ตอนที่ 531 ความหวังในการรวมใต้หล้าให้เป็นหนึ่ง
ไป๋ชิงเหยียนเคาะนิ้วลงบนโต๊ะ “หากฮ่องเต้ทรงไม่พระราชทานอนุญาต ให้ฉางหลานนำทหารอยู่ฝึกซ้อมต่อที่หนานหรงด้วยตัวเองแล้วรายงานให้ท่านน้าชายรับรู้เป็นระยะ ส่วนท่านน้าชายแสร้งทำเป็นรบพ่ายแพ้ ถอยทัพหนี จากนั้นขอเงินและเสบียงอาหารจากราชสำนักเพิ่มก็พอเจ้าค่ะ”
ต่งฉางหลานขมวดคิ้ว “พี่หญิง หากบุกไปถึงหนานหรงแล้ว ทว่า เสบียงส่งมาไม่ทันจะทำเช่นไรขอรับ”
“หนานหรงบุกปล้นเสบียงของพวกเราได้ พวกเราบุกปล้นพวกเขาบ้างไม่ได้อย่างนั้นหรือ” ไป๋ชิงเหยียนกล่าวอย่างมีเหตุผล “กองทัพเติงโจวสามารถทำให้ชาวหนานหรงกลายมาเป็นทหารของเรา สอนพวกเขาทำไร่นา ปลูกผักผลไม้ แอบเปิดตลาดแลกเปลี่ยนสินค้าอย่างลับๆ ค่อยๆ ทำให้ชาวหนานหรงกลายมาเป็นคนของต้าจิ้นให้ได้ ไม่ว่าจะเป็นชาวหรงตี๋หรือต้าจิ้น พวกเขาแค่อยากมีชีวิตที่กินอิ่มนอนหลับด้วยกันทั้งสิ้น ที่จีโฮ่วบุกโจมตีแคว้นเล็กมากมายจนดับสลายและไม่มีคนต่อต้าน เหตุผลสำคัญก็เพราะชาวบ้านเหล่านั้นกินอิ่มนอนหลับ มีชีวิตที่ดีขึ้น ดังนั้นชาวบ้านถึงยอมสวามิภักดิ์ต่อนาง”
“ชาวบ้านต้าจิ้นเกิดมาในยุคที่มีแต่ความวุ่นวาย พวกเขาขอเพียงมีอาหารเลี้ยงปากท้อง มีชีวิตอยู่ต่อไป มีเสื้อผ้าใส่ให้ความอบอุ่นช่วงฤดูหนาวเป็นลำดับแรก ต่อมาถึงจะคำนึงเรื่องรู้หนังสือ รสชาติของอาหาร คุณภาพของเสื้อผ้าที่ใส่ ชาวบ้านแคว้นหนานหรงย่อมคิดเช่นเดียวกับชาวบ้านต้าจิ้น!” ไป๋ชิงเหยียนมองไปทางต่งฉางหลาน “เส้นทางนี้ยากลำบาก ทว่า หากทำสำเร็จเราจะได้รับความคุ้มครองจากชาวบ้านหรงตี๋ หากพวกเรานำกองทัพไปตั้งค่ายอยู่ที่หนานหรงเหมือนดั่งที่ต้าเยี่ยนทำ ชาวบ้านย่อมต่อต้านและเป็นปรปักษ์กับเรา เพราะเป่ยหรงเป็นคนขอให้ต้าเยี่ยนไปช่วย ส่วนพวกเรา…บุกโจมตีเข้าไป!”
