ตอนที่ 490 ระวังตัวเกินไป
“ใช่!” ไป๋ชิงเหยียนเดินไปส่งต่งถิงเจินกลับเรือน
“ท่านย่าคิดถึงเสี่ยวซื่อจึงให้เขียนจดหมายมาตามเสี่ยวซื่อกลับไปหาที่เมืองหลวง”
ต่งถิงเจินพยักหน้า ไม่ได้เอ่ยถามสิ่งใดอีก
คืนนั้นต่งถิงเจินนอนไม่หลับเพราะคำกล่าวของไป๋ชิงเหยียนที่ว่าสายเลือดคือความสัมพันธ์ที่เหนียวแน่นที่สุดบนโลกแห่งนี้ เหตุผลง่ายๆ เช่นนี้ เหตุใดนางถึงลืมมันได้ลง
ต่งถิงเจินใช้ผ้าห่มผืนบางลายดอกบัวซับน้ำตา รู้สึกไม่มีหน้ากลับไปพบท่านพ่อ ท่านแม่ และพี่ๆ น้องๆ อีกแล้ว
…
กลางดึก
ไป๋ชิงเหยียนฝึกหอกเงิน อาบน้ำเสร็จเรียบร้อย หญิงสาวนั่งอ่านตำราโบราณในม้วนไม้ผิงอยู่บนเก้าอี้
ชุนเถาเช็ดผมให้ไป๋ชิงเหยียนจนแห้ง จากนั้นไปนำนมวัวอุ่นๆ ซึ่งย่อยง่ายที่สุดจากโรงครัวเล็กมาให้ไป๋ชิงเหยียน ชุนเถาเดินอ้อมฉากกันลมเดินเข้าไปด้านใน แหวกผ้าม่านผืนบางสีเขียวอ่อนออกเล็กน้อย วางถ้วยกระเบื้องเคลือบสีขาวไว้ด้านข้างไป๋ชิงเหยียน เอ่ยเสียงแผ่วเบา
“คุณหนูใหญ่ดื่มนมแล้วรีบพักผ่อนเถิดเจ้าค่ะ!”
ไป๋ชิงเหยียนรับคำ ทว่า ไม่ขยับเขยื้อน
ชุนเถาถอนหายใจยาว ได้แต่ปรับแสงไฟในตะเกียงซึ่งวางอยู่บนโต๊ะไม้สีแดงให้สว่างขึ้นเล็กน้อย จากนั้นปิดฝาตะเกียงตามเดิม แสงไฟในห้องสว่างขึ้นกว่าเดิมมาก
“ชุนเถา เจ้าไปพักผ่อนเถิด คืนนี้ไม่ต้องอยู่เฝ้าข้าหรอก” ไป๋ชิงเหยียนยกนมวัวขึ้นดื่ม
ถงหมัวมัวกำชับคนในโรงครัวให้โรยดอกกุ้ยฮวาลงไปในนม ทว่า ไม่ต้องใส่น้ำตาลลงไป นมจึงไม่หวาน ถูกปากของไป๋ชิงเหยียนยิ่งนัก
“ข้าอยู่เป็นเพื่อนคุณหนูใหญ่ดีกว่าเจ้าค่ะ” ชุนเถาหยิบเก้าอี้กลมไปนั่งข้างๆ โต๊ะเล็ก หยิบสะดึงปักผ้าทรงกลมออกมาเย็บ
สายตาของไป๋ชิงเหยียนหยุดอยู่ที่สะดึงปักผ้าในมือของชุนเถา เมื่อเห็นว่าบนนั้นคือลายนกยวนยางจึงหัวเราะออกมาเบาๆ
“ทำให้เฉินชิ่งเซิงอย่างนั้นหรือ คิดถึงญาติผู้พี่ของเจ้าแล้วหรืออย่างไร”
“คุณหนู…” ชุนเถาโดนหยอกจนหน้าแดงก่ำ “ข้าปักปลอกหมอนเจ้าค่ะ”
ไป๋ชิงเหยียนไม่ได้ปิดโปงชุนเถา เอาแต่ยิ้มไม่กล่าวสิ่งใดทั้งสิ้น
ไป๋จิ่นถงออกเดินทางไปเกือบครึ่งปีแล้ว เคยส่งจดหมายกลับมาเพียงครั้งเดียว ต่อมาไม่เคยส่งข่าวกับมาอีกเลย ไม่รู้ว่านางปลอดภัยดีหรือไม่
