ตอนที่ 528 ซั่วหยาง
“ท่านยาย…” ไป๋ชิงเหยียนเอื้อมมือไปกุมมือยายของตนเองไว้ “ท่านยายร่างกายแข็งแรง ต้องได้อยู่เห็นฉางหลาน ฉางหยวนแต่งงานมีลูกแน่นอนเจ้าค่ะ ท่านน้าสะใภ้เป็นคนดี ทว่า มักใจอ่อน ท่านยายควรเป็นคนอบรมสั่งสอนหลานๆ เองเจ้าค่ะ”
ต่งเหล่าไท่จวินได้ยินคำกล่าวนี้จึงลูบมือของหลานสาวยิ้มๆ จากนั้นกุมมือที่หยาบกร้านของไป๋ชิงเหยียนไว้แน่นอีกครั้ง ดวงตาเริ่มแดงก่ำ “ยายไม่หวงฉางหลานกับฉางหยวน ยายห่วงเจ้ามากกว่า…”
น้ำเสียงของต่งเหล่าไท่จวินจวินสะอื้นเล็กน้อย
แต่ไรมาสตรีอยู่บนโลกนี้อย่างยากลำบาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลานสาวของตนมีบุตรได้ยาก ไม่รู้ว่าภายภาคหน้าจะแต่งงานออกไปได้เช่นไร
หากไม่แต่งงานตลอดชีวิต นางจะพึ่งพาคนตระกูลบรรพบุรุษไป๋เหล่านั้นได้หรือ!
ไม่ใช่ว่าต่งเหล่าไท่จวินดูถูกตระกูลบรรพบุรุษไป๋ คนเหล่านั้นยอมถ่อมตัวให้หลานสาวนางเพราะตอนนี้หลานสาวนางมีอำนาจ ทว่า หากตอนนั้นตระกูลไป๋เอาตัวไม่รอด หลานสาวของนางรับมือเรื่องนี้ไม่ได้ ไม่รู้ว่าตอนนี้สตรีหม้ายของตระกูลไป๋จะถูกคนพวกนั้นรังแกเช่นไรบ้าง
พึ่งพาตระกูลบรรพบุรุษไป๋ มิสู้พึ่งพาตระกูลต่งของนางดีกว่า
“อาเป่า ยายมีความเห็นแก่ตัวเช่นเดียวกัน ยายอยากให้เจ้าอยู่กับยายที่นี่จะได้ไม่ถูกผู้อื่นรังแก เจ้าไม่ชอบฉางหยวนจริงๆ หรือ” ดวงตาของต่งเหล่าไท่จวินแดงก่ำอย่างรุนแรง
ความจริงต่งเหล่าไท่จวินไม่ควรกล่าวเรื่องเช่นนี้กับสตรีที่ยังไม่ออกเรือนอย่างไป๋ชิงเหยียน ทว่า หลานสาวของนางไม่เพียงเป็นคนหนักแน่น นางยังมีความคิดเป็นของตัวเองอีกด้วย หากไป๋ชิงเหยียนไม่ยอมตกลง บุตรสาวของนางก็คงไม่รู้จะทำเช่นไรเหมือนกัน
“ท่านยาย อาเป่าไม่ได้ดูถูกน้องฉางหยวนนะเจ้าคะ” ไป๋ชิงเหยียนส่ายหน้า “สิ่งที่ข้าต้องการไม่ใช่การถูกจำกัดอยู่แต่ในเรือนหลังเจ้าค่ะ ท่านปู่ ท่านพ่อ ท่านอาและน้องชายล้วนไม่อยู่บนโลกนี้แล้ว ทว่า ตระกูลไป๋ยังต้องการคนสานต่อปณิธานที่มีมาทุกรุ่นเจ้าค่ะ”
ตั้งแต่ที่ไป๋ชิงเหยียนไม่ยอมแต่งงานกับต่งฉางหยวน ใช้ใจของชาวบ้านบีบบังคับให้ฮ่องเต้ลงโทษซิ่นอ๋อง ได้ชัยชนะกลับมาจากสงครามหนานเจียง อีกทั้งพาสตรีตระกูลไป๋กลับไปอยู่ซั่วหยางได้อย่างปลอดภัย ต่งเหล่าไท่จวินก็รู้แล้วว่าไป๋ชิงเหยียนเป็นคนที่มีปณิธานที่ยิ่งใหญ่ ไม่ใช่สตรีที่ยินยอมถูกจำกัดอิสระอยู่แต่ในเรือนหลัง
ทว่า หนทางช่างยากลำบากนัก ใต้หล้าไม่ยุติธรรมต่อสตรี หากหลานสาวของนางอยากสร้างผลงานที่ยิ่งใหญ่ นางต้องลำบากกว่าบุรุษหลายเท่า