ต่งชิงเยว่สูดหายใจเข้าปอดลึก เอนกายพิงเก้าอี้ทางด้านหลัง ยกถ้วยชาที่วางอยู่บนโต๊ะตรงหน้าขึ้น แกว่งถ้วยชาเล็กน้อย เขารู้สึกว่าหลานสาวของตนผู้นี้มีพรสวรรค์ที่ยิ่งใหญ่
“ท่านน้าชาย ใจของราษฎรคือกำลังสนับสนุนที่แข็งแกร่งที่สุดและมีอำนาจมหาศาล เราต้องยึดดินแดน ทว่า ต้องการใจของชาวบ้านเช่นเดียวกัน นี่ถือเป็นการหลีกเลี่ยงการนองเลือดที่ดีที่สุดเจ้าค่ะ” ไป๋ชิงเหยียนกล่าว
“ฉางหลาน เจ้ามีความเห็นเช่นไร” ต่งชิงเยว่มองไปทางบุตรชายคนโตด้วยแววตาที่เป็นประกาย
ต่งฉางหลานคือบุตรชายคนโตของต่งชิงเยว่ ต่งชิงเยว่อุ้มเขาไว้ในอ้อมกอดและอบรมสั่งสอนเขามาตั้งแต่เล็ก ต่งชิงเยว่อยากฟังความคิดเห็นของบุตรชายในเรื่องนี้มาก
“ท่านพ่อ ข้าคิดว่าพี่หญิงกล่าวมีเหตุผลมากขอรับ ข้าจะนำกองทัพเติงโจวไปยังหนานหรง เรื่องที่เหลือสามารถมอบให้ฉางเม่าจัดการได้ขอรับ ข้าจะทำเรื่องนี้ให้ดีที่สุดขอรับ!” ต่งฉางหลานยกมือคารวะต่งชิงเยว่ รู้สึกเลือดในกายพลุ่งพล่าน อยากสร้างผลงานชิ้นใหญ่
ก่อนหน้านี้ในสายตาของต่งฉางหลาน หรงตี๋และต้าจิ้นคือศัตรูกัน ทว่า เมื่อได้ยินคำกล่าวของไป๋ชิงเหยียน ชายหนุ่มเหมือนจะกระจ่างแจ้งแล้ว
ใต้หล้านี้ไม่ควรแบ่งแยกเป็นต้าจิ้นหรือหรงตี๋ หากชาวบ้านของหรงตี๋มีกินมีใช้ ผู้ใดอยากจะมาปล้นชิงเสบียงของต้าจิ้นกัน
หากไม่มองแค่ผลประโยชน์ตรงหน้าแล้วมองให้ไกลกว่านั้น หากวันหนึ่งใต้หล้ารวมเป็นหนึ่ง หากเขาสอนชาวหรงตี๋ทำไร่นา เย็บปักถักร้อย สอนให้รู้หนังสือของต้าจิ้น เมื่อวันที่ทุกแคว้นรวมเป็นหนึ่ง หรงตี๋จะไม่เกิดความวุ่นวายแน่นอน
คนที่เกิดมาในครอบครัวของนักรบ ผู้ใดไม่มีความทะเยอทะยานอยากเป็นคนทำให้ใต้หล้ารวมเป็นหนึ่งบ้าง ทว่า จักรพรรดิของต้าจิ้นไร้ความสามารถ บรรดาแม่ทัพจึงได้แต่เอาตัวรอดเท่านั้น
ทว่า คำกล่าวของไป๋ชิงเหยียนทำให้ต่งฉางหลานเห็นความหวังในการรวมใต้หล้าให้เป็นหนึ่ง ต่งฉางหลานจะไม่เลือดร้อนได้อย่างไร
ต่งฉางหลานรู้สึกโชคดีที่ญาติผู้พี่มาที่นี่ มิเช่นนั้นเขาคงไม่อาจกล่าวโน้มน้าวท่านพ่อได้แน่ ต่งฉางหลานรู้สึกนับถือไป๋ชิงเหยียนมากกว่าเดิม
ต่งชิงเยว่พยักหน้า วางถ้วยน้ำชาลงบนโต๊ะ กล่าวอย่างจริงจัง “เรื่องนี้ต้องคิดและวางแผนอย่างรอบคอบ พ่อมอบหมายให้เจ้าและฉางเม่ารับผิดชอบเรื่องนี้ หลังเก็บเกี่ยวผลผลิตของฤดูใบไม้ร่วงเสร็จ พ่อจะดูแลเรื่องอพยพชาวบ้านออกจากเมืองเอง”
ทุกอย่างได้ข้อสรุปแล้ว
ไป๋ชิงเหยียนยกยิ้มมุมปาก นางรู้มาตลอดว่าปณิธานของท่านน้าชายต่งชิงเยว่ไม่เคยดับสูญ ทว่า จักรพรรดิไร้ความสามารถ แม้ท่านน้าชายของนางมีความทะเยอทะยาน ทว่า เขาก็ทำอันใดไม่ได้
ก่อนหน้านี้ตอนที่ท่านปู่ของนางยังอยู่ ท่านน้าชายยังพอมีความหวัง ต่อมาท่านปู่จากไปแล้ว เลือดร้อนที่พลุ่งพล่านของท่านน้าชายก็เย็นลงเช่นเดียวกัน
