ตอนที่ 617 ถือโอกาสลงมือ
องค์รัชทายาทขมวดคิ้วแน่น ไม่เห็นด้วยกับคำกล่าวของฟางเหล่า เขาเตรียมกล่าวขึ้น ทว่า ฟางเหล่ากล่าวเสริมขึ้นเสียก่อน “ได้คนที่เก่งกาจทั้งการรบและการวางแผนเช่นนี้มาเป็นคนสนิทขององค์ชาย หากวันหนึ่งเกิดผิดใจกันขึ้นมาก็เท่ากับเป็นการปักดาบลงในใจขององค์ชายนะพ่ะย่ะค่ะ หากอ่อนแอยังพอว่า ทว่า หากนางแข็งแรงขึ้นทุกวันเช่นนี้ นานวันเข้านางอาจลำพองขึ้นได้พ่ะย่ะค่ะ”
องค์รัชทายาทฟังคำกล่าวของฟางเหล่า สายตาจ้องนิ่งไปที่เปลวไฟที่สะบัดไปมา เขานึกถึงการสู้รบที่เก่งกาจและเด็ดเดี่ยวของไป๋ชิงเหยียน เดินทางลำบากและไกลถึงเพียงนี้ ทว่า ร่างกายของหญิงสาวกลับแข็งแรงกว่าตน ใจขององค์รัชทายาทกระตุกวูบ
“ที่ตอนแรกองค์ชายทรงไว้วางพระทัยในตัวองค์หญิงเจิ้นกั๋ว ไม่ใช่เพราะนางคือสตรี ทว่า เป็นเพราะนางร่างกายอ่อนแอ ไม่รู้จะเสียชีวิตลงเมื่อใดไม่ใช่หรือพ่ะย่ะค่ะ ไม่เพียงแต่องค์ชายเอง ทว่า ฝ่าบาทก็ทรงคิดเช่นนี้พ่ะย่ะค่ะ” ฟางเหล่ากล่าวเสียงหนักแน่น “ทว่า บัดนี้แม้องค์หญิงเจิ้นกั๋วจะดูอ่อนแอเหมือนเดิม ทว่า ฝีมือการต่อสู้ของนางไม่เหมือนกับคนป่วยอ่อนแอสักนิดพ่ะย่ะค่ะ”
“เราจะจำ…” องค์รัชทายาทชะงักไปนิดหนึ่ง “สิ่งที่ฟางเหล่ากล่าวไว้”
ฟางเหล่ารีบลุกขึ้นยืนทำความเคารพองค์รัชทายาท “องค์ชายทรงมีขอบเขต กระหม่อมจะได้ไม่ต้องเป็นห่วงพ่ะย่ะค่ะ”
เฉวียนอวี๋เหลือบมองฟางเหล่าแวบหนึ่ง เขาโน้มกายเดินตามองค์รัชทายาทมุ่งหน้าไปยังคุกศาลต้าหลี่ ตั้งใจว่าระหว่างทางไปคุกศาลต้าหลี่จะช่วยกล่าวแก้ต่างแทนไป๋ชิงเหยียน ให้องค์รัชทายาทได้เห็นถึงความจริงใจขององค์หญิงเจิ้นกั๋ว
ไป๋ชิงเหยียนขี่ม้าเร็วกลับไปที่จวนองค์หญิงเจิ้นกั๋ว มุ่งหน้าไปยังเรือนฉางโซ่วขององค์หญิงใหญ่ ถามองค์หญิงใหญ่ถึงเรื่องการสลบไม่ได้สติของฮ่องเต้
เมื่อแน่ใจว่าฮ่องเต้สลบไม่ได้สติจริงๆ ไป๋ชิงเหยียนจึงเล่าเรื่องที่ฝูรั่วซีสารภาพกับนางในคุกศาลต้าหลี่ว่าฮองเฮาบอกเขาว่าฮ่องเต้มีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน รวมถึงเรื่องที่นางคาดเดาว่าเหลียงอ๋องยุแยงให้ฮองเฮาถือโอกาสลงมือตอนที่ฮ่องเต้แสร้งจัดฉากตกจากหลังม้าเพื่อบีบให้องค์รัชทายาทสร้างหอบูชาเก้าชั้นให้องค์หญิงใหญ่ฟังทั้งหมด
องค์หญิงใหญ่โมโหจนหน้าเขียว กระแทกสร้อยลูกประคำลงบนโต๊ะอย่างแรง “เหลวไหล! เป็นถึงจักรพรรดิของแผ่นดิน ทว่า กล้านำความปลอดภัยของแผ่นดินมาล้อเล่นเพียงเพื่อต้องการสร้างหอบูชาเก้าชั้นอย่างนั้นหรือ!”
