ตอนที่ 568 เข้าใจเรื่องเดียวทำให้เข้าใจทั้งหมด
ไป๋ชิงเหยียนรู้สึกว่าฟางเหล่ากำลังสร้างกับดักล่อให้นางไปติดกับ หากนางเอ่ยตอบว่าใช่หรือไม่ใช่อย่างชัดเจน การนางอยู่ที่เติงโจว ทว่า กลับรู้เรื่องราวของเมืองหลวงอย่างละเอียดชัดเจน รัชทายาทต้องสงสัยในตัวนางแน่นอน
ไป๋ชิงเหยียนขมวดคิ้วแน่น เอ่ยถามอย่างไม่รีบร้อน “ฮองเฮาทรงตั้งครรภ์อย่างนั้นหรือเพคะ แล้วเหตุใดซิ่นอ๋องถึงกลับมาเมืองหลวงเพคะ ขออภัยเพคะองค์ชาย หม่อมฉันไม่รู้ว่าเมืองหลวงเกิดเรื่องอันใดขึ้นบ้าง”
รัชทายาทนึกขึ้นได้ว่าไป๋ชิงเหยียนอยู่ไกลถึงซั่วหยาง ต่อมาก็เดินทางมายังเติงโจว หญิงสาวย่อมไม่รู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นในเมืองหลวง รัชทายาทนวดขมับของตัวเองพลางกล่าวขึ้น “ฉินเซียนเซิง รบกวนท่านช่วยเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในเมืองหลวงทั้งหมดให้องค์หญิงเจิ้นกั๋วฟังด้วย”
ไป๋ชิงเหยียนหันไปทางฉินซ่างจื้อ
ฉินซ่างจื้อเล่าว่าฮองเฮาตั้งครรภ์ ทว่า คิดถึงซิ่นอ๋องมากจนครรภ์ไม่แข็งแรง ขุนนางในราชสำนักจึงทูลขอให้ฮ่องเต้เรียกตัวซิ่นอ๋องกลับมาเพื่อเด็กในครรภ์ของฮองเฮา ซิ่นอ๋องปรุงยาวิเศษจนฮ่องเต้ให้ความสำคัญกับเขามาก มอบหมายให้เหลียงอ๋องสืบสาเหตุการตายของกวางศักดิ์สิทธิ์ เหลียงอ๋องส่งอาจารย์ปรุงยาวิเศษที่จวนของตนไปให้ฮ่องเต้ในวังหลวงแล้ว
“เช้าวันนี้ทางเมืองหลวงส่งจดหมายมาบอกว่าฝ่าบาททรงแต่งตั้งอาจารย์ปรุงยาวิเศษท่านนั้นเป็นราชครูเทพแห่งแคว้น บัดนี้ปรุงยาวิเศษอยู่ในวังหลวงอย่างเปิดเผย นอกจากนี้เขายังมองออกว่าเด็กในครรภ์ของฮองเฮาคือครรภ์มังกร ถือเป็นสิริมงคลต่อแคว้นต้าจิ้น ถือกวางศักดิ์สิทธิ์กลับชาติมาเกิด ฝ่าบาททรงปลื้มปิติมากพ่ะย่ะค่ะ” ฉินซ่างจื้อกล่าว
ไป๋ชิงเหยียนที่กำลังจิบน้ำชาเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย เรื่องบางอย่างที่คิดไม่ตก เมื่อเข้าใจพียงเรื่องเดียวทำให้เข้าใจเรื่องทุกอย่างอย่างกระจ่างแจ้ง
มิน่าเหลียงอ๋องสืบสาเหตุการตายของกวางศักดิ์สิทธิ์ตั้งนานแต่ยังไม่ได้คำตอบเสียที ที่แท้เขาร่วมมือกับฮองเฮานี่เอง
เหลียงอ๋องร่วมมือกับฮองเฮาตั้งแต่เมื่อใดกันนะ
