ตอนที่ 538 แม่ทัพหน้ากากผี
เปลวเพลิงสะท้อนให้เห็นใบหน้าสมบูรณ์แบบของเซียวหรงเหยี่ยน ปลายจมูกของชายหนุ่มเต็มไปด้วยหยาดเหงื่อ ในดวงตาลึกล้ำมีแสงสีเหลืองอ่อนของเปลวไฟอยู่ในนั้น ยิ่งทำให้ชายหนุ่มดูเยือกเย็นเฉียบขาดมากขึ้น
สายตาของเซียวหรงเหยี่ยนหยุดอยู่ที่แม่ทัพในชุดเกราะของหรงตี๋ที่สวมหน้ากากผีน่าหวาดกลัวนั่งอยู่บนหลังม้า
หากเซียวหรงเหยี่ยนเดาไม่ผิด คนผู้นั้นคือแม่ทัพหน้ากากผีที่เพิ่งปรากฏตัวได้ไม่นานของหนานหรง
แม่ทัพหน้ากากผีไม่ได้เกิดในตระกูลสูงศักดิ์ ครั้งหนึ่งท่านอ๋องแห่งหนานหรงออกไปล่าสัตว์ แม่ทัพหน้ากากผีซึ่งตอนนั้นเป็นเพียงทาสได้ช่วยชีวิตของพระองค์เอาไว้ เขาจึงกลายเป็นองครักษ์ข้างกายของหนานหรงอ๋อง ต่อมาจึงได้เลื่อนขั้นเป็นแม่ทัพ
มือข้างหนึ่งของเซียวหรงเหยี่นกำดาบยาว มืออีกข้างกระชากแขนขององค์หญิงหมิงเฉิงไปหลบอยู่ด้านหลังของตน เมื่อเห็นว่ากองทัพเยี่ยนและองครักษ์ลับที่ตนพามาเริ่มสู้ไม่ไหว เซียวหรงเหยี่ยนขบกรามแน่น
“ลงจากรถม้า ไปกับข้า!”
องค์หญิงหมิงเฉิงพยักหน้า กำถุงเงินซึ่งปักด้วยลวดลายดอกบัวคู่ไว้แน่น ราวกับถุงเงินใบนั้นคือกำลังใจทั้งหมดของนาง
เซียวหรงเหยี่ยนดึงองค์หญิงหมิงเฉิงลงมาจากรถม้าที่กำลังลุกไหม้ ทันใดทันชายหนุ่มเห็นแม่ทัพหน้ากากผีง้างสายธนู เล็งยิงมาทางเขา
ลูกธนูคมเฉียบพุ่งตรงมาอย่างรวดเร็ว เซียวหรงเหยี่ยนผลักองค์หญิงหมิงเฉิงออก ลูกธนูเฉียดใบหน้าของเซียวหรงเหยี่ยนไปอย่างฉิวเฉียดจนมีเลือดออกเล็กน้อย ลูกธนูพุ่งตรงไปปักอยู่ตรงต้นไม้ ปลายลูกธนูสั่นไหวอย่างรุนแรง
“องค์หญิง!” นางกำนัลในรถพากันกรีดร้อง
เซียวหรงเหยี่ยนไม่ทันได้คิดสิ่งใดมาก มือข้างหนึ่งประคองศีรษะของหญิงสาว คุ้มกันให้นางลงมาจากรถม้า
เมื่อทั้งสองคนกระโดดลงมาจากหลังม้า จู่ๆ องค์หญิงหมิงเฉิงที่ถูกเซียวหรงเหยี่ยนปกป้องไว้ในอ้อมกอดก็ล้มลงบนพื้น…
เซียวหรงเหยี่ยนหันกลับไปมองจึงเห็นว่าลำคอขององค์หญิงหมิงเฉิงมีเลือดสดไหลทะลักออกมาไม่หยุด ที่แท้ตอนที่ลูกธนูของแม่ทัพหน้ากากผีเฉียดผ่านใบหน้าของเซียวหรงเหยี่ยนไป มันพุ่งผ่านไปโดนลำขององค์หญิงหมิงฉางด้วย
ลูกธนูแหลมคมตัดโดนเส้นเลือดใหญ่บริเวณลำคอขององค์หญิงหมิงเฉิง เสียงกรีดร้องของนางกำนัลเมื่อครู่เป็นเพราะนางเห็นเลือดสดไหลออกมาจกลำคอขององค์หญิงหมิงเฉิง
“องค์หญิงหมิงเฉิง!” เซียวหรงเหยี่ยนคุกเข่าลงบนพื้น ฉีกเสื้อของตัวเองออก จากนั้นใช้เศษผ้ามัดบาดแผลบริเวณลำคอขององค์หญิงหมิงเฉิงไว้แน่น
องค์หญิงหมิงเฉิงสวมเครื่องแต่งกายสีแดง เลือดสดไหลซึมเข้าไปในเสื้อผ้า ทว่า กลับแยกไม่ออกว่านางเสียเลือดมากเพียงใด
หญิงสาวกำถุงเงินในมือแน่นพลางชูให้เซียวหรงเหยี่ยน มืออีกข้างซึ่งเต็มไปด้วยเลือดจับแขนของชายหนุ่มแน่น อ้าปากราวกับต้องการเอ่ยสิ่งใดบางอย่างกับชายหนุ่ม ทว่า เลือดสดไหลทะลักออกมาจากปากไม่หยุด
ดวงตาของเซียวหรงเหยี่ยนวาวโรจน์ด้วยสีเลือด สองมือกุมบาดแผลที่ลำคอของหญิงสาวแน่นไม่กล้าปล่อยมือ เขาไม่มีเวลาสนใจเรื่องฐานะของตนเอง กล่าวเสียงรอดไรฟัน
“เขายังรอเจ้าอยู่ เจ้าต้องเข้มแข็งไว้นะ!”