“ข้าคิดทบทวนอยู่หลายรอบ ด้วยนิสัยของพระองค์ หากไม่ได้ผ่านการคิดทบทวนมาอย่างดี เหตุใดจึงทรงเชิญราชครูถานและท่านย่าไปช่วยดูแลบ้านเมืองทันทีที่พลัดตกจากหลังม้าเช่นนี้เจ้าคะ ฝ่าบาทไม่ใช่คนที่เมื่อตกอยู่ในอันตรายแล้วจะมีสติคิดถึงบ้านเมืองและวังหลังของตัวเองเช่นนี้เจ้าค่ะ” ไป๋ชิงเหยียนกล่าว
องค์หญิงใหญ่รู้สึกอึดอัดใจจนแทบหายใจไม่ออก นางกุมเสื้อบริเวณหน้าอกของตัวเองแน่น ใบหน้าที่มีเมตตาบัดนี้เต็มไปด้วยความเกรี้ยวกราด เหตุใดตอนนั้นนางถึงรู้สึกว่าฮ่องเต้เหมาะสมกับบัลลังก์นี้ เหตุใดนางจึงแนะนำฮ่องเต้องค์นี้ตอนที่เสด็จพ่อของนางถามว่าผู้ใดเหมาะสมกับตำแหน่งองค์รัชทายาทกันนะ!
“ท่านย่า บัดนี้ฝูรั่วซียอมสารภาพแล้ว ใต้เท้าหลู่คงได้คำสารภาพทั้งหมดจากฝูรั่วซีเรียบร้อยแล้ว ท่านราชครูถานไปที่คุกศาลต้าหลี่แล้ว ท่านย่าคงต้องเข้าวังไปช่วยควบคุมจัดการเรื่องวังหลังและกักบริเวณฮองเฮาและคนอื่นๆ ไว้ก่อนเจ้าค่ะ ป้องกันฮองเฮาควบคุมวังหลังไว้เอง แล้วออกราชโองการให้บรรดาสตรีและครอบครัวของขุนนางใหญ่เข้าไปเป็นตัวประกันในวังเจ้าค่ะ” ไป๋ชิงเหยียนกล่าวกับองค์หญิงใหญ่ตามตรง
ในเมื่อฮ่องเต้ฝากวังหลังไว้กับองค์หญิงใหญ่ อีกทั้งมีคำสารภาพของฝูรั่วซี องค์หญิงใหญ่คือญาติผู้ใหญ่ นางมีสิทธิ์กักบริเวณฮองเฮาไว้ก่อนได้
องค์หญิงใหญ่พยักหน้า กล่าวสั่งการกับเจี่ยงหมัวมัว จากนั้นหันไปกล่าวกับไป๋ชิงเหยียน “กักบริเวณฮองเฮาอย่างเดียวคงไม่พอ ต้องจับตาดูตระกูลจงและซิ่นอ๋องเอาไว้ด้วย มิเช่นนั้นพวกเขาอาจถือโอกาสนี้ลงมือได้ แม้วันมะรืนจะเป็นงานแต่งงานของเหลียงอ๋องกับหลิ่วรั่วฟู เขาคงไม่มีจิตใจคิดถึงเรื่องอื่น ทว่า ต้องจับตาดูเขาเอาไว้ด้วย! ให้องค์รัชทายาทปรึกษาราชครูถานในทุกเรื่องก่อนออกคำสั่ง มิเช่นนั้นผู้อื่นอาจสงสัยในตัวองค์รัชทายาทได้”
“ท่านย่าไม่ต้องห่วงเจ้าค่ะ ข้ากำชับองค์รัชทายาทไว้แล้วเจ้าค่ะ ท่านย่าเข้าวังไปอย่างสบายใจเถิดเจ้าค่ะ องค์รัชทายาทเตรียมการกับกองทัพรักษาพระองค์ไว้แล้ว พวกเขาจะคุ้มครองความปลอดภัยของท่านย่าเองเจ้าค่ะ”