ชุนเถาไม่ได้รับข่าวคราวจากเฉินชิ่งเซิงนานถึงเพียงนี้ นางย่อมกังวลใจเป็นธรรมดา
ไป๋ชิงเหยียนได้แต่หวังว่าไป๋จิ่นถงจะพาบ่าวรับใช้ที่ซื่อสัตย์กลับมาอย่างปลอดภัย
ไป๋ชิงเหยียนปิดตำราในมือลง หันไปมองต้นใหญ่เก่าแก่กลางลานหญ้าซึ่งเป็นเป็นลางๆ จากหน้าต่างที่เปิดอยู่ครึ่งหนึ่ง ม่านไม้ไผ่ที่ติดเพียงครึ่งท่อนและผิดทับด้วยผ้าม่านผืนบางอีกชั้นตรงระเบียงทางเดินกั้นไม่ให้แมลงบินเข้ามาด้านในได้ดีมาก กระดิ่งซึ่งแขวนอยู่บนตะขอทองแดงส่งเสียงดังเป็นระยะๆ อย่างแผ่วเบา
ไม่รู้ว่าไป๋จิ่นจื้อเดินทางไปถึงที่ใดแล้ว นางจะเดินทางไปถึงก่อนที่ฮ่องเต้ประกาศราชโองการลงมาหรือไม่
วันที่ยี่สิบ เดือนเจ็ด ช่วงปลายของยามโหย่ว[1]ไป๋จิ่นจื้อขี่ม้าเข้าไปในวังหลวง มุ่งหน้าตรงไปยังจวนรัชทายาท
บัดนี้คือช่วงฤดูร้อน แม้ตะวันจะลับขอบฟ้าไปแล้ว ทว่า ลมร้อนยังคงอยู่
รัชทายาทนั่งเอนกายแหวกเสื้อชมบรรดาอนุของตัวเองเต้นรำอยู่กลางศาลาซึ่งมีน้ำแข็งวางอยู่ทั้งสี่มุม เมื่อได้ยินเฉวียนอวี๋คุกเข่ารายงานอยู่นอกม่านไม้ไผ่ว่าเกาอี้จวิ้นจู่ขอเข้าพบรัชทายาทอยู่นอกจวน รัชทายาทรีบลุกขึ้นยืนทันที เขาผูกเสื้อด้านบนให้เข้าที่ จากนั้นเรียกเฉวียนอวี๋เข้ามาช่วยแต่งกาย
เมื่อคืนรัชทายาทได้รับจดหมายจากไป๋ชิงเหยียน หญิงสาวกล่าวว่าเหลียงอ๋องและจวนหวังสมคบคิดกันให้คนแสร้งปลอมตัวเป็นโจรป่าลักพาตัวเด็กไปปรุงยา
ฟางเหล่าอ่านจดหมายฉบับนั้นแล้ว เขาคิดว่าหากเหลียงอ๋องกล้าทำเรื่องอุกอาจดั่งที่ไป๋ชิงเหยียนเขียนบอกในจดหมายจริงๆ ครั้งนี้ไม่เพียงแต่จะสามารถหยุดยั้งไม่ให้เหลียงอ๋องแต่งงานกับหนานตูจวิ้นจู่หลิ่วรั่วฟู ทว่า ยังสามารถยับยั้งการแย่งชิงบัลลังก์กับรัชทายาทของเหลียงอ๋องได้อีกด้วย
วันนี้ไป๋จิ่นจื้อเดินทางมายังเมืองหลวงอย่างกะทันหัน รัชทายาทเดาว่าไป๋ชิงเหยียนต้องมีเรื่องสำคัญให้ไป๋จิ่นจื้อรีบมารายงานเขาโดยด่วนแน่ๆ
“สั่งให้คนไปบอกให้ฟางเหล่าออกไปต้อนรับเกาอี้จวิ้นจู่ก่อน” รัชทายาทกล่าวเสียงดัง
เฉวียนอวี๋รับคำ จากนั้นสั่งให้ขันทีซึ่งดูคล่องแคล่วที่สุดไปรายงานฟางเหล่า