ในฐานะผู้ใหญ่ที่ใช้ชีวิตมาเกือบค่อนชีวิต นางแค่อยากปูทางให้ลูกหลานมีชีวิตที่สงบสุข ให้พวกเขาเดินไปยังหนทางข้างหน้าได้อย่างราบรื่น ทว่า หลานสาวคนนี้ของนางกลับเลือกทางเดินที่ยากลำบากที่สุด
ต่งเหล่าไท่จวินใช้ผ้าซับน้ำตาที่หางตา “เอาเถิด! ยายแค่ลองถามดูเท่านั้น”
“ท่านยาย ที่อาเป่าอยากมารับท่านยายไปอยู่ซั่วหยางสักพักเป็นเพราะการบุกโจมตีของหรงตี๋ในคราวนี้อาจรุนแรงกว่าทุกปีเจ้าค่ะ ท่านยายไปอยู่ซั่วหยางกับอาเป่าจะปลอดภัยกว่าเจ้าค่ะ” ไป๋ชิงเหยียนกล่าวกับต่งเหล่าไท่จวินด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
ต่งเหล่าไท่จวินตะลึง หันไปทางไป๋ชิงเหยียน กล่าวเสียงจริงจัง “เจ้าคิดเหมือนท่านน้าชายของเจ้าไม่มีผิดเพี้ยน”
แม้หลายปีมานี้ต่งเหล่าไท่จวินจะมอบหมายให้ชุยซื่อเป็นคนจัดการเรื่องทุกอย่างในจวน ส่วนตนเองพักผ่อนอย่างสบายใจ ทว่า นางเป็นเสาหลักของตระกูลต่ง หากมีเรื่องใหญ่ ทุกคนต้องถามความเห็นของต่งเหล่าไท่จวินเสียก่อน เมื่อท่านน้าชายต่งชิวเยว่ตัดสินใจสิ่งใดไม่ได้หรือไม่สิ่งใดค้างคาใจก็มักจะมาขอคำปรึกษาจากมารดาเสมอ
เมื่อตอนเป็นสาว ต่งเหล่าไท่จวินติดตามอยู่ข้างกายของผู้เฒ่าต่ง แม้แต่ผู้เฒ่าต่งยังเคารพความเห็นของต่งเหล่าไท่จวินมาก ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงบุตรชายอย่างต่งชิงเยว่
“เติงโจวไม่ปลอดภัย ท่านยายตามอาเป่ากลับไปซั่วหยางก่อนเถิดเจ้าค่ะ ถือเสียว่าไปอยู่เป็นเพื่อนท่านแม่ เมื่อเติงโจวสงบลงแล้วค่อยกลับมาเจ้าค่ะ” ไป๋ชิงเหยียนเห็นว่าต่งเหล่าไท่จวินจะกล่าวสิ่งใดออกมาอีกจึงรีบกล่าวต่อ “ท่านยายอย่าเพิ่งรีบร้อนปฏิเสธเลยเจ้าค่ะ อาเป่ายังอยู่เติงโจวอีกสักพัก ท่านยายปรึกษากับท่านน้าชายก่อนเถิดเจ้าค่ะ”
ต่งเหล่าไท่จวินเป็นห่วงว่าไป๋ชิงเหยียนจะเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทางจึงรีบไล่ให้หลานสาวไปพักผ่อน ทว่า ไป๋ชิงเหยียนปรนนิบัติให้ต่งเหล่าไท่จวินเข้านอนก่อน จากนั้นจึงเดินจากไปพักผ่อน
ท่านแม่อยู่ไกลถึงซั่วหยาง ไม่อาจแสดงความกตัญญูต่อท่านยายได้ ในเมื่อไป๋ชิงเหยียนมาถึงเติงโจวแล้ว หญิงสาวจึงอยากแสดงความกตัญญูต่อต่งเหล่าไท่จวินแทนมารดาให้ได้มากที่สุด
หวังหมัวมัวแหวกม่านให้ไป๋ชิงเหยียน เมื่อไป๋ชิงเหยียนเดินออกมาจึงกล่าวเสียแผ่วเบา “ก่อนหน้านี้คุณหนูเปี่ยวไม่อยู่ที่หนานเจียงก็อยู่ที่เป่ยเจียง เหล่าไท่จวินเป็นกังวลอยู่ทุกคืนวันเจ้าค่ะ ท่านนั่งภาวนาขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ บัดนี้คุณหนูเหลือเพียงคุณหนูเปี่ยวเป็นบุตรสาวเพียงคนเดียวแล้ว คุณหนูเปี่ยวต้องดูแลตัวเองให้ดีนะเจ้าคะ”