ไป๋ชิงเหยียนนึกถึงจดหมายของแม่นางหลูขึ้นมาได้ ฮองเฮาทำให้แม่ทัพฝูรั่วซีรับปากคุ้มกันซิ่นอ๋องกลับมาเมืองหลวงไม่ได้จึงหันไปร่วมมือกับเหลียงอ๋องรับตัวซิ่นอ๋องกลับมาจากหย่งโจวแทนอย่างนั้นหรือ
เหลียงอ๋องช่างร้ายกาจเสียจริง ฮองเฮาตั้งครรภ์ เขาจึงให้ราชครูทำนายว่าเด็กในครรภ์ของฮองเฮาคือกวางศักดิ์สิทธิ์กลับชาติมาเกิด หวังให้รัชทายาทร้อนใจจนวางแผนต่อกรกับฮองเฮา ส่วนตัวเองรอเก็บผลประโยชน์ภายหลัง
เมื่อเห็นท่าทีของรัชทายาทในตอนนี้ เขาคงกระวนกระวายมากจริงๆ
ไป๋ชิงเหยียนวางถ้วยชาในมือลง หันไปทางรัชทายาท “องค์ชายทรงกังวลพระทัยเรื่องที่ราชครูเทพทำนายว่าเด็กในครรภ์ของฮองเฮาคือกวางศักดิ์สิทธิ์กลับชาติมาเกิดหรือเพคะ”
รัชทายาทพยักหน้าอย่างเหนื่อยล้า “หากเด็กในครรภ์ของฮองเฮาคือบุรุษจริงๆ เขาคือกวางศักดิ์สิทธิ์กลับชาติมาเกิด เป็นสิริมงคลต่อแคว้น อีกทั้งยังเป็นโอรสที่เกิดจากฮองเฮา ตำแหน่งรัชทายาทของเราคงกระอักกระอวนเต็มที”
“องค์ชาย ฮองเฮาทรงตั้งครรภ์เกือบสิบเดือน ระหว่างนี้ไม่มีผู้ใดรับประกันได้ว่านางจะคลอดบุตรออกมาอย่างปลอดภัย ถึงแม้คลอดออกมาอย่างปลอดภัย ทว่า ไม่มีผู้ใดรับประกันได้ว่าเป็นบุรุษหรือสตรี ไม่มีผู้ใดรับประกันได้ว่าเขาจะมีอายุยืนยาวหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ” ฟางเหล่ากล่าวเสียงเบาหวิวยิ่งกว่าเดิม ท้ายน้ำเสียงยังแฝงไปด้วยความอำมหิตบางอย่าง
ฉินซ่างจื้อขมวดคิ้วแน่น อยากกล่าวสิ่งใดออกมา ทว่า สุดท้ายก็กลืนถ้อยคำนั้นลงคอ
ไป๋ชิงเหยียนกลับกล่าวขึ้นแทน “บางทีอาจมีคนจงใจทำให้เด็กในครรภ์ฮองเฮาดูสูงส่งเพื่อหวังให้องค์รัชทายาทต่อกรกับฮองเฮาก็ได้นะเพคะ”
ฟางเหล่าและฉินซ่างจื้อหันไปมองทางไป๋ชิงเหยียน
ไป๋ชิงเหยียนมองไปทางรัชทายาท “ราชครูเทพมาจากจวนของเหลียงอ๋อง เขาทำนายว่าเด็กในครรภ์ของฮองเฮาคือกวางศักดิ์สิทธิ์กลับชาติมาเกิด คนที่รู้สึกไม่ปลอดภัยที่สุดก็คือรัชทายาทและตำแหน่งของพระองค์ หากเด็กในครรภ์ของฮองเฮาเป็นอันใดขึ้นมา คนที่ฮ่องเต้จะสงสัยมากที่สุดย่อมเป็นองค์รัชทายาท องค์ชายต้องทรงระวังให้มาก หากอยากลงมือทำสิ่งใดต้องแน่ใจว่าจะไม่มีผู้ใดจับได้ หากฮ่องเต้สืบหาหลักฐานได้แม้เพียงนิดเดียว เวลานั้นตำแหน่งของพระองค์ถึงจะไม่มั่นคงเพคะ”
