ตอนที่ 706 ปฏิบัติต่อคนที่ไม่ดีต่อเราด้วยความยุติธรรม
เมื่อไป๋ชิงเหยียนเห็นรองเท้าหนังและชายชุดของชายชราเปียกชุ่มไปด้วยน้ำฝน หญิงสาวก็รู้ทันทีว่าชายชราเดินเท้ามาตลอดทาง ไม่ได้นั่งบนรถม้า หญิงสาวรู้ฐานะของชายชราตรงหน้าทันทีจึงรีบหยัดกายตรงทำความเคารพ “คารวะท่านผู้เฒ่าหมิ่นเจ้าค่ะ”
ไป๋ชิงเหยียนไม่เคยพบหน้าท่านปรมาจารย์ผู้เฒ่าหมิ่นเชียนชิวเซียนเซิงแห่งแคว้นเว่ย ทว่า ได้ยินชื่อเสียงของเขามานานแล้ว อาจารย์ผู้เฒ่ากวนยงฉยงเซียนเซิงของนางก็เคยเอ่ยถึงเขาให้ไป๋ชิงเหยียนฟัง
เมื่อเห็นไป๋ชิงเหยียนทำความเคารพ หลูผิงและบรรดาองครักษ์ของตระกูลไป๋ต่างพากันทำความเคารพตาม
หลูผิงสั่งให้คนล่วงหน้าไปบอกจวนไป๋ว่าปรมาจารย์ผู้เฒ่าหมิ่นเชียนชิวเซียนเซิงจะเดินทางไปที่จวนไป๋
โชคดีที่ต่งซื่อสั่งให้คนทำความสะอาดเรือนที่พักของปรมาจารย์ผู้เฒ่าหมิ่นเชียนชิวเซียนเซิงไว้ล่วงหน้าก่อนแล้ว ตอนนี้จึงพร้อมให้ผู้เฒ่าหมิ่นเชียนชิวเซียนเซิงเข้าพักได้ตลอดเวลา
เมื่อได้ยินไป๋ชิงเหยียนส่งคนมาบอกว่าผู้เฒ่าหมิ่นเชียนชิวเซียนเซิงกำลังจะเดินทางมาแล้ว ต่งซื่อรีบสั่งให้คนนำอาหารและของว่างที่ผู้เฒ่าหมิ่นเชียนชิวเซียนเซิงชอบไปจัดรอไว้ที่เรือนของเขา
ช่วงที่ผู้เฒ่าหมิ่นเชียนชิวเซียนเซิงพักอยู่ที่โรงเตี๊ยม ต่งซื่อลอบส่งคนไปสืบความชอบและความเคยชินของผู้เฒ่าหมิ่นเชียนชิวเซียนเซิงมาหมดแล้วว่าผู้เฒ่าหมิ่นเชียนชิวเซียนเซิงชอบคนรับใช้แบบใด ชอบเครื่องชาประเภทใด ชอบดื่มชาประเภทใด เป็นต้น
ดังนั้นต่งซื่อจึงเตรียมการทุกอย่างได้อย่างพร้อมสรรพ มั่นใจว่าจะทำให้ผู้เฒ่าหมิ่นเชียนชิวเซียนเซิงอยู่ที่นี่อย่างประทับใจจนถึงวันจากลา
ทุกคนในจวนไป๋ต่างวุ่นวายเป็นพลวันเพราะการมาเยือนของผู้เฒ่าหมิ่นเชียนชิวเซียนเซิง
เมื่อรถม้าของผู้เฒ่าหมิ่นเชียนชิวเซียนเซิงและไป๋ชิงเหยียนจอดลงที่หน้าจวนไป๋ ต่งซื่อนำบรรดาบ่าวรับใช้เก่าแก่ของตระกูลไป๋ออกมายืนต้อนรับที่หน้าจวน
เมื่อครู่ฝนเพิ่งตกลงมาอย่างหนัก ชำระล้างพื้นกระเบื้องจนมันวาว
เมื่อต่งซื่อเห็นผู้เฒ่าหมิ่นเชียนชิวเซียนเซิงประคองมือของบ่าวรับใช้ลงมาจากรถม้าด้วยรอยยิ้ม นางจึงก้าวเข้าไปต้อนรับ ต่งซื่อยังไม่ทันทำความเคารพก็เห็นไป๋ชิงเหยียนจับมือของชุนเถาลงมาจากรถม้า จากนั้นผายมือเชิญผู้เฒ่าหมิ่นเชียนชิวเซียนเซิงยิ้มๆ “เชิญท่านผู้เฒ่าหมิ่นเจ้าค่ะ…”
