ตอนที่ 582 ลงมือทำก่อนค่อยรายงาน
“ไม่ถึงขนาดนั้น ทว่า อย่างน้อยก็ช่วยลดปัญหาที่ไม่จำเป็นลงได้” ไป๋ชิงเหยียนมองไปทางรัชทายาทอีกครั้ง “ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือจะคุ้มกันองค์ชายกลับไปยังเมืองหลวงอย่างปลอดภัยได้อย่างไร หากองค์ชายทรงไม่วางพระทัยสามารถสั่งให้แม่ทัพฝูนำกำลังทหารค่ายผิงอันครึ่งหนึ่งคุ้มกันองค์ชายกลับไปยังเมืองหลวง มอบกองกำลังอีกครึ่งให้ผู้ตรวจการต่งชิวเยว่แห่งเติงโจวเป็นควบคุมดูแลก็ได้เพคะ”
ไป๋ชิงเหยียนนึกถึงหลูผิงจึงกล่าวต่อ “หลูผิงนำทหารสามพันนายของเติงโจวมาพอดี สามารถให้พวกเรารออยู่ที่ค่ายทหาร รอให้ท่านน้าชายมารับช่วงต่อ แต่ไรมาทหารทำตามกฎของค่ายทหาร เหล่าทหารขาดผู้นำไปสองสามวันคงยังไม่เกิดความวุ่นวาย ที่สำคัญหากมอบให้ท่านน้าชายเป็นคนดูแลกองทัพเติงโจวและค่ายทหารผิงอัน หากหรงตี๋ย้อนบุกกลับมาอีกครั้ง พวกเราก็ไม่จำเป็นต้องห่วงสถานการณ์ที่ชายแดนเพคะ!”
มีอีกประโยคหนึ่งที่ไป๋ชิงเหยียนไม่ได้กล่าวออกไป นั่นก็คืออย่าดูถูกความเลือดร้อนและมิตรภาพระหว่างสหายที่ร่วมรบมาด้วยกันของบรรดาทหารเหล่านี้เด็ดขาด
มิเช่นนั้นคนตระกูลไป๋จะเรียกรวมตัวกองทัพไป๋ทั้งหมดได้อย่างไร เหตุใดกองทัพไป๋ถึงสละชีพปกป้องชีวิตของคุณชายไป๋ทุกคนเช่นนี้
ฝูรั่วซีควบคุมค่ายทหารผิงอันมาหลายปี เขาครองตำแหน่งแม่ทัพใหญ่ได้อย่างมั่นคง นอกจากความสามารถในการออกรบแล้ว การที่เขาร่วมใช้ชีวิตอยู่กับบรรดาทหาร เห็นพวกเขาเป็นดั่งครอบครัวจริงๆ หากผู้ใดคิดเอาชีวิตของฝูรั่วซี ย่อมมีคนในกองทัพคิดแก้แค้นแทนฝูรั่วซีอย่างแน่นอน เช่นนี้รัชทายาทจะเดินทางไปถึงเมืองหลวงอย่างยากลำบากแน่
เหตุใดต้องสร้างปัญหาให้มากขึ้นระหว่างเดินทางกลับเมืองหลวงด้วย
รัชทายาทพยักหน้า “องค์หญิงเจิ้นกั๋วกล่าวมีเหตุผล”
กล่าวจบ รัชทายาทปลดดาบที่เอวส่งให้ไป๋ชิงเหยียน “นี่คือดาบประจำตัวของเรา เราฝากความปลอดภัยในการเดินทางกลับเมืองหลวงครั้งนี้ไว้ที่องค์หญิงเจิ้นกั๋ว องค์หญิงเจิ้นกั๋วสามารลงมือทำแล้วค่อยมารายงานเราทีหลังได้ทุกเรื่อง”
ฟางเหล่ามองไปทางรัชทายาท จากนั้นมองไปทางไป๋ชิงเหยียน เขากำมือที่แนบอยู่ข้างลำตัวแน่น
ไป๋ชิงเหยียนรับดาบมาถือ “เหยียนจะคุ้มครององค์ชายกลับไปถึงเมืองหลวงอย่างปลอดภัยเพคะ”
ไม่นานฝูรั่วซีนำทหารสองร้อยนายขี่ม้าตรงเข้ามาออย่างรวดเร็ว ม้ายังไม่ทันหยุดนิ่ง พวกของฝูรั่วซีต่างกระโดดลงจากหลังม้า คุกเข่าข้างหนึ่งลงบนพื้น ทำความเคารพรัชทายาท “ฝูรั่วซี คาราวะองค์รัชทายาท องค์หญิงเจิ้นกั๋วพ่ะย่ะค่ะ!”
