ตอนที่ 548 คนตระกูลไป๋
“นายท่านจะรายงานเรื่องที่สงสัยว่าข้างกายของแม่ทัพเผยมีสายลับของหนานเยี่ยนแฝงตัวอยู่ให้ฝ่าบาททรงทราบหรือไม่ขอรับ หรือว่าจะให้แม่ทัพเผยตรวจสอบหาตัวคนผู้นั้นเองขอรับ” เยว่สือถามต่อ
“ยังไม่ต้องทำสิ่งใด พวกเราลอบสังเกตรองแม่ทัพข้างกายของแม่ทัพเผยผู้นั้นไปก่อน”
สิ้นเสียงของเซียวหรงเหยี่ยน ชายหนุ่มเห็นเยว่สือเงยหน้ามองไปด้านนอกพลางตะโกนเสียงดัง “คุณหนูใหญ่ไป๋!”
เซียวหรงเหยี่ยนหันกลับไปมอง เขาเห็นไป๋ชิงเหยียนสวมเสื้อท่อนบนสีขาวหิมะขอบทอง กระโปรงสีเขียวไม้ไผอ่อนเดินเลาะอยู่ริมทะเลสาบที่มีต้นหลิ่วขึ้นอยู่เรียงรายพร้อมกับบรรดาบ่าวรับใช้ ชายกระโปรงของหญิงสาวลู่ไปตามต้นหลิ่ว ด้านหลังของหญิงสาวคือทะเลสาบที่ส่องประกายท่ามกลางแสงแดด เป็นภาพที่งดงามยิ่งนัก
แสงอาทิตย์อ่อนๆ ในช่วงฤดูร้อน จักจั่นส่งเรียกร้องเจื้อยแจ้วอยู่บนต้นไม้ใหญ่ ร่างของเซียวหรงเหยี่ยนในชุดสีฟ้าอ่อนยืนโดดเด่นอยู่ท่ามกลางแสงแดด ช่างดูสบายตายิ่งนัก
“คุณหนูใหญ่ไป๋!” เซียวหรงเหยี่ยนโค้งกายคำนับหญิงสาว
นับตั้งแต่ที่ต้าเยี่ยนและหนานหรงเกิดการปะทะกันแล้วไป๋ชิงเหยียนบอกให้เขารีบจากไป ทว่า เขายืนกรานที่จะอยู่รอจนกว่าองค์หญิงหมิงเฉิงจะปลอดภัย ไป๋ชิงเหยียนก็มีท่าทีเหินห่างจากเขาอย่างเห็นได้ชัด หญิงสาวไม่มาดูอาการของเขาและไม่เคยส่งคนมาสอบถามอาการแม้แต่น้อย
ตอนแรกเซียวหรงเหยี่ยนคิดว่าเป็นเพราะไป๋ชิงเหยียนอาศัยอยู่ในจวนต่ง ต่อมาชายหนุ่มเริ่มคิดว่าไป๋ชิงเหยียนอาจเข้าใจผิดเรื่องระหว่างเขาและองค์หญิงหมิงเฉิง ทว่า เมื่อคิดอีกแง่หนึ่ง ไป๋ชิงเหยียนไม่ใช่สตรีธรรมดาทั่วไป เขาไม่อาจใช้มุมมองของสตรีทั่วไปมามองไป๋ชิงเหยียนได้ ชายหนุ่มเริ่มคิดว่าหรือเป็นเพราะต้าจิ้นให้ต้าเยี่ยนยืมเส้นทาง ทว่า ต้าเยี่ยนกลับถือโอกาสนี้ลอบสำรวจเส้นทางของต้าจิ้นเพื่อจัดทำแผนที่อย่างละเอียด ไป๋ชิงเหยียนจึงรู้สึกไม่พอใจ
