ตอนที่ 529 อพยพชาวบ้านหนี
เมื่อครู่ไป๋ชิงเหยียนยังไม่ได้สนทนากับท่านน้าชายอย่างจริงจัง นางไม่รู้ว่าตอนนี้ท่านน้าชายอยู่ที่ห้องตำราหรือไม่ หญิงสาวไม่กล้าบุกไปหาท่านน้าชายด้วยตัวเอง ขณะเตรียมสั่งให้หญิงชราไปถามว่าท่านน้าชายมีเวลาว่างหรือไม่ เสี่ยวชุยซื่อซึ่งยืนรออยู่ที่ด้านนอกเรือนนานสองนานก็เดินเข้ามาด้านในด้วยรอยยิ้ม
ไป๋ชิงเหยียนจับมือของชุนเถาเดินออกมาจากประตูเรือน มองดูเสี่ยวชุยซื่อซึ่งมีสีหน้าสดใส เอ่ยทัก “หรงเจี๋ย…”
“ฉางหลานให้ข้ามารอพี่หญิงอยู่ที่นี่เจ้าค่ะ ท่านพ่อและฉางหลานรอพี่หญิงอยู่ที่ห้องตำรา กลัวว่าพี่หญิงจะไม่รู้ทางจึงให้ข้ามารับพี่หญิงเจ้าค่ะ” เสี่ยวชุยซื่อกล่าวพลางเดินเข้ามาคล้องแขนของไป๋ชิงเหยียน
ชุนเถารีบประสานมือไว้ที่หน้าท้อง เดินถอยหลังไปสองก้าว จากนั้นเดินตามหลังไป๋ชิงเหยียนไปห่างๆ
ชิวหวนหลานสาวของหวังหมัวมัวเห็นว่าชุนเถาถอยหลังออกมา ตนจึงรีบเดินแซงหน้าชุนเถาเข้าไปช่วยประคองไป๋ชิงเหยียน
ไป๋ชิงเหยียนเห็นร่างๆ หนึ่งมาหยุดอยู่ข้างกายของตนเองจึงหันไปมอง จากนั้นกล่าวขึ้น “ข้าไม่ใช่คนอายุเจ็ดแปดสิบ ไม่จำเป็นต้องช่วยประคอง”
ชิวหวนหน้าแดงก่ำ รีบรับคำเสียงเบาหวิวแล้วถอยไปยืนอยู่เคียงข้างชุนเถา ไม่ได้กลับไปยังตำแหน่งของตัวเอง ราวกับการกระทำเช่นนี้จะทำให้ฐานะของตัวเองเทียบเท่ากับชุนเถาซึ่งเป็นสาวใช้ใหญ่ข้างกายของไป๋ชิงเหยียน
เสี่ยวชุยซื่อเดินสนทนากับไป๋ชิงเหยียนไปตามระเบียงทางเดินที่คดเคี้ยวและแขวนประดับด้วยม่านไม้ไผ่ไปตลอดทาง หนทางจึงดูสั้นลงกว่าเดิมมาก
ต่งฉางหลานคงกำชับไว้แล้ว เมื่อเสี่ยวชุยซื่อและไป๋ชิงเหยียนก้าวเข้าไปในเรือนจึงไม่ถูกองครักษ์ห้ามไว้ เสี่ยวชุยซื่อหันไปสั่งให้หมัวมัวของตนรออยู่ด้านนอกเรือน
ไป๋ชิงเหยียนหันไปสั่งชุนเถาให้รออยู่ด้านนอกเช่นเดียวกัน
ต่งฉางหลานได้ยินเสียงจากด้านนอกจึงเดินออกมาต้อนรับจากห้องตำรา โค้งกายคำนับหญิงสาวยิ้มๆ “พี่หญิง…”
ไป๋ชิงเหยียนทำความเคารพกลับ
“พี่หญิง ฉางหลานและท่านพ่อมีเรื่องสนทนากัน ข้าจะไปนำของว่างขึ้นชื่อของที่นี่มาให้พี่หญิงนะเจ้าคะ ก่อนหน้านี้เคยเล่าให้พี่หญิงฟัง ทว่า ตอนอยู่ที่ซั่วหยางมีส่วนผสมไม่ครบจึงทำให้พี่หญิงทานไม่ได้ ครั้งนี้พี่หญิงมาได้จังหวะพอดีเจ้าค่ะ!” เสี่ยวชุยซื่อหาข้ออ้างในการปลีกตัวไปจากที่นี่ จะได้ไม่ขัดขวางการสนทนาของสามีและพ่อสามี
แม้ปกติแล้วสตรีจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับงานของบุรุษ ทว่า ตอนอยู่ที่ซั่วหยาง เสี่ยวชุยซื่อเห็นแล้วว่าญาติผู้พี่คนนี้ไม่ใช่สตรีธรรมดาที่จะอยู่แต่ในเรือนหลัง
