ตอนที่ 622 สมรู้ร่วมคิด
เมื่อเห็นคนที่เหลือต่างดื่มจนเมามายไม่ได้สติเช่นกัน ฟ่านอวี๋ไหวลอบคิดอยู่ในใจว่ารัชทายาทสั่งให้เขาจับกุมตัวกบฏ ทว่า คนพวกนี้แค่มาดื่มสุราเสพสำราญกันเฉยๆ เขาจะจับกุมตัวพวกเขาได้อย่างไรกัน
ฟ่านอวี๋ไหวกลืนไม่เข้าคายไม่ออกจึงเรียกเรียกผู้ดูแลหอนางโลมเข้ามาสอบถาม “ใต้เท้าจงมาตั้งแต่เมื่อใด”
ผู้ดูแลหอนางโลมมองไปทางจงเส้าจ้งแวบหนึ่ง จากนั้นเอ่ยตอบความจริง
“เพิ่งมาได้ไม่นานเจ้าค่ะ ทว่า เหตุใดเหล่าใต้เท้าถึงเมามายกันเช่นนี้เจ้าคะ” ฟ่านอวี๋ไหวมองไปยังสตรีนางหนึ่งที่ตัวสั่นเทาอย่างรุนแรง ชี้ไปยังนาง “เจ้า ลองบอกมาสิว่าพวกใต้เท้าดื่มไปคนละกี่จอกแล้ว!”
“แหม ใต้เท้าฟ่าน!” จงเส้าจ้งกดมือของฟ่านอวี๋ไหวให้ลดลงยิ้มๆ ใช้กายบังหน้าฟ่านอวี๋ไหวเอาไว้ กล่าวอย่างเมามาย “เหตุใดท่านต้องทำให้สาวงามลำบากใจด้วยขอรับ มีเรื่องอันใด ใต้เท้ากล่าวกับข้าก็ได้ขอรับ”
“ท่านคือพี่เขยของฝ่าบาท ข้าไม่กล้าล่วงเกิน ทว่า ข้าได้รับรายงานว่ามีคนมารวมตัวกันวางแผนก่อกบฏอยู่ที่นี่ ในเมื่อใต้เท้าจงใจกว้างให้ข้าสอบถามจากท่านได้ เช่นนั้นเชิญใต้เท้าจงและบรรดาแม่ทัพทั้งหลายไปพบรัชทายาทและราชครูถานกับข้าที่ศาลต้าหลี่เพื่ออธิบายเรื่องทั้งหมดให้กระจ่างแจ้งทีเถิดขอรับ”
กล่าวจบ ฟ่านอวี๋ไหวมีท่าทีแข็งกร้าวขึ้นทันที “พาใต้เท้าจงและทุกคนไปสร่างเมาที่ศาลต้าหลี่ พาผู้ดูแลหอนางโลมและสาวงามเหล่านี้ไปสอบถามอย่างละเอียดด้วยว่าพวกนางนำเหล้าอันใดให้บรรดาใต้เท้าดื่ม พวกเขาถึงได้เมามายภายในเวลาอันสั้นเช่นนี้”
“เอาเถิด ในเมื่อใต้เท้าฟ่านอยากให้พวกข้าไปพบองค์รัชทายาท พวกข้าก็จะไป ทว่า ใต้เท้าฟ่านอย่าทำให้เป็นเรื่องใหญ่จนทุกคนรับรู้กันไปทั่วเชียว ข้าได้เลื่อนตำแหน่งจึงออกมาสังสรรค์กับบรรดาลูกน้องเก่า ทว่า ภรรยาข้าเข้มงวดนัก หากนางรู้ว่าข้ามาที่หอนางโลมคงไม่ดีแน่! ใต้เท้าฟ่านโปรดเห็นใจ อย่าทำให้เป็นเรื่องใหญ่เลยนะขอรับ พวกเราตามใต้เท้าไปก็สิ้นเรื่องแล้ว”
จงเส้าจ้งกล่าวจบก็ดึงเครื่องแต่งกายของตัวเองยิ้มๆ “ท่านดูสิ พวกเรามีเพียงเสื้อซับใน ใต้เท้าจงคงไม่ให้พวกเราเดินขายหน้าออกไปทั้งอย่างนี้ใช่หรือไม่”
“ได้ขอรับ ข้าจะไปรอใต้เท้าและทุกท่านที่ด้านล่างหอ ทุกท่านโปรดอย่าทำให้ข้าลำบากใจนะขอรับ” ฟ่านอวี๋ไหวหันไปสั่งการกับลูกน้องของตัวเอง “พาผู้ดูแลหอและสตรีเหล่านี้ไปให้หมด นำรถม้ามาเพิ่มให้บรรดาใต้เท้าด้วย”
“ขอรับ!”