วันนี้บังเอิญได้พบกัน เซียวหรงเหยี่ยนอยากใช้โอกาสนี้คุยกับไป๋ชิงเหยียนให้เข้าใจ หากแน่ใจแล้วว่าหญิงสาวไม่ได้เข้าใจผิดเรื่องเขาและองค์หญิงหมิงเฉิง เขาอยากขอร้องให้ไป๋ชิงเหยียนยอมให้องค์หญิงหมิงเฉิงรักษาตัวอยู่ที่เติงโจวต่อ
ไป๋ชิงเหยียนคือหลานสาวสุดที่รักของผู้ตรวจการต่งชิงเยว่แห่งเมืองเติงโจว คำกล่าวของนางประโยคเดียวสำคัญกว่าคำกล่าวของผู้อื่นร้อยประโยครวมกันเสียอีก
“เซียวเซียนเซิง…” ไป๋ชิงเหยียนก้มหน้าให้ชายหนุ่มเล็กน้อย
เซียวหรงเหยี่ยนหันไปสั่งเยว่สือ “เจ้าไปเถิด! ข้ามีเรื่องจะสนทนากับคุณหนูใหญ่ไป๋”
ชุนเถาเห็นเซียวหรงเหยี่ยนเตรียมเดินมาทางคุณหนูใหญ่ของตนจึงรีบถลาไปด้านหน้าราวกับต้องการป้องกันคุณหนูใหญ่จากบุรุษไร้มารยาทอย่างเซียวหรงเหยี่ยน
ไป๋ชิงเหยียนเดินเข้าไปหาชายหนุ่ม ทั้งสองคนยืนอยู่ใต้ร่มเงาใหญ่ที่ร่มเย็นของต้นไม้ เมื่อเห็นว่าทั้งคู่มีเรื่องจะสนทนากัน บรรดาสาวใช้จวนต่งต่างหยุดรออยู่ในระยะห่างสิบก้าว
ทว่า ชุนเถาซึ่งปกติเป็นคนที่รู้ขอบเขตที่สุดกลับเดินตามไป๋ชิงเหยียนไม่ห่าง ใบหน้าเต็มไปด้วยความหวาดระแวงในตัวเซียวหรงเหยี่ยน
ไป๋ชิงเหยียนหันไปมองชุนเถาที่มีสีหน้าบึ้งตึงแวบหนึ่ง เอ่ยเสียงเบา “ชุนเถา เจ้ารออยู่ตรงนี้”
ได้ยินคุณหนูใหญ่ของตนกล่าวขึ้น ชุนเถาจึงยอมถอยหลังไปเล็กน้อย ทว่า ดวงตาจ้องไปยังเซียวหรงเหยี่ยนเขม็ง
ลมเย็นพัดผ่าน ต้นหลิ่วปลิวไหวเล็กน้อย
ดวงตาล้ำลึกและร้อนแรงของเซียวหรงเหยี่ยนจ้องไปยังไป๋ชิงเหยียนนิ่ง เอ่ยถาม “หลายวันมานี้เราอาศัยอยู่ในจวนต่งเหมือนกัน ทว่า ไม่เคยพบหน้ากันเลย ข้าไม่อาจไปหาเจ้าได้ ยิ่งไม่อาจสอบถามจากสหายฉางหลาน จึงไม่รู้ว่าวันนั้น…เจ้าได้รับบาดเจ็บบ้างหรือไม่”
“ข้าไม่ได้รับบาดเจ็บ เพียงแต่ช่วงนี้ค่อนข้างยุ่ง ที่สำคัญเราอยู่ในจวนต่ง ควรสำรวมกิริยาไว้บ้าง” ใบหน้าของไป๋ชิงเหยียนเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
