ตอนที่ 616 โดดเด่น
“องค์หญิงเจิ้นกั๋ววางพระทัยได้พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจะดูแลอย่างดีพ่ะย่ะค่ะ” หลู่จิ้นกล่าวเสียงหนักแน่น หยัดกายตรงแล้วกล่าวขึ้น “ตอนนี้ถือว่าได้คำสารภาพของฝูรั่วซีแล้ว กระหม่อมจะไปขอให้ท่านราชครูถานกักบริเวณคนในวังหลังไว้จนกว่าจะสืบเรื่องราวทั้งหมดได้อย่างชัดเจน เรื่องในวังหลังคงต้องฝากให้องค์หญิงใหญ่ช่วยดูแลจนกว่าฮ่องเต้จะฟื้นขึ้นมาพ่ะย่ะค่ะ”
แววตาของฝูรั่วซีที่ยังคุกเข่าอยู่ในคุกสั่นไหวเล็กน้อย เขารู้ดีว่าหลู่จิ้นต้องการกักบริเวณฮองเฮา!
ตอนที่เขาสารภาพเนื้อหาในจดหมายที่ฮองเฮาเขียนให้เขาออกมา ฝูรั่วซีก็รู้แล้วว่าต้องมีผลลัพธ์เช่นนี้ ทว่า เขายังไม่อยากเชื่อว่าฮองเฮาจะส่งคนมาปิดปากเขา
ไป๋ชิงเหยียนหันไปมองฝูรั่วซีนิ่งๆ แวบหนึ่ง จากนั้นเดินออกไปจากคุกศาลต้าหลี่ เฉวียนอวี๋กล่าวอำลาหลู่จิ้น จากนั้นเดินตามหลังไป๋ชิงเหยียนออกไปจากคุก
บัดนี้ท้องฟ้ามืดสนิทลงแล้ว โคมไฟซึ่งแขวนอยู่หน้าประตูหลักของคุกศาลต้าหลี่แกว่งไปมาตามแรงลม
ปกติตอนกลางวันก็ไม่มีผู้ใดกล้าย่างเข้ามาใกล้คุกศาลต้าหลี่ ยิ่งตอนกลางคืนยิ่งไม่ต้องกล่าวถึง เสียงร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดจากการถูกทรมานสอบสวนดังแว่วออกมาจากกำแพงสูงสีเทาท่ามกลางความเงียบสงัดและเยือกเย็นในยามค่ำคืน ทำให้คนที่ได้ยินขนลุกซู่
ไป๋ชิงเหยียนมองไปในความมืด ตั้งแต่ที่นางเดินออกมาจากจวนของรัชทายาทก็มีคนสะกดรอยตามนางมาตลอดทาง ทว่า คนๆ นั้นได้แต่ติดตามอยู่ในระยะไกล ไม่กล้าเข้ามาใกล้นาง
“องค์หญิงเจิ้นกั๋ว บ่าวไปส่งองค์หญิงที่จวนนะพ่ะย่ะค่ะ” เฉวียนอวี๋กล่าวกับไป๋ชิงเหยียนอย่างนอบน้อม
“เฉวียนอวี๋กงกงรีบกลับไปรายงานองค์รัชทายาทที่ตำหนักบูรพาว่าข้าจะรีบกลับไปขอให้ท่านย่าเข้าวังไปควบคุมวังหลัง ในวังมีท่านย่าคอยควบคุมอยู่ ฮองเฮาคงไม่กล้าลงมือทำสิ่งใดโดยพละการแน่”
กล่าวจบ ไป๋ชิงเหยียนหันไปทางเฉวียนอวี๋แล้วกล่าวต่อ “รบกวนกงกงทูลองค์รัชทายาทว่าแม่ทัพฝูกล่าวว่าฮองเฮาทรงเขียนบอกเขาในจดหมายว่าฮ่องเต้ทรงมีพระชนมายุอยู่ได้อีกไม่นาน ดูเหมือนว่าฮองเฮาจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการพลัดตกจากหลังม้าของฮ่องเต้! บัดนี้ฝูรั่วซีถูกขังอยู่ในคุกศาลต้าหลี่ ตอนนี้ฮองเฮาและซิ่นอ๋องคงกลัวฮ่องเต้ทรงฟื้นขึ้นมามากที่สุด บางทีพวกเขาอาจติดต่อให้จงเส้าจ้งพี่ชายของฮองเฮาลอบติดต่อลูกน้องในสังกัดเก่าร่วมกันก่อกบฏได้ องค์ชายควรส่งคนไปจับตาดูพวกเขาเอาไว้ เผื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดขึ้น ส่วนเรื่องอื่นรัชทายาทปรึกษากับท่านราชครูถานก่อนแล้วค่อยออกคำสั่งก็ได้ เช่นนี้จะได้เป็นที่ยอมรับจากทุกคน!”