บรรดาหน่วยตรวจเมืองรับคำแล้วแยกย้ายกันปฏิบัติตามคำสั่ง ผู้ดูแลหอนางโลมถลาเข้าไปหาฟ่านอวี๋ไหวท่ามกลางเสียงกรีดร้องของสตรีในหอนางโลม
“ใต้เท้าฟ่าน! ใต้เท้าฟ่าน ท่านโปรดปรานีด้วยเถิดเจ้าค่ะ สตรีเหล่านี้ถูกดูแลปรนนิบัติอย่างดี พวกนางจะไปยังศาลต้าหลี่ได้อย่างไรกันเจ้าคะ” ผู้ดูแลหอนางโลมรีบล้วงตั๋วเงินออกมาจากอก แอบยัดใส่มือของฟ่านอวี๋ไหว “ข้าเชิญพวกของใต้เท้าดื่มน้ำชาเจ้าค่ะ ท่านได้โปรดเมตตาด้วยเจ้าค่ะ บรรดาสาวๆ ของข้าไม่เคยลำบากมาก่อนเจ้าค่ะ”
ฟ่านอวี๋ไหวรับตั๋วเงินมาจากผู้ดูแลหอนางโลม จากนั้นหันไปกล่าวกับลูกน้องที่ยืนอยู่ทางด้านหลัง “นี่คือสินบนที่เป็นหลักฐาน เก็บไว้ให้ดี!”
“ขอรับ!”
ผู้ดูแลหอนางโลมหน้าถอดสีทันที นางอยากถลาเข้าไปอ้อนวอนต่อ ทว่า ถูกทหารที่จับกุมตัวบรรดาสตรีในหอนางโลมเบียดจนต้องหลบไปอีกทาง
บรรดาแม่ทัพกองทัพทหารรักษาพระองค์ทนไม่ไหว ลุกขึ้นยืนตบโต๊ะ รั้งบรรดาสตรีของหอนางโลมไปหลบอยู่ด้านหลัง
หนึ่งในนั้นถีบโต๊ะคว่ำ จานใส่ถั่วและกับแกล้มหล่นแตก เขาตวาดเสียงดังลั่น “ฟ่านอวี๋ไหว! เจ้าหมายความว่าอย่างไร พวกเราแค่มาดื่มเหล้าที่หอนางโลม ทำผิดกฎของต้าจิ้นข้อใดกัน พวกท่านถึงได้มาจับกุมตัวพวกข้าเช่นนี้ ช่างบังอาจยิ่งนัก เจ้าคิดว่าทหารรักษาพระองค์อ่อนแอจนเจ้าจะจัดการเช่นไรก็ได้อย่างนั้นหรือ”
ฟ่านอวี๋ไหวมองไปทางแม่ทัพกองกำลังทหารรักษาพระองค์ กล่าวสีหน้าเคร่งเครียด “ข้าได้รับคำสั่งจากองค์รัชทายาทและราชครูถานให้มาเชิญพวกท่านไปสอบสวนที่ศาลต้าหลี่ หากล่วงเกินพวกท่าน วันหน้าข้าจะไปขอขมาถึงที่ ทว่า ตอนนี้อย่างว่าแต่ถีบโต๊ะเลย ต่อให้พวกท่านทำลายหอนางโลมแห่งนี้ ข้าก็ต้องพาพวกท่านกลับไปที่ศาลต้าหลี่ให้ได้”
กล่าวจบ ฟ่านอวี๋ไหวหันไปตะโกนเสียงดังลั่น “องค์รัชทายาทและราชครูถานมีคำสั่ง หากผู้ใดขัดขืนให้ฆ่าได้ทันที! จับตัวไป!”