เซียวหรงเหยี่ยนได้ยินไป๋ชิงเหยียนกล่าวเช่นนี้จึงกวาดสายตามองไปทางบรรดาสาวใช้ที่ยืนก้มหน้าอย่างสำรวมอยู่ด้านหลังไป๋ชิงเหยียน จากนั้นก้าวเข้าไปใกล้หญิงสาวมากขึ้น น้ำเสียงแหบพร่าเอ่ยขึ้นเบาหวิว “หลายวันมานี้ข้าอยู่จวนเดียวกับเจ้า ทว่า กลับคิดถึงเจ้ายิ่งกว่าเดิม เจ้าไม่เคยส่งคนมาไถ่ถามอาการบาดเจ็บของข้าเลย…”
คำกล่าวนี้มีทั้งตัดพ้อและความรู้สึกลึกซึ้ง ไป๋ชิงเหยียนกำมือที่ไขว้อยู่ด้านหลังแน่น ใบหูเริ่มแดงระเรื่อ “วันที่เจอท่านที่ชายแดนหนานหรง ข้ากลัวท่านจะเดือดร้อนจึงให้ท่านหนีไป ทว่า ท่านไม่ไป ข้าจึงคิดว่าข้าทำผิดแล้ว เมื่ออยู่ที่เติงโจวเราควรทำหน้าที่ของเราโดยไม่มีความรู้สึกเข้ามาเกี่ยวข้อง”
“จะทำตามหน้าที่หรือไม่เอาความรู้สึกมาเกี่ยวข้องก็ช่างเถิด ทว่า ในใจของเจ้า…ไม่คิดถึงข้าบ้างเลยอย่างนั้นหรือ” เซียวหรงเหยี่ยนก้าวเข้าไปชิดอีกก้าว
ชุนเถาเงี่ยใบหูฟังด้วยร่างที่ตึงเครียด ราวกับว่าหากเซียวหรงเหยี่ยนขยับเข้าไปใกล้อีกเพียงก้าวเดียวหรือหากนางได้ยินเซียวหรงเหยี่ยนกล่าวว่าจาล่วงเกินคุณหนูใหญ่ของนาง นางจะถลาเข้าไปจัดการกับเซียวหรงเหยี่ยนอย่างไม่คิดชีวิต
ไป๋ชิงเหยียนเม้มปากแน่น หลายวันมานี้ในสมองของนางมีแต่เรื่องของอาอวี๋ นางไม่มีเวลาคิดถึงเซียวหรงเหยี่ยนจริงๆ
เซียวหรงเหยี่ยนเหลือบเห็นชุนเถาที่จ้องมาที่เขาราวกับงูจงอางหวงไข่ ชายหนุ่มกล่าวกับไป๋ชิงเหยียนเสียงเบาหวิว “ไปเดินเล่นริมทะเลสาบดีหรือไม่ขอรับ”
ไป๋ชิงเหยียนมีเรื่องต้องถามเซียวหรงเหยี่ยนเช่นเดียวกัน หญิงสาวจึงพยักหน้า กล่าวด้วยน้ำเสียงปกติ “เชิญเซียวเซียนเซิงเจ้าค่ะ”
“เหตุใดผู้ที่มารับองค์หญิงหมิงเฉิงไม่ใช่แม่ทัพเซี่ยสวินเจ้าคะ แม่ทัพเซี่ยสวินไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นที่ชายแดนต้าจิ้นและหนานหรงอย่างนั้นหรือ” ไป๋ชิงเหยียนเอ่ยถาม
เซียวหรงเหยี่ยนตอบอย่างไม่ปิดบัง “ไข้ซางหานระบาดในค่ายทหารของต้าเยี่ยน แม่ทัพเซี่ยสวินเป็นไข้นี้เช่นกันจึงไม่อาจเดินทางมาได้”
ไป๋ชิงเหยียนกำมือแน่น “พวกท่านไม่ได้บอกเรื่องที่องค์หญิงหมิงเฉิงถูกลอบโจมตีให้เขารับรู้เลยใช่หรือไม่!”