ฉินซ่างจื้อลอบพยักหน้าอย่างเห็นด้วย ทว่า เขาชินกับการไม่ออกความเห็นแล้ว ดังนั้นจึงได้แต่นั่งฟังนิ่งๆ
“องค์ชาย ตั้งแต่ที่เหลียงอ๋องวางแผนใส่ร้ายว่าท่านปู่ของหม่อมฉันเป็นกบฏ องค์ชายยังทรงคิดว่าน้องชายคนนี้ของพระองค์เป็นคนไร้เล่ห์เหลี่ยมอีกหรือเพคะ” สายตาของไป๋ชิงเหยียนหยุดอยู่ที่ร่างของฉินซ่างจื้อ “ไม่ทราบว่าองค์ชายเคยทราบเรื่องความแค้นระหว่างฉินเซียนเซิงและเหลียงอ๋องบ้างหรือไม่เพคะ”
รัชทายาทประหลาดใจ นึกไม่ถึงว่าไป๋ชิงเหยียนจะรู้เรื่องนี้เช่นเดียวกัน ทว่า รัชทายาทไม่ได้ถามสิ่งใดต่อ ทำเพียงพยักหน้าเล็กน้อย “เราเก็บฉินเซียนเซิงไว้ข้างกาย เราย่อมรู้เรื่องนี้ดี…”
ทว่า ตอนที่รัชทายาทสืบเรื่องนี้ เขาคิดว่าลูกน้องของเหลียงอ๋องแอบทำเรื่องนี้ลับหลังเหลียงอ๋อง เพราะเหลียงอ๋องเป็นคนหัวอ่อน ตอนที่เขายังไม่ใช่รัชทายาท เขาเคยเห็นบ่าวรับใช้รังแกเหลียงอ๋องจนเหลียงอ๋องไม่มีอาหารรับประทาน
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ องค์ชายยังคิดว่าเหลียงอ๋องอ่อนแอยอมให้ผู้อื่นรังแกดั่งที่แสดงออกให้คนภายนอกเห็นอีกหรือเพคะ” ไป๋ชิงเหยียนมองไปทางฟางเหล่า “หม่อมฉันคิดว่าฟางเหล่ากล่าวมีเหตุผลเพคะ องค์ชายเป็นถึงรัชทายาทแล้ว ไม่ควรร้อนรนเพราะเรื่องเล็กน้อยเพียงเท่านี้ ขอเพียงองค์ชายทรงอดทน ไม่ทำเรื่องเลวร้ายให้ผู้อื่นกุมความลับได้ คนที่วางแผนเรื่องนี้ต้องร้อนรนแทนแน่เพคะ”
รัชทายาทตั้งใจฟังกล่าวของไป๋ชิงเหยียน เขามองดูหญิงสาวอย่างจริงจัง
ไป๋ชิงเหยียนกล่าวต่อ “หากเหลียงอ๋องอยากแย่งชิงบัลลังก์จริงๆ บางทีไม่ต้องรอให้องค์ชายทรงลงมือ เขาย่อมลงมือก่อนอย่างทนไม่ไหวแน่เพคะ มิเช่นนั้นด้านหน้ามีองค์ชายขวางอยู่ ด้านหลังมีโอรสที่เกิดจากฮองเฮาซึ่งเป็นกวางศักดิ์สิทธิ์กลับชาติมาเกิดอยู่ เหลียงอ๋องยิ่งห่างไกลจากบัลลังก์นั้นออกไปเรื่อยๆ เหลียงอ๋องไม่ใช่คนโง่ เขาต้องการให้องค์ชายและโอรสในครรภ์ของฮองเฮาพ่ายแพ้ย่อยยับทั้งสองฝ่าย เขาจะได้กลายเป็นคนที่ได้ผลประโยชน์ที่สุดเพคะ!”
