ตอนที่ 634 อยู่ไม่เป็นสุข
พลธนูซึ่งยืนอยู่ด้านล่างบันไดง้างสายธนูเต็มเหนี่ยว รอเวลาลงมือ ทั้งจวนไป๋ตกอยู่ในความสงบไม่ได้ยินแม้แต่เสียงลม
องครักษ์ไป๋ล้วนเป็นทหารที่ถอนตัวจากกองทัพไป๋ พวกเขาได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี ทุกคนคือทหารกล้าที่ไม่กลัวตาย แม้หลังจากได้รับบาดเจ็บพวกเขาจะไม่ได้ออกรบมานานหลายปี ทว่า ทุกคนล้วนหมั่นฝึกฝนความสามารถของตัวเองอยู่ตลอดเวลา หวังว่าสักวันหนึ่งจะได้กลับเข้าไปในกองทัพไป๋อีกครั้ง
เมื่อถึงเวลานี้ยิ่งเห็นชัดว่าบ่าวรับใช้ของตระกูลไป๋แตกต่างจากตระกูลอื่นๆ
บ่าวรับใช้ตระกูลอื่นแม้อาจไม่ได้ร้องไห้ออกมา ทว่า อย่างน้อยก็คงหวาดกลัวจนไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรงๆ แข้งขาอ่อนแรงกันหมดแล้ว
ทว่า บ่าวรับใช้ตระกูลไป๋ต่างคว้าอุปกรณ์ในจวนที่พอใช้ประโยชน์ได้ออกมารวมตัวกันที่ลานหญ้า บางคนตะโกนลั่นว่าจะคุ้มกันประตูฉุยฮวาให้ได้แม้ตัวตาย ทุกคนล้วนเต็มไปด้วยไอสังหาร พร้อมคุ้มกันจวนไป๋ด้วยชีวิต
มีองครักษ์และบ่าวรับใช้เช่นนี้อยู่ ผู้ใดจะบุกรุกเข้ามาในจวนไป๋ได้สำเร็จกัน
เสียงม้าดังขึ้นจากนอกกำแพงสูง เสียงฝีเท้าที่หนักแน่นและพร้อมเพรียงเดินมาหยุดอยู่หน้าประตูจวนองค์หญิงเจิ้นกั๋วแล้ว
ผู้นำองครักษ์ไป๋ตะโกนบอกองครักษ์ไป๋ที่ก้มกายซ่อนตัวอยู่บนบันไดสูง “โยนใส่พวกมัน!”
องครักษ์ไป๋ที่ก้มตัวอยู่บนบันไดหยัดกายตรงทันที พวกเขาโยนไหเหล้าไปยังบรรดาทหารที่อยู่นอกกำแพง
เสียงแตกละเอียดของไหเหล้าและเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดของเหล่าทหารดังปนเปกัน
“เหล้า! นั่นเหล้า!”
คนนอกกำแพงตะโกนลั่น “ระวัง! นั่นคือเหล้า ระวังพวกมันใช้ไฟ!”
องครักษ์ไป๋ง้างสายธนูเตรียมพร้อมอยู่ก่อนแล้ว เมื่อเห็นองครักษ์ไป๋ซึ่งมีหน้าที่โยนไหเหล้าลงจากบันไดมาเอาไหเหล้าใหม่ พวกเขาจึงรีบจุดไฟที่ปลายธนู จากนั้นก้าวขึ้นไปบนบันไดอย่างรวดเร็ว ลูกธนูไฟพุ่งตรงไปยังทหารที่กำลังตะโกนร้องอยู่กลางซอยอย่างรวดเร็ว
เหล้าดีกรีแรงปะทะกับไฟ ยิ่งเมื่อมีลมเป็นตัวช่วย เปลวเพลิงลุกโหมขึ้นนอกกำแพงสูงของจวนไป๋ทันที ด้านนอกเต็มไปด้วยเสียงร้องอย่างเจ็บปวดของทหาร
“ให้ตายเถอะ! แบกท่อนไม้เข้ามาพังประตู! เร็วเข้า!” แม่ทัพหนานตูขึ้นไปยืนอยู่บนบันไดสูงหน้าประตูจวนองค์หญิงเจิ้นกั๋วแล้ว เขาจะไม่ยอมให้ทหารของเขาจบชีวิตด้วยเหล้าและลูกธนูของตระกูลไป๋อยู่ที่นี่โดยเขาทำสิ่งใดไม่ได้เลยเด็ดขาด “เจ้ารีบไปขอกำลังเสริมมาด่วน!”