นางกำนัลที่แอบลงมาจากรถม้าได้สำเร็จคุกเข่าอยู่ด้านข้างองค์หญิงหมิงเฉิงพลางร้องไห้แทบขาดใจ เอ่ยเรียกองค์หญิงของตัวเอง “องค์หญิงเพคะ”
เยว่สือซึ่งร่างโชกไปด้วยเลือดพาคนถอยทัพกลับมาอยู่ข้างเซียวหรงเหยี่ยน เมื่อเห็นว่าน่าจะช่วยองค์หญิงหมิงเฉิงไว้ไม่ได้แล้ว เยว่สือกุมหน้าอกของตัวเอง ใช้ดาบพยุงร่างพลางกล่าวขึ้น “นายท่าน ต้านไม่ไหวแล้วขอรับ! คนของหนานหรงมีมากเกินไป หากยื้อต่อไป พวกเราจะหนีออกไปไม่ได้ขอรับ! ข้าและสหายคนอื่นๆ จะต่อสู้ฝ่าด่านออกไปให้นายท่านหนีขอรับ!”
สิ้นเสียงของเยว่สือ ทหารของหนานหรงโจมตีด่านคุ้มกันแตก บัดนี้กำลังบุกมาทางรถม้าแล้ว
แม่ทัพหน้ากากผีลงมาจากหลังม้า ถือดาบพุ่งตรงมาทางพวกเขาราวกับต้องการจับเป็นองค์หญิงหมิงเฉิงที่เดินทางมาแต่งงานเชื่อมไมตรีให้ได้ ดาบของเขารวดเร็วฉับไวและอำมหิต คมดาบพุ่งไปทางใดล้วนปลิดชีวิตคู่ต่อสู้ได้ทุกราย เพลงดาบดูไม่เหมือนของหรงตี๋
หรงตี๋และซีเหลียงถนัดใช้มีดหรือเงี้ยว ต้าจิ้นและต้าเหยี่ยนถึงจะถนัดใช้ดาบยาว
ไม่เพียงเพลงดาบเท่านั้น วิธีการรบของแม่ทัพผู้นั้นก็ไม่เหมือนกับวิธีที่ชาวหรงตี๋นิยมใช้ กองทัพบุกอย่างมีชั้นเชิง อีกทั้งใช้โล่เป็นเกราะกำบัง กองทัพหรงตี๋ก่อนหน้านี้ไม่มีทางใช้เด็ดขาด
เมื่อเห็นว่าแม่ทัพหน้ากากผีบุกเข้ามาเรื่อยๆ เยว่สือร้อนใจจนเส้นเอ็นที่หน้าผากเกร็งแน่น “นายท่าน! รอช้าไม่ได้แล้วขอรับ!”
ทว่า เซียวหรงเหยี่ยนไม่อยากทิ้งองค์หญิงหมิงเฉิงไปเช่นนี้
เซียวหรงเหยี่ยนมองไปทางนางกำนัลที่เอาแต่ร้องเรียก “องค์หญิง” กล่าวขึ้น “เจ้ามากดบาดแผลขององค์หญิงไว้”
นางกำนัลผู้นั้นรีบล้มลุกคลุกคลานไปหาเซียวหรงเหยี่ยน ใช้มือกดแผลที่ลำคอขององค์หญิงหมิงเฉิงแน่น
เซียวหรงเหยี่ยนอุ้มองค์หญิงหมิงเฉิงลุกขึ้น นางกำนัลรีบลุกขึ้นตาม
“ไป!” เซียวหรงเหยี่ยนตะโกนลั่น
เยว่สือคุ้มกันเซียวหรงเหยี่ยนถอยหนี ทว่า เขาสัมผัสได้ว่ามีลูกธนูกำลังพุ่งตรงเข้ามา เยว่สือรีบหันไปใช้ดาบยาวป้องกันไว้ ทว่า ลูกธนูปักโดนที่หัวไหล่ด้านขวาของเขา
แรงปะทะของลูกธนูแรงจนเยว่สือเกือบล้มลงบนพื้น
เยว่สือเงยหน้าขึ้นมองไปทางแม่ทัพหน้ากากผีที่ง้างสายธนูด้วยแววตาเกรี้ยวกราด เขาฉีกชายเสื้อออกมาอุดปากตัวเองไว้แล้วดึงลูกธนูออก เขากัดฟันแน่นไม่ให้ตนเองส่งเสียงร้องออกมา ใบหน้าอดกลั้นจนแดงก่ำ เยว่สือรีบใช้เศษผ้าพันแผลของตัวเองไว้ จากนั้นตะโกนลั่น “คุ้มกันนายท่านหนีไป!”
