สตรีแกร่งตระกูลไป๋ – ตอนที่ 672 รักความยุติธรรม

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 672 รักความยุติธรรม

องค์รัชทายาทจะไม่รู้เรื่องนี้ได้อย่างไรกัน ฎีกาที่ส่งขึ้นมาล้วนถูกเขาระงับไว้ทั้งสิ้น

ไป๋จิ่นจื้อสังเกตเห็นแววตาที่หลุกหลิกขององค์รัชทายาท ทว่า นางแสร้งทำเป็นมองไม่เห็น จากนั้นกล่าวอย่างโมโห “ทหารเหล่านั้นช่วยคุ้มครองชายแดนให้พวกเรา หากพวกเขาไม่แม้แต่จะกินอิ่มท้อง พวกเขาจะมีแรงสู้รบได้เช่นไรเพคะ! หม่อมฉันได้ยินเรื่องนี้ก็โมโหทันที หม่อมฉันรู้ว่าเสด็จพี่องค์รัชทายาทไม่มีทางปล่อยคนผู้ใดเล่นตุกติกกับเสบียงอาหารของเหล่าทหารแน่นอน ดังนั้นหม่อมฉันจึงมาขอรับหน้าที่ตรวจสอบเรื่องนี้แทนเสด็จพี่องค์รัชทายาทเองเพคะ”

ไป๋จิ่นจื้อยกมือตบอก “เสด็จพี่องค์รัชทายาททรงวางพระทัยได้เพคะ หม่อมฉันจะตรวจสอบเรื่องนี้อย่างละเอียด พี่หญิงใหญ่จะได้เห็นว่าไม่ได้มีเพียงนางคนเดียวที่สามารถทำงานรับใช้เสด็จพี่องค์รัชทายาทได้ หม่อมฉันก็ทำได้เช่นกัน เช่นนี้พี่หญิงใหญ่จะได้พักรักษาตัวอย่างสบายใจได้เพคะ”

องค์รัชทายาทได้ยินประโยคนี้จึงเงยหน้ามองไปทางไป๋จิ่นจื้อ “องค์หญิงเจิ้นกั๋วรู้เรื่องนี้แล้วอย่างนั้นหรือ”

“เพคะ หม่อมฉันกลับไปเล่าให้พี่หญิงใหญ่ฟังทันทีเพคะ พี่หญิงใหญ่บอกว่าต้องตรวจสอบเรื่องนี้อย่างละเอียดและควรทูลให้เสด็จพี่องค์รัชทายาททรงทราบด้วย ทว่า หม่อมฉันไม่อยากให้พี่หญิงใหญ่เหนื่อยจึงมาขออาสาทำหน้าที่นี้ก่อนเพคะ เสด็จพี่องค์รัชทายาทได้โปรดวางพระทัยมอบหมายงานนี้ให้หม่อมฉันจัดการเถิดเพคะ พี่หญิงใหญ่จะได้เห็นความสามารถของหม่อมฉันด้วยเพคะ!”

ไป๋จิ่นจื้อมองไปทางองค์รัชทายาทด้วยแววตาที่ใสบริสุทธิ์ราวกับน้ำสะอาดที่มองเห็นก้นบึ้ง

“เกาอี้จวิ้นจู่ เรา…รู้เรื่องนี้แล้ว” องค์รัชทายาทบอกไป๋จิ่นจื้อตามความจริงอย่างจนปัญญา เพราะไป๋จิ่นจื้อถือเป็นคนกันเอง “ที่สำคัญ องค์หญิงเจิ้นกั๋วเคยแนะนำให้เราส่งเจ้าไปยังค่ายทหารผิงอัน เจ้าเตรียมตัวเดินทางไปควบคุมค่ายทหารผิงอันแทนเราให้ได้ในเดือนหน้าเถิด”

“แล้วเรื่องเสบียงอาหารล่ะเพคะ ไม่ต้องสืบแล้วหรือเพคะ หากหม่อมฉันไปที่ค่ายผิงอันแล้วทานเสบียงอาหารที่ปนเปื้อนไปด้วยกรวดทรายจะทำเช่นไรเพคะ หม่อมฉันคิดว่าเสด็จพี่องค์รัชทายาทควรสืบเรื่องนี้อย่างละเอียดนะเพคะ!” ไป๋จิ่นจื้อแนะนำ