“เชิญองค์หญิงเจิ้นกั๋ว” ผู้เฒ่าหมิ่นเซียนเซิงกล่าวกับไป๋ชิงเหยียนยิ้มๆ
ต่งซื่อรู้สึกประหลาดใจ นางเคยได้ยินข่าวลือเรื่องของผู้เฒ่าหมิ่นเซียนเซิงมาก่อน ได้ยินว่าเขาเป็นชายชราที่มีนิสัยค่อนข้างแปลกประหลาด ไม่สนใจว่าคนผู้นั้นจะมีฐานะสูงส่งมากเพียงใด หากผู้เฒ่าหมิ่นเซียนเซิงไม่พอใจ เขาพร้อมชักสีหน้าใส่คนผู้นั้นได้เสมอ นึกไม่ถึงว่าผู้เฒ่าหมิ่นเซียนเซิงผู้นี้จะเมตตาบุตรสาวของนางถึงเพียงนี้
เมื่อเห็นไป๋ชิงเหยียนและผู้เฒ่าหมิ่นเซียนเซิงเดินเคียงข้างกันมาทางจวนไป๋ ต่งซื่อรีบก้มศีรษะให้ผู้เฒ่าหมิ่นเซียนเซิง “ท่านผู้เฒ่าหมิ่นเซียนเซิง…”
ผู้เฒ่าหมิ่นเซียนเซิงชะงักฝีเท้าลง จากนั้นคำนับต่งซื่อ “ฮูหยินไป๋”
ต่งซื่อเบี่ยงกายหลีกทางให้ผู้เฒ่าหมิ่นเซียนเซิงเข้าไปในจวน
เสื้อผ้าของผู้เฒ่าหมิ่นเซียนเซิงเปียกชื้นเล็กน้อย ต่งซื่อสั่งให้คนพาผู้เฒ่าหมิ่นเซียนเซิงไปเปลี่ยนเครื่องแต่งกายและพักผ่อน
ก่อนจากไป ไป๋ชิงเหยียนแนะนำกู่เหล่าให้ผู้เฒ่าหมิ่นเซียนเซิงรู้จักอย่างนอบน้อม “ท่านผู้เฒ่าหมิ่นเซียนเซิง ผู้นี้คือบ่าวรับใช้เก่าแก่ของตระกูลไป๋กู่เหล่า เขาติดตามท่านปู่ของข้ามาตั้งแต่เด็ก รู้เรื่องของตระกูลไป๋ดีกว่าข้ามากนัก หากท่านผู้เฒ่าหมิ่นเซียนเซิงมีสิ่งใดสงสัย สามารถสอบถามจากกู่เหล่าได้เจ้าค่ะ”
สิ้นเสียง กู่เหล่าจึงก้าวเข้าไปทำความเคารพผู้เฒ่าหมิ่นเซียนเซิง “หากท่านผู้เฒ่าหมิ่นเซียนเซิงมีสิ่งใดสงสัย ส่งคนมาตามข้าได้เสมอขอรับ”
ผู้เฒ่าหมิ่นเซียนเซิงพยักหน้ายิ้มๆ จากนั้นโค้งกายคำนับไป๋ชิงเหยียน “องค์หญิงเจิ้นกั๋วรีบไปพักผ่อนเถิดพ่ะย่ะค่ะ หากข้าต้องการสิ่งใด ข้าจะไปพบองค์หญิงเจิ้นกั๋วแน่นอน”
ไป๋ชิงเหยียนใช้ผ้าเช็ดหน้าปิดปากไอออกมาสองสามที จากนั้นใช้มือกุมหน้าอกของตัวเองแน่น “ขออภัยเจ้าค่ะ ท่านผู้เฒ่าหมิ่นเซียนเซิงเชิญกลับไปพักผ่อนก่อนนะเจ้าคะ เมื่อไป๋ชิงเหยียนเปลี่ยนเครื่องแต่งกายและพักผ่อนเสร็จจะไปพบท่านที่เรือนเจ้าค่ะ”
มองส่งไป๋ชิงเหยียนนั่งเกี้ยวจากไป ผู้เฒ่าหมิ่นเซียนเซิงจึงเดินตามบ่าวรับใช้จวนไป๋ไปพักผ่อนยังที่พักที่ต่งซื่อเตรียมไว้ให้
เมื่อกลับไปถึงเรือนปัวอวิ๋น ไป๋ชิงเหยียนไม่มีท่าทีอ่อนแอเหมือนเมื่อครู่อีกต่อไป แม้จะรู้สึกเจ็บที่หน้าอกเป็นพักๆ ทว่า หญิงสาวรู้สึกดีขึ้นมากแล้ว
ต่งซื่อประคองบุตรสาวนั่งลงบนเก้าอี้ด้วยตัวเอง ส่วนตัวเองนั่งลงบนเก้าอี้ด้านข้างโต๊ะเล็ก จากนั้นเอ่ยถามไป๋ชิงเหยียนเสียงแผ่วเบา “เจ้าตั้งใจไปเชิญท่านผู้เฒ่าหมิ่นเซียนเซิงมาอย่างนั้นหรือ”
ไป๋ชิงเหยียนรับถ้วยชาร้อนที่ชุนเถายื่นให้มาจิบอึกหนึ่ง จากนั้นกล่าวกับต่งซื่อยิ้มๆ “เปล่าเจ้าค่ะ ได้ยินท่านผู้เฒ่าหมิ่นเซียนเซิงเล่าว่าวันนี้เขาตั้งใจไปเยี่ยมชมหอบรรพชนของตระกูลไป๋ ข้าบังเอิญพบท่านผู้เฒ่าหมิ่นเซียนเซิงขณะเตรียมกลับจวน ข้าจึงเชิญท่านมาที่จวนไป๋ด้วยเลยเจ้าค่ะ”
ต่งซื่อพยักหน้า รู้สึกประหม่าเล็กน้อย “ท่านผู้เฒ่าหมิ่นเซียนเซิงจะเขียนชีวประวัติให้ตระกูลไป๋ เขาคงมีเรื่องสอบถามเจ้าหลายเรื่อง โชคดีที่ท่านผู้เฒ่าหมิ่นเซียนเซิงอายุมากแล้วจึงไม่จำเป็นต้องคำนึงเรื่องความแตกต่างระหว่างบุรุษและสตรีมากนัก แม่จัดที่พักให้ท่านอยู่ใกล้เรือนเซ่าหวา ที่นั่นทิวทัศน์สวยงาม ท่านผู้เฒ่าหมิ่นเซียนเซิงเป็นคนรักสงบ ท่านคงชอบที่นั่น”
“ท่านแม่ใส่ใจแล้วเจ้าค่ะ”
ตระกูลไป๋มีท่านแม่คอยดูแล ไป๋ชิงเหยียนจึงไม่เคยเป็นห่วงเรื่องเหล่านี้
ต่งซื่อรู้ว่าวันนี้บุตรสาวพบหน้าเจ้าเมืองเสิ่น ต่อมาสั่งให้ไป๋ชิงผิงพาคนมาพบ จากนั้นยังเดินทางไปที่หอบรรพชนต่อ อีกทั้งพาผู้เฒ่าหมิ่นเซียนเซิงกลับมาที่จวนไป๋อีก บุตรสาวของนางคงเหนื่อยมากแล้ว
ต่งซื่อมองหน้าบุตรสาวด้วยความเห็นใจ เอื้อมมือหยิบปรอยผมของบุตรสาวไปทัดไว้ที่หลังหู จากนั้นกล่าวเสียงแผ่วเบา “เจ้านอนพักผ่อนสักตื่นเถิด แม่จะคอยต้อนรับท่านผู้เฒ่าหมิ่นเซียนเซิงเอง เจ้าไม่ต้องเป็นห่วง…”
ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้า นางเป็นคนป่วยอยู่ ไม่ควรหักโหมมากจนเกินไป มิเช่นนั้นผู้อื่นอาจจับพิรุธได้
“ท่านแม่…” ไป๋ชิงเหยียนเอ่ยเรียกมารดาเสียงแผ่วเบา จากนั้นกล่าวเสียงเบาหวิว “บ่ายวันนี้ข้าอาจทำให้ท่านหมอหงต้องตกใจอีกครั้ง ทำให้เรื่องใหญ่มากกว่าเดิม คนที่องค์รัชทายาทสั่งให้นำของขวัญมามอบให้ยังไม่จากไป ข้าต้องทำให้องค์รัชทายาทรับรู้ว่าข้ามีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นานเจ้าค่ะ”
