ตอนที่ 508 ปราบโจร
แม้เรื่องนี้จะผิดพลาดทำให้เอาผิดเหลียงอ๋องไม่ได้ ทว่า อย่างน้องก็ช่วยชีวิตเด็กเหล่านั้นเอาไว้ได้
จะรอช้าเรื่องปราบโจรต่อไปอีกไม่ได้แล้ว ไป๋ชิงเหยียนต้องเริ่มปราบโจรครั้งที่หนึ่งอย่างยิ่งใหญ่ก่อนที่คนของจวนหวังที่ปลอมตัวเป็นโจรอยู่ที่ซั่วหยางจะหนีเอาตัวรอดไป ถือเป็นการแสดงให้ฮ่องเต้และรัชทายาเห็นสักครั้งด้วย
“ชุนเถาเจ้าไปบอกให้พ่อบ้านเหาไปแจ้งให้ไป๋ชิงผิงและเสิ่นเยี่ยนฉงทราบว่าพรุ่งนี้เราจะออกเดินทางไปปราบโจรที่ภูเขาครั้งแรก กำชับเสิ่นเยี่ยนฉงว่าธนูไม่มีประโยชน์บนภูเขาสูงและป่าทึบ ให้ทหารฝึกใหม่พกดาบติดตัวไปก็พอ” ไป๋ชิงเหยียนกล่าว
“บ่าวจะไปเดี๋ยวนี้เจ้าค่ะ!”
ไป๋ชิงเหยียนพับจดหมายของไป๋จิ่นซิ่นเก็บไว้ในแขนเสื้อ จากนั้นหมุนตัวกลับไปยังโถงรับรอง
ภายในโถงรับรอง เยว่สือกำลังก้มหน้าคุยบางอย่างกับเซียวหรงเหยี่ยน เมื่อเห็นไป๋ชิงเหยีนนเดินเข้ามา เยว่สือรีบหันไปโค้งกายคำนับไป๋ชิงเหยียน “คุณหนูใหญ่…”
เมื่อคืนเยว่สือสอบถามเซียวหรงเหยี่ยนเรียบร้อยแล้ว เจ้านายของเขากล่าวว่าตอนนี้ให้เรียก คุณหนูใหญ่ ไปก่อน เยว่สือไม่เข้าใจว่าเรียกไปก่อนหมายความว่าอย่างไร ทว่า เจ้านายของเขาบอกให้เรียกเช่นนี้ไปก่อน เมื่อเจ้านายสั่งให้เปลี่ยนคำเรียกขานเมื่อใด เขาค่อยเปลี่ยนก็แล้วกัน
ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้าให้เล็กน้อย เดินไปด้านในพลางเอ่ยถาม
“ไม่ทราบว่าเซียวเซียนเซิงพอจะรู้เรื่องของหนานตูจวิ้นจู่และเหลียงอ๋องบ้างหรือไม่เจ้าคะ”
เซียวหรงเหยี่ยนพยักหน้าอย่างไม่คิดปิดบังไป๋ชิงเหยียน “ทราบขอรับ…”
ไม่เพียงแต่รู้เรื่อง เซียวหรงเหยี่ยนยังเป็นคนทำให้เรื่องมันแย่ลงกว่าเดิมอีกด้วย รัชทายาทอยากให้เหลียงอ๋องทำลายความบริสุทธิ์ของหนานตูจวิ้นจู่แล้วถูกฮ่องเต้หวาดระแวงว่าต้องการอำนาจทางทหารของเสียนอ๋อง ทว่า ไม่อยากให้เหลียงอ๋องได้แต่งงานกับหนานตูจวิ้นจู่จริงๆ
ทว่า สิ่งที่เซียวหรงเหยี่ยนต้องการคือการทำให้องค์ชายทั้งสองของแคว้นต้าจิ้นแย่งชิงราชบัลลังก์กันเอง ยิ่งราชสำนักขัดแย้งกันมากเท่าใดก็จะยิ่งส่งผลดีต่อแคว้นศัตรูอย่างต้าเยี่ยนมากเท่านั้น ดังนั้นเซียวหรงเหยี่ยนจึงสั่งให้คนทำให้เหลียงอ๋องได้แต่งงานกับหนานตูจวิ้นจู่สมใจหวัง ทำลายความบริสุทธิ์ของหนานตูจวิ้นจู่แทนเหลียงอ๋อง