องค์รัชทายาทค่อนข้างมีความอดทนกับไป๋จิ่นจื้อ เขากล่าวยิ้มๆ

“เจ้าไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องเสบียงอาหารหรอก เราไม่มีทางปล่อยให้เจ้าทานเสบียงอาหารที่มีก้อนกรวดปนอยู่แน่”

หากไป๋จิ่นจื้อไปยังค่ายทหารผิงอัน ค่ายทหารผิงอันก็จะกลายเป็นทหารขององค์รัชทายาท องค์รัชทายาทจะปล่อยให้ทหารของตัวเองกินเสบียงอาหารที่มีก้อนกรวดปนเปื้อนได้อย่างไรกัน

หากเมื่อครู่ไป๋จิ่นจื้อเพียงแค่สงสัย บัดนี้นางมั่นใจแล้วว่าองค์รัชทายาทรู้เรื่องเสบียงมีปัญหานานแล้ว ทว่า เขาไม่ยอมจัดการเรื่องนี้

ไป๋จิ่นจื้อเดาว่าหากไม่ใช่เพราะองค์รัชทายาทได้รับผลประโยชน์จากเรื่องนี้ องค์รัชทายาทก็คงกำลังปกป้องคนบางคนอยู่

ไป๋จิ่นจื้อกำหมัดที่แนบอยู่ข้างลำตัวแน่น พยายามกล่าวโน้มน้าว “ทว่า หม่อมฉันคิดว่าเสด็จพี่องค์รัชทายาทควรสืบเรื่องนี้อย่างละเอียดนะเพคะ เสด็จพี่องค์รัชทายาทลองคิดดูนะเพคะ เหล่าทหารที่ชายแดนกำลังช่วยปกป้องบ้านเมืองให้ฝ่าบาทและเสด็จพี่องค์รัชทายาทอยู่นะเพคะ หากพวกเขารับประทานเสบียงอาหารที่ไม่ดีเข้าไป แล้วศัตรูบุกมาโจมตีพอดี…”

“พอแล้วๆ!” องค์รัชทายาทยกมือห้ามไป๋จิ่นจื้อ “เราเข้าใจความหมายของเจ้าดี เรารู้ขอบเขตเรื่องนี้ดี เจ้าไม่ต้องเป็นห่วง เรารับประกันว่าทหารชายแดนจะไม่ได้กินอาหารที่มีก้อนกรวดปนเปื้อนแน่นอน เจ้าสบายใจแล้วหรือไม่!”

เมื่อไป๋จิ่นจื้อเห็นว่าองค์รัชทายาทไม่ได้มีท่าทีจะจัดการกับเรื่องนี้อย่างจริงจัง สาวน้อยจึงได้แต่ขอตัวกลับ

เมื่อไป๋จิ่นจื้อจากไป องค์รัชทายาทสั่งให้คนไปตามฟางเหล่ามาปรึกษาเรื่องเสบียงอาหาร…

“เรื่องนี้จัดการค่อนข้างยาก พระชายาเอกกำลังตั้งครรภ์อยู่ หากเรื่องนี้รู้ไปถึงเสด็จพ่อแล้วเสด็จพ่อทรงลงโทษพี่ชายของพระชายาเอกขึ้นมา หากส่งผลกระทบถึงเด็กในครรภ์ของพระชายาเอกจะทำเช่นไร ทว่า…ไป๋จิ่นจื้อเป็นคนหัวรั้น เจ้าเชื่อหรือไม่ว่าพอนางก้าวเท้าออกจากจวนของเราไป นางต้องไปสืบเรื่องนี้ต่อแน่ๆ!”

องค์รัชทายาทค่อนข้างรู้จักนิสัยของไป๋จิ่นจื้อดีเพราะนางแสดงออกอย่างตรงไปตรงมา

ฟางเหล่าขมวดคิ้วแน่นพลางเอ่ยขึ้น “เช่นนั้นก็ต้องดูว่าองค์ชายทรงเชื่อพระทัยในตัวเกาอี้จวิ้นจู่มากเพียงใดพ่ะย่ะค่ะ หากองค์ชายทรงเชื่อในตัวนาง ทรงบอกความจริงกับนางไปก็สิ้นเรื่อง หากเกาอี้จวิ้นจู่จงรักภักดีต่อองค์ชายจริงๆ นางย่อมคำนึงถึงองค์ชายและบุตรขององค์ชายเป็นหลัก ยอมปล่อยเรื่องนี้ไปแน่นอน ทว่า หากเกาอี้จวิ้นจู่อาละวาดขอให้องค์ชายทรงลงโทษพี่ชายของพระชายาเอกสถานหนักก็แสดงว่า…”

