์หญิงเจิ้นกั๋วเด็ดขาด พอองค์หญิงเจิ้นกั๋วมา ข้าจะจัดให้พวกเขาอยู่ห่างจากองค์หญิงเจิ้นกั๋วให้มากที่สุด”
ไป๋ชิงผิงพยักหน้า “สหายเยี่ยนฉงรอบคอบมาก”
ไป๋ชิงผิงสั่งให้คนนำธนูและดอกธนูทั้งหมดไปเก็บไว้ในคลังอาวุธ เมื่อจัดแจงให้คนของหลี่เทียนฟูอยู่ห่างจากแท่นเวทีมากที่สุดเสร็จ ไป๋ชิงเหยียนและไป๋จิ่นจื้อก็พาหลูผิงและองครักษ์ตระกูลไป๋มาถึงพอดี
เมื่อเห็นไป๋ชิงเหยียนในชุดคล่องแคล่วขี่ม้าเข้ามาด้านในสนามฝึก เสิ่นเยี่ยนฉงรีบวิ่งลงมาจากแท่นสูงเข้าไปทำความเคารพไป๋ชิงเหยียนและไป๋จิ่นจื้ออย่างนอบน้อม
ไป๋จิ่นจื้อลงมาจากหลังม้า กวาดสายตามองดูทหารฝึกใหม่ที่เข้าแถวอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยแวบหนึ่ง เอ่ยขึ้น
“พี่หญิงใหญ่ ดูใช้ได้เลยเจ้าค่ะ!”
“องค์หญิง กระหม่อมและสหายผิงคัดเลือกคนเหล่านี้ออกมาแล้วพ่ะย่ะค่ะ องค์หญิงลองทดสอบดูนะพ่ะย่ะค่ะ หากไม่มีปัญหา คนเหล่านี้ล้วนใช้การได้พ่ะย่ะค่ะ” เสิ่นเยี่ยนฉงกล่าวอย่างนอบน้อม
ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้าแล้วลงมาจากหลังม้า ยื่นแส้ม้าสีดำให้องครักษ์ซึ่งยืนอยู่ด้านหลัง กล่าวกับเสิ่นเยี่ยนฉง
“เดี๋ยวเจ้าช่วยอยู่ดูกับลุงผิง เก็บคนที่ลุงผิงคิดว่าไม่ผ่านไว้ก่อน ส่วนคนที่เหลือ เมื่อพรุ่งนี้ข้าส่งคนไปสำรวจลาดเลารังโจรบนภูเขาจนแน่ชัด ให้ติดตามข้าออกไปปราบโจรนอกเมือง”
หากแม้แต่หลูผิงยังคิดว่าคนเหล่านั้นใช้การไม่ได้ พาพวกเขาไปก็มีแต่เอาชีวิตไปทิ้งเปล่าๆ
ไป๋ชิงผิงค่อนข้างประหลาดใจ เขาไม่คิดว่าไป๋ชิงเหยียนจะใจร้อนถึงเพียงนี้ เมื่อสำรวจลาดเลาเสร็จก็จะลงมือปราบปรามเลยอย่างนั้นหรือ
“ขอรับ!” เสิ่นเยี่ยนฉงกำหมัดรับคำ
ไป๋จิ่นจื้อเห็นไป๋ชิงเหยียนเตรียมเดินขึ้นไปบนแท่นสูงจึงเอ่ยเรียก “พี่หญิงใหญ่!”
ไป๋ชิงเหยียนซึ่งอยู่บนบันไดสูงแล้วหันกลับไปมอง เมื่อเห็นใบหน้าน่าสงสารของไป๋จิ่นจื้อก็หลุดขำออกมา
“ไปเถิด คอยอยู่ข้างกายลุงผิง ห้ามซุกซนเชียว!”