รัชทายาทหันไปทางไป๋ชิงเหยียนแวบหนึ่ง เมื่อเห็นหญิงสาวพยักหน้า รัชทายาทฝืนร่างกายที่อ่อนล้าจากการเดินทางอันยาวนาน ก้าวลงจากหลังม้า เข้าไปพยุงร่างของฝูรั่วซีให้ลุกขึ้น “แม่ทัพฝู เสด็จพ่อทรงพลัดตกจากหลังม้า บัดนี้สลบไม่ได้สติ เราเกรงว่าเมืองหลวงอาจกำลังวุ่นวายจึงมาเชิญให้แม่ทัพฝูกลับไปเมืองหลวงพร้อมกับเรา”
ไป๋ชิงเหยียนลงจากหลังม้าเช่นเดียวกัน หญิงสาวหยุดยืนอยู่ข้างกายของรัชทายาท มองไปทางฝูรั่วซีนิ่ง
“แต่ไรมาค่ายผิงอันไม่สามารถเคลื่อนทัพโดยพลการหากปรากจากคำสั่งของฝ่าบาท ทว่า ฝ่าบาททรงไม่ได้สติ องค์ชายเป็นรัชทายาท สามารถออกคำสั่งแทนฝ่าบาทได้ ฝูรั่วซีน้อมรับคำบัญชาพ่ะย่ะค่ะ!” ฝูรั่วซีกล่าวอย่างจงรักภักดี “ก่อนออกจากค่าย กระหม่อมให้แม่ทัพจัดเตรียมทัพแล้ว พวกเราพร้อมออกเดินทางทุกเมื่อพ่ะย่ะค่ะ!”
ไป๋ชิงเหยียนได้ยินเช่นนี้จึงเงยหน้าขึ้นมองฝูรั่วซี ดวงตาสีดำขลับเต็มไปด้วยความสงบนิ่ง สั่งทหารจัดทัพก่อนออกจากค่ายแล้วอย่างนั้นหรือ
ฝูรั่วซีต้องได้รับข่าวจากเมืองหลวงแล้วแน่นอน ทว่า ฮ่องเต้สลบไม่ได้สติ ไม่มีทางส่งจดหมายมาให้เขาได้ ที่สำคัญก่อนที่ทรงจะหมดสติเขาได้ฝากบ้านเมืองไว้กับราชครูถานและองค์หญิงใหญ่ ทั้งสองคนไม่มีทางแพร่งพรายเรื่องที่ฮ่องเต้หมดสติให้ผู้อื่นรับรู้แน่นอน พวกเขาต้องกุมความลับนี้ไว้จนกว่ารัชทายาทจะเสด็จกลับไปถึงเมืองหลวงอย่างปลอดภัยและควบคุมสถานการณ์ได้
ตระกูลฝูซึ่งอยู่ในเมืองหลวงถูกจับตามองนานแล้ว พวกเขาไม่มีทางส่งข่าวสำคัญเช่นนี้ให้ฝูรั่วซีในเวลาเช่นนี้ได้ อีกทั้งไม่มีความจำเป็นต้องส่งข่าวนี้ให้ฝูรั่วซีรับรู้ด้วยซ้ำ
เช่นนั้นนอกจากฮองเฮาแล้ว คงไม่มีผู้ใดสามารถส่งข่าวนี้ให้ฝูรั่วซีรับรู้ได้อีกแล้ว!