ฟางเหล่าเงยหน้าขึ้นมองไปทางองค์รัชทายาทด้วยแววตาที่ขุ่นมัวเล็กน้อย จากนั้นส่ายหน้าเบาๆ “องค์ชายต้องทรงไตร่ตรองให้ดีนะพ่ะย่ะค่ะว่าองค์ชายจะทรงส่งคนที่ภายนอกแสร้งทำเป็นจงรักภักดีต่อองค์ชาย ทว่า ไม่ฟังคำสั่งขององค์ชาย ไม่สนใจความลำบากพระทัยขององค์ชายไปยังค่ายทหารผิงอันจริงหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”

องค์รัชทายาทพยักหน้าอย่างเห็นด้วย จริงด้วยสินะ…

หากไป๋จิ่นจื้อไม่ฟังคำสั่งของเขา ต่อให้นางจะจงรักภักดีต่อเขาเพียงใดก็ไม่อาจส่งนางไปยังค่ายทหารผิงอันได้ มิเช่นนั้นเมื่อความคิดของนางไม่ตรงกับความคิดของเขา ไป๋จิ่นจื้อไม่ฟังคำสั่งของเขาจะทำเช่นไรกัน

องค์รัชทายาทหันไปมองเฉวียนอวี๋ที่ยืนนิ่งอยู่ด้านข้าง จากนั้นกล่าวขึ้น “เฉวียนอวี๋ ส่งคนไปตามเกาอี้จวิ้นจู่กลับมา”

“พ่ะย่ะค่ะ!” เฉวียนอวี๋รับคำแล้วเดินออกไปสั่งให้คนไปตามเกาอี้จวิ้นจู่กลับมา

เฉวียนอวี๋ที่ยืนอยู่หน้าประตูห้องหนังสือลอบมองไปทางด้านในเป็นแวบหนึ่ง เขาเห็นฟางเหล่ากำลังปรึกษากับองค์รัชทายาทเรื่องการเลือกบุคคลเข้ารับตำแหน่งเสนาบดีกรมพิธีการ ฟางเหล่าแนะนำว่าควรให้คนของตัวเองเข้ารับตำแหน่งนี้

องค์รัชทายาทกลัวว่าหากเสนอคนของตัวเองเข้ารับตำแหน่งแล้วฮ่องเต้รู้เข้า พระองค์อาจไม่พอพระทัยได้

ฟางเหล่ากล่าวโน้มน้าว “องค์ชาย บัดนี้ฝ่าบาททรงมอบหมายให้องค์ชายเป็นคนจัดการเรื่องทั้งหมดในราชสำนักก็แสดงว่าพระองค์ทรงเชื่อพระทัยในตัวองค์ชายแล้ว ทรงต้องการปล่อยให้องค์ชายลงมือตัดสินพระทัยด้วยตัวเอง องค์ชายทรงอย่าลืมนะพ่ะย่ะค่ะว่านอกจากองค์ชายแล้ว ฝ่าบาทยังมีโอรสองค์อื่นอยู่อีก เพียงแค่พวกเขายังไม่เติบโตเป็นผู้ใหญ่เท่านั้น บัดนี้ยังไม่เป็นภัยต่อองค์ชาย ทว่า หากฝ่าบาททรงมีพระชนมายุอยู่จนถึงโอรสเหล่านั้นเติบใหญ่ล่ะพ่ะย่ะค่ะ องค์ชายลองคิดดูว่าหากมีองค์ชายที่มีความคิดเช่นเดียวกับเหลียงอ๋องโผล่ขึ้นมา ถึงเวลานั้นองค์ชายจะปล่อยให้เกิดเหตุการณ์ประตูอู่เต๋อขึ้นอีกครั้งหรือพ่ะย่ะค่ะ”

เมื่อองค์รัชทายาทนึกถึงความวุ่นวายที่ประตูอู่เต๋อ เขาก็ขมวดคิ้วแน่นทันที จากนั้นส่ายหน้าตามสัญชาตญาณ