ไป๋ชิงเหยียนเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดทันที หญิงสาวพยักหน้าพลางนั่งลง
“ต่อมาข้าสั่งให้คนปลอมตัวเป็นคนของท่านอ๋องเก้าแห่งต้าเยี่ยนไปช่วยเหลียงอ๋อง เช่นนี้เหลียงอ๋องจะได้ซาบซึ้งบุญคุณของท่านอ๋องเก้าแห่งต้าเยี่ยน”
เซียวหรงเหยี่ยนยิ้มน้อยๆ ไม่กล่าวสิ่งใดออกมา
“วันนี้เป็นวันเกิดของฮูหยิน ไม่ทราบว่าเหยียนจะได้รับเกียรติมอบของขวัญให้ถึงมือของฮูหยินหรือไม่ขอรับ” เซียวหรงเหยี่ยนมองไปทางไป๋ชิงเหยียน เอ่ยถามเสียงทุ้มต่ำ
ไป๋ชิงเหยียนเรียกสาวใช้ที่เฝ้าอยู่ด้านนอกเข้ามาด้านใน สั่งให้นางไปถามมารดาของตนว่าอยากอนุญาตให้เซียวหรงเหยี่ยนเข้าพบหรือไม่
“ขอบคุณคุณหนูใหญ่ขอรับ” เซียวหรงเหยี่ยนกล่าวยิ้มๆ
ไม่นาน ฉินหมัวมัวข้างกายของต่งซื่อมาด้วยตัวเอง นางย่อกายทำความเคารพไป๋ชิงเหยียนและเซียวหรงเหยี่ยน มือประสานไว้ที่หน้าท้อง จากนั้นเอ่ยขึ้นด้วยเสียงนุ่มนวล
“ฮูหยินสั่งให้บ่าวมาเรียนขอบพระคุณเซียวเซียนเซิงที่นึกถึงเจ้าค่ะ ตระกูลไป๋อยู่ในช่วงไว้ทุกข์ ไม่สะดวกจัดงานเลี้ยง เซียวเซียนเซิงเป็นแขก หากไม่รังเกียจอาหารธรรมดาที่จวนของเรา ฮูหยินเรียนเชิญให้ไปที่เรือนเสาหวาเจ้าค่ะ”
เซียวหรงเหยี่ยนลุกขึ้นยืนทำความเคารพกลับฉินหมัวมัว
“ฮูหยินเชิญเหยี่ยน ถือเป็นเกียรติของเหยี่ยนขอรับ”
ต่งซื่อเห็นว่างานเลี้ยงวันนี้ไม่มีบุรุษนั่งร่วมรับประทานอาหารเป็นเพื่อนต่งฉางหลาน เซียวหรงเหยี่ยนบังเอิญมาที่นี่พอดี ชายหนุ่มเป็นผู้มีพระคุณของตระกูลไป๋ ต่งซื่อจึงเชิญเซียวหรงเหยี่ยนร่วมโต๊ะอาหารกับต่งฉางหลาน
“เชิญเซียวเซียนเซิงเจ้าค่ะ…” ฉินหมัวมัวเบี่ยงกายพลางเผยมือเชิญเซียวหรงเหยี่ยน
เซียวหรงเหยี่ยนพยักหน้า จากนั้นหันไปทางไป๋ชิงเหยียน “เชิญคุณหนูใหญ่ไป๋ขอรับ…”
ฉินหมัวมัวเดินนำอยู่ด้านหน้าสุด ไป๋ชิงเหยียนเดินสนทนาตามระเบียงทางเดินไปพร้อมกับเซียวหรงเหยี่ยนโดยเว้นระยะห่างอย่างเหมาะสม มุ่งหน้าไปยังเรือนเสาหวา
เซียวหรงเหยี่ยนเคยมาที่เรือนเสาหวาครั้งหนึ่งแล้ว ทว่า เมื่อก้าวข้ามธรณีประตูเรือนเข้ามาก็อดชื่นชมกับบรรยากาศของเรือนเสาหวาไม่ได้ มิน่าผู้เฒ่าห้าซึ่งถูกขับไล่ออกจากตระกูลไป๋ถึงอยากครอบครองจวนบรรพบุรุษไป๋มากนัก
