ตอนที่ 654 แผนเจ็บตัว
เซียวหรงเหยี่ยนค่อยๆ โน้มศีรษะเข้าไปใกล้ไป๋ชิงเหยียน กล่าวเสียงแผ่วเบา “ชีวิตนี้สั้นนัก หากขาดเจ้าไปข้าจะทำเช่นไร”
ลมหนาวพัดเข้ามาด้านในจนมุ้งข้างหนึ่งของเตียงเลิกขึ้นเล็กน้อย ถุงหอมติดกระดิ่งที่บรรดาน้องสาวของไป๋ชิงเหยียนผูกไว้ที่หัวเตียงให้หญิงสาวเป็นการอวยพรดังขึ้นเป็นจังหวะ
ทั้งสองคนใกล้กันมากขึ้นเรื่อยๆ ชายหนุ่มสบตาของไป๋ชิงเหยียนนิ่ง ปลายจมูกสัมผัสกับปลายจมูกของหญิงสาวเบาๆ อย่างหยั่งเชิง
ไป๋ชิงเหยียนกลั้นลมหายใจ มือที่กุมแขนของเซียวหรงเหยี่ยนไว้คันยุบยิบเล็กน้อย หญิงสาวรู้สึกเหมือนแขนไร้เรี่ยวแรง ฝ่ามือพาดอยู่บนท่อนแขนของชายหนุ่มอย่างอ่อนแรง
ไป๋ชิงเหยียนเงยหน้าขึ้นแตะริมฝีปากไปที่ริมฝีปากของชายหนุ่มเบาๆ มองสบตาร้อนแรงของเขานิ่ง…
ความรู้สึกชาและเจ็บแปลบเล็กน้อยภายในปากทำให้เซียวหรงเหยี่ยนกำมือที่ค้ำยันอยู่บนเตียงแน่น มืออีกข้างกำผ้าห่มข้างกายของไป๋ชิงเหยียนแน่น พยายามควบคุมอารมณ์ของตัวเอง…
ไป๋ชิงเหยียนกำลังได้รับบาดเจ็บ ได้ลิ้มลองรสสัมผัสเพียงนิดเดียวก็ควรจะหยุดได้แล้ว ทว่า ชายหนุ่มขยับเข้าไปใกล้หญิงสาวอีกเล็กน้อยอย่างอดใจไม่ไหว ก้มหน้าจุมพิตไปบนริมฝีปากของนางอีกครั้ง ลำคอของชายหนุ่มร้าวผ่าว กล่าวขึ้น “ช่วงนี้พักผ่อนให้ดี ข้าจะมาเยี่ยมเจ้า ตระกูลไป๋เห็นแก่ที่ข้าช่วยคุ้มกันจวนไป๋อย่างเต็มที่คงไม่มีผู้ใดกล้าห้ามข้าแน่นอน”
เสียงฝีเท้าดังแว่วเข้ามาจากทางด้านนอก เซียวหรงเหยี่ยนจุมพิตลงบนหน้าผากของไป๋ชิงเหยียนอีกครั้ง จากนั้นหยัดกายขึ้น จัดเสื้อผ้าของตัวเองให้เข้าที่แล้วยืนอยู่ข้างเตียง
ชุนเถาแหวกม่านเดินเข้ามาด้านใน จากนั้นทำความเคารพไป๋ชิงเหยียน “คุณหนูใหญ่ ฮูหยินสองกลับมาแล้วเจ้าค่ะ”
ฮูหยินสองหลิวซื่อนำโสมอายุร้อยปีกลับมา จากนั้นเดินตรงไปหาหมอหงที่กำลังปรุงยาอยู่ในโรงครัวเล็กเพื่อให้หมอหงตรวจดูว่าโสมที่นางนำมาใช้ได้หรือไม่
เซียวหรงเหยี่ยนโค้งกายคำนับไป๋ชิงเหยียนด้วยท่าทีปกติ “เช่นนั้นเหยี่ยนไม่รบกวนเวลาพักผ่อนของคุณหนูใหญ่แล้วขอรับ”
“เซียวเซียนเซิง หากองค์รัชทายาทถามถึงบาดแผลของข้า เซียวเซียนเซิงคงทราบว่าควรตอบเช่นไรนะเจ้าคะ ไป๋ชิงเหยียนไม่จำเป็นต้องกำชับอีกรอบแล้ว” ไป๋ชิงเหยียนมองไปทางเซียวหรงเหยี่ยนด้วยท่าทีปกติเช่นเดียวกัน ทว่า ใบหูแดงก่ำเล็กน้อย
“บัดนี้คุณหนูใหญ่ไป๋ยังสลบไม่ได้สติ จะรอดหรือไม่ต้องดูว่าคุณหนูใหญ่จะฟื้นขึ้นมาภายในสามวันนี้หรือไม่ เหนี่ยนกังวลใจมาก เมื่อกลับไปจะช่วยตามหายาและหมอที่สามารถรักษาคุณหนูใหญ่ไป๋ให้หายได้ขอรับ”
“ลำบากเซียวเซียนเซิงแล้ว” ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้า “ชุนเถาออกไปส่งเซียวเซียนเซิง…”
ชุนเถารับคำ จากนั้นหันไปทำความเคารพเซียวหรงเหยี่ยน “เชิญเซียวเซียนเซิงเจ้าค่ะ”
เซียวหรงเหยี่ยนทำความเคารพไป๋ชิงเหยียนอีกครั้ง เงยหน้ามองหญิงสาวนิ่งอีกครู่ใหญ่ จากนั้นจึงหันหลังเดินจากไป
