ตอนที่ 736 จุดสำคัญ
รัชทายาทเพิ่งรับรู้ภายหลังว่าเหลียงอ๋องผู้เป็นน้องชายของเขาผู้นี้ไม่ได้อ่อนแอไร้ความสามารถอย่างที่เขาแสดงออกมาให้ผู้อื่นเห็น ครั้งนี้เสด็จพ่อก็ยังคงปกป้องเหลียงอ๋องอยู่ ทำเพียงกักบริเวณ ไม่ได้ได้สั่งประหารเขา
“แล้วมันเกี่ยวข้องอันใดกับการที่เจ้าใส่ร้ายองค์หญิงเจิ้นกั๋วด้วย” รัชทายาทถามต่อ
“จวนในวันนี้คือจวนของตู้จือเวยที่ปรึกษาคนก่อนของเหลียงอ๋อง กระหม่อมมอบตัวหวังชิวลู่ให้ฟางเหล่าและเริ่นเซียนเซิงได้ในจวนแห่งนั้นเพียงที่เดียวและต้องอยู่ภายใต้การจับตาดูของคนของเหลียงอ๋องเท่านั้นพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมไม่สามารถพาหวังชิวลู่ออกจากจวนไปตามลำพังได้พ่ะย่ะค่ะ” หลี่หมิงรุ่ยก้มศีรษะคำนับรัชทายาทอีกครั้ง “กระหม่อมต้องการกันตัวเองออกมาจากเรื่องนี้จึงจำต้องใส่ร้ายองค์หญิงเจิ้นกั๋วพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมทราบดีว่าองค์หญิงเจิ้นกั๋วมีบุญคุณต่อองค์ชาย องค์ชายทรงเชื่อใจองค์หญิงเจิ้นกั๋วมาก ไม่มีทางสงสัยในตัวองค์หญิงเจิ้นกั๋วแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ”
“กระหม่อมส่งคนไปบอกองค์หญิงเจิ้นกั๋วเรื่องที่หวังชิวลู่ไปมาหาสู่กับจวนเหลียงอ๋องเพราะต้องการเตือนให้นางทราบเป็นนัยๆ เมื่อองค์ชายตรัสถามจะได้สืบจากเรื่องนี้ได้พ่ะย่ะค่ะ…”
ขณะที่หลี่หมิงรุ่ยกำลังหาข้อแก้ตัวให้ตัวเองอยู่นั้น ไป๋จิ่นซิ่วผุดลุกขึ้นยืนพลางตบโต๊ะอย่างแรง หญิงสาวไม่ไว้หน้าหลี่หมิงรุ่ยแม้แต่น้อย “เหลวไหลสิ้นดี! เหตุผลไม่สอดคล้องกันสักนิด! หากเจ้าเป็นขุนนางที่ซื่อสัตย์จริงๆ เจ้าควรมาหาองค์ชายตั้งแต่ตอนที่เหลียงอ๋องข่มขู่เจ้าแล้ว หรือไม่เจ้าก็ควรเข้าวังไปทูลเรื่องนี้ให้ฝ่าบาททรงทราบพร้อมกับอัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้าย ตอนนั้นหวังชิวลู่ยังอยู่ในคุก ฝ่าบาทและองค์ชายจะสงสัยว่าตระกูลหลี่ไม่จงรักภักดีอย่างนั้นหรือ เจ้าคิดว่าฝ่าบาทและองค์ชายเลอะเลือนไปแล้วหรืออย่างไรกัน!”