“เจ้าค่ะ!” ไป๋จิ่นจื้อรับคำอย่างว่าง่าย
ไป๋ชิงเหยียนเดินขึ้นไปบนแท่นสูงในกลางสนามฝึก ทหารฝึกใหม่ซึ่งฝึกฝนมาได้ระยะหนึ่งแล้วที่ยืนอยู่ด้านล่างล่างต่างเงียบกริบ เงยหน้ามองไป๋ชิงเหยียนที่อยู่บนแท่นสูง
แม้ไป๋ชิงเหยียนจะเป็นเพียงสตรี ทว่า ไม่จะว่าจะเป็นสงครามที่หนานเจียงหรือเป่ยเจียง ไป๋ชิงเหยียนล้วนเอาชนะได้อย่างสวยงาม ผลงานเช่นนี้ทำให้ทุกคนนับถือและยกย่องในบารมีของหญิงสาวยิ่งนัก
“ไม่ทราบว่าทุกท่านได้ยินมาบ้างหรือไม่ บัดนี้ภัยโจรป่าร้ายแรงมาก โจรป่าลงมาเข่นฆ่า แย่งชิง เผาทำลายทรัพย์สินของชาวบ้าน อีกทั้งจับตัวเด็กไป! ระหว่างเดินทางกลับมาซั่วหยาง ข้าได้ยินว่าบุตรหลานของชาวบ้านอำเภอใกล้เคียงเราถูกโจรป่าจับตัวไปบนภูเขา ชาวบ้านตามขึ้นไป ทว่า กลับโดนโจรป่าฆ่าตายอยู่บนนั้น”
ข่าวนี้แพร่มาถึงซั่วหยางเช่นเดียวกัน ดังนั้นช่วงนี้ชาวบ้านในเมืองซั่วหยางจึงจับตาดูบุตรหลานของตัวเองอย่างเข้มงวด เมื่อท้องฟ้าเริ่มมืดก็เรียกให้บุตรหลานของตัวเองกลับบ้าน ไม่ปล่อยให้พวกเขาเที่ยวเล่นอยู่ด้านนอก
ไป๋ชิงเหยียนยืนเอามือไขว้หลัง กล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“ฝึกฝนชาวบ้านเป็นทหารเพราะโจรป่าเหิมเกริมขึ้นทุกที ไป๋ชิงเหยียนต้องการปราบปรามโจรป่าเพื่อชาวบ้าน ทุกท่านสละเวลามาที่นี่เพื่อปราบปรามโจรป่า ทำให้ชาวบ้านอยู่อย่างสงบสุข ทุกท่านฝึกซ้อมมาร่วมสองเดือนแล้ว อีกไม่นานข้าจะนำทัพไปปราบปรามโจรป่า ทุกท่านกล้าบุกไปปราบโจรเหล่านั้นร่วมกับข้าหรือไม่”
“ปราบโจร!”
“ปราบโจร!”
“ปราบโจร!”
เสียงในสนามซ้อมดังกระหึ่ม
พวกเขาจะติดตามองค์หญิงเจิ้นกั๋วที่เอาชนะได้แม้แต่กองทัพยอดฝีมือของแคว้นศัตรูไปปราบปรามโจรป่า พวกเขามีกำลังใจเป็นอย่างมาก
ที่สำคัญก่อนองค์หญิงเจิ้นกั๋วจะมาถึง ไป๋ชิงผิงและเสิ่นเยี่ยนฉงบอกกับพวกเขาว่าผู้ที่ติดตามองค์หญิงเจิ้นกั๋วไปปราบโจรและตัดศีรษะของโจรเหล่านั้นได้จะได้เงินสิบตำลึงทอง สิ่งนี้เย้ายวนใจชาวบ้านธรรมดาเป็นอย่างมาก
ถึงแม้พวกเขาจะไม่ได้ไปปราบโจรเพื่อขจัดภัยให้ชาวบ้าน ทว่า พวกเขาก็ยอมไปเพื่อเงิน!