ตั้งแต่ที่ฟางเหล่าได้อ่านจดหมายของไป๋ชิงเหยียนเมื่อวาน เขาก็เอาแต่คิดเรื่องที่เหลียงอ๋องแอบปรุงยาวิเศษ เมื่อได้ยินว่าไป๋จิ่นจื้อปรากฏตัวที่จวนรัชทายาทอย่างกะทันหัน รัชทายาทให้เขาออกไปต้อนรับนางก่อน ฟางเหล่าก็เดาได้ทันทีว่าไป๋จิ่นจื้อมาจากซั่วหยางเพราะเรื่องนี้
ฟางเหล่าถลกชายกระโปรงเร่งฝีเท้าเดินออกจากเรือนของตัวเองไปยังประตูหลัก ยังไม่ทันเดินไปถึงโถงรับรองหลัก ฟางเหล่าก็เห็นไป๋จิ่นจื้อยืนอยู่หน้ากำแพงของเรือนหลัก ข้างกายของนางมีชายร่างโชกเลือดคนหนึ่งซึ่งถูกองครักษ์ตระกูลไป๋จับกุมให้คุกเข่าอยู่บนพื้น
ไป๋จิ่นจื้อยืนเอามือไขว้หลังโดยกำแส้ม้าสีดำไว้ในมือแน่น เมื่อเห็นฟางเหล่าเดินเข้ามาอย่างรีบร้อน สาวน้อยจึงรีบโบกมือให้ “ทางนี้เจ้าค่ะฟางเหล่า!”
ฟางเหล่าวิ่งมา ใบหน้าเต็มไปด้วยเหงื่อ เขาเดินออกมาจากระเบียงทางเดิน ใช้ผ้าเช็ดหน้าซับเหงื่อที่ใบหน้า จัดระเบียบเครื่องแต่งกายให้เรียบร้อย เมื่อคิดว่าไม่เสียมารยาทแล้วจึงโค้งกายทำความเคารพไป๋จิ่นจื้อ
“จวิ้นจู่…”
“ฟางเหล่าเกรงใจเกินไปแล้ว!” ไป๋จิ่นจื้อยกมือคาราวะฟางเหล่า ใช้แส้ม้าชี้ไปยังชายซึ่งคุกเข่าตัวสั่นเทาอยู่บนพื้น “คนผู้นี้เป็นหนึ่งในคนที่แสร้งปลอมตัวเป็นโจรป่าอยู่ในซั่วหยางเพื่อลักพาตัวเด็กส่งมายังเมืองหลวงให้เหลียงอ๋องปรุงยาวิเศษเจ้าค่ะ! พี่หญิงใหญ่ให้ข้าขี่ม้าเร็วนำตัวคนผู้นี้มามอบให้องค์รัชทายาทและฟางเหล่า ไม่แน่ใจว่าจะช่วยองค์รัชทายาทและฟางเหล่าได้บ้างหรือไม่เจ้าค่ะ”
กล่าวจบ ไป๋จิ่นจื้อหยิบคำสารภาพของชายผู้นั้นส่งให้ฟางเหล่า
“เป็นคนอ่อนแอ แค่ทรมานนิดหน่อยก็ยอมสารภาพออกมาทั้งหมดเจ้าค่ะ!”
ก่อนไป๋จิ่นจื้อมาที่นี่ ไป๋ชิงเหยียนกำชับไว้แล้วว่าให้นางแสร้งทำทีเป็นสนิทสนมกับฟางเหล่า ทว่า ไม่จำเป็นต้องเอาใจเขา ไป๋จิ่นจื้อแสดงบทบาทได้อย่างพอเหมาะ แสร้งทำเป็นเชื่อใจฟางเหล่าและแสดงท่าทีเป็นเด็กเอาแต่ใจต่อหน้าเขา
ฟางเหล่ารับคำสารภาพเหล่านั้นมาอ่าน ดวงตาทั้งสองเป็นประกาย
“น่าหงุดหงิดยิ่งนัก ฟางเหล่าลองคิดดูสิเจ้าคะว่ามีคำสารภาพอยู่ในมือแล้วแท้ๆ ทว่า พี่หญิงใหญ่ยังให้ข้านำตัวคนมาอีก หากไม่ใช่เพราะมีตัวถ่วง ข้าคงมาถึงเมืองหลวงนานแล้ว!”