ราชครูถานคือคนที่ฮ่องเต้เชิญมาช่วยดูแลบ้านเมืองก่อนที่จะหมดสติไป หากรวมกับความเห็นของรัชทายาท พลังของพวกเขาคงมากพอที่จะทำให้เหล่าขุนนางเห็นด้วย ไม่ทำให้เหล่าขุนนางคิดว่ารัชทายาทต้องการบุกวังหลวงเพื่อขึ้นครองบัลลังก์ก่อนถึงเวลาอันสมควร
เฉวียนอวี๋หยัดกายตรง พยักหน้ารัว “เฉวียนอวี๋จะนำคำขององค์หญิงเจิ้นกั๋วไปกราบทูลให้องค์รัชทายาททรงทราบอย่างไม่มีตกหล่นพ่ะย่ะค่ะ”
เมื่อเห็นสีหน้าหวาดหวั่นของเฉวียนอวี๋ ไป๋ชิงเหยียนจึงกล่าวต่อ “ทว่า รัชทายาทไม่จำเป็นต้องกังวลพระทัยเกินไปนัก อย่างน้อยนอกเมืองหลวงก็มีทหารค่ายผิงอันสองหมื่นนายที่พวกเราพามาอยู่ พวกของฮองเฮาคงไม่กล้าสู้รบกับพวกเราซึ่งๆ หน้า มีเพียงจะใช้กลอุบายเท่านั้น ขอเพียงคุ้มครองรัชทายาทให้ปลอดภัยและเตรียมรับมือกับเรื่องต่างๆ ไว้ล่วงหน้าก็ไม่มีสิ่งใดน่ากลัวแล้ว!”
ได้ยินไป๋ชิงเหยียนกล่าวเช่นนี้ เฉวียนอวี๋จึงคลายกังวลลง เขารีบทำความเคารพไป๋ชิงเหยียน “องค์หญิงเจิ้นกั๋วทรงวางพระทัยได้พะย่ะค่ะ ไม่ว่าอย่างไรเฉวียนอวี๋ก็จะคุ้มครององค์ชายให้ปลอดภัยด้วยชีวิตของเฉวียนอวี๋พ่ะย่ะค่ะ”
“ลำบากกงกงแล้ว รีบกลับไปพักผ่อนเถิด!” ไป๋ชิงเหยียนกล่าวจบก็เห็นผู้คุมคุกศาลต้าหลี่จูงม้าของนางออกมา หญิงสาวเดินลงบันได ก้าวขึ้นหลังม้าแล้วจากไปทันที
เฉวียนอวี๋รีบโค้งกายน้อมส่ง เมื่อไม่ได้ยินเสียงกีบม้าแล้ว เฉวียนอวี๋จึงเงยหน้าขึ้น จากนั้นกลับไปรายงานเรื่องราวทั้งหมดให้รัชทายาททราบที่จวนรัชทายาทพร้อมกับองครักษ์
ในขณะเดียวกัน ฟางเหล่าสืบหาตัวบ่าวรับใช้เก่าแก่ของตระกูลจงและตระกูลฝูที่ถูกขายออกไปจากจวนพบแล้วภายใต้การลอบช่วยเหลือของเว่ยจง เขาพิสูจน์ได้แล้วว่าฮองเฮาและฝูรั่วซีเคยหมั้นหมายกันมาก่อนจริงๆ ที่สำคัญฮองเฮาเคยไปบอกให้ฝูรั่วซีมาสู่ขอนางแต่งงานก่อนที่ราชโองการพระราชทานสมรสจะออกมา