ฟ่านอวี๋ไหวออกคำสั่งเสร็จก็เดินลงไปด้านล่างทันที
เมื่อผู้ดูแลหอนางโลมที่นั่งร้องไห้อยู่บนพื้นเห็นบรรดาสตรีของหอนางโลมที่เอาแต่ร้องเรียกให้นางช่วยเหลือถูกทหารหน่วยตรวจเมืองลากตัวออกไปจากหอนางโลม นางรีบถลาเข้าไปห้าม ทว่า คิดไม่ถึงว่านางจะถูกคนดึงคอเสื้อลากออกไปด้านนอกเช่นเดียวกัน
“โอ้ย นายท่านเมตตาหน่อยเถิดเจ้าค่ะ ข้าแก่แล้วทนแรงเช่นนี้ไม่ไหวแล้วเจ้าค่ะ” ผู้ดูแลหอนางโลมตกใจจนหน้าขาวซีด รีบกล่าวอ้อนว้อน
เมื่อจงเส้าจ้งเห็นว่าฟ่านอวี๋ไหวไม่ไว้หน้าผู้ใดทั้งสิ้น เขาจึงขบกรามแน่น หันไปกล่าวกับลูกน้องเก่าของตัวเอง “ช่างเถิด พวกเราไปศาลต้าหลี่สักรอบก็แล้วกัน พวกเราไม่ได้ทำสิ่งใดผิด ไม่จำเป็นต้องกลัว คนทำผิดต่างหากที่เอาแต่จับตาดูความเคลื่อนไหวของพวกเราทุกกระเบียดนิ้ว พวกเราไปเถิด ท่านราชครูถานไม่ใช่คนไม่มีเหตุผล พวกเราอธิบายให้เขาเข้าใจก็พอ”
จงเส้าจ้งกล่าวเหน็บรัชทายาท
เขายกมือคาราวะบรรดาแม่ทัพของกองทัพทหารรักษาพระองค์ “ทุกท่าน ข้าไม่ดีเองที่เชิญพวกท่านออกมาฉลองที่หอนางโลมเช่นนี้ ทุกท่านจึงพลอยเดือดร้อนไปด้วย ข้าขอร้องให้พวกท่านอย่าได้ขัดขืนหน่วยตรวจเมือง ยอมไปศาลต้าหลี่กับพวกเขาเถิด”
จงเส้าจ้งกล่าวถึงขนาดนี้แล้ว แม้บางคนจะยังรู้สึกไม่พอใจ ทว่า ต่างพยักหน้ายอมตามจงเส้าจ้งไปยังศาลต้าหลี่
ไม่นานบรรดาสตรีของหอนางโลมทั้งหมดจึงถูกจับกุมตัว รองหัวหน้าหน่วยตรวจเมืองกล่าวขึ้นยิ้มๆ “ทุกท่านรีบแต่งกายให้เรียบร้อยเถิด ข้าจะรอพวกท่านอยู่ด้านนอก หากต้องการสิ่งใดโปรดบอกมาได้เลยขอรับ”
กล่าวจบ รองหัวหน้าหน่วยตรวจเมืองปิดประตูลง
“ฟ่านอวี๋ไหวจงรักภักดีต่อฝ่าบาทมาโดยตลอด เหตุใดจึงกลายเป็นพวกของรัชทายาทไปได้” แม่ทัพคนหนึ่งกล่าวขึ้น
ปี้เหิงที่ถูกจงเส้าจ้งสั่งให้ซ่อนตัวอยู่ใต้เตียงคลานออกมาจากเตียง “ใต้เท้าจง บัดนี้จะทำเช่นไรดีขอรับ”
“ฟ่านอวี๋ไหวฟังคำสั่งของฝ่าบาทก็จริง ทว่า บัดนี้ฝ่าบาททรงสลบไม่ได้สติ เขาย่อมต้องฟังคำสั่งของรัชทายาท ตอนนี้เขาถือเป็นคนของรัชทายาทครึ่งหนึ่งแล้ว” จงเส้าจ้งกล่าว
บางคนเริ่มกังวล ขยับเข้าไปใกล้จงเส้าจ้งพลางกล่าวเสียงเบาหวิว “ใต้เท้า รัชทายาททรงรีบร้อนจับกุมตัวพวกเราเช่นนี้ พระองค์คงทราบแล้วว่าพวกเราจะไปคุ้มครองฝ่าบาทจึงคิดอยากลงมือกับพวกเราก่อน ใต้เท้า…”
จงเส้าจงขบกรามแน่น เขาจะไม่รู้ได้อย่างไรกัน
“เมื่อพวกเราไปยังศาลต้าหลี่ รัชทายาทคงไม่ยอมปล่อยพวกเราออกมาจนกว่าจะปลงพระชนม์ฝ่าบาทสำเร็จแน่” อีกคนกล่าวขึ้น
“ดูเหมือนว่ารัชทายาทคิดจะกบฏจริงๆ ดั่งที่ใต้เท้าจงกล่าว มิเช่นนั้นพระองค์จะทรงจับตาดูพวกเราและรีบร้อนสั่งคนมาจับตัวพวกเราไปที่ศาลต้าหลี่เพราะเหตุใดกัน!”
“ราชครูถานเป็นคนสุขุมและมีสติ เหตุใดถึงสมรู้ร่วมคิดกับรัชทายาทได้”