แต่ไรมานกยอมตายเพื่ออาหาร คนยอมตายเพื่อเงินทอง หากมีเงินทองจำนวนมากมาล่อย่อมมีผู้กล้าแสดงตัวออกมาอยู่แล้ว
ผู้ที่ไม่ถูกเลือกต่างรู้สึกอิจฉา พวกเขาตั้งใจแน่วแน่ว่าจะขยันฝึกซ้อม วันหน้าพวกเขาจะได้มีโอกาสรับเงินสิบตำลึงทองบ้าง
ทหารซึ่งยืนอยู่ริมขอบแท่นสูงทั้งสองด้านโบกสะบัดธงในมือไปมา
เสียงกลองศึกดังขึ้น เมื่อทหารเริ่มแปรธง ทหารใหม่ที่ได้รับการฝึกฝนมาพอสมควรซึ่งยืนอยู่ด้านล่างกระจายกันออกเป็นสองแถว ตะเบ็งเสียงโห่ร้องดังกึกก้อง
กองกำลังทหารใหม่เหล่านี้อย่าว่าแต่นำไปเทียบกับกองทัพไป๋ซึ่งได้รับการฝึกฝนมาอย่างเข้มงวดเลย ขนาดนำไปเปรียบเทียบกับกองทัพจิ้นก็ยังด้อยกว่ามาก ทว่า มันดีมากกว่าที่ไป๋ชิงเหยียนคิดเอาไว้ตอนแรกแล้ว
ค่อยๆ เป็น ค่อยๆ ไป มีกองกำลังใช้ดีกว่าไม่มีเลย
เมื่อกลุ่มคนที่ถูกไป๋ชิงผิงจัดให้อยู่ด้านหลังสุดได้ยินว่าอีกไม่กี่วันจะได้ออกไปปราบปรามโจรป่ากับองค์หญิงเจิ้นกั๋ว พวกเขาจึงคิดวางแผนจัดการกับองค์หญิงเจิ้นกั๋วบนภูเขานั้นเลย เช่นนี้พวกเขาจะได้กลับไปรายงานความสำเร็จได้เสียที
มิเช่นนั้นหากพวกเขาสังหารองค์หญิงเจิ้นกั๋วอย่างโจ่งแจ้งที่นี่ พวกเขายังไม่ทันได้เข้าใกล้หญิงสาว ก็คงโดนองครักษ์ของตระกูลไป๋จับตัวได้เสียก่อน
แม้ภารกิจลอบสังหารจะเสี่ยงอันตรายมากอยู่แล้ว ทว่า หากมีโอกาสรอดชีวิตกลับไป ผู้ใดจะไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อกันเล่า
ตอนที่ไป๋จิ่นจื้อ เสิ่นเยี่ยนฉงและหลูผิงทดสอบมาถึงกลุ่มคนที่หลี่เทียนฟู่ส่งมา หญิงสาวชะงักฝีเท้าเล็กน้อย เอ่ยถามเสิ่นเยี่ยนฉง
“พวกนี้คือคนที่เจ้าบอกว่าฝีมือดีอย่างนั้นหรือ”
คนของหลี่เทียนฟู่รีบหยุดการต่อสู้แล้วหันไปทำความเคารพไป๋จิ่นจื้อ
“ขอรับจวิ้นจู่!” เสิ่นเยี่ยนฉงกล่าวอย่างนอบน้อม
ไป๋จิ่นจื้อหรี่ตาแคบลง เห็นกลุ่มคนเหล่านั้นทำความเคารพอย่างพร้อมเพรียงกัน ราวกับว่าได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี
ไป๋จิ่นจื้อเคยเห็นชาวบ้านธรรมดาทำความเคารพมาก่อน อย่าว่าแต่ชาวบ้านแถบชายแดนซึ่งอยู่ห่างจากเมืองหลวงเลย แม้แต่ชาวบ้านในเมืองหลวง หากไม่ได้รับการฝึกฝนมาเป็นพิเศษ ไม่มีทางทำความเคารพได้อย่างถูกต้องและพร้อมเพรียงกันถึงเพียงนี้ แม้แต่การโค้งกายคำนับยังอยู่ในระดับเดียวกันไม่ผิดเพี้ยน
หญิงสาวกระชับมือซึ่งไขว้อยู่ทางด้านหลังแน่น มองสำรวจคนเหล่านั้นด้วยสีหน้านิ่งๆ