ไม่เพียงเท่านี้ ฟางเหล่าต้องการใส่ร้ายเรื่องชาติกำเนิดของซิ่นอ๋องด้วย ดังนั้นเขาจึงสืบหาตัวนางกำนัลที่เคยรับใช้ฮองเฮาตอนที่นางเพิ่งแต่งงานเป็นชายาของรัชทายาทที่ถูกฮองเฮาตีจนขาหักและขับไล่ออกจากวังเพราะทำความผิด
นางกำนัลผู้นั้นโกรธแค้นฮองเฮาเป็นทุนเดิม เมื่อถูกฟางเหล่ากล่าวโน้มน้าวจึงยอมมาเป็นพยานว่าซิ่นอ๋องไม่ใช่โอรสของฮ่องเต้ ตอนนั้นฮองเฮาต้องการปิดบังเรื่องระยะเวลาตั้งครรภ์ของตัวเองจึงใส่ร้ายอวี๋กุ้ยเฟยมารดาแท้ๆ ของรัชทายาทว่าเป็นคนผลักนาง
ว่าไปแล้วก็บังเอิญนัก เมื่อฮองเฮาที่ตอนนั้นเป็นเพียงชายาเอกของรัชทายาทตั้งครรภ์ หมอหลวงที่ดูแลอาการของฮองเฮามาโดยตลอดคือจี้ปิ่งฝู จี้ปิ่งฝูเป็นคนฟ้องร้องคดีของเจี่ยนฉงเหวินจนทำให้ตระกูลเจี่ยนถูกประหารทั้งตระกูล ส่วนตัวเขาเองเสียชีวิตไปนานแล้ว ทายาทของเขาล้วนหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย
ต่อให้ทายาทของจี้ปิ่งฝูยังอยู่ในเมืองหลวง ฟางเหล่าก็ไม่กลัว ตั้งแต่ที่เจิ้นกั๋วอ๋องไป๋เวยถิงรื้อฟื้นคดีของเจี่ยนฉงเหวินขึ้นมาอีกครั้ง จี้ปิ่งฝูกลายเป็นขุนนางที่ใส่ร้ายขุนนางผู้ซื่อสัตย์ไปแล้ว ทายาทของเขาจะกล้าออกมายืนยันความบริสุทธิ์ให้ฮองเฮาได้อย่างไรกัน ต่อให้พวกเขากล้าออกมา ผู้ใดจะเชื่อถ้อยคำของทายาทขุนนางที่ใส่ร้ายขุนนางผู้จงรักภักดีกัน
ดังนั้นฟางเหล่ามั่นใจว่าแผนการครั้งนี้ของเขาจะช่วยรัชทายาทโค่นล้างฮองเฮาและซิ่นอ๋องลงได้
รัชทายาทตั้งใจว่าจะไปที่คุกศาลต้าหลี่อีกครั้งเพื่อปรึกษากับราชครูถานเรื่องการจับตาดูแม่ทัพของกองกำลังทหารรักษาพระองค์ที่ลอบติดต่อกับจงเส้าจ้ง ที่สำคัญควรมอบกองกำลังรักษาพระองค์ให้ไป๋ชิงเหยียนดูแลเป็นการชั่วคราวเพื่อป้องกันไว้ก่อน
“ลำบากฟางเหล่าแล้ว ยังมีอีกเรื่อง ก่อนหน้านี้พวกเราเอาแต่จับตาดูจวนซิ่นอ๋อง ทว่า ลืมนึกถึงตระจงซึ่งเป็นตระกูลฝ่ายมารดาของฮองเฮาไปเสียสนิท จงเส้าจ้งพี่ชายของฮองเฮาเคยเป็นรองแม่ทัพของกองกำลังรักษาพระองค์ เราควรส่งคนไปจับตาดูเขาเอาไว้ให้ดี! ป้องกันเขาลอบติดต่อกับทหารสังกัดเก่าของตัวเองเพื่อก่อกบฏ!”