บัดนี้องค์รัชทายาทต้องพึ่งพาองค์หญิงใหญ่ในการควบคุมฮองเฮา เขาย่อมต้องป้องกันไม่ให้จงเส้าจ้งควบคุมกองกำลังทหารรักษาพระองค์ไปจับกุมตัวองค์หญิงใหญ่เพื่ออำนวยความสะดวกให้ฮองเฮาแน่นอน
เจี่ยงหมัวมัวเตรียมการทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยจึงเดินเข้ามาทำความเคารพองค์หญิงใหญ่ “องค์หญิงใหญ่ เตรียมพร้อมหมดแล้ว สามารถเดินทางเข้าวังได้ทุกเมื่อเจ้าค่ะ”
“ระวังตัวด้วยนะเจ้าคะท่านย่า” ไป๋ชิงเหยียนประคององค์หญิงใหญ่ลุกขึ้น จากนั้นหันไปกล่าวกับเจี่ยงหมัวมัว “ให้เว่ยจงคอยคุ้มกันข้างกายท่านย่าไม่ให้คลาดสายตา อย่าให้ท่านย่ามีอันตรายเด็ดขาด”
องค์หญิงใหญ่ไม่สามารถพาองครักษ์ไป๋เข้าไปในวังหลวงได้ เว่ยจงคือขันที เขาเคยอยู่ในวังหลวงมาก่อน สามารถติดตามองค์หญิงใหญ่เข้าไปในวังหลวงได้อย่างไร้อุปสรรค
เจี่ยงหมัวมัวรับคำ “คุณหนูใหญ่ไม่ต้องเป็นห่วงเจ้าค่ะ มีบ่าวกับเว่ยจงอยู่ ต่อให้พวกบ่าวต้องตายก็จะปกป้ององค์หญิงใหญ่ให้ปลอดภัยไร้รอยขีดข่วนเจ้าค่ะ”
ไป๋ชิงเหยียนไม่เคยสงสัยในความจงรักภักดีของเจี่ยงหมัวมัว
ไป๋ชิงเหยียนออกไปส่งองค์หญิงใหญ่ขึ้นรถม้าด้วยตัวเอง เมื่อรถม้าจากไป หญิงสาวกำมือที่ไขว้อยู่ทางด้านหลังแน่น
เมื่อฮองเฮาถูกกักบริเวณ ซิ่นอ๋องและจงเส้าจ้งต้องไม่ยอมอยู่เฉยอย่างแน่นอน นี่น่าจะเป็นสิ่งที่เหลียงอ๋องและเสียนอ๋องอยากเห็นมากที่สุด
บัดนี้นางส่งเว่ยจงออกไปปฏิบัติภารกิจแล้ว ได้เวลาลงมือทำเรื่องสำคัญเสียที
ไป๋ชิงเหยียนหมุนกายกลับเข้าจวนด้วยสีหน้าเคร่งเครียด หญิงสาวให้คนเรียกหลูผิงมาพบ สั่งให้เขาลอบไปที่จวนฉินอย่างลับๆ บอกให้ไป๋จิ่นซิ่วมอบองครักษ์ลับที่มีอยู่ทั้งหมดให้หลูผิง หญิงสาวมีเรื่องต้องใช้งานพวกเขา จากนั้นสั่งให้หลูผิงกำชับไป๋จิ่นซิ่วว่าในช่วงสามวันนี้ให้อยู่แต่ในจวน หากไม่มีเรื่องจำเป็นไม่ต้องออกมาจากจวน
ไป๋ชิงเหยียนไม่สามารถใช้งานองครักษ์ไป๋ที่อยู่ในเมืองหลวงได้เพราะอาจเดือดร้อนถึงตระกูลไป๋