คำกล่าวของไป๋ชิงเหยียนทำให้รัชทายาทรู้สึกกระจ่างแจ้ง ความสับสนวุ่นวายในหัวสลายหายไปทันที
รัชทายาทนั่งหลังตรงมองไปทางไป๋ชิงเหยียน “เช่นนั้น หากคิดตามคำกล่าวขององค์หญิงเจิ้นกั๋ว การที่เสด็จพ่อให้เราเดินทางมาที่นี่ถือเป็นเรื่องดีอย่างนั้นหรือ”
“อย่างน้อยช่วงที่องค์ชายไม่อยู่ในเมืองหลวง องค์ชายจะปลอดภัย ไม่ต้องคอยงวางแผนรับมือกับเรื่องต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้น สามารถผ่อนคลายได้สักระยะ เมื่อกลับไปถึงเมืองหลวง องค์ชายต้องมีสติและทรงระวังตัวอยู่ตลอดเวลา ไม่ลงมือกับฮองเฮา ทว่า ต้องคอยระวังผู้อื่นลงมือกับฮองเฮาแล้วโยนความผิดให้องค์ชาย เรื่องนี้ต้องฝากให้ฟางเหล่าและฉินเซียนเซิงคอยเป็นหูเป็นตาให้องค์ชายด้วย!” ไป๋ชิงเหยียนหันไปก้มศีรษะให้ฟางเหล่าและฉินซ่างจื้อเล็กน้อย
ฟางเหล่ายังไม่ทันได้กล่าวสิ่งใด ฉินซ่างจื้อรีบกล่าวขึ้นก่อน “องค์หญิงเจิ้นกั๋ววางพระทัยได้พ่ะย่ะค่ะ”
“องค์ชายควรทรงคนไปทูลให้อวี๋กุ้ยเฟยระวังตัว อย่าปล่อยให้ผู้อื่นใส่ร้ายนางได้เพคะ” อวี๋กุ้ยเฟยที่ไป๋ชิงเหยียนกล่าวถึงคือมารดาแท้ๆ ของรัชทายาท
เมื่อเห็นรัชทายาทพยักหน้า ฟางเหล่ากำหมัดแน่น เขาอยากกล่าวขัด ทว่า จำต้องยอมรับว่าไป๋ชิงเหยียนกล่าวถูกต้องจนเขาไม่อาจหาเหตุผลมาคัดค้านได้
ฟางเหล่าเงียบไปครู่ใหญ่ จากนั้นกล่าวขึ้น “หากนี่ไม่ใช่แผนการของเหลียงอ๋อง ทว่า เป็นฮองเฮาที่จงใจยกย่องเด็กในครรภ์ของตนเอง พวกเราจะอดทนดูเด็กนั่นคลอดอออกมาสั่นคลอนบัลลังก์ขององค์รัชทายาทอยู่อย่างนี้หรือ”
ไป๋ชิงเหยียนมองไปทางฟางเหล่าพลางกล่าวขึ้น “ฟางเหล่ากล่าวมีเหตุผล ทว่า เมื่อครู่ฟางเหล่ากล่าวว่าองค์ชายเป็นรัชทายาทแล้ว ขอเพียงองค์ชายไม่ทำสิ่งผิดมหันต์ ไม่มีผู้ใดสามารถสั่นคลอนบัลลังก์ของพระองค์ได้ทั้งสิ้น!”
ฟางเหล่า “…”
ฉินซ่างจื้อมองดูฟางเหล่าที่โดนตอกกลับจนกล่าวสิ่งใดไม่ออก เขาลอบกำมือแน่นพลางถอยหายใจยาวออกมา