ตอนที่ 581 ลงโทษ
รองแม่ทัพมองไปทางทหารหน่วยลาดตระเวนที่คุกเข่าอยู่นอกกระโจมแวบหนึ่ง โบกมือสื่อให้เขากลับไปก่อน
เมื่อทหารหน่วยลาดตระเวนจากไปแล้ว รองแม่ทัพของฝูรั่วซีจึงสาวเท้าเข้าไปหาฝูรั่วซี กล่าวเสียงเบา “ท่านแม่ทัพ องค์รัชทายาทคือรัชทายาทของแผ่นดิน ฝ่าบาทสลบไม่ได้สติ องค์รัชทายาทสามารถออกคำสั่งแทนฝ่าบาทได้ คำสั่งขององค์รัชทายาทคือคำสั่งประกาศิตนะขอรับ”
ฝูรั่วซีที่ตกอยู่ในสถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออกสงบลงทันที
หากองค์รัชทายาทมาเพื่อขอให้เขานำทหารคุ้มกันพระองค์ไปส่งที่เมืองหลวง เขาสามารถทำตามคำสั่งขององค์รัชทายาทเพื่อแสดงความจงรักภักดี นำทหารเดินทางติดตามองค์รัชทายาทไปยังเมืองหลวงอย่างชอบธรรม ถึงเวลานั้นหากฮองเฮาเป็นต่อ เขาจะจับกุมตัวองค์รัชทายาท คุ้มครองซิ่นอ๋องขึ้นครองบัลลังก์
หากฮองเฮาเสียเปรียบ เขาจะอ้างว่าฮองเฮาส่งจดหมายลับสั่งให้เขาช่วยคุ้มกันองค์รัชทายาทมาส่งที่เมืองหลวงอย่างปลอดภัย เช่นนี้จะได้ช่วยชีวิตฮองเฮาได้
ทำเช่นนี้เขาถึงจะมีทางรอด
เมื่อคิดได้ดังนี้ ฝูรั่วซีจึงตัดสินใจได้ เขากล่าวกับรองแม่ทัพ “ตามแม่ทัพทุกคนออกไปต้อนรับองค์รัชทายาทพร้อมข้า”
“ขอรับ!” รองแม่ทัพกำหมัดรับคำ จากนั้นเดินออกจากกระโจมไปอย่างรวดเร็ว
ฝูรั่วซีกำหมัดแน่นพลางเดินวนไปมาอยู่ในกระโจม จู่ๆ เขาชะงักฝีเท้าลง
เขาต้องส่งจดหมายไปให้ฮองเฮา หากไม่ส่ง ด้วยนิสัยที่ยอมเป็นหยกที่แตกละเอียด ทว่า ไม่ยอมเป็นกระเบื้องที่สมบูรณ์[1]ของฮองเฮา หากนางเห็นเขานำทหารคุ้มกันองค์รัชทายาทไปส่งที่เมืองหลวง นางอาจคิดว่าเขาทอดทิ้งไมตรีระหว่างเขาและนาง เลือกสละชีพเพื่อองค์รัชทายาทแทนนาง นางอาจทำเรื่องที่ไม่อาจแก้ไขได้
ส่งจดหมายมีความเสี่ยงมาก หากมีคนพบจดหมายของเขาระหว่างทาง เขาต้องตายสถานเดียว
หากไม่ส่งจดหมาย เขากลัวว่าฮองเฮาจะตกอยู่ในอันตราย
ฝูรั่วซีลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นกล่าวกับคนนอกกระโจม “ตามคนส่งจดหมายเมื่อครู่มา!”
“ขอรับ!”
ฝูรั่วซีเดินอ้อมไปนั่งหน้าโต๊ะ หยิบกระดาษที่ใช้สำหรับส่งจดหมายด่วนไปยังเมืองหลวงออกมา เขียนลงไปในจดหมายว่า “รอโอกาสลงมือ” จากนั้นพับจดหมายลงซอง เมื่อเงยหน้าขึ้น คนส่งจดหมายของฮองเฮายืนรออยู่ที่หน้ากระโจมแล้ว
ทหารหน่วยกล้าตายของฮองเฮาเดินทางนำจดหมายมาส่งทั้งวันทั้งคืน เมื่อมอบจดหมายถึงมือฝูรั่วซีเสร็จ ยังไม่ทันพักทานอาหาร เขาก็ฟุบหลับไปทันที บัดนี้ถูกปลุกขึ้นมาอย่างกะทันหัน เขายังคงสะลึมสะลืออยู่
“เจ้าเข้ามานี่!” ฝูรั่วซียัดจดหมายใส่ถุงผ้าอีกชั้นหนึ่ง เงยหน้ามองทหารหน่วยกล้าตายที่เดินเข้ามาในกระโจม กล่าวขึ้น “เจ้าจงนำจดหมายฉบับนี้ส่งไปยังเมืองหลวงโดยเร็วที่สุด มอบให้เจ้านายเจ้าเองกับมือ ออกเดินทางบัดนี้เลย เร็วที่สุด!”
