ตอนที่ 715 ป่าวประกาศไปทั่ว
“ขอรับ…” พ่อบ้านเหารับคำ เมื่อทำความเคารพเสร็จจึงจากไปเตรียมการเรื่องทุกอย่าง
ไป๋ชิงเหยียนเดินไปถึงโถงรับรองด้านหน้า องครักษ์ไป๋นำสูตรยาแผ่นหนึ่งที่ท่านหมอหงเขียนเสร็จแล้วมาให้ไป๋ชิงเหยียน หญิงสาวยังไม่ทันขึ้นไปบนหลังม้าก็ได้ยินผู้เฒ่าหมิ่นเชียนชิวเซียนเซิงเอ่ยเรียกนาง
“องค์หญิงเจิ้นกั๋ว…”
ไป๋ชิงเหยียนหันกลับไปมองก็เห็นผู้เฒ่าหมิ่นเชียนชิวเซียนเซิงสวมเสื้อคลุมกันหนาวตัวใหญ่เดินลงมาจากบันได หญิงสาวรีบทำความเคารพ “ท่านผู้เฒ่า”
ไป๋ชิงเหยียนยังคงมีสีหน้าซีดเซียว ริมฝีปากซีดเผือด รูปร่างผอมซูบราวกับคนป่วยหนักเช่นเดิม
ผู้เฒ่าหมิ่นเชียนชิวเซียนเซิงเหลือบมององครักษ์ไป๋ยี่สิบนายในชุดเครื่องแบบองครักษ์ที่นั่งอยู่บนหลังม้าแวบหนึ่ง ทุกคนอยู่ในท่วงท่าที่พร้อมออกเดินทางเต็มที่
ผู้เฒ่าหมิ่นเชียนชิวเซียนเซิงทำความเคารพไป๋ชิงเหยียน เมื่อเงยหน้าขึ้นจึงเห็นท่าทีอ่อนแอขี้โรคของไป๋ชิงเหยียน เขาขมวดคิ้วแน่น “องค์หญิงเจิ้นกั๋วกำลังจะเสด็จไปโน้มน้าวองค์รัชทายาทที่เมืองหลวงไม่ให้พระองค์สังหารชาวบ้านเมืองหวาหยางและฉินไหวหรือพ่ะย่ะค่ะ”
ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้า “เจ้าค่ะ ท่านหมอหงคิดสูตรยารักษาโรคระบาดได้แล้ว ข้าส่งคนไปยังเมืองหวาหยางและฉินไหวแล้ว ทว่า ข้าทำไปโดยพลการ ดังนั้นข้าจึงต้องเดินทางไปโน้มน้าวและอธิบายเรื่องนี้กับองค์รัชทายาทที่เมืองหลวงด้วยตัวเองเจ้าค่ะ”
ผู้เฒ่าหมิ่นเชียนชิวเซียนเซิงพยักหน้า มองส่งไป๋ชิงเหยียนขึ้นไปบนหลังม้าโดยมีคนคอยประคอง
ผู้เฒ่าหมิ่นเชียนชิวเซียนเซิงต้องการเขียนชีวประวัติให้ตระกูลไป๋ เขาพักอยู่ที่จวนไป๋นานพอสมควรจึงรู้ดีว่าตั้งแต่ย่างเข้าฤดูหนาว ไป๋ชิงเหยียนเกือบเอาชีวิตไม่รอดถึงสองครั้ง
เขาเห็นคนประคองไป๋ชิงเหยียนขึ้นไปบนหลังม้า หญิงสาวได้รับความกระทบกระเทือนจนต้องยกมือขึ้นกุมหน้าอกของตัวเองด้วยท่าทีเจ็บปวด ทว่า หญิงสาวยังคงกัดฟันขี่ม้าทะยานไปยังเบื้องหน้า
ผู้เฒ่าหมิ่นเชียนชิวเซียนเซิงไม่รู้จะอธิบายออกมาเป็นคำกล่าวเช่นไร
เพื่อที่จะช่วยชีวิตของชาวบ้านทั้งสองเมืองเอาไว้…เด็กสาวที่อายุน้อยกว่าหลานสาวของเขาฝืนขี่ม้าไปยังเมืองหลวงโดยไม่ห่วงร่างกายของตัวเองแม้แต่น้อย
ผู้เฒ่าหมิ่นเชียนชิวเซียนเซิงเคยอ่านคำไว้อาลัยที่ไป๋ชิงเหยียนเขียนให้บุรุษผู้ล่วงลับไปแล้วของตระกูลไป๋
ในนั้นมีประโยคหนึ่งที่กล่าวว่า…
ผู้เสียชีวิตไม่ได้เกิดมาพร้อมกัน มีทั้งคนที่โตกว่าและเด็กกว่า ทว่า ปณิธานของพวกเขาเหมือนกัน ไม่มีมากหรือน้อยไปกว่ากัน หากถามว่าความปรารถนาที่สุดในชีวิตนี้คือสิ่งใด ทุกคนจะตอบเป็นเสียงเดียวกันว่าอยากเห็นใต้หล้าสงบสุข!