เมื่อรัชทายาทได้ยินคำกล่าวของไป๋จิ่นซิ่ว เขาขยับท่านั่งของตัวเองเล็กน้อย จากนั้นพยักหน้าอย่างเห็นด้วย
หลี่หมิงรุ่ยรีบก้มศีรษะคำนับรัชทายาทอีกครั้ง “ตอนนั้นกระหม่อมเลอะเลือนจนคิดสิ่งใดไม่ออกจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้กระหม่อมรู้สึกเสียใจกับการกระทำของตัวเองมาก ทว่า หวังชิวลู่ถูกช่วยออกมาแล้ว กระหม่อมทำได้เพียงแก้ไขเท่านั้น องค์ชายได้โปรดวินิจฉัยด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
“เจ้าไม่เชื่อใจองค์ชาย ไม่เชื่อใจฝ่าบาท ช่วยเหลือหวังชิวลู่ออกมาโดยพลการ จากนั้นโยนความผิดทั้งหมดให้พี่หญิงใหญ่ของข้า คำแก้ตัวของเจ้ามีแต่เจ้าเท่านั้นที่พอจะเชื่อลง ท่านใต้เท้าหลู่อยู่ที่นี่ด้วย เจ้าลองถามเขาสิว่าคำแก้ตัวเจ้าฟังขึ้นหรือไม่…”
ไป๋จิ่นซิ่วแสยะยิ้มเย็นพลางหมุนตัวกลับ หญิงสาวหยิบจดหมายเจ็ดแปดฉบับออกมาจากแขนเสื้อ จากนั้นคุกเข่าลงบนพื้นพลางชูจดหมายขึ้นเหนือศีรษะ
“องค์ชาย ตอนที่ใต้เท้าหลู่มาถึง ฟางเหล่ากับเริ่นเซียนเซิงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ใต้เท้าหลู่ฟัง ไป๋จิ่นซิ่วจึงไม่อยากกล่าวแทรก ในเมื่อตอนนี้หลี่หมิงรุ่ยมาแล้วและยังกล่าวถึงเพียงนี้ เช่นนั้นจิ่นซิ่วขอบังอาจมอบจดหมายเหล่านี้ให้องค์ชายเพคะ นี่คือเหตุผลที่หลี่หมิงรุ่ยต้องการใส่ร้ายพี่หญิงใหญ่ของหม่อมฉันเพคะ”
เมื่อได้ยินคำว่าจดหมาย ร่างของหลี่หมิงรุ่ยสั่นเทาทันที หากไม่ใช่เพราะเขาก้มหน้าอยู่ ใบหน้าตกตะลึงของเขาคงปรากฏต่อสายตาทุกคนแล้ว
ไป๋ชิงเหยียนกล้าได้อย่างไร!
นางกล้ามอบจดหมายให้รัชทายาทอย่างนั้นหรือ!
นางต้องการใช้ประโยชน์จากตระกูลหลี่ไม่ใช่หรือ มิเช่นนั้นนางคงมอบจดหมายเหล่านี้ให้ฮ่องเต้และรัชทายาทเพื่อกำจัดตระกูลหลี่ตั้งแต่ตอนที่นางได้รับจดหมายเหล่านี้แล้ว
ทว่า ตอนนั้นหญิงสาวไม่ได้ทำเช่นนั้น เหตุใดตอนนี้จึงมอบจดหมายออกมากัน ถึงแม้ไป๋ชิงเหยียนจะรู้ว่าเขาจงใจใส่ร้ายนาง ทว่า นางไม่กลัวเขาจะแว้งกัดนาง อ้างว่านางใช้จดหมายเหล่านี้บีบบังคับให้เขาช่วยหวังชิวลู่ออกมาอย่างนั้นหรือ
ไม่…ไป๋ชิงเหยียนไม่ใช่คนโง่ถึงเพียงนั้น จดหมายเหล่านั้นต้องเป็นจดหมายที่ไม่ได้มีความสำคัญอันใดมาก เป็นเพียงจดหมายที่ไป๋ชิงเหยียนใช้ข่มขู่เขาเท่านั้น!
บิดาของเขาคืออัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้าย คือขุนนางใหญ่ในราชสำนัก บัดนี้องค์หญิงเจิ้นกั๋วอยู่ไกลถึงซั่วหยาง หากนางต้องการควบคุมสถานการณ์ราชสำนัก นางจำเป็นต้องควบคุมอัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายอย่างบิดาของเขาไว้ให้ได้ นางจะกล้าทิ้งหมากที่ดีเช่นนี้ได้อย่างไรกัน…ไม่มีเหตุผลสักนิด!
เริ่นซื่อเจี๋ยมองไปทางหลี่หมิงรุ่ยแวบหนึ่ง จากนั้นก้มหน้าจิบน้ำชานิ่งๆ ที่แท้องค์หญิงเจิ้นกั๋วมีแผนสำรองอยู่นี่เอง
ฟางเหล่าก้าวเข้าไปรับจดหมายมายื่นให้รัชทายาท
ไป๋จิ่นซิ่วหยัดกายขึ้น มองไปทางรัชทายาทด้วยแววตาหนักแน่น
“นอกจากพี่หญิงใหญ่จะมาเมืองหลวงในครั้งนี้เพื่อเกลี้ยกล่อมไม่ให้องค์ชายสังหารชาวบ้านติดเชื้อเหล่านั้นแล้ว พี่หญิงใหญ่ยังต้องการนำจดหมายเหล่านี้มายังเมืองหลวงด้วยเพคะ”
“พี่หญิงใหญ่มอบจดหมายเหล่านี้ให้หม่อมฉันตอนที่นางถูกแบกกลับไปถึงจวน พี่หญิงใหญ่ให้ข้าแอบนำจดหมายเหล่านี้ไปให้ท่านราชครูถานและโซ่วซานกงตรวจสอบลายมืออย่างลับๆ ว่าเป็นจดหมายที่อัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายหลี่เม่าเขียนถึงองค์ชายรองในตอนนั้นจริงหรือไม่เพคะ”
น้ำเสียงของไป๋จิ่นซิ่วดังกังวานชัดเจน “พี่หญิงใหญ่สั่งไว้ว่าหากเป็นจดหมายลายมือของหลี่เม่าจริงๆ ให้หม่อมฉันรีบนำจดหมายเหล่านี้มามอบให้องค์ชายโดยเร็วที่สุดเพคะ ทว่า หากเป็นจดหมายปลอมก็ไม่จำเป็นต้องมอบให้องค์ชายอีก ให้ถือเสียว่าไม่เคยมีเรื่องนี้เกิดขึ้นมาก่อนเพคะ ตอนนี้องค์ชายทรงมีภารกิจที่ต้องสะสางมากมายเพื่อแคว้นต้าจิ้น พวกเราช่วยเหลือองค์ชายในเรื่องใหญ่ๆ ไม่ได้ อย่างน้อยก็ควรแบ่งเบาภาระขององค์ชายในเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้เพคะ”
รัชทายาทละสายตาจากจดหมายมองไปยังใบหน้าเกลี้ยงเกลาของไป๋จิ่นซิ่ว ความรู้สึกมากมายถาโถมเข้ามาในใจ…
เขานึกไม่ถึงเลยว่าไป๋ชิงเหยียนจะคิดเพื่อเขาถึงเพียงนี้ แม้แต่ฟางเหล่าก็ยังไม่เคยใส่ใจเขาถึงเพียงนี้เลย