เมื่อออกมาด้านนอก เซียวหรงเหยี่ยนพบกับฮูหยินสองพอดี ฮูหยินสองกล่าวขอบคุณเซียวหรงเหยี่ยน จากนั้นหันไปสั่งให้หลัวหมัวมัวออกไปส่งเซียวหรงเหยี่ยนพร้อมกับชุนเถาเพื่อแสดงให้เห็นว่าจวนไป๋ให้ความสำคัญกับชายหนุ่ม จากนั้นนางจึงเดินเข้าไปในห้องของไป๋ชิงเหยียน
เมื่อหลิวซื่อเห็นไป๋ชิงเหยียน น้ำตาของนางไหลพรากทันที เมื่อครู่หลิวซื่อพบกับไป๋จิ่นเซ่อระหว่างทางมาที่นี่ หลิวซื่อรู้ดีว่าควรบอกกับคนภายนอกเช่นไรถึงอาการบาดเจ็บของไป๋ชิงเหยียน ทว่า เมื่อเห็นใบหน้าซีดเผือดของไป๋ชิงเหยียน หลิวซื่อก็รู้สึกปวดใจอยู่ดี
องค์รัชทายาทกลับถึงจวนองค์รัชทายาทด้วยร่างที่เปียกโชก เขาไม่มีเวลาเปลี่ยนเครื่องแต่งกาย รีบไปพบหลู่เซียง หลี่เซียง ใต้เท้าเสิ่นเสนาบดีกรมทหารและใต้เท้าหลู่ผู้พิพากษาศาลต้าจิ้น มอบหมายการเก็บกวาดเรื่องทั้งหมดหลังจากนี้ให้เป็นหน้าที่ของหลู่เซียง สั่งให้หลี่เม่าควบคุมการจับกุมตัวหลิ่วรั่วฟูในครั้งนี้พร้อมทั้งมอบลูกธนูที่ยิงโดนไป๋ชิงเหยียนให้แก่หลี่เม่าเป็นหลักฐาน กำชับให้หลู่เซียงลงโทษทหารหนานตูที่ทำผิดอย่างหนัก จากนั้นเดินจากไปเปลี่ยนเครื่องแต่งกาย
ฟางเหล่ารออยู่ในห้องหนังสือขององค์รัชทายาทนานแล้ว ฟางเหล่ายังไม่รู้เรื่องที่องค์รัชทายาทถูกลอบสังหารที่ถนน เมื่อเห็นองค์รัชทายาทเดินเข้ามาจึงรีบถลาเข้าไปหา “องค์ชาย กระหม่อมเพิ่งได้ยินว่าตอนที่องค์หญิงเจิ้นกั๋วสังหารเสียนอ๋อง นางใช้หอกเงินยกร่างเสียนอ๋องขึ้นมาจากพื้นทั้งร่างจึงสามารถข่มขวัญทหารกบฏได้ องค์หญิงเจิ้นกั๋วเก่งกาจถึงเพียงนี้ ไม่เหมือนคนอ่อนแอสักนิด องค์ชายจะไม่ป้องกันนางไม่ได้นะพ่ะย่ะค่ะ”
เฉวียนอวี๋อยู่ทางด้านหลังองค์รัชทายาท เขาขบกรามแน่น ช่วยเปลี่ยนเครื่องแต่งกายให้องค์รัชทายาทพลางกล่าวด้วยเสียงที่แหลมคมของตัวเองอย่างทนไม่ไหว “ฟางเหล่า องค์หญิงเจิ้นกั๋วทำไปเพื่อช่วยเหลือองค์ชาย มันผิดอย่างนั้นหรือ บัดนี้องค์หญิงเจิ้นกั๋วยังยกแขนข้างนั้นไม่ขึ้นเลยด้วยซ้ำ!”
“ตอนที่หมอหลวงตรวจอาการขององค์หญิงเจิ้นกั๋ว กระหม่อมก็อยู่ที่นั่นด้วย แขนยกไม่ขึ้น ทว่า กระดูกไม่ได้หักเสียหน่อย! องค์หญิงเจิ้นกั๋วมีความสามารถในการยิงธนูเซ่อรื้ออย่างไร้เทียมทาน! นางมีสติปัญญาเหนือผู้อื่น โดยเฉพาะตอนนี้นางกำลังฝึกชาวบ้านที่ซั่วหยางเพื่อปราบโจร เท่ากับนางมีกองกำลัง…”
“ฟางเหล่า!” องค์รัชทายาทตะโกนขัดคำกล่าวของฟางเหล่า
ฟางเหล่านิ่งอึ้ง เขาฟังออกว่าองค์รัชทายาทกำลังโมโหจึงรีบโค้งกายคำนับ
เมื่อเห็นท่าทีนอบน้อมของฟางเหล่า องค์รัชทายาทเม้มปากแน่น ลำคอร้อนผ่าว พยายามควบคุมโทสะของตัวเอง “วันนี้เราถูกลอบสังหาร องค์หญิงเจิ้นกั๋วเอาร่างมาขวางแทนเราจนถูกธนูยิงเข้าที่กลางอก บัดนี้อาการยังอยู่ในขั้นวิกฤต! เจ้าดูร่างที่เต็มไปด้วยเลือดของเฉวียนอวี๋สิ ล้วนคือเลือดขององค์หญิงเจิ้นกั๋วทั้งสิ้น!”