คุณหนูที่หวังหมัวมัวเอ่ยถึงคือต่งซื่อผู้เป็นมารดาของไป๋ชิงเหยียน
ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้า กล่าวขอบคุณหวังหมัวมัว “ท่านแม่ไม่ได้อยู่ดูแลท่านยาย โชคดีที่มีหวังหมัวมัวคอยอยู่ดูแลท่าน”
“คุณหนูเปี่ยวกล่าวอันใดเช่นนี้เจ้าคะ บ่าวติดตามรับใช้เหล่าไท่จวินมาทั้งชีวิต เหล่าไท่จวินเป็นนาย บ่าวเป็นบ่าว การดูแลเหล่าไท่จวินคือหน้าที่ของบ่าวอยู่แล้วเจ้าค่ะ!” หวังหมัวมัวกล่าวถึงตรงนี้ก็ยิ้มออกมา “พอคุณหนูเปี่ยวมา เหล่าไท่จวินมีชีวิตชีวาขึ้นมากเลยเจ้าค่ะ ใบหน้ามีสีเลือดสดใส สีหน้าดูดีกว่าเมื่อก่อนมากนักเจ้าค่ะ”
ไป๋ชิงเหยียนยิ้มพลางบอกให้หวังหมัวมัวส่งแค่ตรงนี้ “ข้างกายท่านยายต้องมีคนคอยดูแลตลอดเวลา หมัวมัวกลับไปดูแลท่านยายเถิด สาวใช้และหมัวมัวที่หวังหมัวมัวหามาให้ข้าย่อมมีแต่คนทำงานเก่งอยู่แล้ว หากมีสิ่งใดไม่เหมาะสม ข้าจะมาบอก”
“เจ้าค่ะ!” หวังหมัวมัวพยักหน้า สายตาหยุดอยู่ที่ชิวหวน หลานสาวของตนเองซึ่งอยู่ในชุดสาวใช้ด้วยแววตาตักเตือน “หากพวกนางทำสิ่งใดไม่เหมาะสม คุณหนูเปี่ยวให้แม่นางชุนเถาและบรรดาหมัวมัวสั่งสอนได้ตามสบายเลยนะเจ้าคะ ไม่ต้องใจอ่อนปล่อยให้พวกนางเสียสันดานเด็ดขาดเจ้าค่ะ”
ไป๋ชิงเหยียนมีฐานะสูงส่งเป็นถึงองค์หญิง สาวใช้ที่ได้ติดตามรับใช้หญิงสาว ภายภาคหน้าย่อมมีฐานะสูงกว่าสาวใช้คนอื่น ต่อให้แต่งงานออกเรือน สาวใช้ที่เคยรับใช้องค์หญิงย่อมหาคู่ครองได้ดีกว่าสาวใช้ธรรมดาแน่นอน
หวังหมัวมัวรู้ดีว่าหลานสาวของตนไม่ธรรดมา เป็นสาวใช้แต่ทำตัวราวกับคุณหนู ไม่ทำงานหนัก รังเกียจงานสกปรก
เดิมที หวังหมัวมัวไม่ได้ตั้งใจจะส่งหลานสาวของนางมารับใช้ไป๋ชิงเหยียน ทว่า หลานสาวของนางใช้บารมีของนางขอให้หมัวมัวข้างกายของชุยซื่อจัดให้นางมารับใช้คุณหนูเปี่ยว
เดิมทีต่งซื่อยังวางใจว่าแม้ไม่มีถงหมัวมัว ทว่า ข้างกายของบุตรสาวยังมีเสิ่นชิงจู๋อยู่อีกคน ทว่า นึกไม่ถึงเลยว่าไป๋ชิงเหยียนจะให้เสิ่นชิงจู๋อยู่ช่วยจี้ถิงอวี๋ที่ซั่วหยาง ดังนั้นหลานสาวของหวังหมัวมัวจึงได้เลื่อนขั้นมาดูแลรับใช้ไป๋ชิงเหยียนร่วมกับชุนเถา
โชคดีที่ต่งเหล่าไท่จวินเอ็นดูคุณหนูเปี่ยวมากจนให้คุณหนูเปี่ยวพักอาศัยอยู่ที่เรือนของตน หวังหมัวมัวคิดว่ามีตนคอยจับตาอยู่ หลานสาวของนางคงก่อเรื่องอันใดขึ้นไม่ได้
“หมัวมัวไม่ต้องเป็นห่วง” ไป๋ชิงเหยียนยังคงยิ้มให้หวังหมัวมัวเช่นเดิม
“ดูแลคุณหนูเปี่ยวให้ดี” หวังหมัวมัวกล่าวสั่งเสียงเย็นด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
สาวใช้และหญิงชราของตระกูลต่งต่างขานรับโดยพร้อมเพรียง