ผู้เฒ่าหมิ่นเชียนชิวเซียนเซิงยกมือลูบเคราของตัวเองเบาๆ “ตระกูลไป๋อบรมสั่งสอนลูกหลานได้ดีมาก ตระกูลไป๋แห่งจวนเจิ้นกั๋วกงของแคว้นต้าจิ้นคู่ควรกับคำว่าเจิ้นกั๋วจริงๆ !”
บ่ายวันนั้นข่าวเรื่องที่ไป๋ชิงเหยียนลากสังขารที่อ่อนแอของตัวเองมุ่งหน้าไปยังเมืองหลวงเพื่อช่วยชีวิตชาวบ้านเมืองหวาหยางและฉินไหวแพร่กระจายไปทั่วทั้งเมืองหลวง
บางคนกล่าวว่าเห็นคนพยุงองค์หญิงเจิ้นกั๋วออกมาจากจวนและประคองหญิงสาวขึ้นไปบนหลังม้ากับตาของตัวเอง ใบหน้าของหญิงสาวซีดเผือด ร่างกายผอมซูบจนแทบมีแต่กระดูก
ข่าวลือหนาหูขึ้นเรื่อยๆ บางคนถึงกับกล่าวว่าองค์หญิงพาร่างใกล้สิ้นใจของตัวเองไปยังเมืองหลวงเพื่อช่วยชีวิตของขาวบ้านเมืองหวาหยางและฉินไหว
ไม่ว่าข่าวลือจะห่างไกลจากความจริงมากเท่าใด ทว่า ในสายตาของชาวบ้านเมืองซั่วหยางและชาวบ้านที่อพยพหนีโรคระบาดมาที่ซั่วหยางและได้รับการรักษาจนหายดี องค์หญิงเจิ้นกั๋วมีความสำคัญต่อพวกเขามาก
ไม่ใช่เพราะหญิงสาวคือเทพสังหาร ไม่ใช่เพราะหญิงสาวรบไม่เคยแพ้ ทว่า เป็นเพราะหญิงสาวเสียสละและทำเพื่อชาวบ้านอย่างแท้จริงโดยไม่สนฐานะที่สูงศักดิ์ของตัวเอง
ต่งซื่อนั่งฟังข่าวลือต่างต่างนานาที่เกี่ยวข้องกับบุตรสาวของตัวเองอยู่ที่โถงรับรองด้านหน้า ใจของนางค่อยๆ สงบลง
ในเมื่อบุตรสาวของนางตัดสินใจเดินทางไปยังเมืองหลวง เช่นนั้นสิ่งที่ผู้เป็นแม่อย่างนางจะทำได้ก็คือการสร้างชื่อเสียงที่ดีงามให้แก่บุตรสาวของนาง ทำเหมือนที่บุตรสาวของนางเคยผลักดันให้ชื่อเสียงของตระกูลไป๋ไปอยู่ในจุดสูงสุดตอนที่อยู่เมืองหลวงจนฮ่องเต้ไม่กล้าแตะต้องบรรดาสตรีหม้ายของตระกูลไป๋
บัดนี้ต่งซื่อจะใช้วิธีเดียวกันป้องกันไม่ให้องค์รัชทายาทกล้าแตะต้องบุตรสาวของนาง
ต่งซื่อไม่ใช่คนโง่ ในเมื่อองค์รัชทายาทกล้าสั่งให้สังหารชาวบ้านของทั้งสองเมือง เช่นนั้นย่อมไม่ใช่คำสั่งอย่างโจ่งแจ้งแน่นอน องค์รัชทายาทจะไม่สงสัยหรือว่าเหตุใดบุตรสาวของนางจึงล่วงรู้คำสั่งลับของพระองค์ ต่อให้องค์รัชทายาทเชื่อใจบุตรสาวของนาง ทว่า ที่ปรึกษาข้างกายขององค์รัชทายาทจะไม่สงสัยอย่างนั้นหรือ
แม้ไป๋ชิงเหยียนจะฉลาด ทว่า ต่งซื่อเป็นแม่คน นางต้องทำทุกอย่างเพื่อปกป้องบุตรสาวของตัวเอง
ลึกๆ แล้วต่งซื่อเริ่มรับรู้แล้วว่าบุตรสาวของนางไม่ใช่คนที่จะยอมสวามิภักดิ์ต่อคนไม่ได้เรื่องอย่างองค์รัชทายาท บุตรสาวของนางฝึกฝนชาวบ้านปราบปรามโจรป่าในซั่วหยางเพื่อลอบสร้างอำนาจทางทหารให้ตัวเอง
ต่งซื่อพาดแขนอยู่บนที่วางแขนของเก้าอี้ หากวันหนึ่งบุตรสาวของนางคิดมีใจเป็นอื่นขึ้นมาจริงๆ การใช้เรื่องของเมืองหวาหยางและฉินไหวสร้างชื่อเสียงอันดีงามให้บุตรสาวของนางในวันนี้จะทำให้บุตรสาวของนางได้ใจของคนกลุ่มนี้ในวันหน้าแน่นอน
“พ่อบ้านเหา ลำพังแค่เมืองซั่วหยางยังไม่เพียงพอ…” ต่งซื่อมองไปทางพ่อบ้านเหาด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “กระจายข่าวออกไปอีก ยิ่งกว้างเท่าใดยิ่งดี…”
พ่อบ้านเหากำหมัดรับคำ จากนั้นเดินออกไปจัดการ
ไป๋ชิงเหยียนเดินทางอย่างรวดเร็ว ทว่า เพื่อแสดงละครให้สมจริงหญิงสาวจึงส่งองครักษ์ไป๋เดินทางล่วงหน้าไปทูลให้องค์รัชทายาททราบก่อนว่านางให้คนนำสูตรยาของท่านหมอหงไปยังเมืองหวาหยางและฉินไหวแล้ว ส่วนตัวนางกำลังเดินทางมายังเมืองหลวง ขอให้องค์รัชทายาทไว้ชีวิตชาวบ้านของทั้งสองเมืองก่อน
จวนองค์รัชทายาท
เมื่อองค์รัชทายาทได้ยินองครักษ์ไป๋รายงานว่าไป๋ชิงเหยียนส่งคนไปขัดขวางไม่ให้คนของเขาสังหารชาวบ้านที่ติดเชื้อในเมืองหวาหยางและฉินไหวก็อึ้งไปครู่ใหญ่ จากนั้นเอ่ยถามองครักษ์ไป๋ที่ยังคงคุกเข่าอยู่บนพื้น “องค์หญิงเจิ้นกั๋วอยู่ที่ใดแล้ว”
มือที่วางอยู่บนหน้าตักของฟางเหล่ากำเสื้อของตัวเองแน่น เขาหันไปมององค์รัชทายาท ทว่า องค์รัชทายาทยังไม่คิดว่าเรื่องนี้ผิดปกติ