ไป๋ชิงเหยียนเคยแบ่งองครักษ์ลับที่ท่านย่ามอบให้นางออกเป็นสองกลุ่มแบ่งให้ไป๋จิ่นซิ่วและไป๋จิ่นถง
ผู้อื่นไม่รู้ถึงการมีอยู่ขององครักษ์ลับกลุ่มนี้ ไป๋ชิงเหยียนต้องการทำเรื่องสำคัญที่เป็นความลับ หญิงสาวควรเลือกใช้องครักษ์ลับกลุ่มนี้น่าจะดีที่สุด
ไป๋ชิงเหยียนสั่งให้บ่าวรับใช้ทุกคนออกไปจากเรือนชิงฮุยโดยอ้างว่าตนเองจะฝึกซ้อมหอกเงิน เหลือชุนเถาไว้ปรนนิบัติรับใช้เพียงคนเดียว
ไม่ถึงครึ่งชั่วยาม องครักษ์ลับที่อยู่กับไป๋จิ่นซิ่วทั้งหมดถูกหลูผิงพากลับมาที่เรือนชิงฮุย
ไป๋ชิงเหยียนปักหอกเงินหงอิงลงไปบนดิน รับผ้าเช็ดหน้ามาจากถาดสีดำที่ชุนเถาถือยืนรออยู่ หญิงสาวมองดูองครักษ์ลับที่คุกเข่าเรียงรายกันอย่างเป็นระเบียบอยู่บนพื้น
ไป๋ชิงเหยียนเช็ดเหงื่อเสร็จเรียบร้อยจึงยกน้ำชาขึ้นจิบพลางกล่าว “วันนี้ข้าต้องการให้พวกเจ้าไปเฝ้าคุกศาลต้าหลี่เอาไว้ หากมีคนบุกเข้าไปสังหารฝูรั่วซี พวกเจ้าจงถือโอกาสตอนที่ด้านในกำลังโกลาหลช่วยเหลือตัวฝูรั่วซีออกมาให้ได้ จากนั้นลอบพาเขามาพบข้าอย่างเงียบเชียบที่สุด”
“ขอรับ!”
องครักษ์ลับรับคำพลางหายตัวไปท่ามกลางแสงจันทร์ที่สาดส่องมาที่เรือนชิงฮุย เหลือเพียงเสียงพัดปลิวของใบไม้
เพียงครู่เดียว ก้อนเมฆลอยบดบังดวงจันทร์ ลมหนาวก่อตัวขึ้น
เสียงนกร้องยามวิกาล เงาของต้นไม้ส่ายไปมา
“คุณหนูใหญ่ ลมแรงแล้ว วันนี้เราไม่ต้องฝึกซ้อม รีบกลับไปนอนพักผ่อนดีหรือไม่เจ้าคะ” ชุนเถากล่าวเสียงอ่อนโยน
ความวุ่นวายกำลังจะเกิดขึ้นในเมืองหลวง วันนี้…ไป๋ชิงเหยียนคงนอนไม่หลับ
ความมืดมิดในยามวิกาลคือโอกาสดีในการสังหารชีวิตคน
คืนนี้ต้องมีคนบุกไปสังหารฝูรั่วซีอย่างแน่นอน แม้ไม่ใช่ฮองเฮา ทว่า ซิ่นอ๋องก็คงลงมืออย่างทนต่อไปไม่ไหว แม้ซิ่นอ๋องจะทนไหว เหลียงอ๋องก็ต้องหาทางทำให้ซิ่นอ๋องทนไม่ไหว
โดยเฉพาะคนที่สะกดรอยตามนางในวันนี้ คนผู้นั้นเห็นนางเดินออกมาจากคุกศาลต้าหลี่แล้วจากไปอย่างเงียบเชียบ เขาต้องกลับไปรายงานเจ้านายของเขาอย่างแน่นอน