ตะโกนเสร็จ เยว่สือพุ่งไปต่อสู้กับกองทัพหนานหรงตรงหน้าอย่างพร้อมตาย
ขณะที่เยว่สือถูกกองทัพหนานหรงห้อมล้อม ทหารคนหนึ่งยกดาบเตรียมฟันไปยังศีรษะของเยว่สือ ลูกธนูดอกหนึ่งพุ่งตรงเข้าไปปักที่ลำคอของทหารดุดันผู้นั้นอย่างแม่นยำและรุนแรงจนทหารผู้นั้นล้มลงบนพื้น
จากนั้นลูกธนูมากมายพุ่งตรงมากลางอากาศราวกับฝูงแมลงไปทางกองทัพหนานหรง
แม่ทัพหน้ากากผีเห็นดังนั้นจึงเบิกตาโพลง น้ำเสียงแหบพร่าไม่น่าฟังราวกับโดนไฟลวกลำคอตะโกนลั่น “ใช้โล่!”
กองทัพหนานหรงรีบไปรวมตัวกัน ชูโล่บังลูกธนูที่ลอยมาให้ทหารของหนานหรงทุกคน
“พลธนูเตรียมพร้อม!” รองแม่ทัพของแม่ทัพหน้ากากผีตะโกนลั่น
พลธนูที่หมอบอยู่ภายใต้โล่เตรียมพร้อมทันที เมื่อลูกธนูของฝ่ายตรงข้ามกระทบลงบนโล่กำบังจนหมด พวกเขาจึงยิงธนูตอบโต้ออกไปทันที
ไป๋ชิงเหยียนขี่ม้านำอยู่ด้านหน้าสุดของขบวน หญิงสาวหยิบลูกธนูออกมาจากกระบองสามดอกแล้วหยิบเพิ่มอีกสองดอก หญิงสาวยิงธนูออกไปอย่างรวดเร็วจนเห็นเพียงแค่เงามือของไป๋ชิงเหยียนที่นั่งอยู่บนหลังม้าเท่านั้น
เมื่อเยว่สือเห็นทหารของหนานหรงล้มลงบนพื้น เขารีบหันกลับไปมอง…
ท่ามกลางแสงแดดสุดท้ายของยามเย็น ท่ามกลางท้องฟ้าบนทุ่งหญ้าที่ใกล้ลับแสง พลทหารม้ากลุ่มหนึ่งโผล่มาจากที่ใดก็ไม่รู้ ผู้นำของพลทหารม้ากลุ่มนั้นคือร่างซึ่งสวมชุดเกราะสีเงิน มือถือธนูของหลานสาวคนโตของตระกูลไป๋แห่งเมืองหลวง…ไป๋ชิงเหยียน
“คุณหนูใหญ่ไป๋!” เยว่สือเบิกตาโพลง ตะโกนร้องออกมาอย่างตื่นเต้น
เซียวหรงเหยี่ยนได้ยินเสียงจึงรีบหันไปมองทางทิศที่ธนูลอยมา ดวงตาของชายหนุ่มไหววูบ เหตุใดไป๋ชิงเหยียนจึงมาอยู่ที่นี่กัน
ร่างในชุดเกราะสีเงิน สวมเสื้อคลุมกันลมสีแดงที่เคยเห็นในวังหลวงของแคว้นสู่ซ้อนทับกับร่างของสตรีที่อยู่บนหลังม้าท่ามกลางทุ่งหญ้าที่กว้างใหญ่ตรงหน้า
หญิงสาวนั่งอยู่บนหลังม้าอย่างมั่นคง ง้างสายธนูเต็มเหนี่ยวด้วยท่าทีองอาจ เสื้อคลุมกันลมสีแดงสยายตามแรงลม ไอสังหารเด่นชัด แม้คนยังไม่ได้เข้ามาใกล้ ทว่า ไอสังหารแผ่มาถึงแล้ว
ด้านหลังของหญิงสาวคือพลทหารม้าหนึ่งพันนายที่ควบม้าทะยานเข้ามาด้วยท่าทีดุดัน
ต่งฉางหลานตามหลังไป๋ชิงเหยียนมาติดๆ เมื่อยิงธนูครั้งแรกเสร็จ ชายหนุ่มยกมือตะโกนลั่น
“พลธนูเตรียมพร้อม! ยิง!”