เซียวหรงเหยี่ยนพยักหน้า ยกมือลูบไปที่หยกจักจั่นโดยสัญชาตญาณ ทว่า เขานึกขึ้นได้ว่าเขามอบหยกจักจั่นให้ไป๋ชิงเหยียนไปแล้ว ชายหนุ่มจึงสะบัดชายชุดของตัวเองเล็กน้อย กล่าวขึ้น “บัดนี้เซี่ยสวินไม่อาจล้มลงได้ หากเซี่ยสวินรู้เรื่องนี้ขึ้นมา ทุกอย่างคงวุ่นวายไปหมด”
“ทว่า หากให้เซี่ยสวินเดินทางมาพบหน้าองค์หญิงหมิงเฉิงสักครั้ง ไม่แน่นางอาจรอดชีวิต!” ไป๋ชิงเหยียนเดินช้าลง “ท่านหมอกล่าวว่าองค์หญิงหมิงเฉิงไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อ หากเป็นท่านหมอหงอาจพอช่วยชีวิตนางไว้ได้ ทว่า หากให้คนส่งจดหมายเชิญท่านหมอหงมา เกรงว่าทุกอย่างคงสายไปแล้ว”
เซียวหรงเหยี่ยนรู้ในสิ่งที่ไป๋ชิงเหยียนกล่าวมาดี ชายหนุ่มเม้มปากนิ่ง
“ข้าและท่านน้าชายสอบปากคำหมัวมัว นางกำนัลข้างกายและทหารที่มีหน้าที่คุ้มกันขบวนขององค์หญิงหมิงเฉิงแล้ว ดูเหมือนว่าทหารหนานหรงเหล่านั้นจะรู้เส้นทางขององค์หญิงล่วงหน้าและดักซุ่มอยู่ก่อนแล้ว หากเป็นเช่นนั้นจริงเกรงว่าในขบวนอาจมีสายลับของหนานหรงแอบแฝงอยู่ ท่านน่าจะรู้เรื่อนี้แล้ว”
“ผู้ที่รู้เส้นทางการเดินทางล่วงหน้าหนึ่งวันมีเพียงสามคนเท่านั้น คนแรกคือแม่ทัพเผิงที่เสียชีวิตไปแล้ว คนที่สองคือสายลับที่แม่ทัพเผิงส่งไปสำรวจเส้นทาง อีกคนก็คือรองแม่ทัพของแม่ทัพเผิง” เซียวหรงเหยี่ยนกล่าวอย่างไม่คิดปิดบัง “บัดนี้คนสำรวจเส้นทางผู้นั้นหายตัวไปโดยไร้ร่องรอย หากเขาเป็นสายลับจริง ตอนนี้ก็คงไม่มีประโยชน์อันใดแล้ว ข้ากลัวแต่ว่ารองแม่ทัพของแม่ทัพเผิงคือสายลับที่หนานหรงส่งมา”
ไป๋ชิงเหยียนส่ายหน้า “ข้าคิดว่าไม่น่าเป็นไปได้ ต้าเยี่ยนและหรงตี๋ไม่มีเขตแดนเชื่อมติดกัน ที่สำคัญหรงตี๋ไม่ถัดเรื่องวางกลอุบายเหล่านี้ ผู้ที่สามารถเป็นถึงรองแม่ทัพของกองทัพต้าเยี่ยนได้ หากไม่ใช่คุณชายตระกูลสูงศักดิ์ของต้าเยี่ยนก็ต้องเป็นคนที่ฝึกฝนอยู่ในกองทัพอย่างน้อยห้าถึงหกปี”
“เมื่อก่อนหนานหรงไม่ถนัดเรื่องกลอุบาย ทว่า ตั้งแต่ที่หนานหรงมีแม่ทัพหน้ากากผี พวกเขาเปลี่ยนแปลงไปมาก!” เซียวหรงเหยี่ยนนึกถึงเรื่องที่ไป๋ชิงเหยียนถามเขาถึงแม่ทัพหน้ากากผีในคืนนั้นจึงหันไปเอ่ยถามไป๋ชิงเหยียน” แม่ทัพหน้ากากผีคือคนของตระกูลไป๋ใช่หรือไม่ขอรับ”