ศาลาโบราณเย็นสบาย กลิ่นหอมอบอวลของดอกไม้ ต้นไม้ที่เขียวขจีทั่วบริเวณ สวนดอกไม้อันร่มรื่น เสียงร้องของจักจั่นและหมู่มวลแมลง เสียงน้ำตกไหลริน หมู่ปลาแหวกว่านอย่างมีความสุข
บรรยากาศงดงามเช่นนี้หาได้ยากมาก
ต่งซื่อและบรรดาฮูหยินมาถึงเรือนเสาหวานานแล้ว ทุกคนนั่งสนทนากันอยู่ที่ชั้นสอง
ต่งฉางหลานจิบชาพลางเล่าเรื่องสนุกที่เติงโจวให้ทุกคนฟังเป็นบางช่วง บรรดาเด็กน้อยพากันตื่นเต้น กล่าวว่าหากมีโอกาสอยากไปเที่ยวเล่นที่เติงโจวบ้าง
เมื่อเห็นไป๋ชิงเหยียนและเซียวหรงเหยี่ยนเดินเข้ามา ดวงตาของไป๋จิ่นจื้อเป็นประกาย รีบวางถ้วยชาในมือลงแล้วลุกขึ้นยืนทักทาย “พี่หญิงใหญ่ เซียวเซียนเซิง…”
ต่งฉางหลานหันกลับไปมอง จากนั้นลุกขึ้นยืนทักทายเช่นเดียวกัน “พี่หญิง เซียวเซียนเซิง!”
เซียวหรงเหยี่ยนก้าวไปด้านหน้าพลางคาราวะต่งซื่อและคนในตระกูลไป๋คนอื่นๆ
เมื่อฮูหยินสี่หวังซื่อเห็นเซียวหรงเหยี่ยนก็รู้สึกซาบซึ้งมาก ชะงักมือที่นับลูกประคำอยู่ ลุกขึ้นยืนก้มศีรษะให้เซียวหรงเหยี่ยนเล็กน้อย
เซียวหรงเหยี่ยนให้เยว่สือหยิบกล่องของขวัญกำมะหยี่ที่เตรียมให้ต่งซื่อออกมา เยว่สือเปิดกล่องออก ด้านในคือรูปปั้นหยกแกะสลักเป็นสัตว์มงคลอย่างประณีต มองปราดเดียวก็รู้ว่าเนื้อหยกที่ใช้เป็นหยกคุณภาพดี ทว่า สิ่งที่ทำให้ทุกคนตกใจมากที่สุดก็คือไข่มุกราตรีสองเม็ดที่ฝังอยู่ในดวงตาทั้งสองข้างและพลอยซึ่งฝังอยู่ในกรงเล็บของสัตว์มงคล แม้ไม่รู้ว่าฝังเข้าไปได้อย่างไร ทว่า ช่างละเอียดและประณีตมาก
“เหยี่ยนได้ยินผู้คนลือกันว่าจวนของเหยี่ยนที่เมืองหลงหยางมีรูปปั้นสัตว์มงคลแกะสลักขนาดใหญ่เท่าคน ลำตัวและกรงเล็บด้วยประดับไปด้วยอัญมณี เหยี่ยนจึงคิดว่าทุกคนอาจหมายถึงรูปปั้นตัวนี้ ทว่า ผู้คนลือกันเกินจริงไปมากขอรับ” เซียวหรงเหยี่ยนมองไปทางไป๋ชิงเหยียนยิ้มๆ
ไป๋ชิงเหยียนก้มหน้าจิบน้ำชาในถ้วยอย่างสงบนิ่ง
ไป๋จิ่นจื้อหันไปมองพี่หญิงใหญ่ ผู้อื่นอาจไม่รู้ต้นตอของข่าวลือนี้ ทว่า แม่ทัพทุกคนที่เป่ยเจียงล้วนรู้ดีว่านี้คือข่าวลือที่ไป๋ชิงเหยียนสร้างขึ้นเพื่อหลอกทหารต้าเหลียง!