เสี่ยวชุยซื่อทำความเคารพแล้วจากไป สั่งให้คนเฝ้าเรือนให้ดี อย่าให้ผู้อื่นเข้ามายุ่งย่าม ส่วนตนเองเดินไปเตรียมของว่างที่โรงครัวเล็ก
ต่งฉางหลานแหวกม่านไม้ไผ่ให้ไป๋ชิงเหยียน เดินนำหญิงสาวเข้าไปในห้องตำรา “ข้าเล่าเรื่องที่พี่หญิงกล่าวกับข้าให้ท่านพ่อฟังหมดแล้วขอรับ ทว่า บรรดาแม่ทัพเห็นว่าหากอพยพชาวบ้านให้หนีไปเช่นนี้ ชาวบ้านเติงโจวอาจเกิดความแตกตื่นได้ขอรับ”
เมื่อไป๋ชิงเหยียนเดินเข้าไปด้านใน ต่งชิงเยว่กำลังนั่งสนทนากับที่ปรึกษาจวนต่งอยู่หน้าโต๊ะตำรา ในมือถือฎีกาที่องค์รัชทายาทส่งกลับมา ใบหน้าดูอ่อนล้าเล็กน้อย แสงแดดสาดส่องเข้ามาจากทางหน้าต่าง เหมือนจะเห็นผมขาวสองสามเส้นบนศีรษะของต่งชิงเยว่
เมื่อเห็นไป๋ชิงเหยียนเดินเข้ามา ต่งชิงเยว่เงยหน้าขึ้น ยกยิ้มมุมปาก ไม่ได้เอ่ยขัดบทสนทนาของที่ปรึกษา ส่งสัญญาณให้ไป๋ชิงเหยียนนั่งลงด้านข้าง
ที่ปรึกษาชะงักเล็กน้อย ทว่า เมื่อเห็นว่าต่งชิงเยว่ไม่ได้เอ่ยขัด เขาจึงกล่าวต่อ “เงินที่ใต้เท้าส่งไปเป็นเพียงแค่เงินสำรองเท่านั้น พอแจกจ่ายให้แค่ทหารที่เคยคุ้มกันเมืองซั่วหยางแล้วได้รับบาดเจ็บจนพิการไม่อาจทำงานได้อีกเท่านั้น เหล่าทหารในกองทัพเติงโจวเริ่มไม่พอใจเรื่องที่ฮ่องเต้ตัดเบี้ยเลี้ยงของพวกเขาเพื่อนำไปซ่อมแซมพระราชวังแล้วขอรับ”
ต่งชิงเยว่พยักหน้าพลางขมวดคิ้วแน่น “ข้ารู้แล้ว เจ้าออกไปก่อนเถิด”
ที่ปรึกษาลุกขึ้นยืนทำความเคารพต่งชิงเยว่ จากนั้นหันไปทำความเคารพต่งฉางหลานและไป๋ชิงเหยียน เขาพอจะเดาฐานะของไป๋ชิงเหยียนได้แล้ว
แม้ที่ปรึกษาของต่งชิงเยว่จะไม่เคยพบสตรีเรือนหลังของจวนต่ง ทว่า สตรีที่สามารถเดินเข้ามาในห้องตำราซึ่งเป็นห้องสำคัญเช่นนี้ได้ นอกจากต่งเหล่าไท่จวินและภรรยาแล้ว ก็คงมีเพียงองค์หญิงเจิ้นกั๋วไป๋ชิงเหยียนผู้เป็นหลานสาวของเขาคนนั้นแน่
ต่งฉางหลานรินน้ำชาให้ไป๋ชิงเหยียนด้วยตัวเอง จากนั้นนั่งลงข้างกายหญิงสาว ได้ยินหญิงสาวเอ่ยเข้าประเด็น “ท่านน้าชาย ข้าฝากถ้อยคำให้ฉางหลานมาบอกท่าน เหตุใดท่านจึงยังลังเลอยู่เจ้าคะ ท่านยังมีหวังกับราชสำนักอยู่หรือเจ้าคะ”
ต่งชิงเยว่ถอนหายใจยาว พยักหน้าน้อยๆ ยื่นฎีกาในมือให้ไป๋ชิงเหยียนอ่าน
“เจ้าลองอ่านดูสิ องค์รัชทายาทเพิ่งส่งมาให้ข้า”
ตั้งแต่ต่งฉางหลานเดินทางไปซั่วหยางจนถึงบัดนี้ ต่งชิงเยว่ถวายฎีกาขึ้นไปไม่รู้กี่ฉบับ ทว่า เหมือนโยนหินลงไปในมหาสมุทร นึกไม่ถึงเลยว่าเขาจะได้รับฎีกาตอบกลับจากองค์รัชทายาทในช่วงบ่ายของวันนี้