“ที่สำคัญตอนนี้ตำแหน่งฮองเฮายังว่างอยู่ ฝ่าบาททรงให้อวี๋กุ้ยเฟยดูแลวังหลัง ทว่า ไม่ได้มีพระประสงค์จะแต่งตั้งท่านเป็นฮองเฮา กลับยกย่องชิวกุ้ยเหรินเป็นชิวกุ้ยผิน กระหม่อมขอบังอาจกล่าวว่าฝ่าบาททรงโปรดปรานชิวกุ้ยผินมากกว่าอวี๋กุ้ยเฟยเสียอีกพ่ะย่ะค่ะ ที่สำคัญชิวกุ้ยผินยังสาวยังสวย ตั้งแต่เข้าวังมาก็เป็นที่โปรดปรานมาโดยตลอด ผู้ใดจะรู้ว่านางจะคลอดโอรสให้ฝ่าบาทเมื่อใด หรืออาจจะหว่านล้อมจนฝ่าบาทหลงเสน่ห์นางจน…”

องค์รัชทายาทกำหมัดแน่น

“ดังนั้นเราจำเป็นที่จะต้องจะส่งคนของเราไปรับตำแหน่งเสนาบดีกรมพิธีการพ่ะย่ะค่ะ เมื่อผ่านไปอีกสักสองสามปีค่อยให้กรมพิธีการถวายฎีกาขอให้ฝ่าบาทตั้งแต่อวี๋กุ้ยเฟยเป็นฮองเฮา เช่นนี้จะได้ยับยั้งการเลื่อนตำแหน่งของชิวกุ้ยผินได้พ่ะย่ะค่ะ!” ฟางเหล่ากล่าวเสียงเบาหวิว

องค์รัชทายาทกำลังใช้ความคิด เฉวียนอวี๋เดินตรงไปยังเรือนหน้า

เฉวียนอวี๋รู้สึกว่าไป๋จิ่นจื้อเป็นคนใสซื่อ มุทะลุและรักความยุติธรรมจนไม่เกรงกลัวสิ่งใดทั้งสิ้น หากนางรู้ว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับพี่ชายของพระชายาเอก ไม่แน่นางอาจขอร้องให้องค์รัชทายาทลงโทษพี่ชายของพระชายาเอกเพื่อคืนความยุติธรรมให้แก่ทหารชายแดนก็ได้

ถึงเวลานั้นหากครรภ์ของพระชายาเอกได้รับความกระทบกระเทือน องค์รัชทายาทต้องโทษว่าเป็นความผิดของเกาอี้จวิ้นจู่แน่นอน

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

Status: Ongoing
นิยายจีนโบราณเข้มข้น ปะทะคารม ทดสอบไหวพริบ สนุกถึงใจ!เพราะถูกคนชั่วหลอกใช้ชาติก่อนคนทั้งตระกูลของนางจึงต้องตายอย่างน่าอนาถ ไร้ซึ่งคนทวงถามความเป็นธรรมชาตินี้นางหวนกลับมาก่อนเรื่องราวเกิดขึ้น แม้เพียงเล็กน้อยแต่หากสามารถช่วยเหลือคนในครอบครัวได้แม้สักคนนางก็ยินดีทุ่มเทกำลังให้ถึงที่สุดสตรีตระกูลไปแต่ไรมาแกร่งกล้ำเพียบพร้อมบุ๋นบู๊ แม้ไร้ซึ่งที่พึ่งพิงแล้วจริงแต่ก็จะไม่ยอมให้ผู้ใดมากดขี่ได้!และเพราะเรื่องราวที่เปลี่ยนแปลงไปนางจึงได้พบกับ ‘เขา’ ไวกว่าชาติก่อนเขาผู้นี้แม้ภายนอกดูป็นมิตรและสง่งามกว่าใคร แต่นงแจ่มแจ้งดีว่าเขาเจ้าเล่ห์และอำหิตมากเพียงไหนชาติก่อนแม้ยืนกันคนละฝั่งแต่บุรุษผู้นี้กลับเป็นผู้มอบทางรอดให้แก่นาง อย่างนั้นชาตินี้นางก็ย่อมตอบแทนเขาเป็นอย่างดีเช่นกัน“แม่นางไปช่วยเหลือข้าหลายครั้งหลายครา ใช่ว่าชื่นชอบข้าหรือไม่?”“คุณชายเข้าใจผิดแล้วล่ะ”“ข้าช่วยเหลือแม่นางไปมาหลายครั้งหลายครา แม่นางไปมีใจชื่นชอบข้าบ้างหรือไม่?”“…”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท