ตอนที่ 572 คนละทาง
เริ่นซื่อเจี๋ยใช้นิ้วหยิบอาหารปลาโปรยลงไปในทะเลสาบ “ก่อนหน้านี้ข้าเคยหยั่งเชิงฉินเซียนเซิง…”
“เจ้าอยากให้ฉินเซียนเซิงมารับใช้ต้าเยี่ยนอย่างนั้นหรือ” เซียวหรงเหยี่ยนมองปลาคาร์ปในทะเลสาบนิ่ง เอ่ยถามอย่างไม่รีบร้อน “คนผู้นี้เก่งกาจขนาดนั้นเชียวหรือ”
“คนผู้นี้มีความสามารถมากจริงๆ ขอรับ! ดังนั้นข้าจึงเสี่ยงหยั่งเชิงเขา คิดว่าหากทำให้เขามาเป็นพวกเราได้ ถือว่าเป็นการสร้างประโยชน์ให้แก่ต้าเยี่ยน ทว่า ข้าเกือบถูกฉินเซียนเซิงจับพิรุธได้ จึงไม่กล้าเอ่นถึงเรื่องนี้อีก มิเช่นนั้นอาจเสียเรื่องได้ขอรับ”
เริ่นซื่อเจี๋ยเสียดายความสามารถของฉินซ่างจื้อ คิดว่าหากฉินซ่างจื้อยังทนอยู่แบบนี้ต่อไป มันน่าเสียดายความสามารถของเขา เขาคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นกล่าวเสนอ “หากนายท่านวางแผนให้เขากลายมาเป็นพวกของเราได้ คนผู้นี้จะกลายเป็นขุนนางที่สร้างผลประโยชน์ให้ต้าเยี่ยนของเราได้มากเลยขอรับ”
เซียวหรงเหยี่ยนก้มหน้าส่งผ้าขนหนูคืนให้เยว่สือ ไม่กล่าวสิ่งใดออกมาทั้งสิ้น
ต้าเยี่ยนต้องการคนมีความสามารถมากจริงๆ ทว่า แม้เซียวหรงเหยี่ยนจะไม่ได้พบหน้าฉินซ่างจื้อบ่อยนัก ทว่า ชายหนุ่มรู้ดีว่าคนผู้นี้รักแคว้นบ้านเกิดของตัวเองมากเพียงใด เขาไม่มีทางทรยศแคว้นต้าจิ้นไปยังต้าเยี่ยนเด็ดขาด
คนที่มีความสามารถมักมีความหยิ่งทระนงในตัวเอง ฉินซ่างจื้อผู้นี้ก็เช่นเดียวกัน มิเช่นนั้นเขาคงเข้าร่วมกับตระกูลไป๋นานแล้ว
เซียวหรงเหยี่ยนยังจำภาพเหตุการณ์ตอนที่ไป๋ชิงเหยียนไปส่งฉินซ่างจื้อที่นอกเมืองได้ดี แม้ตอนนั้นเขาจะอยู่ห่างออกไปไกล ไม่รู้ว่าไป๋ชิงเหยียนกล่าวสิ่งใดกับฉินซ่างจื้อ ทว่า เซียวหรงเหยียนเห็นใบหน้าที่ตื่นเต้นของฉินซ่างจื้ออย่างชัดเจน เขาเชื่อว่าตอนนั้น…ฉินซ่างจื้อมีความคิดอยากติดตามรับใช้ไป๋ชิงเหยียน
ทว่า เซียวหรงเหยี่ยนไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดสุดท้ายฉินซ่างจื้อจึงเลือกรับใช้รัชทายาท
บางทีฉินซ่างจื้ออาจอยากเลือกทางที่สบายกว่า หรือไม่ก็เป็นเพราะเขาคิดว่าไป๋ชิงเหยียนเป็นเพียงสตรีคนหนึ่งเท่านั้น
“แคว้นต้าเยี่ยนให้ความสำคัญเรื่องความจริงใจระหว่างจักรพรรดิและขุนนาง การวางแผนเพื่อให้ได้มา เกรงว่าเขาอาจไม่เต็มใจทำเพื่อต้าเยี่ยนอย่างเต็มที่ ช่างเถิด! ความปลอดภัยของเจ้าสำคัญที่สุด ไม่จำเป็นต้องเอาตัวเองเข้าไปเสี่ยงอันตรายเพียงเพราะฉินซ่างจื้อเลย” เซียวหรงเหยี่ยนมองไปทางเริ่นซื่อเจี๋ย
“ข้ารู้ดีว่าเจ้าเดินทางในหนทางเส้นนี้อย่างยากลำบาก บัดนี้ราชสำนักต้าจิ้นกำลังวุ่นวาย เจ้าจงดูแลตัวเองให้ดี”
“ข้าขอให้ต้าเยี่ยนยึดเมืองหลวงกลับคืนมาและรวบรวมใต้หล้าเป็นหนึ่งได้ในเร็ววันขอรับ” ตอนนี้เริ่นซื่อเจี๋ยไม่อาจทำความเคารพเซียวหรงเหยี่ยนได้ ทว่า แววตาของเขาเต็มไปด้วยความเคารพและหนักแน่น
เซียวหรงเหยี่ยนเอื้อมมือไปตบไหล่ของเริ่นซื่อเจี๋ยเบาๆ ด้วยรอยยิ้ม “ระวังรัชทายาทให้มากด้วย”
เริ่นซื่อเจี๋ยพยักหน้า
เซียวหรงเหยี่ยนส่งสายลับผู้นี้แฝงตัวอยู่ข้างกายรัชทายาทมานานแล้ว เขาส่งเริ่นซื่อเจี๋ยเข้าไปตั้งแต่ตอนที่เขายังไปเคยไปเมืองหลวง เริ่นซื่อเจี๋ยมาถึงจุดนี้ได้เพราะคนมากมายสละชีวิตเพื่อปูทางให้เขา
หลายปีมานี้ หากไม่จำเป็นต้องใช้เริ่นซื่อเจี๋ย เซียวหรงเหยี่ยนไม่คิดจะใช้เขา เพื่อความปลอดภัยของตัวเริ่นซื่อเจี๋ยเองและเพื่อการที่ใหญ่กว่าในภายภาคหน้า
แม้บัดนี้ต้าเยี่ยนจะขาดคนมีความสามารถ ทว่า ยังไม่ถึงขั้นที่ขาดคนมีความสามารถแล้วแคว้นจะดับสูญ หากต้องเลือกระหว่างคนมีความสามารถกับเริ่นซื่อเจี๋ย เซียวหรงเหยี่ยนย่อมเลือกเริ่นซื่อเจี๋ยแน่นอน
เรื่องที่เริ่นซื่อเจี๋ยบังเอิญพบกับเซียวหรงเหยี่ยนที่ตลาดกลางคืนถูกรายงานให้รัชทายาทรับรู้ภายในหนึ่งชั่วยาม
ทว่า รัชทายาทไม่ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ เซียวหรงเหยี่ยนบอกเขาไว้แล้วว่าจะไปเดินเที่ยวตลาดกลางคืนที่เมืองเฝินผิง การที่เขาบังเอิญพบกับเริ่นซื่อเจี๋ยที่กลับไปเยี่ยมบ้านหลังจากไม่ได้กลับมาหลายปีไม่ใช่เรื่องแปลกอันใด
รัชทายาทฟังรายงานว่าเซียวหรงเหยี่ยนเดินเล่นในตลาดกลางคืนอยู่พักใหญ่ จากนั้นพาองครักษ์กลับไปยังเติงโจว เมื่อฟังจบรัชทายาทจึงล้มตัวลงนอน
หลูผิงเดินไปส่งฉินซ่างจื้อยังที่พักด้วยตัวเอง เมื่อเห็นใบหน้าของฉินซ่างจื้อขาวซีดไม่สู้ดีนัก หลูผิงจึงกล่าวขึ้นประโยคหนึ่ง “คุณหนูใหญ่หวังดีต่อเจ้า เจ้าลองคิดทบทวนให้ดีก็แล้วกัน”
หลูผิงกล่าวจบก็เตรียมเดินจากไป
“หลูผิง เจ้าเคยอยู่ในกองทัพไป๋ เจ้ารู้หรือไม่ว่าศรัทธาแรกเริ่มในการก่อตั้งกองทัพไป๋คือสิ่งใด” จู่ๆ ฉินซ่างจื้อก็เอ่ยถามหลูผิงออกมา
หลูผิงที่เดินลงไปจากบันไดแล้วหันกลับไปมองฉินซ่างจื้ออย่างประหลาดใจ เขาเอ่ยตอบอย่างไม่ต้องคิด “ทำสงครามเพื่อความสงบทั้งภายนอกและภายในแคว้น ปกป้องและดูแลชาวบ้าน”
ปกป้องดูแลชาวบ้าน ไม่ใช่ปกป้องบ้านเมืองดูแลชาวบ้าน
ฉินซ่างจื้อเม้มปากแน่น เขาเข้าใจแล้ว…คนทุกรุ่นของตระกูลไป๋จงรักภักดีต่อชาวบ้าน ไม่ใช่จักรพรรดิ!
ตระกูลไป๋มีจิตวิญญาณความเป็นผู้นำและปณิธานที่ยิ่งใหญ่กว่าราชวงศ์หลิน คนทุกรุ่นของตระกูลไป๋ล้วนเป็นเช่นนี้ ตระกูลไป๋มีอำนาจทางทหารอยู่ในมือ ทว่า ไม่เคยคิดอยากแทนที่จักรพรรดิเป็นเพราะจักรพรรดิองค์ก่อนๆ แม้จะไม่ใช่จักรพรรดิที่ปรีชาชาญมาก ทว่า พวกเขาถือเป็นจักรพรรดิที่ดี ดังนั้นตระกูลไป๋จึงไม่เคยคิดกบฏ ความจงรักภักดีของพวกเขาเลื่องลือไปทั่วทุกแคว้นจนทุกคนต่างนับถือ
ฉินซ่างจื้อหลับตาลง หลูผิงถือโคมไฟเดินย้อนกลับมา เอ่ยถาม “เจ้าเป็นอันใดไป”
“เจ้าไปเถิด…” ลำคอของฉินซ่างจื้อร้อนผ่าว ลืมตาโตมองไปทางหลูผิง กล่าวด้วยเสียงหนักแน่น “หลูผิง เจ้าและข้าเคยเป็นสหายกัน ทว่า หนทางของพวกเราต่างกัน เจ้ากลับไปเรียนคุณหนูใหญ่ด้วยว่าข้าจะอยู่ข้างกายของรัชทายาทต่อ พยายามประคับประคองให้เขาเดินไปทางทางที่ถูกต้อง แม้รัชทายาทจะไม่ใช่คนมีความสามารถ แม้เขาจะไม่ใช่จักรพรรดิที่มีปณิธานที่ยิ่งใหญ่ ทว่า ข้าจะพยายามทำให้เขาเป็นจักรพรรดิที่ดี เป็นจักรพรรดิที่มีเมตตาต่อชาวบ้านให้ได้”
ขอเพียงทำให้ชาวบ้านมีชีวิตอยู่อย่างสงบสุข ตระกูลไป๋ไม่มีทางกบฏเด็ดขาด
ฉินซ่างจื้อยินดีอยู่ข้างกายของรัชทายาทต่อ เขาจะพยายามทำให้ราชสำนักและตระกูลไป๋อยู่ร่วมกันได้อย่างปรองดอง ชาวบ้านแคว้นต้าจิ้นจะได้ไม่ได้ต้องเดือดร้อนเพราะสงคราม
เดิมทีฉินซ่างจื้อก็เป็นคนมีปณิธานที่ยิ่งใหญ่ อยากเห็นได้หล้ารวมเป็นหนึ่งเช่นเดียวกัน ทว่า หากจักรพรรดิแคว้นต้าจิ้นไร้คุณธรรม รัชทายาทไม่มีความหนักแน่น คนเจ้าเล่ห์ทั้งหลายอาจถือโอกาสนี้ยุยงจนเขาเสียนิสัยได้
อย่างน้อยตอนนี้ฉินซ่างจื้อก็รู้สึกว่ารัชทายาทยังไม่หมดทางแก้ไข หากถึงคราวจำเป็นจริงๆ แม้จะต้องขัดต่อเจตนารมณ์และศีลธรรมของตัวเอง ฉินซ่างจื้อก็พร้อมจะสังหารฟางเหล่าผู้นั้น ขอเพียงข้างกายของรัชทายาทไม่มีคนอย่างฟางเหล่าคอยยุยง เขาเชื่อว่าเขาสามารถทำให้รัชทายาทกลับตัวได้ ให้รัชทายาทเลิกใช้กลอุบายชั่วช้าเหล่านั้นแล้วกลับมาเดินในหนทางที่ถูกต้อง
ฉินซ่างจื้อให้หลูผิงนำคำกล่าวของตนไปบอกไป๋ชิงเหยียนเพราะต้องการบอกให้นางรับรู้ว่าเขาจะไม่แพร่งพรายเรื่องของตระกูลไป๋ให้รัชทายาทรับรู้ จะเก็บงำไว้กับตัว เขาเชื่อว่าหากราชสำนักไม่บีบชาวบ้านจนไร้หนทาง ด้วยใจที่จงรักภักดีของตระกูลไป๋ ตระกูลไป๋จะยอมเป็นเพียงขุนนางที่ซื่อสัตย์และจงรักภักดีต่อจักรพรรดิ ไม่มีทางทำให้ราชวงศ์หลินกลายเป็นของตระกูลไป๋ให้คนรุ่นหลังได้ด่าทอแน่นอน
เมื่อเห็นหลูผิงเตรียมกล่าวโน้มน้าว ฉินซ่างจื้อรีบยกมือห้าม “กลับไปเถิด ข้าตัดสินใจแล้ว!”
กล่าวจบ ฉินซ่างจื้อหมุนกายเดินเข้าห้องและปิดประตูลงทันที
หลูผิงซึ่งถือโคมไฟหนังแกะไว้ในมือมองประตูแกะสลักลายดอกไม้ที่ถูกปิดลงนิ่ง ส่ายหน้าเล็กน้อยแล้วเดินกลับไปที่พักของตัวเอง
หลูผิงกลับมาที่พัก เห็นหน้าต่างห้องของคุณหนูใหญ่ยังเปิดอ้าอยู่ คุณหนูใหญ่นั่งอ่านตำราอยู่ที่เก้าอี้ริมหน้าต่าง บนโต๊ะด้านหน้ามีกระถางธูปหอมทรงสัตว์มงคลวางอยู่ ควันธูปลอยอบอวล แสงสีเหลือนวลจากตะเกียงสาดกระทบใบหน้างดงามของไป๋ชิงเหยียน หญิงสาวดูงดงามราวกับภาพวาด
เฉวียนอวี๋เป็นคนจัดหาที่พักแห่งนี้ให้ไป๋ชิงเหยียนเอง ตำราในห้องมาจากการสรรหาอย่างตั้งใจของเฉวียนอวี๋ ล้วนเป็นตำราเกี่ยวกับกระดานหมากทั้งสิ้น เขาคิดว่าไป๋ชิงเหยียนต้องชอบมันอย่างแน่นอน