ไป๋จิ่นซิ่วกล่าวต่อ “พี่หญิงใหญ่กล่าวว่ายังรวบรวมจดหมายเหล่านี้ได้ไม่ครบ หากจดหมายเหล่านี้คือจดหมายจริง นี่น่าจะเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้นเพคะ หลี่หมิงรุ่ยคงรู้ว่าพี่หญิงใหญ่กำลังตามหาจดหมายที่เหลืออยู่ เขาจึงใส่ร้ายพี่หญิงใหญ่ต่อหน้าองค์ชาย หวังทำให้พี่หญิงใหญ่กลายเป็นคนไม่น่าเชื่อถือในสายตาของพระองค์เพคะ”
ไป๋จิ่นซิ่วก้มศีรษะคำนับรัชทายาท “ตระกูลไป๋ของพวกเราล้วนจงรักภักดีแคว้นต้าจิ้น จงรักภักดีต่อองค์ชาย องค์ชายได้โปรดคืนความยุติธรรมให้พี่หญิงใหญ่ของหม่อมฉันด้วยเถิดเพคะ”
รัชทายาทก้มหน้าอ่านเนื้อหาในจดหมายต่อ เมื่ออ่านถึงใจความสำคัญ รัชทายาทเบิกตาโพลงทันที
หลี่หมิงรุ่ยถูกโจมตีโดยไม่ทันตั้งตัว ทว่า เขาไม่กล้าเสี่ยงปฏิเสธ แม้เขาจะยังไม่รู้เนื้อหาในจดหมาย ทว่า ไป๋จิ่นซิ่วกล่าวออกมาแล้วว่านี่เป็นเพียงจดหมายส่วนหนึ่งเท่านั้น องค์หญิงเจิ้นกั๋วต้องเก็บจดหมายสำคัญที่สุดไว้ในมือของนางเองอย่างแน่นอน
หลูจิ่นตกใจเช่นเดียวกัน เขาลุกขึ้นยืน เดินเข้าไปหารัชทายาท รับจดหมายฉบับแรกที่รัชทายาทอ่านจบแล้วมาอ่านอย่างละเอียด
“หลี่เม่าเคยเป็นพวกเดียวกับองค์ชายรองอย่างนั้นหรือ!”
รัชทายาทเงยหน้ามองไปทางหลี่หมิงรุ่ย สะบัดจดหมายที่อยู่ในมืออย่างแรง
“หลี่หมิงรุ่ย ที่ฮูหยินฉินกล่าวมาคือเรื่องจริงหรือไม่ เจ้าจงใจใส่ร้ายองค์หญิงเจิ้นกั๋วเพราะจดหมายเหล่านี้อย่างนั้นหรือ!”
ไป๋จิ่นซิ่วหันไปจ้องหลี่หมิงรุ่ยเขม็ง “ก่อนหน้านี้ข้ายังไม่กล้าฟันธงว่าจดหมายเหล่านี้คือจดหมายจริง ต้องขอบคุณที่เจ้าลงมือกับพี่หญิงใหญ่ ตอนนี้ต่อให้ไม่เชิญท่านราชครูถานและโซ่วซานกงมาพิสูจน์ลายมือในจดหมายข้าก็รู้แล้วว่ามันคือของจริง! เจ้ากลัวว่าพี่หญิงใหญ่ของข้าจะพิสูจน์ได้ว่าจดหมายเหล่านี้คือของจริงและมอบมันให้รัชทายาท ดังนั้นจึงวางแผนใส่ร้ายพี่หญิงใหญ่ก่อนเพราะต้องการให้พี่หญิงใหญ่หมดความน่าเชื่อถือในสายตาขององค์ชายใช่หรือไม่!”
หลี่หมิงรุ่ยขบกรามแน่น แววตานิ่งขรึม ทว่า เขานึกคำแก้ต่างไม่ออก อีกทั้งไม่กล้าปฏิเสธไป๋จิ่นซิ่ว
อวัยวะสำคัญอยู่ในเงื้อมือของผู้อื่น ต่อให้หลี่หมิงรุ่ยจะเป็นอสรพิษที่ร้ายกาจเพียงใดก็ไม่กล้าขยับตัวอยู่ดี
องค์หญิงเจิ้นกั๋วไป๋ชิงเหยียนผู้นี้โหดเหี้ยมกว่าหลี่หมิงรุ่ยมากนัก ตอนนี้เขาเชื่อคำกล่าวของบิดาแล้วว่าหากจวนหลี่กล้าแตะต้องไป๋ชิงเหยียนอีกครั้ง ไป๋ชิงเหยียนจะกำจัดจวนหลี่แน่นอน