ตอนที่ 593 กล้าได้อย่างไร
“เรา…เคยสงสัยว่าเหลียงอ๋องและฮองเฮาร่วมมือกัน เพราะราชครูเทพที่เสด็จพ่อทรงแต่งตั้งมาจากจวนของเหลียงอ๋อง! ชิวกุ้ยเหรินซึ่งเป็นที่โปรดปรานมากที่สุดในวังหลังในตอนนี้ก็มาจากจวนของเหลียงอ๋องเช่นกัน!” แววตาขององค์รัชทายาทเคร่งขรึม เมื่อนึกถึงเหลียงอ๋องจึงขบกรามแน่น “ตอนนั้นเหลียงอ๋องอ้างว่าเขาวางแผนใส่ร้ายเจิ้นกั๋วอ๋องเพราะซิ่นอ๋อง เราไม่เชื่อว่าเหลียงอ๋องจะอ่อนแอไร้ความสามารถดั่งที่แสดงให้เห็นภายนอก เราคิดว่าล้วนเป็นฝีมือของเหลียงอ๋องและฮองเฮา”
องค์รัชทายาทวางแขนบนที่วางแขนของเก้าอี้ ขยับเข้าไปใกล้ไป๋ชิงเหยียนอีกเล็กน้อย “ทว่า องค์หญิงเจิ้นกั๋วกล่าวว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับภาพลักษณ์ของราชวงศ์ อีกทั้งเอ่ยถึงฝูรั่วซี หรือว่าฮองเฮาร่วมมือกับฝูรั่วซีอย่างนั้นหรือ”
“ไม่กล้าปิดบังองค์รัชทายาท ตอนหม่อมฉันยังเด็ก หม่อมฉันเคยได้ยินท่านย่ากล่าวว่าก่อนที่ฮองเฮาจะแต่งงานเป็นพระชายาเอกของฝ่าบาทในตอนนั้น นางเคยหมั้นหมายกับแม่ทัพฝูมาก่อน ทว่า เรื่องนี้ผ่านมานานมากแล้ว หม่อมฉันจึงจำไม่ค่อยได้ ต่อมาได้ยินองค์รัชทายาทตรัสว่าเคยเห็นนางกำนัลของฮองเฮาไปส่งแม่ทัพฝูที่นอกวัง หม่อมฉันจึงรู้สึกแปลกๆ เพคะ…”
“ต่อมา หม่อมฉันกลัวว่าทางเมืองหลวงจะมีคนปลอมแปลงราชโองการเพื่อควบคุมค่ายทหารผิงอัน หม่อมฉันจึงให้หลูผิงส่งคนไปดักซุ่มจับคนส่งจดหมายระหว่างถนนที่เชื่อมจากค่ายผิงอันไปยังเมืองหลวง หลูผิงริบจดหมายที่แม่ทัพฝูส่งไปยังเมืองหลวงไว้ได้! จากนั้นแม่ทัพฝูจึงคิดสังหารองค์รัชทายาทต่อหน้าทุกคนในค่ายทหารผิงอันโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของคนอื่นๆ ในตระกูลฝู หม่อมฉันจึงยิ่งสงสัยหนักขึ้น เมื่อกลับถึงเมืองหลวงแล้วพบหน้าท่านย่า หม่อมฉันจึงสอบถามท่านเรื่องนี้เป็นอันดับแรก ท่านย่ากล่าวว่าตอนนั้นท่านเคยได้ยินเรื่องนี้จริงๆ ทว่า เมื่อฮ่องเต้แต่งงานกับฮองเฮา แม่ทัพฝูก็แต่งงานมีภรรยาแล้วเช่นกัน ได้ยินว่าฝูเหล่าไท่จวินหมั้นหมายให้ตั้งแต่เล็ก ดังนั้นตอนนั้นจึงไม่มีข่าวเรื่องนี้แพร่งพรายออกมาเพคะ”
องค์รัชทายาทกำมือแน่น เขาพอจะเดาได้แล้วว่าไป๋ชิงเหยียนจะกล่าวสิ่งใดต่อ เขากลั้นหายใจชั่วขณะ
ฮองเฮากับฝูรั่วซีอย่างนั้นหรือ!
พวกเขาจะกล้าได้อย่างไร!
เมื่อไป๋ชิงเหยียนเห็นสีหน้าที่ขาวซีดขององค์รัชทายาทก็รู้ทันทีว่าองค์รัชทายาทเข้าใจความหมายที่นางต้องการจะสื่อแล้ว
ที่ไป๋ชิงเหยียนอ้างองค์หญิงใหญ่ ประการแรกเพราะฮ่องเต้และองค์รัชทายาทยังเชื่อใจในตัวท่านย่าของไป๋ชิงเหยียน องค์หญิงใหญ่แห่งราชวงศ์อยู่ ประการที่สอง เจี่ยงหมัวมัวเป็นคนพาเว่ยจงมารายงานเรื่องนี้ให้ไป๋ชิงเหยียนรับรู้ องค์หญิงใหญ่ย่อมรับรู้เช่นเดียวกัน
นับตั้งแต่ที่หลูหนิงฮว่าแอบเห็นฮองเฮานัดพบกับฝูรั่วซีเป็นการส่วนตัว จนถึงตอนนี้เว่ยจงสืบความสัมพันธ์ระหว่างฮองเฮาและฝูรั่วซี บางทีท่านย่าอาจเพียงอยากสืบหาสาเหตุที่ฮองเฮาเลือกฝูรั่วซีเป็นคนช่วยก่อกบฏ หรือบางทีด้วยความฉลาดของท่านย่า ท่านอาจสงสัยตั้งแต่แรกแล้วว่าเด็กในครรภ์ของฮองเฮาไม่ใช่สายเลือดของฮ่องเต้
แม้เป็นองค์หญิงใหญ่ ทว่า ท่านย่าคือคนของตระกูลไป๋แล้ว ถึงแม้ฮ่องเต้จะฝากให้ท่านช่วยดูแลจัดการวังหลัง ทว่า ท่านไม่อาจเสี่ยงสืบเรื่องของฮองเฮาได้ แต่ว่าท่านย่าของนางไม่มีทางปล่อยให้สายเลือดอื่นปะปนอยู่ในสายเลือดของราชวงศ์แน่!
ไม่ว่าเรื่องนี้จะเป็นเรื่องจริงหรือเท็จ ล้วนเป็นเรื่องน่าอับอายของฮองเฮา องค์หญิงใหญ่ไม่สามารถเป็นคนเปิดโปงเรื่องนี้ได้ มิเช่นนั้นบรรดาหลานๆ ของนางอาจเดือดร้อนไปด้วย
หากเรื่องนี้จะถูกเปิดโปงต้องถูกเปิดโปงโดยคนในวังหลังของฮ่องเต้ หรือไม่ก็โอรสแท้ๆ ของพระองค์ เช่นนี้ฮ่องเต้จะได้ไม่สามารถฆ่าคนเพื่อปิดปากได้ เพราะเรื่องนี้ถือเป็นเรื่องหยามเกียรติสำหรับบุรุษยิ่งนัก
“บัดนี้ซิ่นอ๋องกลับมาเมืองหลวงแล้ว ฐานะเด็กในครรภ์ของฮองเฮายังไม่ชัดเจน เหลียงอ๋องอยากเห็นองค์ชายและฮองเฮาปะทะกันเอง ส่วนเขาคอยเก็บผลประโยชน์ภายหลัง เดิมทีหม่อมฉันคิดว่าขอเพียงองค์รัชทายาททรงอดทนไว้ ประพฤติอยู่ในกรอบระเบียบ ไม่ให้ผู้อื่นจับผิดองค์รัชทายาทได้ ผู้ที่จัดฉากเรื่องนี้คงร้อนใจขึ้นเอง ทว่า หากเด็กในครรภ์ของฮองเฮาไม่ใช่สายเลือดของฝ่าบาท หากองค์รัชทายาททรงลอบสืบหาหลักฐานในเรื่องนี้แล้วทูลรายงานฝ่าบาทเมื่อทรงฟื้นขึ้นมา ให้ฝ่าบาทตัดสินโทษนางอย่างลับๆ เพื่อรักษาหน้าของฝ่าบาท องค์ชายจะสร้างผลงานที่ยิ่งใหญ่ได้อีกชิ้นเลยเพคะ”
เมื่อได้ยินคำว่าผลงานชิ้นใหญ่ องค์รัชทายาทรวบรวมสติขึ้นทันที “องค์หญิงเจิ้นกั๋วโปรดชี้แนะ”
“องค์รัชทายาท บัดนี้เรื่องสำคัญที่เราต้องทำมีอยู่สองเรื่อง เรื่องแรกคือสืบหาหลักฐานว่าฮองเฮาและแม่ทัพฝูเคยหมั้นหมายกันจริงหรือไม่ ซึ่งเรื่องนี้คงสืบได้ไม่ยาก องค์รัชทายาทสามารถส่งคนไปสืบหาคนรับใช้เก่าแก่ของตระกูลฝูและตระกูลฝั่งมารดาของฮองเฮาจากบรรดาคนค้าทาสในเมืองหลวงและสอบถามเรื่องราวจากพวกเขาได้เพคะ”
องค์รัชทายาทพยักหน้าด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “เราต้องสืบเรื่องการหมั้นหมายของฮองเฮาและฝูรั่วซีในตอนนั้นอย่างละเอียด ทว่า สิ่งสำคัญในตอนนี้คือตรวจสอบเรื่องอายุครรภ์ของฮองเฮาให้แน่ชัด หากตรงกับระยะเวลาที่ฝูรั่วซีอยู่ในวังหลวงต่อในตอนนั้น อีกทั้งช่วงนั้นเสด็จพ่อไม่ได้ไปค้างที่ตำหนักของฮองเฮาจริง…”
องค์รัชทายาทกล่าวได้เท่านี้ก็หยุดชะงักลง เขานึกขึ้นได้ว่าช่วงที่ฮองเฮาตั้งครรภ์ มีหมอหลวงหูแห่งสำนักหมอหลวงเป็นคนดูแลรับผิดชอบอาการของฮองเฮาเพียงคนเดียว ตอนที่ฮองเฮาปวดท้องกลางงานเลี้ยงก็สั่งให้ไปตามหมอหลวงหูมาดูอาการ โดยอ้างว่าหมอหลวงหูคุ้นเคยกับอาการของฮองเฮาอยู่ก่อนแล้ว เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องผิดปกติ ทว่า หากเชื่อมโยงไปถึงเรื่องที่เด็กในครรภ์ของฮองเฮาอาจไม่ใช่สายเลือดของฮ่องเต้ เรื่องนี้ก็ดูผิดแปลกไม่น้อย
“หากไม่ใช่โอรสของเสด็จพ่อ ทว่า เป็นบุตรของฮองเฮากับฝูรั่วซีขึ้นมาจริงๆ เช่นนั้นจดหมายที่ฝูรั่วซีเขียนว่ารอจังหวะลงมือถูกส่งมาให้ฮองเฮาอย่างนั้นหรือ” องค์รัชทายาทโกรธแค้นฝูรั่วซีเข้ากระดูกดำ ทว่า เขาเริ่มรู้สึกยินดีขึ้นมาเล็กน้อย
องค์รัชทายาทเก็บจดหมายของฝูรั่วซีเอาไว้เป็นหลักฐานข้อหากบฏ ทว่า น่าเสียดายที่คนส่งจดหมายเสียชีวิตลงก่อนที่เขาจะได้สืบสวนสิ่งใดได้มากกว่านี้
หากเด็กในครรภ์ของฮองเฮาคือบุตรของฝูรั่วซีจริงๆ ซิ่นอ๋องและฮองเฮาคงไม่มีโอกาสแก้ตัวอีกแล้ว เหลียงอ๋องจะเป็นคู่ต่อสู้ของเขาได้อย่างไร
องค์รัชทายาทเลิกคิ้วพลางถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก เขาเอนหลังพิงเก้าอี้ มุมปากยกยิ้มขึ้นโดยไม่รู้ตัว
เรื่องนี้จะรอช้าไม่ได้ องค์รัชทายาทคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเอ่ยสั่ง “เฉวียนอวี๋ ส่งคนไปตามฟางเหล่า ฉินเซียนเซิงและเริ่นเซียนเซิงมา”
“องค์รัชทายาทเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับภาพลักษณ์ของราชวงศ์ คนรู้น้อยเท่าใดยิ่งดีเท่านั้น มิเช่นนั้นฝ่าบาทอาจทรงตำหนิองค์รัชทายาทได้เพคะ” ไป๋ชิงเหยียนกล่าว
องค์รัชทายาทคิดตามแล้วรู้สึกเห็นด้วย เขากล่าวขึ้น “ความจริงเราอยากมอบให้เจ้าเป็นคนจัดการเรื่องนี้ ทว่า เสด็จพ่อยังทรงหวาดระแวงในตัวเจ้าอยู่ หากเจ้าเป็นคนจัดการ เสด็จพ่ออาจยิ่งหวาดระแวง เราจะมอบหมายให้ฟางเหล่าไปจัดการแทนก็แล้วกัน!”
เมื่อเฉวียนอวี๋ที่ยืนอยู่หน้าห้องตำราได้ยินคำกล่าวขององค์รัชทายาทจึงสั่งให้คนไปตามฟางเหล่ามา
ไป๋ชิงเหยียนทำเพื่อเขา องค์รัชทายาทก็ต้องแสร้งทำเป็นคิดเพื่อไป๋ชิงเหยียนเช่นเดียวกัน
“หม่อมฉันไม่กลัวถูกสงสัย แค่กลัวจะทำให้องค์รัชทายาทเสียเรื่องเท่านั้นเพคะ” ไป๋ชิงเหยียนลุกขึ้นยืนทำความเคารพองค์รัชทายาท “เช่นนั้นเรื่องนี้มอบให้ฟางเหล่าเป็นคนจัดการเถิดเพคะ ฟางเหล่าเป็นคนสุขุมรอบคอบ ต้องจัดการเรื่องนี้ได้อย่างดีแน่นอน หม่อมฉันขอตัวก่อนนะเพคะ”
ครั้งนี้ไป๋ชิงเหยียนเป็นคนชี้ทางให้องค์รัชทายาทได้ ทว่า หญิงสาวไม่อาจเป็นคนทำเรื่องนี้จนสำเร็จลุล่วงเป็นอันขาด มิเช่นนั้นองค์รัชทายาทจะต้องหวาดระแวงในตัวนาง แม้องค์รัชทายาทจะไม่กล่าวออกมาเช่นนี้ ไป๋ชิงเหยียนก็จะอ้างว่าไม่มีอำนาจในเมืองหลวง ไม่อาจสืบเรื่องนี้ให้องค์รัชทายาทได้อยู่ดี
“จริงสิ…” จู่ๆ ไป๋ชิงเหยียนก็แสร้งทำเป็นนึกสิ่งใดขึ้นมาได้จึงเอ่ยถามองค์รัชทายาท “ระหว่างกลับไปจวนองค์หญิงเจิ้นกั๋ว หม่อมฉันเหมือนเห็นทหารจากประตูเมืองทิศตะวันออกนำรายงานสถานการณ์รบไปยังจวนที่ว่าการ ค่ายผิงอันเกิดเรื่องอันใดขึ้นหรือไม่เพคะ”