ทหารผู้นั้นดวงตาแดงฉาน ใบหน้าอ่อนเพลีย ทว่า เขาก้าวไปรับถุงผ้ามาจากฝูรั่วซีอย่างนอบน้อม “ขอรับ!”
ฝูรั่วซีสามารถใช้งานคนของตัวเองได้ ทว่า หากเขาใช้งานคนของตัวเอง คนอื่นในค่ายผิงอันอาจจับสังเกตได้ คนของเขาอาจไม่มีทางเข้าถึงตัวของฮองเฮาได้ อาจต้องส่งไปยังตระกูลฝูก่อน
เขาไม่อาจให้ตระกูลฝูรับรู้เรื่องนี้ได้ มิเช่นนั้นด้วยความฉลาดของท่านแม่เขา นางอาจเดาจุดประสงค์ของฮองเฮาออก กระทั่งคิดว่าฮองเฮากำลังหลอกใช้ความรู้สึกผิดที่เขามีต่อฮองเฮาในปีนั้นบีบให้เขาก่อกบฏ ท่านอาจไปเปิดโปงฮองเฮากับองค์หญิงใหญ่ได้
ดังนั้นแม้จะรู้ว่าคนของฮองเฮาเหนื่อยล้าถึงขีดสุด ทว่า ฝูรั่วซีจำต้องใช้คนของฮองเฮา
มองส่งคนของฮองเฮาจากไป ฝูรั่วซีถอนหายใจออกมาเบาๆ รวบรวมสติเตรียมออกไปรอต้อนรับองค์รัชทายาทที่นอกค่ายทหาร
ฝูรั่วซีสวมเกราะที่แขนของตัวเอง เดินออกมาจากกระโจมแล้วตะโกนลั่น “เป่าแตร จัดทัพ!”
เมื่อมองเห็นค่ายทหารผิงอันอยู่ตรงหน้า องค์รัชทายาทเอ่ยเรียกไป๋ชิงเหยียนด้วยน้ำเสียงแหบพร่า “องค์หญิงเจิ้นกั๋ว!”
ไป๋ชิงเหยียนลดความเร็วม้าลง ขี่ม้าเคียงข้างไปกับองค์รัชทายาท “องค์รัชทายาททรงมีสิ่งใดจะรับสั่งเพคะ”
องค์รัชทายาทชะลอความเร็วม้า หันไปกล่าวกับไป๋ชิงเหยียน “เดือนที่แล้วตอนที่แม่ทัพฝูยังอยู่ในเมืองหลวง เราเข้าวังไปคารวะเสด็จพ่อ เราเห็นนางกำนัลข้างกายของเสด็จแม่เดินออกไปส่งแม่ทัพฝูที่นอกวังอยู่ไกลๆ ตอนนั้นเราไม่ได้ใส่ใจ ทว่า บัดนี้เมืองหลวงกำลังวุ่นวาย พวกเราต้องป้องกันฝูรั่วซีผู้นี้ไว้นะ!”
องค์รัชทายาทไม่ได้บอกไป๋ชิงเหยียนทั้งหมด หลังจากนั้นเขาแอบนำบันทึกคนเข้าออกวังไปตรวจดู เมื่อตรวจแล้วจึงพบว่าหลังจากที่ฝูรั่วซีไปพบฮ่องเต้แล้ว เขายังอยู่ในวังต่ออีกประมาณครึ่งชั่วยาม
องค์รัชทายาทเดาไม่ออกว่าฮองเฮากล่าวสิ่งใดกับฝูรั่วซี เขาเดาว่าฮองเฮาอาจใช้นางกำนัลข้างกายของตนยั่วยวนฝูรั่วซี เพราะฝูรั่วซีมีกำลังทหารอยู่ในมือ
ก่อนหน้านี้ องค์รัชทายาทรับรู้ไว้ในใจก็พอ ทว่า บัดนี้ฮ่องเต้สลบไม่ได้สติ องค์รัชทายาทอย่างเขาไม่ได้อยู่ในเมืองหลวง เมืองหลวงเกิดการเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา องค์รัชทายาทจำต้องป้องกันไว้ก่อน
“องค์หญิงเจิ้นกั๋ว!” ฟางเหล่าที่มึนงงจากการขี่ม้าเป็นเวลานานจัดหมวกเกราะของตัวเองให้เป็นระเบียบ ขี่ม้าเดินอ้อมหลังองค์รัชทายาทไปหยุดอยู่ข้างไป๋ชิงเหยียน กล่าวกับหญิงสาวเสียงเบา “ก่อนหน้านี้ข้าและองค์ชายคิดว่าแม่ทัพฝูรั่วซีอยู่ไกลถึงค่ายผิงอัน พวกเราคอยจับตาดูเขาไว้ก็พอ ทว่า บัดนี้สถานการณ์เปลี่ยนไปแล้ว หากฝูรั่วซีมีความสัมพันธ์กับนางกำนัลข้างกายของฮองเฮาจริงๆ ไม่แน่อาจเกี่ยวโยงไปถึงฮองเฮาด้วย ข้าคิดว่าองค์หญิงเจิ้นกั๋วควรหาโอกาสสังหารฝูรั่วซีแล้วให้องค์ชายนำทัพกลับไปด้วยพระองค์เองจะดีกว่า!”
