ตอนที่ 655 แตกคอกันเอง
ร่างของฟางเหล่าสั่นเทิ้ม รีบก้มศีรษะคำนับแนบพื้น “กระหม่อมแค่หวังดีต่อองค์ชายเท่านั้นพ่ะย่ะค่ะ”
“หากไม่ใช่เพราะเจ้าหวังดีต่อเรา เจ้าจะยังสามารถยืนอยู่ตรงนี้ได้อีกหรือ เจ้าลอบกดหัวฉินซ่างจื้ออยู่ตลอดเวลา เจ้าคิดว่าเราไม่รู้อย่างนั้นหรือ! ฟางเหล่า เราเห็นแก่ที่เจ้ารับใช้เราอย่างจงรักภักดีมานาน ทำเพื่อเรามาโดยตลอด เราจึงช่วยเจ้ากดฉินซ่างจื้อเอาไว้ เจ้าคิดว่าเราไม่รู้เรื่องที่เจ้าลอบสั่งให้ผู้อื่นสร้างปัญหาให้ฉินซ่างจื้ออย่างนั้นหรือ!”
องค์รัชทายาทเดินไปหยุดอยู่ข้างกายของฟางเหล่าด้วยความโมโห โน้มกายตวาดใส่ฟางเหล่า “เรารับรู้ทั้งหมด! ทว่า ที่เราไม่เข้าไปยุ่งก็เพราะเห็นแก่ที่เจ้าเคยเผชิญความลำบากร่วมกับเรามาตั้งแต่แรก สำหรับเราแล้ว เจ้ามีความสำคัญมากกว่าฉินซ่างจื้อมากนัก แม้บางทีแผนการของเจ้าจะสู้ฉินซ่างจื้อไม่ได้ ทว่า เราก็เชื่อเจ้ามาโดยตลอด อย่างมากก็แค่วางแผนเพิ่มเท่านั้น เจ้าลองบอกมาสิว่าองค์รัชทายาทอย่างเราปฏิบัติต่อเจ้าเช่นไรบ้าง”
“องค์ชาย กระหม่อมละอายใจยิ่งนักพ่ะย่ะค่ะ” ฟางเหล่าก้มศีรษะคำนับแนบพื้นพลางร้องไห้ออกมา
“คนเราควรรู้จักพอ!” องค์รัชทายาทหยัดกายตรง มองไปที่ฟางเหล่าซึ่งคุกเข่าตัวสั่นอยู่ที่พื้นด้วยสายตาเย็นชา เมื่อระบายความโกรธออกมาจนหมด องค์รัชทายาทรู้สึกสงบขึ้นไม่น้อย น้ำเสียงอ่อนลงกว่าเดิม “ฟางเหล่าต้องยอมรับว่าตัวเองแก่แล้ว ต้องยอมรับว่าสติปัญญาและความสามารถของไป๋ชิงเหยียนโดดเด่นกว่าเจ้า ทว่า ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้นเราก็ยังเชื่อใจเจ้ามากกว่า เจ้าก็รู้ดีใช่หรือไม่! พวกเจ้าล้วนเป็นคนที่จงรักภักดีต่อเรา เป็นคนของเรา เหตุใดต้องมาแตกคอกันเองเช่นนี้ด้วย!”