“ตอนอพยพชาวบ้านออกจากเติงโจว ที่นี่คงวุ่นวายมาก ท่านน้าชาย ข้ามาที่นี่โดยอ้างว่าจะมารับท่านยายกลับไปอยู่เป็นเพื่อนท่านแม่ที่ซั่วหยาง ให้ท่านยายและสตรีตระกูลต่งไปอยู่ที่ซั่วหยางสักพักเถิดเจ้าค่ะ เมื่อเติงโจวสงบลงแล้วค่อยพาท่านยายกลับมาเจ้าค่ะ”
ต่งชิงเยว่ส่ายหน้า “พาท่านยายเจ้าไปคนเดียวก็พอ หากพาสตรีของจวนต่งไปหมด ชาวบ้านที่จับจ้องอยู่อาจคิดว่าพวกเรารู้ข่าวล่วงหน้าจึงพาครอบครัวอพยพออกไปก่อน พวกเขาอาจไม่พอใจและสร้างความวุ่นวายขึ้นได้”
ไป๋ชิงเหยียนเข้าใจความกังวลของต่งชิงเยว่ดี
“คุณชายรอง หลัวอี๋เหนียง[1] โปรดรอสักครู่ นายท่านกำลังปรึกษาเรื่องสำคัญอยู่กับคุณชายใหญ่ในห้องตำราขอรับ”
ต่งฉางเม่าและหลัวอี๋เหนียงผู้เป็นมารดาแท้ๆ พาลุงแท้ๆ ของของต่งฉางเม่ามาคารวะต่งชิงเยว่ ทว่า ถูกองครักษ์ข้างกายของต่งชิงเยว่ห้ามไว้ที่หน้าประตูเรือนเสียก่อน
เมื่อชิวหวนเห็นลุงของต่งฉางเม่ามองสำรวจไปรอบๆ นางเหงื่อตกจนใบหน้าซีดเผือด เดิมทีนางยืนอยู่ข้างกายของชุนเถา บัดนี้แอบหลบไปซ่อนอยู่ด้านหลังของชุนเถา
ชุนเถาหันไปมองชิวหวนอย่างแปลกใจแวบหนึ่ง เมื่อหันหน้ากลับมาก็เห็นสายตาที่มองสำรวจมาทางตนของหลัวฟู่กุ้ยซึ่งเป็นลุงของต่งฉางเม่า ชุนเถารู้สึกอึดอัด นางขมวดคิ้วแน่น ก้มหน้าลงต่ำอย่างสงบเสงี่ยมอยู่ที่เดิม
ปีนี้หลัวฟู่กุ้ยอายุสามสิบเอ็ด ก่อนหน้านี้เคยคุยเรื่องแต่งงานไว้แล้ว ทว่า หลัวฟู่กุ้ยติดการพนันอย่างหนัก ชอบไปเสพสำราญอยู่ที่หอนางโลม คู่ครองดีๆ จึงหลุดลอยไป
ต่อมา หลัวอี๋เหนียงไม่รู้จะทำเช่นไรจึงขอร้องให้ต่งชิงเยว่อนุญาตให้หลัวฟู่กุ้ยไปฝึกทหารในกองทัพเติงโจว นางไม่ได้หวังให้หลัวฟู่กุ้ยเป็นนายกองห้าหรือนายกองสิบ ขอเพียงเขาเลิกการพนันและเลิกไปที่หอนางโลมได้ก็พอใจมากแล้ว
กฎของกองทัพเติงโจวเข้มงวดมาก ต่งชิงเยว่ให้หลัวอี๋เหนียงพาคนมาให้เขาดูก่อน หากเป็นคนเหลาะแหละ เกียจคร้าน ต่อให้หลัวอี๋เหนียงและต่งฉางเม่าคุกเข่าอ้อนวอนเขา เขาก็ไม่มีทางรับไว้เด็ดขาด
หลัวอี๋เหนียงรู้ดีว่าต่งชิงเยว่เป็นคนกล่าวคำไหนคำนั้น นางจึงไม่กล้าให้หลัวฟู่กุ้ยมาหาต่งชิงเยว่เสียที
บัดนี้หลานสาวที่ต่งชิงเยว่รักมากที่สุดอย่างองค์หญิงเจิ้นกั๋ว ไป๋ชิงเหยียนเดินทางมายังเติงโจว หลัวอี๋เหนียงจึงถือโอกาสนี้พาพี่ชายของตนมาพบต่งชิงเยว่ ไม่แน่หากต่งชิงเยว่อารมณ์ดี เขาอาจยอมรับพี่ชายนางไว้ก็ได้
“นายท่านให้ข้าและฉางเม่าพาพี่ชายมาคารวะเขา ไม่ต้องเป็นห่วง นายท่านรู้เรื่องแล้ว” หลัวอี๋เหนียงกล่าวยิ้มๆ เตรียมเดินเข้าไปในเรือน ทว่า ถูกต่งฉางเม่ารั้งไว้เสียก่อน
“อี๋เหนียง ท่านพ่อกำลังคุยธุระอยู่กับท่านพี่ พวกเราค่อยมาใหม่เถิดขอรับ” ต่งฉางเม่ากล่าว
หลัวอี๋เหนียงอยากกล่าวสิ่งใดออกมาอีก ทว่า บุตรชายส่ายหน้าให้นาง นางคิดตามแล้วจึงพยักหน้า “ก็ได้ อีกสักครู่ค่อยมาใหม่”
[1] อี๋เหนียง คำเรียกขานอนุ