ไป๋ชิงเหยียนเปิดอ่านคร่าวๆ องค์รัชทายาทคิดแบบตื้นๆ กล่าวว่าต่งชิงเยว่ทำให้เรื่องเล็กกลายเป็นเรื่องใหญ่ บัดนี้ภายในของหรงตี๋กำลังวุ่นวาย เป่ยหรงและหนานหรงกำลังทำสงครามกันเอง ต้าเยี่ยนแสดงจุดยืนว่าสนับสนุนเป่ยหรงอย่างเห็นได้ชัด หนานหรงต้องรีบประจบต้าจิ้นเอาไว้ พวกเขาจะกล้ารุกรานแคว้นต้าจิ้นได้อย่างไร พวกเขาไม่กลัวว่าต้าจิ้นจะร่วมมือกับต้าเยี่ยนทำลายดินแดนเล็กๆ อย่างหนานหรงหรืออย่างไร
องค์รัชทายาทไม่เอ่ยถึงเรื่องเบี้ยเลี้ยงและเสบียงอาหารแม้แต่น้อย
ไป๋ชิงเหยียนไม่แปลกใจในเรื่องนี้ เป็นสิ่งที่องค์รัชทายาททำได้จริงๆ
ไป๋ชิงเหยียนวางฎีกาลงบนโต๊ะข้างๆ หันไปกล่าวกับต่งชิงเยว่ “บัดนี้คนในราชสำนักไม่สนความคิดที่แท้จริงของตัวเอง เอาแต่ทำตามความต้องการของฮ่องเต้และองค์รัชทายาท มิเช่นนั้นคงไม่เกิดเรื่องหักเบี้ยเลี้ยงเพื่อนำไปบูรณะราชวังและท่านน้าชายคงไม่ต้องถวายฎีกาขึ้นไปหลายฉบับเช่นนี้หรอกเจ้าค่ะ!”
“ขอเพียงเหล่าขุนนางมองออกว่าฮ่องเต้ทรงไม่พอพระทัยในฎีกาของท่านน้าชาย พวกเขาจะช่วยคิดหาข้ออ้างแทนฮ่องเต้ทันทีเจ้าค่ะ ไม่ว่าจะอ้างเรื่องความแตกแยกภายในของหรงตี๋ เรื่องที่พวกเขาไม่กล้ามารุกรานต้าจิ้นหรือแม้กระทั่งกลัวว่าต้าจิ้นจะร่วมมือกับต้าเยี่ยนโจมตีหนานหรง สิ่งเหล่านี้คือข้ออ้างที่เหล่าขุนนางในราชสำนักคิดขึ้นมาเพื่อประจบฮ่องเต้ กระทั่งไม่ถวายฎีกาที่ท่านน้าชายส่งไปภายหลังให้ฮ่องเต้ทอดพระเนตรเจ้าค่ะ”
เป็นดั่งที่ไป๋ชิงเหยียนกล่าวจริงๆ ครั้งแรกที่ต่งชิงเยว่ถวายฎีกาขึ้นไป เกาเต๋อเม่าเห็นฮ่องเต้อ่านเพียงคร่าวๆ จากนั้นวางทิ้งไว้ด้านข้าง ไม่มีท่าทีจะตอบกลับ เขาจึงถ่ายทอดคำสั่งลงไป ต่อจากนั้นฎีกาของต่งชิงเยว่จึงไปไม่ถึงฮ่องเต้อีก
ต่อมาฮ่องเต้ให้องค์รัชทายาทเป็นคนจัดการฎีกาเหล่านั้น อัครมหาเสนาบดีหลู่จึงลอบนำฎีกาของต่งชิงเยว่ไปให้องค์รัชทายาทอ่าน หวังให้องค์รัชทายาทเป็นตัวแทนไปเกลี้ยกล่อมฮ่องเต้
ทว่า เมื่อองค์รัชทายาทปรึกษากับบรรดาขุนนางเสร็จ เขากลับตอบกลับฎีกาของต่งชิงเยว่เช่นนี้
ต่งฉางหลานขมวดคิ้วแน่น พยักหน้าเห็นด้วยกับคำกล่าวของไป๋ชิงเหยียน “ท่านพ่อส่งสายลับไปยังหนานหรงแล้วขอรับ หากหนานหรงมีความเคลื่อนไหวใดๆ เขาจะมารายงานทันทีขอรับ”
“ท่านน้าชายควรรีบตัดสินใจโดยเร็วที่สุดเจ้าค่ะ อย่างน้อยที่สุดก็เพื่อชาวบ้านเมืองเติงโจว หลังฤดูเก็บเกี่ยวผลผลิต ท่านน้าชายควรเริ่มอพยพชาวบ้านออกจากเมือง เมื่อหนานหรงบุกมาโจมตี ชาวบ้านจะได้ปลอดภัยเจ้าค่ะ”