“องค์ชาย กระหม่อมทำผิดต่อความเชื่อใจของพระองค์พ่ะย่ะค่ะ” ฟางเหล่าปล่อยโฮออกมา เขารู้สึกละอายที่ถูกจี้แทงใจดำ ทว่า รู้สึกซาบซึ้งในความเชื่อใจขององค์รัชทายาทด้วย
องค์รัชทายาทหลับตาลง ในสมองเต็มไปด้วยภาพความดีของฟางเหล่าในอดีต เดิมทีเขาอยากเอื้อมมือไปประคองให้ฟางเหล่าลุกขึ้น ทว่า เมื่อนึกถึงร่างโชกเลือดของไป๋ชิงเหยียน เขาจึงชักมือกลับ เดินอ้อมโต๊ะไปนั่งอยู่บนเก้าอี้ มองไปทางฟางเหล่านิ่ง
“ฟางเหล่า เราอยากให้เจ้าจำไว้ว่าไม่ว่าอย่างไรเจ้าก็คือคนที่เราเชื่อใจมากที่สุด! ไม่มีผู้ใดสามารถเข้ามาแทนที่ฟางเหล่าในใจของเราได้ ทว่า องค์หญิงเจิ้นกั๋วคู่ควรแก่ความไว้วางใจของเราเช่นกัน เพราะนางคือทายาทของตระกูลไป๋ ทุกคนในใต้หล้าล้วนรับรู้ดีว่าตระกูลไป๋รักมิตรภาพและความยุติธรรม ในเมื่อไป๋ชิงเหยียนยอมรับเราเป็นเจ้านาย นางย่อมจงรักภักดีต่อเราอย่างแน่นอน นางเป็นคนมีความสามารถ มีคุณธรรมและสติปัญญาที่เฉียบแหลม เรามีคนเช่นนี้จงรักภักดี ฟางเหล่าควรดีใจกับเราถึงจะถูก ฟางเหล่าอย่าได้ขัดขาพวกเดียวกันเองเด็ดขาด มิเช่นนั้นผู้ที่จะเดือดร้อนก็คือเราเอง” องค์รัชทายาทกล่าวจบก็ถอนหายใจยาว หันไปกวักมือเรียกเฉวียนอวี๋ “ประคองฟางเหล่าให้ลุกขึ้น”
ฟางเหล่าคำนับองค์รัชทายาทอย่างนอบน้อมอีกครั้ง “กระหม่อมจะจดจำถ้อยคำขององค์ชายในวันนี้ไว้พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมคิดมากไปเอง กลัวว่าองค์ชายจะรังเกียจที่กระหม่อมแก่แล้วจึงไม่ให้ความสำคัญกับกระหม่อมอีกพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจะกล่าวกับองค์ชายครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย องค์หญิงเจิ้นกั๋วมีความสามารถและสติปัญญาโดดเด่นเหนือผู้ใด องค์ชายควรระวังนางไว้สักนิดพ่ะย่ะค่ะ”
กล่าวจบ ฟางเหล่าคำนับองค์รัชทายาทอีกครั้ง “นี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่กระหม่อมจะเอ่ยถึงเรื่องนี้ องค์ชายทรงตระหนักไว้สักนิดเถิดพ่ะย่ะค่ะ ต่อไปกระหม่อมจะไม่ทำเรื่องที่ส่งผลร้ายต่อองค์ชายอีกแล้วพ่ะย่ะค่ะ ในเมื่อองค์ชายทรงเชื่อพระทัยในตัวขององค์หญิงเจิ้นกั๋ว กระหม่อมก็จะเชื่อเช่นเดียวกัน จะไม่ทำให้องค์หญิงเจิ้นกั๋วลำบากพระทัยอีกพ่ะย่ะค่ะ”