หากเป็นเช่นนั้นจริง ไป๋ชิงเหยียนคงไม่อาจปล่อยให้ฝูรั่วซีเดินทางกลับไปเมืองหลวงพร้อมกับพวกนางอย่างเปิดเผยเช่นนี้ได้
“ดี!” รัชทายาทกุมมือฝูรั่วซีแน่น “เราขอฝากเรื่องความปลอดภัยในการเดินทางกลับเมืองหลวงไว้กับแม่ทัพฝูและองค์หญิงเจิ้นกั๋วด้วย เราขี่ม้ามาทั้งคืน เหนื่อยล้ามากแล้ว เราต้องการพักผ่อนสักหน่อย เรามอบดาบคู่กายของเราให้องค์หญิงเจิ้นกั๋ว อนุญาตให้นางตัดสินใจแทนเราได้ทุกเรื่องโดยไม่ได้มารายงานก่อน คำสั่งขององค์หญิงเจิ้นกั๋วคือคำสั่งของเรา!”
รัชทายาทรู้ดีว่าไป๋ชิงเหยียนก็ขี่ม้ามาทั้งคืนเช่นเดียวกัน ทว่า รัชทายาทไม่เชื่อใจฝูรั่วซี บัดนี้ผู้ที่รัชทายาทเชื่อใจมากที่สุดคือไป๋ชิงเหยียน มีเพียงไป๋ชิงเหยียนอยู่กับฝูรั่วซี รัชทายาทจึงจะสามารถวางใจได้
ไป๋ชิงเหยียนกำหมัดรับคำ
ฝูรั่วซีมองไปทางไป๋ชิงเหยียนแวบหนึ่ง เม้มปากอึกอัก เดิมทีเขาอยากให้ไป๋ชิงเหยียนไปพักผ่อนสักพัก ทว่า กลัวว่ารัชทายาทจะคิดมาก จึงได้แต่รับคำตามนั้น
รองแม่ทัพของฝูรั่วซีแอบย่องเข้าไปยืนอยู่ด้านหลังฝูรั่วซี เมื่อเห็นรัชทายาทถูกประคองขึ้นไปบนรถม้าแล้ว เขาจึงกล่าวเสียงเบาหวิว “องค์รัชทายาททรงตรัสว่าคำสั่งขององค์หญิงเจิ้นกั๋วคือคำสั่งของพระองค์หมายความเช่นไรขอรับ”
ฝูรั่วซีไม่ได้เอ่ยตอบ เขาเห็นไป๋ชิงเหยียนที่ก้าวขึ้นไปบนหลังม้ามองตรงมาที่เขานิ่ง เขารีบก้มหน้าหลบสายตาของหญิงสาวทันที จากนั้นรีบก้าวขึ้นไปบนรถม้า คุ้มกันรัชทายาทเดินทางไปยังค่ายทหารผิงอัน
มีข่าวลือว่าไป๋ชิงเหยียนกลายเป็นพวกของรัชทายาทแล้ว ตอนนั้นฝูรั่วซีเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง เพราะเขาเคยร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่กับไป๋ชิงเหยียน รู้ดีว่าหญิงสาวเก่งกาจทั้งบุ๋นและบู้ มีความหยิ่งทระนง บุคคลเช่นนี้ไม่น่าเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการแก่งแย่งในราชสำนัก
ทว่า บัดนี้รัชทายาทกล่าวว่าคำสั่งของไป๋ชิงเหยียนคือคำสั่งของเขา หากรัชทายาทไม่ได้เชื่อใจไป๋ชิงเหยียนจริงๆ เขาจะกล้าถ่ายทอดคำสั่งเช่นนี้ได้อย่างไรกัน