องค์รัชทายาทบอกเรื่องนี้ให้ฟางเหล่ารับรู้เพียงคนเดียว แม้แต่ฉินซ่างจื้อและเริ่นซื่อเจี๋ยก็ไม่รู้เรื่องนี้ หากไม่ใช่เพราะยิ่งเข้าใกล้ค่ายผิงอัน องค์รัชทายาทยิ่งรู้สึกไม่สบายใจ เขาไม่มีทางบอกเรื่องนี้ให้ไป๋ชิงเหยียนรับรู้เด็ดขาด
ไป๋ชิงเหยียนกุมบังเหียนม้าแน่น มองเห็นกลุ่มคนขี่ม้าออกมาจากค่ายทหารผิงอัน หญิงสาวรีบชูมือ ตะโกนลั่น “หยุด!”
ทหารม้าสองพันนายหยุดลงทันทีโดยพร้อมเพรียงกัน
องค์รัชทายาทและฟางเหล่าตกใจจนรีบกระชากบังเหียนม้าให้หยุดลง
ไป๋ชิงเหยียนนั่งนิ่งอยู่บนหลังม้า กวาดสายตาเย็นชามองไปทางฟางเหล่า ฟางเหล่าเสียวสันหลังวูบ
ฟางเหล่ามองเห็นพลทหารที่ขี่ม้าออกมาจากค่ายทหารผิงอันเช่นเดียวกัน เขาตะโกนเสียงดังอย่างหวั่นวิตก “รีบคุ้มกันองค์รัชทายาท เร็ว!”
“ฟางเหล่าไม่ต้องร้อนรน” ไป๋ชิงเหยียนจ้องไปยังเบื้องหน้า กล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ทหารที่ออกมาจากค่ายผิงอันมีไม่ถึงสองร้อยนาย พวกเขาน่าจะออกมาต้อนรับพวกเรา”
กล่าวจบ ไป๋ชิงเหยียนหันไปทางองค์รัชทายาท กระชากบังเหียนม้าแล้วกล่าวเสียงเบา “องค์รัชทายาทแม่ทัพฝูรั่วซีควบคุมดูแลค่ายทหารผิงอัน สร้างผลงานได้มากมาย หากลอบสังหารเขาอาจทำให้เหล่าทหารเกิดความไม่พอใจได้ หม่อมฉันให้หลูผิงนำทหารไปคุ้มกันเส้นทางที่จะเดินทางกลับไปยังเมืองหลวงแล้ว หากไม่มีคนส่งจดหมายมาก็ควรให้แม่ทัพฝูเดินทางกลับไปยังเมืองหลวงพร้อมกับเราก่อน ระหว่างทางค่อยคิดหาวิธีเพคะ”
“หากมีคนส่งจดหมายมาให้แม่ทัพฝูหรือแม่ทัพฝูส่งจดหมายไปเล่า” ฟางเหล่าถามอย่างร้อนรน
“หากมีคนส่งจดหมายมา หลูผิงย่อมสกัดไว้อย่างแน่นอน ถึงเวลานั้นองค์รัชทายาทค่อยริบอำนาจของแม่ทัพฝูและจับกุมตัวเขากลับไปยังเมืองหลวง เมื่อกลับไปถึงอย่างปลอดภัยแล้ว องค์รัชทายาทค่อยนำบันทึกที่แม่ทัพฝูเข้าออกวังไปถามความจริงจากฮองเฮา จากนั้นลงโทษตามกฎบ้านเมืองก็สิ้นเรื่องเพคะ ทว่า ตอนนี้ยังไม่ถึงคราจนเช่นนั้น เราจะสังหารแม่ทัพฝู ทำให้เหล่าทหารไม่พอใจไม่ได้เด็ดขาดเพคะ” ไป๋ชิงเหยียนขี่ม้าเข้าไปใกล้องค์รัชทายาทและฟางเหล่าอีกนิด “องค์รัชทายาท ทุกสิ่งต้องทำอย่างยุติธรรมถึงจะได้ใจของคนส่วนใหญ่ โดยเฉพาะตอนนี้องค์รัชทายาท ต้องซื้อใจของทหารส่วนใหญ่ในค่ายผิงอันให้ได้มากที่สุดถึงจะถูกเพคะ”
“องค์หญิงเจิ้นกั๋วกลัวว่าหากสังหารฝูรั่วซีแล้วจะเกิดความโกลาหลขึ้นอย่างนั้นหรือ” ฟางเหล่าถาม
[1] ยอมเป็นหยกที่แตกละเอียด ทว่า ไม่ยอมเป็นกระเบื้องที่สมบูรณ์ หมายถึง ยอมตายอย่างมีศักดิ์ศรี ดีกว่าอยู่อย่างไร้เกียรติ