ในที่สุดก็ทำให้คนดื้อรั้นอย่างฟางเหล่าเข้าใจได้แล้ว องค์รัชทายาทพยักหน้าเบาๆ จากนั้นโบกมืออย่างเหนื่อยล้า “ฟางเหล่าเสียขวัญแล้ว กลับไปพักผ่อนเถิด”
ฟางเหล่าก้มศีรษะคำนับ ใช้มือจับโต๊ะพยุงกายลุกขึ้น โค้งกายคำนับองค์รัชทายาท จากนั้นเดินออกไปจากห้องตำราขององค์รัชทายาท
เฉวียนอวี๋เห็นองค์รัชทายาทนั่งหลับตาอยู่บนเก้าอี้นิ่งจึงเดินเข้าไปใกล้ “องค์ชาย บ่าวช่วยองค์ชายอาบน้ำเปลี่ยนฉลององค์พ่ะย่ะค่ะ”
องค์รัชทายาทพยักหน้า เงยหน้ามองร่างที่สะบักสะบอมของเฉวียนอวี๋ นึกถึงเหตุการณ์ที่เฉวียนอวี๋ร่วมเป็นร่วมตายมาพร้อมกับเขา องค์รัชทายาทกล่าวด้วยเสียงอ่อนโยน “วันนี้เจ้าร่วมเป็นร่วมตายกับเราถึงสองครั้ง ลำบากเจ้าแล้ว! เจ้าไปอาบน้ำพักผ่อนเถิด ให้คนอื่นมาปรนนิบัติเราแทน”
“องค์ชายตรัสอันใดเช่นนี้พ่ะย่ะค่ะ เฉวียนอวี๋คือบ่าวขององค์ชาย ย่อมต้องติดตามรับใช้องค์ชายจนวันตายพ่ะย่ะค่ะ” เฉวียนอวี๋มององค์รัชทายาทด้วยสีหน้าจริงจัง จากนั้นโค้งกายคำนับ
“เรารู้ดีว่าเจ้าจงรักภักดีต่อเรา ดังนั้นเจ้าถึงจะล้มป่วยไม่ได้ เจ้าต้องอยู่ดูแลเราไปอีกนาน ไปเถิด เราจะไปหาพระชายาเอกสักหน่อย” องค์รัชทายาทเอ่ยสั่ง
หลังจากผ่านความเป็นความตายในครั้งนี้มา องค์รัชทายาทเชื่อใจและปฏิบัติต่อคนที่ร่วมเป็นร่วมตายมาพร้อมกับเขาอย่างอ่อนโยนกว่าเดิม
เฉวียนอวี๋พยักหน้าทั้งน้ำตา จากนั้นเดินจากไป
พระชายาเอกกำลังตั้งครรภ์ วันนี้นางคงเสียขวัญเช่นเดียวกัน องค์รัชทายาทต้องไปเยี่ยมหญิงสาวสักหน่อย พระชายาเอกของเขาเป็นคนขี้กลัว นางย่อมอยากให้เขาไปอยู่เคียงข้าง วันนี้เกิดเรื่องขึ้นมากมายจริงๆ …
ฟ้ามืดสนิท ฝนหยุดตกแล้ว
เปลวไฟในตะเกียงสะท้อนใบหน้าที่อ่อนล้าขององค์รัชทายาท องค์รัชทายาทนึกถึงพระชายาเอกจึงสูดลมหายใจเข้าปอดลึก รวบรวมสติและพลัง สั่งให้คนเตรียมของว่างที่พระชายาเอกชอบทาน จากนั้นเดินไปตามระเบียงทางเดิน
เสาเคลือบน้ำมันแกะสลักตรงระเบียงทางเดินถูกไฟสีเหลืองอ่อนจากโคมไฟหกเหลี่ยมส่องกระทบจนดูสงบนิ่งและอบอุ่น เสียงน้ำฝนที่ค้างอยู่บนหลังคาหยดกระทบลงมาจากชายคาเป็นระยะ ทำลายความเงียบสงบของระเบียงทางเดิน
ในที่สุดเสียงสู้รบที่ดังขึ้นตลอดทั้งวันในเมืองหลวงก็เงียบสงบลงแล้ว