ไป๋ชิงเหยียนขี่ม้าอยู่ข้างรถม้าของรัชทายาท หญิงสาวหันไปสั่งทหารที่นำมาจากเติงโจวว่าเมื่อเข้าไปในค่ายทหารผิงอัน ให้คอยคุ้มกันรัชทายาทอย่างใกล้ชิด
ฝูรั่วซีนำรัชทายาทเข้าไปในค่ายทหาร เชิญพระองค์ไปพักผ่อนในกระโจมแม่ทัพใหญ่ก่อน เมื่อฝูรั่วซีเตรียมกำลังพลเสร็จ เขาค่อยขึ้นไปนับกำลังทหารพร้อมกับไป๋ชิงเหยียนบนแท่นเวทีสูง
รัชทายาทพยักหน้า มองไปทางไป๋ชิงเหยียนแวบหนึ่งแล้วกล่าวขึ้น “ทว่า ทหารค่ายผิงอันจะตามเราไปเมืองหลวงทั้งหมดไม่ได้ เอาอย่างนี้แล้วกัน แม่ทัพฝูมอบทหารที่เหลืออยู่ในค่ายผิงอันให้ผู้ตรวจการเมืองเติงโจวต่งชิงเยว่ดูแลเป็นการชั่วคราวก่อน เมื่อเรากลับไปถึงเมืองหลวงอย่างปลอดภัย แม่ทัพฝูค่อยเดินทางกลับมาค่ายผิงอัน”
ฝูรั่วซีอึ้งไปครู่ใหญ่ จากนั้นกำหมัดคาราวะรัชทายาท “บัดนี้ใต้เท้าต่งอยู่ไกลถึงเติงโจว เร็วที่สุดคงอีกหนึ่งวันกว่าจะมาถึง องค์ชายควรรีบเดินทางกลับเมืองหลวงโดยเร็วที่สุด มิเช่นนั้นเมืองหลวงอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ องค์ชายจะเสียเวลาอยู่ที่ค่ายผิงอันอีกหนึ่งวันหรือพ่ะย่ะค่ะ”
“ค่ายผิงอันมีทหารอยู่มากมาย เหตุใดต้องรบกวนใต้เท้าต่งด้วยพ่ะย่ะค่ะ!” แม่ทัพในสังกัดของฝูรั่วซีกำหมัดคาราวะรัชทายาท “กระหม่อมไม่ได้มีตำแหน่งสูงส่ง แม้ไม่ได้มีอำนาจสูงส่งใต้เท้าต่ง ทว่า ติดตามแม่ทัพฝูรั่วซีอยู่ในค่ายผิงอันมานาน ตอนที่แม่ทัพฝูเดินทางไปออกรบที่หนานเจียง กระหม่อมก็ช่วยดูแลค่ายผิงอันแทนแม่ทัพฝู ไม่เคยเกิดความวุ่นวายมาก่อน ครั้งนี้กระหม่อมก็มั่นใจว่าจัดการดูแลได้พ่ะย่ะค่ะ!”
อำนาจทางทหารคือชีวิตของแม่ทัพทุกคน ผู้ใดอยากมอบชีวิตของตัวเองไว้ในมือของผู้อื่นกัน นี่คือสิ่งที่ไป๋ชิงเหยียนคาดการณ์ไว้ล่วงหน้าแล้ว
ทว่า ในเมื่อไป๋ชิงเหยียนมาถึงที่นี่แล้ว นางจะไม่ยอมมาเสียเที่ยวแน่นอน
ไป๋ชิงเหยียนกำดาบของรัชทายาทแน่น นิ้วลูบไปที่ด้ามของดาบอย่างแผ่วเบา กล่าวตรงๆ ก็คือวันนี้นางจะมายึดอำนาจทางทหารของค่ายผิงอัน
เดิมทีไป๋ชิงเหยียนอยากไว้ชีวิตของฝูรั่วซี เพราะอย่างน้อยพวกนางก็เคยรบเคียงบ่าเคียงไหล่กันมา
ทว่า ฝูรั่วซีคิดกุมอำนาจทางทหารไว้ไม่ยอมปล่อย อีกทั้งร่วมมือกับฮองเฮา…