คนขององค์รัชทายาทไม่ได้จงใจยื้อเวลาไม่จากไป ทว่า ไป๋ชิงเหยียนตั้งใจจะแสดงละครให้คนขององค์รัชทายาทนำข่าวกลับไปให้องค์รัชทายาท
ต่งซื่อพยักหน้า “แม่เข้าใจแล้ว”
เย็นวันนั้นผู้เฒ่าหมิ่นเซียนเซิงกำลังสั่งให้ลูกศิษย์รวบรวมเรื่องราวของตระกูลไป๋ที่เขาสืบมาได้จากชาวบ้านเมืองซั่วหยางในช่วงสองสามวันนี้ ขณะที่เขาเตรียมยกพู่กันเขียนหัวเรื่อง ‘ตระกูลไป๋’ ก็ได้ยินเสียงโหวกเหวกดังมาจากด้านนอกเสียก่อน เขาสั่งให้บ่าวรับใช้ออกไปดูจึงรู้ว่าวันนี้ไป๋ชิงเหยียนฝืนร่างกายที่ยังอ่อนแอของพบแขกมากมาย บัดนี้อาการของนางไม่ค่อยสู้ดีนัก
เมื่อผู้เฒ่าหมิ่นเซียนเซิงได้ยินก็เงียบขรึมลงชั่วขณะ จากนั้นส่ายหน้าพลางยกพู่กันขึ้นอีกครั้ง กล่าวเสียงเบาหวิว “ตระกูลนักรบเจิ้นกั๋วกงแห่งแคว้นต้าจิ้น…แม้แต่สตรีก็ยังแข็งแกร่งและกล้าหาญถึงเพียงนี้!”
“ท่านอาจารย์ขอรับ…” ลูกศิษย์คนหนึ่งของผู้เฒ่าหมิ่นเซียนเซิงซึ่งถือบันทึกอยู่ในมือกล่าวขึ้น “เจิ้นกั๋วอ๋องใจอ่อนกับตระกูลบรรพบุรุษไป๋เสมอมา ทว่า องค์หญิงเจิ้นกั๋วผู้นี้ลงมือกำจัดคนในตระกูลอย่างไม่ไว้หน้าสักนิดเลยขอรับ”
ผู้เฒ่าหมิ่นเซียนเซิงที่นั่งอยู่ท่ามกลางแสงไฟจุ่มพู่กันไปในน้ำหมึก จากนั้นเอ่ยถามยิ้มๆ “คือเรื่องดีหรือไม่ดี”
“ศิษย์คิดว่าองค์หญิงเจิ้นกั๋วจัดการได้ดี ทว่า ไม่ใช่วิธีที่ดีที่สุดขอรับ แม้การกระทำเช่นนี้จะทำให้ชาวบ้านไม่ต้องทนทุกข์ทรมานเนื่องจากองค์หญิงเจิ้นกั๋วใช้อำนาจกดดันตระกูลบรรพบุรุษไป๋เอาไว้ ทว่า นางจะใช้อำนาจกดดันพวกเขาได้นานสักเพียงใดกันขอรับ ตระกูลบรรพบุรุษไป๋เหิมเกริมหน้าไม่อายถึงเพียงนี้ มีคำกล่าวว่าเราควรปฏิบัติต่อคนที่ไม่ดีต่อเราด้วยความยุติธรรม ใช้คุณธรรมแลกมาด้วยคุณธรรมขอรับ”
ลูกศิษย์วางบันทึกในมือลง ทำท่าใช้มือปาดคอ “องค์หญิงเจิ้นกั๋วควรฟ้องความผิดของคนในตระกูลบรรพบุรุษไป๋เหล่านั้นแล้วถอนตัวออกจากตระกูลไป๋ ให้คนเหล่านั้นไม่สามารถพึ่งพาบารมีขององค์หญิงเจิ้นกั๋วได้อีกต่อไป ชาวบ้านจะได้ไม่ต้องอดทนกับตระกูลไป๋บรรพบุรุษเพราะเห็นแก่ความดีของจวนเจิ้นกั๋วกงอีกต่อไป ศิษย์กล้ารับประกันว่าอีกไม่นานคนในตระกูลบรรพบุรุษไป๋ต้องสำแดงฤทธิ์เดชออกมาอีกแน่ขอรับ”