ฟางเหล่าหันไปมองเฉวียนอวี๋ แผ่นหลังของเฉวียนอวี๋เต็มไปด้วยเลือด
วันนี้ฝนตกหนัก ร่างของเฉวียนอวี๋เปียกโชก เลือดที่เปื้อนจึงกระจายออกเป็นวงกว้าง
“ขณะที่องค์หญิงเจิ้นกั๋วอยู่ในช่วงความเป็นความตาย นางยังคิดวางแผนเพื่อเรา นางบอกว่าฟางเหล่าสุขมรอบคอบ ให้เราให้ความสำคัญกับเจ้า ส่วนเจ้าล่ะ เจ้าเอาแต่กล่าวให้ร้ายองค์หญิงเจิ้นกั๋วต่อหน้าเรา ทั้งยังบอกให้เราระวังนางอีก!” องค์รัชทายาทกล่าวเสียงดังอย่างควบคุมไม่ได้
หลังจากที่ไป๋ชิงเหยียนสละชีวิตเพื่อเขาในวันนี้ องค์รัชทายาทรู้สึกผิดกับไป๋ชิงเหยียนเป็นอย่างมาก เขาอดโทษฟางเหล่าไม่ได้…รู้สึกว่าฟางเหล่าเป็นคนยุยงให้เขาหวาดระแวงไป๋ชิงเหยียน
ฟางเหล่าหน้าซีดเผือด รีบคุกเข่าก้มศีรษะแนบพื้นทันที “องค์ชาย กระหม่อมทำไปทั้งหมดเพื่อองค์ชายนะพะย่ะค่ะ องค์หญิงเจิ้นกั๋วมีบารมีมากในกองทัพ นางเปรียบเสมือนเจิ้นกั๋วอ๋องคนที่สอง องค์ชายต้องระวังนางไว้นะพ่ะย่ะค่ะ”
“ฟางเหล่า!” องค์รัชทายาทพยายามข่มโทสะที่เดือดดาล ตบมือลงบนโต๊ะเสียงดังลั่น
“ธนูที่องค์หญิงเจิ้นกั๋วรับแทนเราถูกแทงเข้าที่นี่ เข้าตรงนี้!”
องค์รัชทายาทจิ้มไปที่หน้าอกของตัวเองอย่างโมโห “ตอนนี้องค์หญิงเจิ้นกั๋วยังนอนสลบอยู่บนเตียง หากนางสลบเกินสามวัน…นางจะไม่มีทางฟื้นขึ้นมาอีก เจ้าลองบอกเรามาสิว่าเราควรระวังนางเช่นไร ควรระวังเช่นไร!”
ฟางเหล่าหน้าถอดสี เขาเม้มปากอยู่ครู่ใหญ่ จากนั้นกล่าวอย่างไม่มั่นใจ “อาจเป็นแผนเจ็บตัวขององค์หญิงเจิ้นกั๋วที่ทำไปเพราะอยากได้ความเชื่อใจจากองค์ชายก็ได้พ่ะย่ะค่ะ”
องค์รัชทายาทใช้มือปัดกระดาษ พู่กัน น้ำหมึก แท่นฝนหมึก ถาดล้างพู่กันที่วางอยู่บนโต๊ะหล่นลงพื้นจนแตกกระจาย
“เจ้าอย่าคิดว่าเราไม่รู้ว่าเจ้ากำลังคิดสิ่งใดอยู่!”
องค์รัชทายาทรู้สึกผิดกับไป๋ชิงเหยียนเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนที่ไป๋ชิงเหยียนคิดว่าตัวเองใกล้ตายแล้ว ทว่า หญิงสาวเอาแต่ยังคิดวางแผนเพื่อเขา ตอนนี้องค์รัชทายาทไม่ทนเห็นผู้อื่นกล่าวว่าร้ายไป๋ชิงเหยียนได้แม้แต่น้อย
องค์รัชทายาทตวาดใส่ฟางเหล่าที่คุกเข่าอยู่บนพื้นอย่างเกรี้ยวกราด “เจ้าจงรักภักดีก็จริง หลายปีมานี้เรารู้สึกโชคดีจริงๆ ที่มีเจ้าคอยอยู่เคียงข้าง! ทว่า เจ้าทนเห็นคนที่มีสติปัญญาดีกว่าเจ้ามารับใช้ข้างกายเราไม่ได้ เจ้าคิดว่าเราไม่รู้อย่างนั้นหรือ!”