แม่ทัพผู้นั้นตะโกนบอกให้บรรดาทหารพังประตูของจวนไป๋ด้วยสำเนียงที่ฟังชัดว่ามาจากเมืองหนานตูอย่างร้อนใจ
เยว่สือที่ย่อกายอยู่หน้าประตูจวนชักดาบออกพลางหันไปมองเซียวหรงเหยี่ยนแวบหนึ่ง เมื่อเห็นเซียวหรงเหยี่ยนพยักหน้า เยว่สือรอจังหวะลงมือ ไม่นานปลายดาบฟันฉับลงมาจากด้านบน ตัดศีรษะของแม่ทัพผู้นั้นได้สำเร็จ
ภายในพริบตาเดียว ศีรษะของแม่ทัพหนานตูกลิ้งจากบันไดจวนองค์หญิงเจิ้นกั๋วลงไปด้านล่าง ส่วนร่างของเขา…ยังอยู่ที่เดิม มือยังคงอยู่ที่ตัวดาบ ทว่า สุดท้ายแล้วก็ไม่มีโอกาสชักดาบนั้นออกมา
“เปิดประตู!” เยว่สือตะโกนลั่น
สีหน้าของหลูผิงตึงเครียด ทำตามคำสั่งของเซียวหรงเหยี่ยน “พลธนูเตรียมพร้อม เปิดประตู!”
เมื่อทหารหนานตูที่กำลังแบกท่อนไม้มาพังประตูเห็นศีรษะแม่ทัพของตนกลิ้งมาตกอยู่ที่ปลายเท้า บรรดาองครักษ์ชุดดำที่คุ้มกันอยู่ข้างกายแม่ทัพของตนล้วนถูกสังหารจนเกลี้ยง พวกเขาต่างตะลึงงันอยู่กับที่ ไม่กล้าเดินไปด้านหน้าอีกแม้แต่ก้าวเดียว
ประตูหกบานสีแดงเคลือบทองซึ่งย้อมด้วยเลือดสดของคนทุกรุ่นของตระกูลไป๋ที่พวกเขาคิดว่าต้องใช้ท่อนไม้ที่หนักที่สุดกระแทกจนพัง บัดนี้ไม่รอให้พวกเขาแบกไม้ขึ้นไปยังบันไดสูง ประตูจวนกลับเปิดอ้ากว้าง
องครักษ์ไป๋ยืนเรียงรายกันอย่างเป็นระเบียบอยู่ด้านในประตูท่ามกลางแสงจากโคมไฟแกว่งไปมา
พลธนูสลับกันยิงธนูอยู่บนกำแพงสูงอย่างไม่หยุดพัก
พลูธนูที่ยืนอยู่หลังโล่กำบังง้างสายธนูเต็มเหนี่ยว พร้อมยิงออกไปทุกเมื่อ
ด้านหลังคือองค์รักษ์ไป๋ซึ่งถือดาบยาว สีหน้าของแต่ละคนเต็มไปด้วยความหนักแน่น
เซียวหรงเหยี่ยนซึ่งยืนอยู่หน้าโถงรับรองหลักกำดาบคมในมือแน่น รอบกายของชายหนุ่มเต็มไปด้วยความองอาจทรงพลังและไอสังหารที่ปิดไว้ไม่มิด ร่างที่เต็มไปด้วยบารมีนี้ไม่เหมือนกับพ่อค้าที่ดูสุขุมอ่อนโยนแม้แต่น้อย
ท้องฟ้าเหนือเมืองหลวงเต็มไปด้วยเมฆทึบ ควันไฟจากจวนไป๋ลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า ทั่วบริเวณเต็มไปด้วยเสียงร้องด้วยความเจ็บปวด ทว่า ภายในจวนไป๋กลับเงียบสงบจนและทรงพลังจนน่าหวาดหวั่น
เยว่สือค่อยๆ ลดดาบยาวที่เปื้อนเลือดในมือลงช้าๆ ยืนนิ่งอยู่หน้าประตูจวนราวกับเทพพิทักษ์ประตู เขาปรายตามองไปทางบรรดาทหารกบฏที่แบกท่อนไม้แวบหนึ่ง จากนั้นแสยะยิ้มและหมุนตัวเข้าไปในจวน
กองทัพหนานตูไร้ซึ่งผู้นำ ตระกูลไป๋ดูพร้อมรับมือกับพวกเขาเพียงนี้ หากบุกเข้าไปคงมีแต่ตายอย่างเดียว
สิ่งที่น่ากลัวมากที่สุดสำหรับกองทัพคือการเสียขวัญและกำลังใจ
เมื่อครู่องครักษ์ไป๋โยนเหล้าจุดไฟเผาจนทำลายกำลังใจของทหารหนาตูได้ในพริบตาเดียว เมื่อแม่ทัพเสียชีวิตลง ทหารหนานตูที่ถูกไฟลวกจนเกือบตายจะมีกำลังใจต่อสู้ต่อได้อย่างไรกัน
กลยุทธ์ที่ดีที่สุดในการรบคือโจมตีขวัญและกำลังใจของศัตรู
เสียงสู้รบที่ดังกระหึ่มเงียบลงชั่วขณะ ทหารระดับหน้าของกองทัพหนานตูบุกออกมาจากกลุ่มพลางตะโกนเสียงดังลั่นให้บุกเข้าไปในจวนไป๋
ธนูพุ่งไปกลางอากาศ ทหารกลุ่มแรกที่บุกเข้ามาในจวนไป๋ล้วนล้มลงกับพื้น เมื่อพลธนูซึ่งอยู่บนกำแพงเห็นว่าทหารหนานตูที่รอดชีวิตจากการถูกไฟไหม้บุกเข้าไปในจวนไป๋ประมาณครึ่งหนึ่งแล้ว เขาจึงตะโกนเสียงดังลั่น “ปิดประตู!”