จวนที่ว่าการจิงจ้าวอิ่นได้รับคำสั่งจากหลู่เซียง ทั่วทั้งจวนสว่างไสว เขาสั่งคนให้ไปป่าวประกาศตามจับตัวหนานตูจวิ้นจู่หลิ่วรั่วฟู บุตรสาวของเสียนอ๋องที่หลบหนีไปได้ตามกิจการร้านค้าและบ้านเรือนต่างๆ
โคมไฟในกรมราชทัณฑ์และศาลต้าหลี่สว่างไสวราวกับเป็นเวลากลางวันเช่นเดียวกัน กองกำลังคุ้มกันประตูเมืองทั้งสี่ทิศถูกจัดระเบียบใหม่ทั้งหมด กองกำลังเก่าถูกจับเข้าคุกศาลต้าหลี่ ถูกสอบสวนอย่างละเอียดเพื่อไม่ให้ฝ่ายกบฏหลบหนีออกไปได้แม้แต่ผู้เดียว
ฝูรั่วซีถูกปล่อยตัวกลับไปที่จวนของตัวเอง เขายืนลังเลอยู่หน้าประตูจวนฝูครู่ใหญ่ จากนั้นจึงก้าวเท้าเข้าไปด้านใน
หลัวซื่อที่อยู่เฝ้าดวงวิญญาณของฝูเหล่าไท่จวินอยู่หน้าหอทำพิธีพร้อมกับบุตรชายทั้งสองของตนโอบบุตรชายคนเล็กที่ผล็อยหลับไปแล้วไว้ในอ้อมกอด นางเงยหน้าขึ้นมองไปทางประตูจวนอย่างไม่ตั้งใจก็เห็นฝูรั่วซียืนอยู่ที่หน้าประตู นางเบิกตาโพลงทันที น้ำตาไหลพรากไม่ขาดสาย รีบส่งตัวบุตรชายคนเล็กในอ้อมกอดให้หมัวมัวข้างกาย จากนั้นรีบลุกขึ้นยืนเตรียมเดินเข้าไปหาฝูรั่วซี ทว่า เข่าของนางอ่อนจนล้มพับไปบนพื้นอีกครั้ง
ฝูรั่วซีเอื้อมมือเข้าไปช่วยทันที ทว่า เขาอยู่ไกลหลัวซื่อเกินไป ฝูรั่วซีตาแดงก่ำขึ้นอย่างไม่ทราบสาเหตุ
หลัวซื่อจับมือสาวใช้ลุกขึ้นยืน นางข่มความชาบริเวณขาของตัวเอง เดินเข้าไปหาฝูรั่วซีอย่างรวดเร็ว ขณะลงจากบันได ขาของนางอ่อนแรงอีกครั้งจนเกือบสะดุดล้มลงบนพื้น ฝูรั่วซีรีบถลาเข้าไปด้านหน้า รับตัวหลัวซื่อไว้ได้อย่างตกใจ
หลัวซื่อเงยหน้าขึ้น เมื่อเห็นฝูรั่วซี น้ำตาของนางไหลพรากทันที ทว่า ไม่มีวาจาตัดพ้อต่อว่าใดๆ ทั้งสิ้น
นางทำเพียงมองหน้าเขานิ่งๆ จากนั้นลูบไปที่แขนเสื้อที่ว่างเปล่าข้างหนึ่งของเขาพลางสะอื้นออกมาเบาๆ
หลัวซื่อกลัวว่าเสียงร้องไห้ของตนจะทำให้ฝูรั่วซีรู้สึกแย่กว่าเดิม จึงได้แต่กล่าวเสียงสะอื้น “ยังเจ็บอยู่หรือไม่เจ้าคะ”
ถ้อยคำเพียงประโยคเดียวจี้แทงใจของฝูรั่วซี น้ำตาของเขาไหลออกมาอย่างควบคุมไม่ได้ เขารั้งกายหลัวซื่อเข้ามากอดแน่น
เมื่อก่อนนี้ในสายตาของเขามีแต่ผู้อื่น ไม่เคยรู้เลยว่าหลัวซื่อเป็นห่วงเขาถึงเพียงนี้
เขาสาบานว่านับจากนี้เขาจะดูแลภรรยาของเขาให้ดี เขาจะเป็นสามีและพ่อที่ดี!