“ของขวัญของเซียวเซียนเซิงมีค่ามากเกินไป เซียวเซียนเซิงนำกลับไปเถิดเจ้าค่ะ!” ต่งซื่อกล่าวยิ้มๆ
“ฮูหยินอย่าปฏิเสธเลยขอรับ!” เซียวหรงเหยี่ยนลุกขึ้นยืนโค้งกายคำนับต่งซื่อ “ของสิ่งนี้อยู่ที่เหยี่ยนไม่มีประโยชน์อันใด มิสู้มอบให้ฮูหยินดีกว่า ขอให้ฮูหยินมีสุขภาพแข็งแรงอ อายุยืนยาวนะขอรับ”
เซียวหรงเหยี่ยนกล่าวอย่างจริงใจ ต่งซื่อจึงไม่กล้าปฏิเสธอีก วันหลังค่อยส่งของขวัญที่มีค่ามากกว่านี้ตอบแทนชายหนุ่มก็แล้วกัน
ทว่า เช่นนี้ทั้งสองตระกูลจะไปมาหาสู่กันมากกว่าเดิม แม้เซียวหรงเหยี่ยนจะมีฐานะเป็นพ่อค้า ทว่า ชายหนุ่มเป็นคนดี ต่งซื่อจึงไม่รังเกียจที่จะไปมาหาสู่กับเขา
ต่งซื่อกล่าวยิ้มๆ “เช่นนั้นก็ขอบคุณเซียวเซียนเซิงมากเจ้าค่ะ ฉินหมัวมัวรับไว้เถิด!”
เซียวหรงเหยี่ยนจึงนั่งลงตามเดิม
“เซียวเซียนเซิงเคยไปเติงโจวหรือไม่เจ้าคะ” ไป๋จิ่นจื้อถามยิ้มๆ
“ไม่เคยขอรับ…” เซียวหรงเหยี่ยนหันไปถามต่งฉางหลาน “ทว่า เหยี่ยนเคยได้ยินว่าสองสามอำเภอในเติงโจวที่มีชายแดนติดกับหรงตี๋มักถูกหรงตี๋บุกมาปล้นเสบียงอาหารทุกฤดูหนาวใช่หรือไม่ขอรับ” ต่งฉางหลานพยักหน้า “หรงตี๋มีแต่สนามหญ้าเลี้ยงม้า เมื่อถึงฤดูหนาวมักขาดแคลงเสบียงต้องออกมาปล้นทุกปี”
เซียวหรงเหยี่ยนวางถ้วยชาในมือลง กล่าวกับต่งฉางหลานยิ้มๆ “เหยียนเป็นพ่อค้า หากมองในมุมของพ่อค้า เหตุใดเติงโจวจึงไม่เปิดตลาดแลกเปลี่ยนสินค้าขอรับ ยกตัวอย่างเมืองเหมิงของต้าเยี่ยนที่มีการเปิดตลาดแลกเปลี่ยนสินค้าทุกปี ชาวบ้านซีเหลียงสามารถไปแลกเปลี่ยนเสบียงอาหารที่ตลาดนี้ได้ หากติงโจวทำเช่นนี้ก็จะไม่เกิดปัญหาการปล้นชิงเสบียงของหรงตี๋ขึ้นไม่ใช่หรือขอรับ”