องค์รัชทายาทสั่งให้สังหารชาวบ้านหวาหยางและฉินไหวอย่างลับๆ คนที่รู้เรื่องนี้มีไม่มาก ไป๋ชิงเหยียนรู้ได้อย่างไรกัน
“ทูลองค์รัชทายาท น่าจะใกล้ถึงเมืองหลวงแล้วพ่ะย่ะค่ะ คุณหนูใหญ่ขี่ม้ามาตลอดทางโดยไม่กล้าหยุดพัก นางอยากรีบมาทูลขอร้ององค์รัชทายาท หากไม่ใช่เพราะฝืนร่างกายไม่ไหวจริงๆ นางคงมาถึงพร้อมกระหม่อมแล้วพ่ะย่ะค่ะ” องค์รักษ์ไป๋กล่าว
เมื่อเฉวียนอวี๋ได้ยินเช่นนี้ ใจของเขากระตุกวูบทันที ร่างกายขององค์หญิงเจิ้นกั๋วยังสามารถขี่ม้าฝ่าหิมะมาได้อีกหรือ นางไม่ต้องการร่างกายของตัวเองแล้วหรืออย่างไร!
“เฉวียนอวี๋!” องค์รัชทายาทหันไปกล่าวกับเฉวียนอวี๋ “เจ้ารีบพาคนออกไปรับองค์หญิงเจิ้นกั๋วที่นอกเมืองบัดนี้เลย”
“พ่ะย่ะค่ะ” เฉวียนอวี๋รับคำแล้วรีบเดินออกไปจากโถงรับรอง ตะโกนสั่งให้คนเตรียมรถม้าออกไปรับองค์หญิงเจิ้นกั๋วพร้อมกับเขา
องค์รัชทายาทมองไปทางองครักษ์ไป๋ที่คุกเข่าอยู่กลางโถงรับรอง เอ่ยถามขึ้น “สูตรยาของท่านหมอหงรักษาโรคระบาดให้หายดีได้จริงๆ หรือ”
“ทูลองค์รัชทายาท กระหม่อมไม่กล้าหลอกลวงองค์รัชทายาทพ่ะย่ะค่ะ ท่านหมอหงใช้วิธีนี้รักษาผู้ป่วยติดเชื้อจนหายขาดได้หลายรายแล้วพ่ะย่ะค่ะ คุณหนูใหญ่จึงรีบให้คนนำสูตรยาไปให้พ่ะย่ะค่ะ…” องครักษ์ไป๋กล่าวขึ้น
สิ้นเสียง องค์รัชทายาทพยักหน้าน้อยๆ “ดี ลำบากเจ้าแล้ว รีบไปพักผ่อนก่อนเถิด”
“กระหม่อมทูลลาพ่ะย่ะค่ะ…”
ฟางเหล่าหรี่ตามองดูองครักษ์ไป๋เดินจากไป จากนั้นจึงหันไปกล่าวกับองค์รัชทายาท “องค์ชายทรงไม่รู้สึกว่าเรื่องนี้น่าสงสัยบ้างหรือพ่ะย่ะค่ะ องค์ชายทรงมีรับสั่งให้สังหารชาวบ้านเมืองหวาหยางและฉินไหวอย่างลับๆ องค์หญิงเจิ้นกั๋วอยู่ไกลถึงซั่วหยาง หากองค์ชายไม่ได้บอกให้นางทราบ นางจะทราบเรื่องนี้ได้เช่นไรพ่ะย่ะค่ะ องค์ชายไม่คิดว่ามันแปลกบ้างหรือพ่ะย่ะค่ะ”
เมื่อฟางเหล่ากล่าวเช่นนี้ องค์รัชทายาทจึงนิ่งอึ้งไป จากนั้นหันไปมองหน้าฟางเหล่าทันที…