รัชทายาทเชิดหน้าขึ้นให้เฉวียนอวี๋ติดกระดุมคอให้เขา สีหน้าของรัชทายาทเคร่งขรึม เขาปักใจเชื่อแล้วว่าฮองเฮามีส่วนเกี่ยวข้องกับการพลัดตกหลังม้าของฮ่องเต้
“องค์ชายทรงวางพระทัยได้พ่ะย่ะค่ะ! กระหม่อมจะส่งคนไปจับตาดูจงเส้าจ้งและจวนจงเดี๋ยวนี้พ่ะย่ะค่ะ ทว่า พวกเราควรเตรียมการไว้แต่เนิ่นๆ นะพ่ะย่ะค่ะ” ฟางเหล่ากล่าว
รัชทายาทนั่งลงบนเก้าอี้ เฉวียนอวี๋สวมรองเท้าหนังให้รัชทายาท
รัชทายาทหันไปมองทางฟางเหล่าพลางกล่าวขึ้น “ทหารสองหมื่นนายของค่ายผิงอันอยู่ที่นอกเมืองหลวง องค์หญิงเจิ้นกั๋วถนัดเรื่องทหารมากกว่าพวกเรา นางเป็นคนให้เฉวียนอวี๋มาเตือนให้เราระวังตัว นางย่อมมีแผนการในใจอยู่แล้ว! เราจะไปพบท่านราชครูถานที่คุกศาลต้าหลี่ด้วยตัวเองเพื่อปรึกษากับท่านว่าต้องการมอบอำนาจการควบคุมกองกำลังรักษาพระองค์ให้องค์หญิงเจิ้นกั๋วดูแลเป็นการชั่วคราว”
ฟางเหล่าได้ยินเช่นนี้ก็กำเสื้อผ้าของตัวเองแน่น กล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง “ไม่ได้นะพ่ะย่ะค่ะองค์ชาย กระหม่อมคิดว่าหากมอบกองกำลังรักษาพระองค์ให้องค์หญิงเจิ้นกั๋วดูแลอาจเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่นได้พ่ะย่ะค่ะ! กระหม่อมทราบดีว่าองค์ชายทรงเป็นห่วงความปลอดภัยของอวี๋กุ้ยเฟยซึ่งอยู่ในวังหลวง ครั้งนี้องค์ชายสามารถเรียกใช้คนของเราที่ส่งไปแทรกตัวอยู่ในกองกำลังรักษาพระองค์ให้ปกป้องคุ้มครองความปลอดภัยของอวี๋กุ้ยเฟยได้พ่ะย่ะค่ะ”
รัชทายาทขมวดคิ้วแน่น จัดแขนเสื้อของตัวเองให้เรียบร้อย “มีเหตุผล”
เมื่อฟางเหล่าเห็นว่ารัชทายาทเห็นด้วยกับความคิดของจนจึงกล่าวต่อ “องค์ชาย ดูเหมือนว่าร่างกายขององค์หญิงเจิ้นกั๋วจะแข็งแรงขึ้นทุกวันนะพ่ะย่ะค่ะ! องค์หญิงเจิ้นกั๋วคือแม่ทัพที่เก่งกาจในการรบ อีกทั้งมีสติปัญญาโดดเด่นเหนือผู้ใด คนเช่นนี้องค์ชายสามารถใช้งานได้ ทว่า ต้องคอยระวังไว้เช่นกันพ่ะย่ะค่ะ องค์ชายทรงอย่าเห็นว่าตอนนี้นางจงรักภักดีต่อองค์ชายเป็นอย่างมาก องค์ชายจึงเลิกหวาดระแวงในตัวนางนะพ่ะย่ะค่ะ”