ไป๋จิ่นจื้อยืนเอามือไขว้หลังพลางบ่นออกมา ถลึงตาใส่โจรป่าผู้นั้นแวบหนึ่ง
ฟางเหล่าถือคำสารภาพไว้ในมือ ยิ้มจนตาหรี่ จากนั้นกล่าวขึ้น “องค์หญิงเจิ้นกั๋วเป็นคนรอบคอบ นางคงอยากให้เรื่องรัดกุมที่สุด ไม่อยากให้เหลียงอ๋องแก้ต่างได้อีก! ลำบากเกาอี้จวิ้นจู่แล้วขอรับ”
ไป๋จิ่นจื้อเอามือไขว้หลัง กล่าวอย่างไม่เห็นด้วย
“กล่าวถึงเรื่องรอบคอบ พี่หญิงใหญ่ของข้าระมัดระวังตัวเกินไป! ก่อนหน้านี้นางอยากแนะนำให้เสด็จพี่รัชทายาทส่งกองทัพใหม่ไปยังหนานเจียง ให้กองทัพไป๋ช่วยฝึกฝนให้ เช่นนี้จะได้มีทหารยอดฝีมือของต้าจิ้นเพิ่มขึ้นอีกกองทัพ ที่สำคัญหากต้าจิ้นส่งกองกำลังไปยังชายแดนซีเหลียงเพิ่ม ซีเหลียงจะได้รู้สึกหวาดกลัว ไม่กล้ารุกรานต้าจิ้นได้ง่ายๆ ทว่า พี่หญิงใหญ่ของข้ากลัวว่าผู้อื่นจะคิดว่านางมีใจเป็นอื่นจึงไม่ยอมเสนอเรื่องนี้ให้เสด็จพี่รัชทายาทฟัง ช่างรอบคอบเกินไปจริงๆ เจ้าค่ะ! เสด็จพี่รัชทายาททรงรู้ดีว่าพี่หญิงใหญ่เป็นคนเช่นไร ขอเพียงทำเรื่องที่มีประโยชน์ต่อต้าจิ้น ต่อให้ผู้อื่นจะหวาดระแวงในตัวพี่หญิงใหญ่ ทว่า เสด็จพี่รัชทายาทย่อมปกป้องพี่หญิงใหญ่อยู่แล้ว!”
รัชทายาทมาถึงอย่างร้อนรน เขาได้ยินคำกล่าวนี้ของไป๋จิ่นจื้อพอดีจึงอดหัวเราะออกมาไม่ได้
“เจ้ากล้ากล่าวเช่นนี้ต่อหน้าองค์หญิงเจิ้นกั๋วหรือไม่”
ไป๋จิ่นจื้อหันกลับไปเห็นรัชทายาทจึงรีบโค้งกายทำความเคารพ จากนั้นกล่าวยิ้มๆ
“พี่หญิงใหญ่ไม่อยู่ที่นี่นี่เพคะ หม่อมฉันแค่บ่นให้ฟางเหล่าฟังเฉยๆ เสด็จพี่รัชทายาทอย่าฟ้องพี่หญิงใหญ่เชียวนะเพคะ”
เมื่อเห็นรัชทายาทยิ้มๆ ไม่ได้กล่าวตอบอันใด ทว่า ยื่นมือไปรับคำสารภาพจากมือฟางเหล่ามาอ่าน ไป๋จิ่นจื้อจึงชี้ไปยังโจรป่าผู้นั้น กล่าวอย่างโมโห
“หากไม่นำตัวคนผู้นี้มา นำมาแต่คำสารภาพ หม่อมฉันคงมาถึงตั้งแต่ตอนเช้าแล้วเพคะ!”
[1]ยามโหย่ว เวลาระหว่าง 17.00-19.00 นาฬิกา