จำนวนคนของตระกูลไป๋มีน้อยกว่าทหารฝ่ายศัตรู ดังนั้นเซียวหรงเหยี่ยนจึงต้องการกำจัดพวกนั้นเป็นกลุ่มๆ
ปล่อยพวกเขาเข้ามาส่วนหนึ่งก่อน จากนั้นปิดประตูตีแมว อาศัยช่วงที่ด้านนอกกำลังพังประตูเข้ามา สังหารทหารที่บุกเข้ามาด้านในแล้วให้สิ้นซากเสียก่อนจากนั้นค่อยกำจัดพวกที่อยู่ด้านนอก
ไม่ว่าอย่างไรเซียวหรงเหยี่ยนก็ไม่มีทางปล่อยให้กองทัพหนานตูผ่านประตูฉุยฮวาเข้าไปได้แน่นอน
เซียวหรงเหยี่ยนวางแผนนี้ขึ้นมาโดยคำนวณจากทหารประมาณหนึ่งพันนาย เขาจะทำให้ทหารหนานตูที่บุกมายังจวนไป๋ไม่มีโอกาสมีชีวิตรอดกลับไปอีก เช่นนี้จะได้ช่วยลดภาระให้ไป๋ชิงเหยียน นึกไม่ถึงเลยว่า…ไม่รู้ว่าเสียนอ๋องดูถูกองค์รักษ์ไป๋หรือว่าเขาไม่มีกำลังมากพอที่จะแบ่งมาโจมตีจวนไป๋แล้วกันแน่ เขาถึงส่งคนมาน้อยถึงเพียงนี้
ภายในเรือนฉางโซ่ว
เสียงท่อนไม้กระแทกประตูจากเรือนหน้าดังแว่วมาทางเรือนหลังผ่านสายลมที่พัดผ่าน
ใจของฮูหยินสองเต้นรัวราวกับคนป่วยเป็นโรคหัวใจ นางอยู่ไม่เป็นสุข ผ้าเช็ดหน้าไหมในมือเปียกชื้นไปด้วยเหงื่อจนเปื้อนสกปรกไปหมด
แม่นางหลูและหมอหงซึ่งอายุมากแล้วต่างมารวมตัวอยู่ที่เรือนฉางโซ่ว
หมอหงดูสงบเพราะเขาเคยติดตามเจิ้นกั๋วอ๋องไป๋เวยถิงไปยังสนามรบมาแล้ว เขานั่งจิบชาอยู่บนโต๊ะกลมในเรือนฉางโซ่ว ด้านข้างมีดาบเล่มหนึ่งวางอยู่ ราวกับว่าหากผู้คนกล้าบุกเข้ามาในเรือนฉางโซ่ว หมอหงจะต่อสู้ด้วยชีวิตของเขา จะไม่ยอมให้คนแตะต้องฮูหยินสองและคุณหนูเจ็ดแม้เพียงปลายเล็บ
แม่นางหลูเพิ่งเคยเผชิญกับเหตุการณ์เช่นนี้เป็นครั้งแรก หญิงสาวมองเห็นเปลวไฟจากเรือนหน้า ใจของนางเต้นรัวเช่นเดียวกัน
กลับกลายเป็นคุณหนูเจ็ดไป๋จิ่นเซ่อที่ดูใจกล้ากว่าทุกคน บรรดาหมัวมัวคุ้มกันสาวน้อยอยู่ตรงกลาง ทว่า นางกลับถอดรองเท้า คลานขึ้นไปบนเตียง แง้มหน้าต่างข้างเตียงออกเล็กน้อย
เสียงสู้รบจากด้านนอกลอดเข้ามาในห้อง สาวน้อยจ้องไปทางเปลวเพลิงที่เรือนหน้านิ่ง เสียงท่อนไม้กระแทกประตูดังชัดเจนขึ้นท่ามกลางบรรยากาศที่เงียบสงบ
หลิวซื่อกำชายเสื้อของตัวเองแน่น นางหวาดกลัวจนขาอ่อน ไม่มีแรงลุกขึ้นจากเก้าอี้ บัดนี้นางไม่ได้ห่วงความปลอดภัยของตัวเอง ทว่า ห่วงความปลอดภัยของวั่งเกอและจิ่นซิ่วมากกว่า
นางกลัวมาก หากองครักษ์ไป๋ที่อยู่ด้านหน้าต้านทานศัตรูไว้ไม่ได้ นางจะส่งไป๋จิ่นเซ่อหนีออกไปจากที่นี่ได้อย่างไรกัน